และในเวลานี้เอง เสียงของซังหนี่ก็ดังมาจากข้างใน “เจิ้งชวน ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?”เสียงนี้ทำให้ฟู่เซียวหานได้รับคำตอบที่ชัดเจนทันทีอย่างไม่ต้องสงสัยดังนั้นแล้ว…เขาไม่ได้มาผิดที่ที่นี่เป็นที่อยู่ของซังหนี่จริง ๆ และในบ้านของเธอ…ยังมีชายแปลกหน้าอยู่อีกคนฟู่เซียวหานแค่นหัวเราะออกมาทันทีก่อนจะหันหลังกลับและจากไปทันใด!——ชอบเขาอะไรกัน ระหว่างพวกเขาจะยังมีความเป็นไปได้ไหมอะไรกัน ทั้งหมดนี้ล้วนโกหกทั้งนั้นแต่ก็จริง หากเธอทุ่มเทในรักให้กับเขาตลอดมา แล้วก่อนหน้านี้เธอจะหย่าร้างกับเขาด้วยความเด็ดขาดเยี่ยงนั้นได้อย่างไร?และหากเขาจำไม่ผิด ก่อนหน้าที่จะหย่าร้างกันเธอยังแอบทานยาคุมกำเนิดมาเป็นเวลานานอีกด้วยนี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงที่ทุ่มเทรักให้เขาจะทำได้ลงหรือ?ไม่ใช่เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเธอนั้นสามารถปลดปล่อยออกมาและกักเก็บกลับไปได้ตามใจแต่ใช่สินะ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เธอจะประสบความสำเร็จในฟากฝั่งเมืองอิ๋นนั้นได้อย่างไร?คลิปวิดีโอของเธอในงานเลี้ยงที่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องนั้น เขาได้เห็นมาแล้วหากไม่ใช่เพราะคุ้นเคยกับใบหน้านั้นของเธอเป็นอย่างมาก ฟู่เซียวหานคงจะสงสัยไปแล้วว่าคนที่อยู่
ฟู่เซียวหานไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้มีกฎเกณฑ์บางอย่างอยู่จริงหรือเปล่ากฎเกณฑ์ที่ว่านั้นคือ…เมื่อคุณเอาแต่กังวลว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น เรื่องนั้นก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและหากคุณยิ่งไม่อยากเจอใครสักคนมากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสได้พบในช่วงเวลานั้นมากขึ้นเท่านั้นเวลานี้ ฟู่เซียวหานกำลังมองไปยังผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักด้วยสีหน้าเรียบเฉยวันนี้การแต่งกายของเธอช่างแสนเรียบง่ายเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพร้อมกระโปรงสีดำเส้นผมถูกรวบเป็นหางม้าต่ำ และแต่งหน้าเบาบางกว่าเมื่อคืนมากนักแต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกลับลึกยิ่งกว่าเวลานี้เธอกำลังยิ้มแย้มพูดคุยกับชายตรงหน้าด้วยบรรยากาศชื่นมื่นกลมเกลียว“ประธานฟู่ครับ?”ผู้คนที่อยู่รอบข้างยังคงรอคำสั่งจากเขา เมื่อสังเกตเห็นว่าจู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็ยืนนิ่งไป เสียงของเขาจึงสั่นเทาขึ้นมาอีกระดับฟู่เซียวหานคิดจะยกเท้าก้าวไปข้างหน้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ขณะนั้นฝีเท้าของเขากลับกลายเป็นหนักอึ้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถก้าวไปได้เลย“นั่นประธานจ้าวไม่ใช่หรือครับ?”หลังจากคนที่อยู่ด้านข้างมองตามสายตาของเขาไป ในที่สุดก็มองเห็นคนตรงหน้าและชายคนที่เดิมท
ทว่าฟู่เซียวหานราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงรีบกล่าวออกมาก่อนที่เธอจะเอ่ยว่า “ประธานจ้าวกับประธานเสี่ยวซังสนิทกันหรือครับ?”คำถามของเขาทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างชะงักงันจากนั้นพวกเขาก็ล้วนนึกขึ้นมาได้ ——เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฟู่เซียวหานและซังหนี่ในอดีตวินาทีนั้น เหงื่อเย็นเยียบของประธานจ้าวก็พลันแตกพลั่กซังหนี่กลับยิ้มอย่างสงบ “พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ”ฟู่เซียวหานร้องอ้อ “ถ้าเป็นเช่นนั้น เราทุกคนต่างก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังหรอก”เขากล่าวพลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาเขายกแก้วขึ้นมาเช่นนี้คนที่อยู่ตรงนี้จะมีใครกันที่กล้าไม่ดื่ม?ซังหนี่ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เธอทำได้เพียงแค่ยกแก้วไวน์ขึ้นมาตามไปด้วยแต่หลังจากดื่มไปหนึ่งแก้ว จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็กล่าวกับประธานจ้าวว่า “ถ้าผมจำไม่ผิด โครงการที่หนานหยวนเป็นของบริษัทประธานจ้าวใช่ไหมครับ?”“ใช่ครับ” ประธานจ้าวรีบตอบด้วยรอยยิ้มเปี่ยมบนใบหน้า “ขอบคุณประธานฟู่มากนะครับที่ให้ความสนใจ”“ผมคิดว่าโครงการนั้นทำได้ดีมากเลยทีเดียว ทางจื้อเหอกรุ๊ปเองก็มีแนวคิดในการพัฒนาที่คล้ายกันพอดิบพอดี”ทันทีที่คำพูดของฟู่เซี
อันที่จริงแล้วซังหนี่ไม่ได้อยากเป็นคนที่ทำตัวโดดเด่นเช่นนี้แต่วันนี้ที่เดิมทีแล้วทุกอย่างล้วนเป็นไปด้วยดี แต่จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็พูดจาเช่นนี้ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าเขาต้องการทำให้ประธานจ้าวลำบากซังหนี่ไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองมีความแค้นอะไรกันเป็นการส่วนตัวแต่ซังหนี่รู้ว่า ประธานจ้าวคนนี้เป็นคนที่รักหน้าตาชื่อเสียงยิ่งกว่าอะไร ความลำบากใจที่เขาได้รับจากฟู่เซียวหานในวันนี้ ก็จะเป็นสิ่งที่โทษลงมายังหัวของซังหนี่ในวันอื่นดังนั้น เธอจึงทำได้แค่ยืนขึ้นมาเท่านั้นเวลานี้ฟู่เซียวหานเองก็เงียบไปมือของเขากำลังเล่นควงแก้วไวน์ แต่สายตาคู่นั้นกลับจับจ้องมาที่เธอด้วยความมืดครึ้มปั่นป่วนซังหนี่รีบเติมแก้วไวน์ให้เต็มอีกครั้งพร้อมกล่าวเสริมว่า “พอดีเลยนะคะที่อีกไม่นานก็จะเป็นวันครบรอบสิบปีในการก่อตั้งบริษัทของตระกูลหลินแล้ว ฉันขอแสดงความยินดีกับประธานหลินล่วงหน้ามา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ”สีหน้าของประธานหลินยังคงย่ำแย่ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมา “ประธานเสี่ยวซังเกรงใจกันไปแล้วครับ”ฟู่เซียวหานมองฉากตรงหน้าตนก่อนจะหัวเราะออกมากะทันหันจากนั้นเขาก็มองไปยังซังหนี่ “ดูเหมือนว่าประธานเสี
ฟู่เซียวหานไม่ปริปากพูดสิ่งใดอีกสายตาที่หรี่ลงมองการกระทำของนั้นราวกับกำลังดูว่าเธอจะดื่มเหล้าขวดนั้นหมดอย่างไรซังหนี่เองก็ไม่รีรอ หลังจากเห็นว่าท่าทีของเขาคล้ายจะยอมรับ จึงหยิบขวดเหล้าขึ้นมาแนบกับริมฝีปากของตนพร้อมกระดกลงไปโดยตรง!——ไม่มีใครเห็นเลยว่า มือของฟู่เซียวหานที่วางไว้ใต้โต๊ะนั้นถูกกำเอาไว้แน่นในเวลานี้……ทันทีที่ซังหนี่ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็แทบไม่ไหวแล้วบริกรสังเกตเห็นถึงท่าทางของเธอ จึงคิดจะเข้ามาช่วยพยุง แต่ซังหนี่กลับผลักเธอออกไป ก่อนจะกอดถังขยะเอาไว้และเริ่มอาเจียนออกมาอย่างหนัก!มวลความแสบร้อนพุ่งขึ้นมาจากกระเพาะของเธอพร้อมกับกรดกระเพาะอาหาร ล้วนถูกเธออาเจียนออกมาทั้งสิ้นอาการไอของเธอยังไม่หายดี ขณะนี้ทั้งน้ำมูกและน้ำตาต่างก็ไหลออกมา ทำให้ใบหน้าที่แต่งแต้มมาเพียงเบาบางนั้นพังทลายลง เหลือเพียงความแตกสลายไม่รู้จบ“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? ให้ฉันเรียกรถพยาบาลให้ไหม?”บริกรนั้นกลับมีประสบการณ์มากมาย เมื่อเธอเห็นใบหน้าซีดเซียวของซังหนี่ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอปวดจนทนไม่ไหวแล้ว ขณะที่เธอกำลังจะช่วยซังหนี่กดโทรศัพท์โทรออก ซังหนี่กลับจับมือของเธอไว้ “ฉัน…ไม่เป็นไร”“แต่ว
ฟู่เซียวหานมองเธอโดยไม่กล่าวอะไรออกมาทว่าตอนนี้แม้แต่จะยืนซังหนี่ยังแทบจะยืนไม่ไหวเธอพยายามอดกลั้น โดยเพียงแค่อาศัยเส้นใยขึงแน่นสายนั้นในสมองของเธอทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก และเห็นเจิ้งชวนยืนรออยู่ข้างนอก เส้นใยที่ขึงไว้แน่นนั้นก็พลันคลายออกทันที——เธอรู้ดีว่าประธานจ้าวกำลังคิดอะไรอยู่แม้ว่าคืนนี้เธอจะมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว แต่เธอก็ได้ส่งข้อความไปหาเจิ้งชวนล่วงหน้า โดยบอกให้เขามารับเธอเมื่อถึงเวลาเจิ้งชวนรู้ตำแหน่งที่เธอตั้งไว้ เมื่อกี้เขายังกังวลเมื่อไม่พบใครในห้องโถง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นซังหนี่เขาก็พลันโล่งใจในทันทีซังหนี่ไม่สนใจฟู่เซียวหานที่อยู่ด้านข้างอีกต่อไป เธอพยายามเดินโซเซไปหาเจิ้งชวน ทว่าก้าวไปได้เพียงสองก้าวเธอก็ล้มลงเจิ้งชวนรีบเข้ามาพยุงเธอไว้อย่างรวดเร็ว“ไปโรงพยาบาล”ซังหนี่พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดพร้อมเอ่ยกับเขาประโยคหนึ่ง และเป็นลมหมดสติไปแน่นอนว่าเจิ้งชวนไม่มีโอกาสได้ถามเธอเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกทันทีในระหว่างนี้ เขาแม้กระทั่งไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ในลิฟต์ด้วยฟู่เซียวหานยืนอยู่ตรงนั้นมือของเข
“เมื่อคืนพวกเธอก็ได้เจอกันแล้วไม่ใช่หรือ?”ซังหลินกลับเปิดโปงถ้อยคำโกหกของเธออย่างไร้ปรานีซังหนี่เงียบซังหลินราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดออกมาโดยตรงว่า “จื้อเหอกรุ๊ปกำลังเตรียมการใหญ่ในเมืองอิ๋น สภาวะต่าง ๆ ในแวดวงธุรกิจเธอเองก็น่าจะเข้าใจชัดเจนกับมันแล้ว หากเธอสามารถทำให้เกิดความร่วมมือขึ้นได้ เธอก็ควรจะรู้ว่าสำหรับซังอวี๋กรุ๊ปแล้วมันหมายความว่าอย่างไร”“เธอเองก็คงไม่อยากจะอยู่ในบริษัทลูกนั่นไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหม? หากการเจรจาในการร่วมมือครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี เธอก็จะได้พิสูจน์ความสามารถของเธอต่อทุกคน ถึงเวลานั้นฉันจะได้เรียกตัวเธอกลับมาได้อย่างเปิดเผย และเมื่อถึงเวลานั้น จะไม่มีใครตั้งคำถามถึงตัวตนของเธอในฐานะผู้สืบทอดได้อีก”ซังหลินกล่าวเป็นจังหวะไม่รีบร้อนมันเป็นราวกับผลึกน้ำผึ้งชิ้นใหญ่ที่หลอกล่อให้ซังหนี่ก้าวขาเข้าไปทว่าซังหนี่กลับรู้ดี —— เขาไม่มีทางยอมให้เธอกลับเป็นเป็นผู้สืบทอดจริง ๆ หรอกการตายของภรรยาเขานั้น เขายังจำมันได้เสมอการที่ยินยอมให้เธออยู่ที่นี่ในตอนนี้ ก็เพราะเธอเป็นสายเลือดที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของเขาเท่านั้นเองซังหนี่รับรู้ถึงความคิดขอ
หลังจากส่งประธานหลินขึ้นรถไปแล้ว ซังหนี่ก็ยืนอยู่คนเดียวหน้าโรงน้ำชาคลื่นความร้อนที่พัดมาตรงหน้าช่างแตกต่างกับลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศด้านหลังมากนัก รุนแรงมากเสียจนทำให้ซังหนี่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเธอพยายามยับยั้งอาการไอ ขณะที่เพิ่งหยิบยาอมที่ทำให้ชุ่มคอจากกระเป๋าออกมาอม สายโทรศัพท์จากบริษัทก็โทรเข้ามาเร่งให้เธอรีบกลับไปประชุมเนื้อหาในการประชุมคล้ายคลึงกับคำพูดที่ซังหลินกล่าวกับเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนช่วงสองปีที่ผ่านมาแวดวงธุรกิจเข้าสู่สภาวะตกต่ำ แต่ผู้นำอุตสาหกรรมอย่างจื้อเหอราวกับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ——เรื่องของคุณแม่ของเขาเคยทำให้เกิดความปั่นป่วนไม่น้อย ฟู่เซียวหานถูกสื่อกล่าวหาว่าเป็นคนอกตัญญูไร้คุณธรรม ว่ากันว่าเป็นเพราะความกดดันอย่างต่อเนื่องของเขาที่ทำให้แม่ของเขาจำต้องพบกับจุดจบเช่นนั้นและคู่สามีภรรยาที่สูญเสียลูกชายก็ไปหานักข่าวมากมายเพื่อป่นทำลายภาพลักษณ์ของเขาทว่าฟู่เซียวหานกลับไม่สนใจเลยสักนิด เขายังคงทำทุกอย่างที่ควรทำในทุกวัน และยังมีกะจิตกะใจหาแฟนใหม่อีกด้วยการที่เขามาที่เมืองอิ๋นครั้งนี้ ก็เพื่อตรวจสอบโครงการที่อยู่ตรงชานเมืองของเมืองอิ๋นทุกคนต่างรู้ก
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็