ในฐานะผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง ฟู่เซียวหานเคยพบเจอสิ่งล่อลวงมากมายนับไม่ถ้วนและชัดเจนว่าผู้หญิงตรงหน้านี้คือหนึ่งในประเภทผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุดดังนั้น เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอ เพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาซังหนี่โดยตรงโทรติด แต่กลับไม่มีคนรับสายสีหน้าของฟู่เซียวหานยิ่งขุ่นหมองและดูไม่ดีมากขึ้นหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา รู้สึกอับอายไม่น้อย กับการที่ถูกเมินเฉยแต่เมื่อนึกถึงรถยนต์สุดหรูของฟู่เซียวหาน รวมถึงเสื้อผ้าบนตัวเขาที่ดูแล้วรู้ทันทีว่าราคาไม่ธรรมดา เธอก็รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหา “คุณกับซังหนี่เป็นอะไรกันเหรอ? เพื่อนกันใช่มั้ย?”“แต่ว่าตอนนี้เธอคงไม่มีเวลามารับโทรศัพท์ของคุณหรอกนะ ดึกขนาดนี้ยังไม่กลับบ้าน แสดงว่าต้องไปนัดเจอผู้ชายอยู่แน่ ๆ ”“ฉันบอกคุณเลยนะ เธอไม่ได้เรียบร้อยเหมือนที่คุณเห็นหรอก เบื้องหลังน่ะเธอออกจะสุดเหวี่ยงใช่เล่น เมื่อเช้าฉันยังเห็นเธอ...”ยังไม่ทันที่คำพูดของหญิงสาวจะจบ สายตาของฟู่เซียวหานหันมาจ้องเธอทันทีสายตาเย็นเยียบคมกริบดั่งมือที่มองไม่เห็น บีบเข้าที่ลำคอของเธอ ทำให้คำพูดที่ยังไม่ทันหลุดออกมาถูกกลืนกลับลงไปในทันทีหญิงสาวก็มั่นใจว่า
ฟู่เซียวหานเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ของเธอแวบหนึ่งก่อนจะย้อนถามกลับว่า “คุณไปไหนมา?”ซังหนี่เม้มริมฝีปากแล้วตอบกลับว่า “ใครให้คุณเปลี่ยนกลอนประตูห้องของฉัน?”“ตอบ คำถาม ฉัน มา”สีหน้าของฟู่เซียวหานดูไม่ดีเอาเสียเลยเดิมทีซังหนี่ตั้งใจจะโต้เถียงกับเขาให้ถึงที่สุด แต่เมื่อสบตาเขาอยู่พักหนึ่ง เธอก็ยอมตอบในที่สุด “โรงพยาบาล”สีหน้าของฟู่เซียวหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองเธออีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า ซังหนี่ไม่ได้สังเกตสายตาของเขา เพียงพูดต่อว่า “ตอนบ่ายพวกเขาบอกฉันว่าแม่ฉันฟื้นแล้ว แต่พอฉันไปถึงเธอก็หลับไปอีก ฉันเลยรออยู่ที่นั่นตลอด เพื่อดูว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งได้หรือเปล่า”เสียงของซังหนี่แผ่วเบา และแฝงไปด้วยความเศร้าอย่างชัดเจนสีหน้าที่เย็นชาของฟู่เซียวหานผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วเขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะถามว่า “แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์?”“ฉันตั้งโหมดเงียบไว้ เลยไม่เห็น”ซังหนี่พูดพร้อมกับถามต่อ “ตอนนี้ฉันเข้าบ้านได้หรือยัง?”ฟู่เซียวหานจึงขยับตัวหลีกทางให้เธอเข้าไปซังหนี่โน้มตัวถอดรองเท้า แล้ววางกระเป๋าผ้าของเธอลงจากนั้น เธอหันกลับมามองเขา “แล้วคุณมาที่นี่ทำไม?”ฟ
ตอนที่ฟู่เซียวหานวางตะเกียบลง เธอก็วางตามด้วย“คุณจะไปได้หรือยัง?” ซังหนี่เอ่ยปากไล่แขกทันทีฟู่เซียวหานมองไปรอบ ๆ ก่อนจะถามว่า “ทำไมคุณถึงไม่อยู่ที่บ้านพักป๋อซีหยวนล่ะ?”“นั่นไม่ใช่บ้านของฉัน”คำตอบของซังหนี่ชัดเจนมากฟู่เซียวหานจ้องเธออยู่สักพักก่อนตอบว่า “ผมยกบ้านให้คุณได้นะ”“ไม่ล่ะ ฉันว่าที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว”คำพูดของซังหนี่ทำให้ฟู่เซียวหานถึงกับพูดไม่ออกแต่คิ้วของเขาขมวดแน่นอย่างเห็นได้ชัด“คุณยังมีธุระอะไรอีกไหม?” ซังหนี่ถามอีกครั้งฟู่เซียวหานกลับไม่พูดอะไรต่อ เพียงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เอาผ้าเช็ดตัวสะอาดให้ผมสักผืน”พูดจบเขาก็เดินไปทางห้องน้ำทันทีซังหนี่รีบขวางเขาไว้ “คุณจะทำอะไร? ที่นี่มันบ้านฉัน!”“ป๋อซีหยวนเป็นบ้านของผม คุณก็เคยอาบน้ำและค้างคืนที่นั่นไม่ใช่เหรอ?”ซังหนี่ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะตอนนี้เอง ฟู่เซียวหานได้เปิดประตูห้องน้ำเมื่อเห็นสภาพข้างใน คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นขึ้นทันทีสำหรับที่แบบนี้ การไม่มีอ่างอาบน้ำถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ฟู่เซียวหานไม่คาดคิดเลยว่าจะไม่มีแม้แต่พื้นที่อาบน้ำแยกต่างหาก ที่สำหรับอาบน้ำก็แค่มีผ้าม่านกั้นระหว่างอ่างล้างหน้าก
ซังหนี่รู้สึกไม่ชินกับการกระทำของเขาในตอนนี้ กำลังจะคว้าผ้าเช็ดตัวกลับมา แต่ฟู่เซียวหานกลับพูดขึ้นว่า “รู้ไหมว่าวันนี้ผมได้ยินข่าวอะไรมา?”ซังหนี่ชะงักไปเล็กน้อย แล้วมองไปที่เขา“ผมอาจจะมีพี่น้องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งดวงตาของซังหนี่หรี่ลงเล็กน้อย!“หมายความว่ายังไง...?”“หมายความว่า พ่อของผมอาจมีลูกนอกสมรส”ฟู่เซียวหานยังคงดูสงบนิ่ง ราวกับกำลังเล่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองเลยซังหนี่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดเรื่องนี้กับเธอขึ้นมาในตอนที่พวกเขายังเป็นสามีภรรยากัน ก็ไม่เคยเปิดใจพูดคุยกันเลยสักครั้งเธอแทบไม่เคยถามอะไรเขาเลย ฟู่เซียวหานเองก็ยิ่งเงียบขรึมมากกว่าเธอเสียอีกบางครั้งแม้อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่พวกเขาไม่พบหน้าและไม่พูดคุยกันเป็นวัน ๆ ได้การเป็นสามีภรรยากันในแบบพวกเขา มันช่างตลกจริง ๆแต่ตอนนี้ จู่ ๆ ฟู่เซียวหานกลับพูดเรื่องส่วนตัวของตระกูลฟู่กับเธอขึ้นมาเป็นเพราะเธอไม่ใช่ภรรยาของเขาแล้วใช่ไหม เขาถึงไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้แล้ว?ซังหนี่ไม่รู้ดังนั้น ในตอนนี้ นอกจากความประหลาดใจแล้ว สิ่งที่เธอรู้สึกมากกว่ากลับเป็น...คว
——พวกเขาไม่เคยนอนร่วมเตียงเดียวกันมาก่อนไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะทำให้เธอเหนื่อยล้าแค่ไหน เธอก็ยังจำได้ว่าต้องกลับไปที่ห้องของตัวเองเสมอดังนั้น จริง ๆ แล้วซังหนี่รู้สึกว่าพวกเขาไม่เหมือนสามีภรรยา แต่เหมือน...คู่หูกันมากกว่าคู่หูบนเตียง คู่หูในชีวิตประจำวันสำหรับซังหนี่แล้ว การนอนร่วมเตียงเดียวกันโดยไม่ทำอะไรเลย กลับเป็นความใกล้ชิดยิ่งกว่าการมีอะไรกันเสียอีกเพราะว่ามีแค่...คนที่รักกันจริง ๆ เท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้เธอกับฟู่เซียวหาน ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอนในตอนนี้ ซังหนี่นั่งยอง ๆ อยู่ข้างเตียงมองใบหน้าของฟู่เซียวหานขณะหลับใบหน้านี้ของเขา เธอเคยมองมาหลายครั้งแล้วทุกวันนี้ เพียงแค่หลับตาลง เธอก็สามารถวาดภาพโครงหน้าที่มีมุมเหลี่ยมคมชัดของเขาได้อย่างชัดเจน—เพราะในตอนเด็ก เธอเคยวาดมันมาหลายครั้งแล้วในตอนนั้น ฟู่เซียวหานสวมชุดนักเรียนสีขาว โดดเด่นและเป็นที่จับตามองที่สุดในโรงเรียนต่อมา เมื่อเขาโตขึ้นใบหน้าของเขายิ่งดูหล่อเหลาและสุขุมขึ้นตามกาลเวลา อีกทั้งยังแผ่ออร่าความสูงส่งและเยือกเย็นอย่างชัดเจน แม้ตอนนี้เขาจะอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ซังหนี่กลับรู้สึกว่าเขา...ยังคงห่างไกลเหลือเ
ในที่สุดฟู่เซียวหานก็ไปตามนัดเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็แค่แปลกใจเล็กน้อยเท่านั้น“สวัสดีค่ะประธานฟู่”คนตรงข้ามยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่สดใสและเปล่งประกาย “ฉันคิดว่าคุณคงพอจำฉันได้ใช่ไหมคะ?”“ถังเหยา” ฟู่เซียวหานยังไม่ทันจะตอบ เธอก็ยื่นมือออกมาแล้วบอกคำตอบ “วันนั้นในงานเต้นรำหน้ากาก เราเคยเต้นด้วยกัน”“คุณถัง ยินดีที่ได้พบครับ”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดถึงเรื่องงานเต้นรำนั้นต่อ แค่จับมือกับเธอเบา ๆ“หลังจากนั้นทำไมคุณถึงหายไปเลยล่ะ?” ถังเหยาเอ่ยถาม“มีธุระด่วนครับ”“จริงเหรอคะ?”ถังเหยายิ้มเล็กน้อยรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างฟู่เซียวหานกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจความไม่สบายใจนี้ไม่ได้มาจากความกลัวที่คำโกหกของเขาจะถูกเปิดเผย แต่เป็นความรู้สึกที่เธอทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจฟู่เซียวหานไม่กลัวที่จะพูดคุยกับคนที่ฉลาด แต่เขากลับเกลียดคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดเกินไปถังเหยาก็ไม่ได้พูดเรื่องนั้นต่อ เธอเปลี่ยนหัวข้อและเริ่มคุยเรื่องอื่นกับฟู่เซียวหานเธอกับฟู่เซียวหานเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ตระกูลถังและตระกูลฟู่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ต้องกลัวว่าจ
มือที่อยู่ข้างกายกำแน่นขึ้นช้า ๆ “นี่…ทำไมฉันไม่เคยได้ยินว่าพวกคุณคบกันแล้ว?”“ข่าวของคุณคงไม่ทันสมัยพอมั้งคะ” ถังเหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง ๆคำพูดนี้ทำให้ซังฉิงไม่รู้จะตอบโต้ยังไงต่อดีเธอทำได้เพียงหันไปมองฟู่เซียวหานฟู่เซียวหานที่กำลังมองไปที่ไหนสักแห่งอยู่ไกล ๆ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่“พี่เซียวหาน?”ซังฉิงเรียกเขา ฟู่เซียวหานถึงได้สติขึ้นมา จึงหันไปมองเธอ“เมื่อกี้บอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอคะ? คุณไปก่อนเถอะ?”ถังเหยากลับพูดขึ้นก่อนคำพูดของซังฉิงโดนแย่งพูดไป สายตามองไปที่ถังเหยาด้วยความโกรธ แต่ถังเหยากลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร ยังคงยิ้มและสบตากับเธออย่างสบาย ๆ“งั้นผมไปก่อนนะ”พอพูดจบ ฟู่เซียวหานก็หันหลังและเดินจากไปซังฉิงเดิมทีอยากจะตามไปด้วย แต่ถังเหยาเดินมาขวางหน้าเอาไว้ “คุณหนูรอง มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“ฉันจะไปหาพี่เซียวหาน คุณมาขวางฉันทำไม?”“ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณหนูรองเลยนะ ได้ยินมาว่าคุณจะหมั้นกับคุณฉินม่อ? ยินดีด้วยนะคะ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซังฉิงก็ขบฟันแน่นขึ้นทันที สายตาของเธอมองไปที่ถังเหยาด้วยความโกรธ ราวกับจะพ่นไฟออกมาเลยทีเดียวถังเหยายังคงย
ซังหนี่มองคนตรงหน้าพักใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ประธานเย่ คุณน่าจะรู้สถานะของฉันดีอยู่แล้ว”“รู้สิครับ ก่อนหน้านี้เราคงเคยเจอกันในงานเลี้ยงบางงานใช่ไหม?”“ฉันเพิ่งหย่ากับฟู่เซียวหาน” ซังหนี่พูดต่อ“อืม ได้ยินมาแล้ว การที่คุณตัดสินใจหย่ากับฟู่เซียวหานได้อย่างเด็ดขาด น่านับถือจริง ๆ ครับ”สำหรับคำพูดของซังหนี่ เย่จื่อหลานตอบรับด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง ซึ่งทำให้ซังหนี่รู้สึกเหมือนหมดแรงที่จะพูดต่อไปชั่วขณะสุดท้าย เธอพูดเพียงแค่ว่า “ตอนนี้ฉันไม่อยากคิดเรื่องความรักค่ะ”“งั้นเหรอครับ? งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องความรักก็ได้” เย่จื่อหลานยิ้มแล้วพูดตอบ “เริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อนก็ได้”ซังหนี่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ“แบบนี้ถือว่าคุณยอมรับแล้วใช่ไหม? งั้นไปกันเถอะ”พูดพลางเขาก็ยื่นมือออกมาจะจับมือเธอ ซังหนี่ตกใจกับการกระทำของเขา รีบถอยหลังไปสองก้าวทันทีเขามองเธออย่างสงสัย “เป็นอะไรครับ? มือของผมมีพิษเหรอ?”“เปล่าค่ะ แค่นึกขึ้นได้ว่าฉันยังมีธุระ คงไปไม่ได้แล้ว”“โอ้? ธุระอะไรเหรอครับ?”“เรื่องงานค่ะ”“คุณยังมีงานอีกเหรอครับ? งานอะไร? หรือคุณแค่หาข้ออ้างมาปฏิเสธผม?” ซังหนี่เพียงแค่ยิ้มบา
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็