หลังจากนั้นหลายวัน ฟู่เซียวหานก็ไม่ได้ติดต่อเธออีกเลย แต่ซังหนี่กลับได้รับเค้กที่ถูกส่งมาจากร้านขนมต่างๆ ทุกวันและไม่ใช่แค่ชิ้นเดียวในตอนแรกซังหนี่อยากที่จะปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายไม่ให้โอกาสนั้นกับเธอเลย พร้อมกับบอกตรงๆ ว่าหน้าที่ของพวกเขาคือนำเค้กมาส่งให้เธอ ส่วนจะจัดการกับเค้กยังไงนั้นก็แล้วแต่เธอซังหนี่ไม่มีทางเลือก สุดท้ายจึงทำได้เพียงรับเค้กไว้หลังจากกินเค้กติดต่อกับมาหลายวัน ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์หาฟู่เซียวหาน“คุณไม่ต้องให้คนส่งของให้ฉันแล้วนะ”“ทำไม คุณชอบไม่ใช่เหรอ”ฟู่เซียวหานดูเหมือนจะอารมณ์ดี เวลาที่พูดน้ำเสียงแฝงด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างเห็นได้ชัดซังหนี่รู้สึกว่าเขาจงใจเธอชอบกินไม่ใช่เหรอดังนั้นเขาเลยส่งมาให้เธอทุกวัน ให้เธอกินจนอ้วกไปเลย ซังหนี่ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วกดวางสายเขาไปดื้อๆฟู่เซียวหานเดิมทียังอยากที่จะพูดอะไร แต่เขาต้องอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ถูกวางสายโดยไม่คาดคิดจนกระทั่งเขาเอาโทรศัพท์มาเช็กเพื่อความแน่ใจว่าเธอวางสายไปแล้วจริงๆฟู่เซียวหานอดขำไม่ได้ครั้งนี้ถูกโกรธแต่เขากลับหัวเราะเขารู้สึกว่านิสัยของซังหนี่แย่ลงมา
สุดท้ายซังหนี่จึงสุ่มเลือกร้านหม้อไฟหม้อไฟน้ำมันสีแดงรสชาติเผ็ดร้อน เห็นได้ชัดว่าไม่เข้ากับชุดสูทของฟู่เซียวหานเลยสักนิดแต่ซังหนี่ไม่ได้สนใจอะไรมากพูดตามตรง เธอไม่รู้เลยว่าฟู่เซียวหานเขาต้องการทำอะไรกันแน่เห็นเธอเป็นเพียงเครื่องมืองั้นเหรอแต่สิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้มันดูไม่ค่อยเหมือนเลยต้องรู้ว่าถึงพวกเขาจะยังเป็นสามีภรรยากัน แต่น้อยมากที่พวกเขาจะทานข้าวนอกบ้านตามลำพังเขาจะมอบเครื่องประดับให้เธอ แต่เขาจะไม่ให้คนมาส่งเค้กอะไรแบบนี้ให้เธอแต่การกระทำของฟู่เซียวหานตอนนี้ ทำให้ซังหนี่รู้สึกเหมือนว่าเขากำลัง...เอาใจตัวเองแน่นอนว่าความคิดนั้นผุดขึ้นมาได้ชั่วครู่ก็ถูกซังหนี่ตัดออกไป“คุณชอบกินแบบนี้เหรอ”ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนไม่รู้สึกอึดอัดอะไร หลังจากมาถึงที่นั่งแล้ว เขาก็นั่งลงตรงข้ามซังหนี่พร้อมกับเอ่ยถาม“อืม” ซังหนี่ตอบกลับ “ฉันเติบโตอยู่ที่เมืองC เลยชอบกินเผ็ดมาก”แต่หลังจากกลับมาอยู่บ้านตระกูลซัง พวกเขากลับไม่ยอมให้เธอกินของพวกนั้นอีกเลยในสายตาของพวกเขา ดูเหมือนรสชาติอาหารจะแบ่งออกเป็นหลายระดับ และการกินรสเผ็ดที่ทำให้ริมฝีปากบวมแดง น้ำมูกน้ำตาไหล และรสชาติติดอยู่
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์ดีมาก เมื่อฟู่เซียวหานเข้าไปยังได้ยินเสียงเธอพูดอะไรบ้างอย่างกับคนที่อยู่ข้างๆ ด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างพอใจ“คุณชายกลับมาแล้ว”ผู้ดูแลบ้านเห็นเขาก่อน แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มฟู่เซียวหานหันไปพยักหน้าให้เขา แล้วค่อยหันมาไปมองที่คุณนายใหญ่จากนั้นคุณนายใหญ่ก็กวักมือเรียกเขาด้วยท่าทีตื่นเต้น “รีบมาดูเร็วเข้า”“ดูอะไร”เดิมทีที่มุมปากของฟู่เซียวหานยังคงมีรอยยิ้มแต่เมื่อเขาเห็นเนื้อหาบนแท็บเล็ต รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็หายไปทันที“หลานดูนี่สิว่าเป็นยังไงบ้าง ลูกสาวของตระกูล ครั้งที่แล้วที่...”“คุณย่าดูอะไรพวกนี้ทำไม”ฟู่เซียวหานลุกขึ้นและดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้“หลานพูดว่าทำอะไรงั้นเหรอ ก็กำลังหาหลานสะใภ้ให้ตัวเองยังไงล่ะ หลานดูสิว่าที่ย่าพูดเมื่อครู่...”“ตอนนี้ผมยังไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้” ฟู่เซียวหานพูดตัดบทของเธอ“ย่าไม่ได้ให้หลานแต่งงานตอนนี้ แค่ให้หลานลองดูไว้ก่อนก็เท่านั้น ถ้ามีคนที่เหมาะสมก็ลองคบกันไปก่อน แล้วค่อยหมั้นกัน”“ครั้งนี้ต้องรอบคอบหน่อยค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เดี๋ยวจะเหมือนกับผู้หญิงอย่างซังหนี่อีก ช่างเป็นเ
สองวันต่อมา เป็นวันเกิดของฟู่เซียวหานเดิมทีเขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเรื่องวันเกิดเลย แต่ปีนี้เมื่อคนในครอบครัวบอกว่าจะจัดงานให้เขา เขากลับไม่ปฏิเสธ แน่นอนว่าซังหนี่ไม่สามารถมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงได้อยู่แล้ว เวลาพลบค่ำฟู่เซียวหานจึงเพียงส่งข้อความให้เธอ และบอกให้เธอไปรอเขาอยู่ที่บ้านพักป๋อซีหยวนงานเลี้ยงผ่านไปด้วยดี คนมีชื่อเสียงในแวดวงต่างมาร่วมงานกันเกือบทั้งมาแม้ว่างานเลี้ยงครั้งนี้จะเป็นงานไพรเวท แต่ก็มีเหล่าบรรดาดาราเข้ามาร่วมงานตอนนี้ข่าวเรื่องการหย่าร้างของฟู่เซียวหานแพร่กระจายออกไป นั่นทำให้คนที่อยากจะเข้าหาเขายิ่งมากขึ้น พร้อมกับจุดประสงค์ที่ชัดเจนเสื้อตัวเดียวของฟู่เซียวหานถูกคนทำน้ำหกใส่ถึงสามครั้งในคืนเดียวจนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่มีคนเดินเข้ามาชน ฟู่เซียวหานไม่ได้เตรียมที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ เพียงแค่ผลักมือคนที่กำลังจะสัมผัสร่างกายของเขาออก“ประธานฟู่ให้ฉันช่วยคุณเช็ดนะคะ”หญิงสาวสวมใส่ชุดเดรสเกาะอก จ้องมองไปที่เขาด้วยแววตาหว่านเสน่ห์แต่ฟู่เซียวหานกลับไม่แตะต้องเธอเลยจากนั้นพูดด้วยท่าทีนิ่งเฉยว่าไม่ต้อง แล้วหันไปที่ผู้ช่วยของตัวเองสวีเหยียนรีบเดิ
จนสุดท้ายเธอทนไม่ไหวและไม่สามารถไปที่ห้องได้ ดังนั้นเธอจึงนอนลงบนโซฟาแล้วหลับไปเมื่อตื่นขึ้นมา สิ่งที่เธอรับรู้ได้เป็นอันดับแรกคือมีเงาปกคลุมอยู่บนร่างกายของเธอซังหนี่ตกใจมากและกำลังจะกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่ฟู่เซียวหานปิดปากของเธอไว้ได้ทันวินาทีที่ฝ่ามือของเขากดปิดไว้ ซังหนี่ถึงได้แน่ใจว่าเป็นเขา ร่างกายที่เดิมทีเกร็งด้วยความตกใจก็ผ่อนคลายลงทันทีฟู่เซียวหานรับรู้ได้ และปิดปากของเธอไว้แน่นอย่างนั้นต่อไปโดยไม่ลังเล พร้อมกับก้มหน้าโน้มตัวลงมาจูบปากของเธอซังหนี่ได้กลิ่นเหล้าบนตัวของเขา จึงขมวดคิ้วและกำลังจะเบี่ยงตัวออก แต่ฟู่เซียวหานกลับจับคางของเธอไว้แน่น แล้วกดริมฝีปากของเธอไว้แน่นกลิ่นผลไม้ของแชมเปญก็เข้ามาในปากของซังหนี่โดยตรงประกอบกับอารมณ์ที่เร่าร้อนเกินไปของฟู่เซียวหาน จนทำให้ซังหนี่ครางออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้ววางมือบนหน้าอกของเขาเพื่อต้องการดันตัวออกห่างแต่ฟู่เซียวหานกลับรีบจับมือของเธอไว้แน่น การกระทำของเขารุนแรงมุทะลุ พร้อมกับสายตาทั้งสองข้างของเขาที่จ้องมองมาที่ตัวเองสายตานั้นทำให้ซังหนี่จู่ๆ ก็นึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในยามค่ำคืนใจของเธอเต้นแรงขึ้นอย่
เมื่อฟู่เซียวหานออกมาจากห้องน้ำ พบว่าคนในห้องไม่อยู่แล้วเขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไปซังหนี่กำลังใส่รองเท้าที่ทางเข้าเมื่อเห็นเธอ แววตาของฟู่เซียวหานก็เคร่งขรึมลง “คุณจะไปไหน”“กลับบ้าน”ซังหนี่ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองฟู่เซียวหานเม้มริมฝีปากแน่น แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นชาขั้นมาทันทีแต่ซังหนี่ไม่สนใจเขา และเปิดประตูโดยไม่หันกลับมามองเสียง “แกร็ก” เธอปิดประตูลงอีกครั้ง ไม่นานก็เหลือเพียงฟู่เซียวหานคนเดียวในบ้านหลังใหญ่เมื่อหันกลับมา เขาก็เตะไปที่ถังขยะที่อยู่ข้างๆ อย่างแรง ซังหนี่ไม่ได้สนใจอาการของคนในห้องกระดุมข้อมือนั้นเธอใส่มันลงไปในกระเป๋า เมื่อเดินผ่านถังขยะ เดิมทีซังหนี่อยากที่จะทิ้งลงไป แต่เธอต้องหยุดการกระทำไว้ และสุดท้ายเธอก็ทิ้งมันไม่ลงในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา“ที่รัก เธอยังไม่นอนใช่ไหม”น้ำเสียงตื่นเต้นของซ่งเสี่ยวดังเข้ามา “ฉันมีข่าวดีจะบอกเธอ”“ยัง เธอพูดมาสิ”ซังหนี่เอากระดุมข้อมือใส่กลับลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง พร้อมกับถามเธอ“ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และโทรทัศน์สำหรับหนังสือเล่มล่าสุดของเธออนุมัติแล้วนะ เธอรู้จักบริษัทภาพยนตร์ฮวาเชียนไหม
ทักษะในการเข้าสังคมของซ่งเสี่ยวดีมาก แม้ว่าตอนแรกจะขี้อายเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็มีความกระตือรือร้นขึ้นมา และแลกนามบัตรกับคนนั้นคนนี้ตลอดทาง“เอ๊ะ ประธานหยาง สวัสดีค่ะ”ในที่สุดซ่งเสี่ยวก็เจอคนที่ตัวเองตามหาในคืนนี้ พร้อมกับยื่นมือออกไปทักทายทันที “ฉันชื่อซ่งเสี่ยวมาจากการ์ตูนแห่งดวงดาว ที่เราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ”“อ่อ สวัสดีครับ”ผู้ชายตรงหน้าจับมือทักทายกับซ่งเสี่ยวก่อน แล้วค่อยหันมามองซังหนี่อย่างพิจารณา“นี่คือนักเขียนเรื่องไฮ่ถังอันที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้ค่ะ”“อ่อ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนไหม” ประธานหยางขมวดคิ้ว “ทำไมผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง” “น่าจะไม่เคยเจอนะคะ ฉันไม่ค่อยชอบออกจากบ้าน”ซังหนี่ยิ้มตอบผู้ชายคนนั้นยังคงสงสัยอยู่ แต่ไม่นานก็พูดขึ้นว่า “ผมดูผลงานของคุณแล้วนะ มันเหมาะที่จะนำมาทำเป็นภาพยนตร์จริงๆ”“และประธานฉินของเราดูแล้วก็รู้สึกสนใจมาก ยังบอกอีกว่าอยากจะพบพวกคุณด้วยตัวเอง”เดิมทีซังหนี่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายส่งบัตรเชิญใบนั้นมาให้ซ่งเสี่ยว แต่เมื่อผู้ชายคนนี้พูด เธอก็รู้ในทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติซ่งเสี่ยวกลับดีใจมาก “จริงๆ เหรอคะ แล้วต
ท่าทางของซังหนี่เคร่งขรึมมากแต่ฉินเหยาเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น “ที่คุณพูดก็ถูก ผมขอโทษนะที่ผมละลาบละล้วงเกินไป”ท่าทียอมรับผิดของเขามีมารยาทมาก เมื่อเทียบกันแล้ว เมื่อสักครู่เป็นซังหนี่ที่ดูก้าวร้าวเกินไปด้วยซ้ำเมื่อซังหนี่คิดได้อย่างนั้น จึงกล่าวขอโทษเขา “เป็นฉันเองที่วู่วามเกินไป”“ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชื่อเสียงของคุณ คุณจะมีท่าทีแบบนั้นก็ไม่ผิด ผมเป็นคนผิดเอง”เมื่อฉินเหยาพูดจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกวิวบนระเบียงดีอย่างที่เขาบอกจริงๆทั้งดวงไฟระยิบระยับจากไกลๆ และสายลมยามค่ำคืนที่พัดเข้ามา ทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้นมากจริงๆฉินเหยารอดูปฏิกิริยาของซังหนี่ก่อน หลังจากแน่ใจแล้วว่าเธอพอใจกับที่นี่ ถึงได้พูดต่อว่า “อันที่จริงเรื่องความสัมพันธ์ของฉินม่อกับซังฉิง ผมไม่ค่อยเห็นด้วย ” “ฉินม่อเป็นน้องชายของผม แม้ว่าก่อนหน้านี้...ผมจะไม่ค่อยยอมรับเขา แต่ถึงยังไงเลือดต้องเข้มกว่าน้ำ ในความคิดของผมซังฉิงยังไม่ใช่ภรรยาที่เหมาะสม”คำพูดของเขาทำให้ซังหนี่ค่อนข้างประหลาดเพราะก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าคนในแวดวงนี้ทุกคนต่างก็ชอบซังฉิงถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของตัวเองในตอนนั้น ก็คงไม่ถู
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็