และในเวลานี้เอง เสียงของซังหนี่ก็ดังมาจากข้างใน “เจิ้งชวน ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?”เสียงนี้ทำให้ฟู่เซียวหานได้รับคำตอบที่ชัดเจนทันทีอย่างไม่ต้องสงสัยดังนั้นแล้ว…เขาไม่ได้มาผิดที่ที่นี่เป็นที่อยู่ของซังหนี่จริง ๆ และในบ้านของเธอ…ยังมีชายแปลกหน้าอยู่อีกคนฟู่เซียวหานแค่นหัวเราะออกมาทันทีก่อนจะหันหลังกลับและจากไปทันใด!——ชอบเขาอะไรกัน ระหว่างพวกเขาจะยังมีความเป็นไปได้ไหมอะไรกัน ทั้งหมดนี้ล้วนโกหกทั้งนั้นแต่ก็จริง หากเธอทุ่มเทในรักให้กับเขาตลอดมา แล้วก่อนหน้านี้เธอจะหย่าร้างกับเขาด้วยความเด็ดขาดเยี่ยงนั้นได้อย่างไร?และหากเขาจำไม่ผิด ก่อนหน้าที่จะหย่าร้างกันเธอยังแอบทานยาคุมกำเนิดมาเป็นเวลานานอีกด้วยนี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงที่ทุ่มเทรักให้เขาจะทำได้ลงหรือ?ไม่ใช่เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเธอนั้นสามารถปลดปล่อยออกมาและกักเก็บกลับไปได้ตามใจแต่ใช่สินะ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เธอจะประสบความสำเร็จในฟากฝั่งเมืองอิ๋นนั้นได้อย่างไร?คลิปวิดีโอของเธอในงานเลี้ยงที่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องนั้น เขาได้เห็นมาแล้วหากไม่ใช่เพราะคุ้นเคยกับใบหน้านั้นของเธอเป็นอย่างมาก ฟู่เซียวหานคงจะสงสัยไปแล้วว่าคนที่อยู่
ฟู่เซียวหานไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้มีกฎเกณฑ์บางอย่างอยู่จริงหรือเปล่ากฎเกณฑ์ที่ว่านั้นคือ…เมื่อคุณเอาแต่กังวลว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น เรื่องนั้นก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและหากคุณยิ่งไม่อยากเจอใครสักคนมากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสได้พบในช่วงเวลานั้นมากขึ้นเท่านั้นเวลานี้ ฟู่เซียวหานกำลังมองไปยังผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักด้วยสีหน้าเรียบเฉยวันนี้การแต่งกายของเธอช่างแสนเรียบง่ายเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพร้อมกระโปรงสีดำเส้นผมถูกรวบเป็นหางม้าต่ำ และแต่งหน้าเบาบางกว่าเมื่อคืนมากนักแต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกลับลึกยิ่งกว่าเวลานี้เธอกำลังยิ้มแย้มพูดคุยกับชายตรงหน้าด้วยบรรยากาศชื่นมื่นกลมเกลียว“ประธานฟู่ครับ?”ผู้คนที่อยู่รอบข้างยังคงรอคำสั่งจากเขา เมื่อสังเกตเห็นว่าจู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็ยืนนิ่งไป เสียงของเขาจึงสั่นเทาขึ้นมาอีกระดับฟู่เซียวหานคิดจะยกเท้าก้าวไปข้างหน้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ขณะนั้นฝีเท้าของเขากลับกลายเป็นหนักอึ้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถก้าวไปได้เลย“นั่นประธานจ้าวไม่ใช่หรือครับ?”หลังจากคนที่อยู่ด้านข้างมองตามสายตาของเขาไป ในที่สุดก็มองเห็นคนตรงหน้าและชายคนที่เดิมท
ทว่าฟู่เซียวหานราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงรีบกล่าวออกมาก่อนที่เธอจะเอ่ยว่า “ประธานจ้าวกับประธานเสี่ยวซังสนิทกันหรือครับ?”คำถามของเขาทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างชะงักงันจากนั้นพวกเขาก็ล้วนนึกขึ้นมาได้ ——เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฟู่เซียวหานและซังหนี่ในอดีตวินาทีนั้น เหงื่อเย็นเยียบของประธานจ้าวก็พลันแตกพลั่กซังหนี่กลับยิ้มอย่างสงบ “พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ”ฟู่เซียวหานร้องอ้อ “ถ้าเป็นเช่นนั้น เราทุกคนต่างก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังหรอก”เขากล่าวพลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาเขายกแก้วขึ้นมาเช่นนี้คนที่อยู่ตรงนี้จะมีใครกันที่กล้าไม่ดื่ม?ซังหนี่ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เธอทำได้เพียงแค่ยกแก้วไวน์ขึ้นมาตามไปด้วยแต่หลังจากดื่มไปหนึ่งแก้ว จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็กล่าวกับประธานจ้าวว่า “ถ้าผมจำไม่ผิด โครงการที่หนานหยวนเป็นของบริษัทประธานจ้าวใช่ไหมครับ?”“ใช่ครับ” ประธานจ้าวรีบตอบด้วยรอยยิ้มเปี่ยมบนใบหน้า “ขอบคุณประธานฟู่มากนะครับที่ให้ความสนใจ”“ผมคิดว่าโครงการนั้นทำได้ดีมากเลยทีเดียว ทางจื้อเหอกรุ๊ปเองก็มีแนวคิดในการพัฒนาที่คล้ายกันพอดิบพอดี”ทันทีที่คำพูดของฟู่เซี
อันที่จริงแล้วซังหนี่ไม่ได้อยากเป็นคนที่ทำตัวโดดเด่นเช่นนี้แต่วันนี้ที่เดิมทีแล้วทุกอย่างล้วนเป็นไปด้วยดี แต่จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็พูดจาเช่นนี้ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าเขาต้องการทำให้ประธานจ้าวลำบากซังหนี่ไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองมีความแค้นอะไรกันเป็นการส่วนตัวแต่ซังหนี่รู้ว่า ประธานจ้าวคนนี้เป็นคนที่รักหน้าตาชื่อเสียงยิ่งกว่าอะไร ความลำบากใจที่เขาได้รับจากฟู่เซียวหานในวันนี้ ก็จะเป็นสิ่งที่โทษลงมายังหัวของซังหนี่ในวันอื่นดังนั้น เธอจึงทำได้แค่ยืนขึ้นมาเท่านั้นเวลานี้ฟู่เซียวหานเองก็เงียบไปมือของเขากำลังเล่นควงแก้วไวน์ แต่สายตาคู่นั้นกลับจับจ้องมาที่เธอด้วยความมืดครึ้มปั่นป่วนซังหนี่รีบเติมแก้วไวน์ให้เต็มอีกครั้งพร้อมกล่าวเสริมว่า “พอดีเลยนะคะที่อีกไม่นานก็จะเป็นวันครบรอบสิบปีในการก่อตั้งบริษัทของตระกูลหลินแล้ว ฉันขอแสดงความยินดีกับประธานหลินล่วงหน้ามา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ”สีหน้าของประธานหลินยังคงย่ำแย่ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมา “ประธานเสี่ยวซังเกรงใจกันไปแล้วครับ”ฟู่เซียวหานมองฉากตรงหน้าตนก่อนจะหัวเราะออกมากะทันหันจากนั้นเขาก็มองไปยังซังหนี่ “ดูเหมือนว่าประธานเสี
ฟู่เซียวหานไม่ปริปากพูดสิ่งใดอีกสายตาที่หรี่ลงมองการกระทำของนั้นราวกับกำลังดูว่าเธอจะดื่มเหล้าขวดนั้นหมดอย่างไรซังหนี่เองก็ไม่รีรอ หลังจากเห็นว่าท่าทีของเขาคล้ายจะยอมรับ จึงหยิบขวดเหล้าขึ้นมาแนบกับริมฝีปากของตนพร้อมกระดกลงไปโดยตรง!——ไม่มีใครเห็นเลยว่า มือของฟู่เซียวหานที่วางไว้ใต้โต๊ะนั้นถูกกำเอาไว้แน่นในเวลานี้……ทันทีที่ซังหนี่ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็แทบไม่ไหวแล้วบริกรสังเกตเห็นถึงท่าทางของเธอ จึงคิดจะเข้ามาช่วยพยุง แต่ซังหนี่กลับผลักเธอออกไป ก่อนจะกอดถังขยะเอาไว้และเริ่มอาเจียนออกมาอย่างหนัก!มวลความแสบร้อนพุ่งขึ้นมาจากกระเพาะของเธอพร้อมกับกรดกระเพาะอาหาร ล้วนถูกเธออาเจียนออกมาทั้งสิ้นอาการไอของเธอยังไม่หายดี ขณะนี้ทั้งน้ำมูกและน้ำตาต่างก็ไหลออกมา ทำให้ใบหน้าที่แต่งแต้มมาเพียงเบาบางนั้นพังทลายลง เหลือเพียงความแตกสลายไม่รู้จบ“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? ให้ฉันเรียกรถพยาบาลให้ไหม?”บริกรนั้นกลับมีประสบการณ์มากมาย เมื่อเธอเห็นใบหน้าซีดเซียวของซังหนี่ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอปวดจนทนไม่ไหวแล้ว ขณะที่เธอกำลังจะช่วยซังหนี่กดโทรศัพท์โทรออก ซังหนี่กลับจับมือของเธอไว้ “ฉัน…ไม่เป็นไร”“แต่ว
ฟู่เซียวหานมองเธอโดยไม่กล่าวอะไรออกมาทว่าตอนนี้แม้แต่จะยืนซังหนี่ยังแทบจะยืนไม่ไหวเธอพยายามอดกลั้น โดยเพียงแค่อาศัยเส้นใยขึงแน่นสายนั้นในสมองของเธอทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก และเห็นเจิ้งชวนยืนรออยู่ข้างนอก เส้นใยที่ขึงไว้แน่นนั้นก็พลันคลายออกทันที——เธอรู้ดีว่าประธานจ้าวกำลังคิดอะไรอยู่แม้ว่าคืนนี้เธอจะมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว แต่เธอก็ได้ส่งข้อความไปหาเจิ้งชวนล่วงหน้า โดยบอกให้เขามารับเธอเมื่อถึงเวลาเจิ้งชวนรู้ตำแหน่งที่เธอตั้งไว้ เมื่อกี้เขายังกังวลเมื่อไม่พบใครในห้องโถง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นซังหนี่เขาก็พลันโล่งใจในทันทีซังหนี่ไม่สนใจฟู่เซียวหานที่อยู่ด้านข้างอีกต่อไป เธอพยายามเดินโซเซไปหาเจิ้งชวน ทว่าก้าวไปได้เพียงสองก้าวเธอก็ล้มลงเจิ้งชวนรีบเข้ามาพยุงเธอไว้อย่างรวดเร็ว“ไปโรงพยาบาล”ซังหนี่พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดพร้อมเอ่ยกับเขาประโยคหนึ่ง และเป็นลมหมดสติไปแน่นอนว่าเจิ้งชวนไม่มีโอกาสได้ถามเธอเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกทันทีในระหว่างนี้ เขาแม้กระทั่งไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ในลิฟต์ด้วยฟู่เซียวหานยืนอยู่ตรงนั้นมือของเข
“เมื่อคืนพวกเธอก็ได้เจอกันแล้วไม่ใช่หรือ?”ซังหลินกลับเปิดโปงถ้อยคำโกหกของเธออย่างไร้ปรานีซังหนี่เงียบซังหลินราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดออกมาโดยตรงว่า “จื้อเหอกรุ๊ปกำลังเตรียมการใหญ่ในเมืองอิ๋น สภาวะต่าง ๆ ในแวดวงธุรกิจเธอเองก็น่าจะเข้าใจชัดเจนกับมันแล้ว หากเธอสามารถทำให้เกิดความร่วมมือขึ้นได้ เธอก็ควรจะรู้ว่าสำหรับซังอวี๋กรุ๊ปแล้วมันหมายความว่าอย่างไร”“เธอเองก็คงไม่อยากจะอยู่ในบริษัทลูกนั่นไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหม? หากการเจรจาในการร่วมมือครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี เธอก็จะได้พิสูจน์ความสามารถของเธอต่อทุกคน ถึงเวลานั้นฉันจะได้เรียกตัวเธอกลับมาได้อย่างเปิดเผย และเมื่อถึงเวลานั้น จะไม่มีใครตั้งคำถามถึงตัวตนของเธอในฐานะผู้สืบทอดได้อีก”ซังหลินกล่าวเป็นจังหวะไม่รีบร้อนมันเป็นราวกับผลึกน้ำผึ้งชิ้นใหญ่ที่หลอกล่อให้ซังหนี่ก้าวขาเข้าไปทว่าซังหนี่กลับรู้ดี —— เขาไม่มีทางยอมให้เธอกลับเป็นเป็นผู้สืบทอดจริง ๆ หรอกการตายของภรรยาเขานั้น เขายังจำมันได้เสมอการที่ยินยอมให้เธออยู่ที่นี่ในตอนนี้ ก็เพราะเธอเป็นสายเลือดที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของเขาเท่านั้นเองซังหนี่รับรู้ถึงความคิดขอ
หลังจากส่งประธานหลินขึ้นรถไปแล้ว ซังหนี่ก็ยืนอยู่คนเดียวหน้าโรงน้ำชาคลื่นความร้อนที่พัดมาตรงหน้าช่างแตกต่างกับลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศด้านหลังมากนัก รุนแรงมากเสียจนทำให้ซังหนี่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเธอพยายามยับยั้งอาการไอ ขณะที่เพิ่งหยิบยาอมที่ทำให้ชุ่มคอจากกระเป๋าออกมาอม สายโทรศัพท์จากบริษัทก็โทรเข้ามาเร่งให้เธอรีบกลับไปประชุมเนื้อหาในการประชุมคล้ายคลึงกับคำพูดที่ซังหลินกล่าวกับเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนช่วงสองปีที่ผ่านมาแวดวงธุรกิจเข้าสู่สภาวะตกต่ำ แต่ผู้นำอุตสาหกรรมอย่างจื้อเหอราวกับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ——เรื่องของคุณแม่ของเขาเคยทำให้เกิดความปั่นป่วนไม่น้อย ฟู่เซียวหานถูกสื่อกล่าวหาว่าเป็นคนอกตัญญูไร้คุณธรรม ว่ากันว่าเป็นเพราะความกดดันอย่างต่อเนื่องของเขาที่ทำให้แม่ของเขาจำต้องพบกับจุดจบเช่นนั้นและคู่สามีภรรยาที่สูญเสียลูกชายก็ไปหานักข่าวมากมายเพื่อป่นทำลายภาพลักษณ์ของเขาทว่าฟู่เซียวหานกลับไม่สนใจเลยสักนิด เขายังคงทำทุกอย่างที่ควรทำในทุกวัน และยังมีกะจิตกะใจหาแฟนใหม่อีกด้วยการที่เขามาที่เมืองอิ๋นครั้งนี้ ก็เพื่อตรวจสอบโครงการที่อยู่ตรงชานเมืองของเมืองอิ๋นทุกคนต่างรู้ก
ซังหนี่ตบไปเต็มแรงโดยสัญชาตญาณเพราะฟู่เซียวหานอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแต่ความจริงแล้วซังหนี่รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขาต้องการหยุดการกระทำนั้น เขาสามารถจับมือของเธอไว้ได้แน่นอนแต่เขากลับไม่ทำรอยฝ่ามือจากเมื่อคืนยังไม่ทันจาง ตอนนี้กลับมีอีกรอยใหม่เพิ่มมาอีกพูดเรื่องน่าขำที่ไม่ขำคือ —— ตอนนี้หน้าของเขาดูสมดุลกันแล้ว“ฝันร้ายเหรอ?” ฟู่เซียวหานถาม ราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดซังหนี่ไม่ได้ตอบ“ไม่เป็นไร แค่ฝันไปเท่านั้น” ฟู่เซียวหานพูดเองเออเอง พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย “วันนี้ผมยุ่งมาก คงไม่ได้กินข้าวด้วยนะ คุณไปเยี่ยมพ่อคุณที่โรงพยาบาลได้ อ้อ แล้วก็ บอกเรื่องยกเลิกงานแต่งงานของคุณกับจี้อวี้หยวนกับเขาด้วย”“ส่วนเรื่องบริษัททางนั้น รอให้ผมจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะไปอธิบายกับเขาด้วยตัวเอง”เสียงของฟู่เซียวหานสั้นกระชับมาก ทำให้มีไม่ข้อสงสัยในคำพูดของเขา“แล้วคุณคิดจะทำยังไง?” ซังหนี่ถามฟู่เซียวหานที่กำลังติดกระดุมข้อมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเธอ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ซังอวี๋ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมไปอีกแล้ว เรื่องในครั้งนี้ ปฏิกิริยาของพวกผู้ถือหุ้นค
แต่ตอนนี้ดอกไม้ได้เหี่ยวเฉาและตายไปแล้ว แสงแดดและการดูแลที่มาถึงช้าเกินไป จะมีความหมายอะไรอีก?ซังหนี่เตรียมจะหลับตาลงอีกครั้งแต่ในวินาทีต่อมา ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกฝั่งชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นถ้าเธอจำไม่ผิด มันเป็นยี่ห้อที่เธอใช้เป็นประจำจากนั้นก็เป็นสายรัดม่านที่หน้าต่าง ถัดมาเป็นห้องเสื้อฝั่งตรงข้าม ในประตูกระจกใสบานนั้น มีเสื้อผ้าที่ดูคุ้นตาแขวนอยู่และตอนนี้เองซังหนี่ถึงได้เข้าใจว่า เขาขนของที่เธอเคยทิ้งไว้ที่นี่ย้ายกลับมาทั้งหมดจริงๆ แล้วของพวกนี้ไม่ใช่ของเธอเลยเสื้อผ้าพวกนั้นคุณนายฟู่เป็นคนจัดหาให้เธอ เพื่อให้เวลาออกไปข้างนอกจะดูคู่ควรกับตำแหน่ง “คุณนายฟู่” ไม่ได้ใช้เงินของเธอซื้อเอง ดังนั้นตอนนั้นซังหนี่จึงไม่ได้เอามันไปด้วยส่วนชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น......บางทีอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้?ขณะที่ซังหนี่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงน้ำจากในห้องน้ำก็หยุดลงซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพียงแค่พยายามหลับตาลงเท่านั้นในความมืด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่เซียวหานค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็นอนลงข้างๆ เธอร่างกายของเขามีกลิ่นสะอาดสดช
ซังหนี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลับมาที่เถาหรานจวีจะเป็นภาพแบบนี้หรือจะพูดอีกอย่างคือ ในวันที่เธอจากไป เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาอีกดูเหมือนว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์จะถูกฟู่เซียวหานไล่ออกไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาเข้าไปข้างใน ภายในบ้านมืดสนิทฟู่เซียวหานพาซังหนี่ขึ้นไปที่ชั้นบนประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดไว้แล้วดูเหมือนว่าข้าวของข้างในจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ซังหนี่ยังไม่ทันจะได้สังเกตว่าอะไรเปลี่ยนไป ฟู่เซียวหานก็กดเธอลงบนเตียงแล้วตลอดทางเขาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงใบหน้าที่เคร่งขรึมและในตอนนี้การกระทำของเขาก็ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยแต่ซังหนี่ก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเธอเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน เพียงแค่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเป็นเพราะท่าทีตอบกลับที่เฉยเมยของเธอนั้นทำให้ฟู่เซียวหานไม่พอใจอย่างมาก เขาก้มหน้าลง แล้วกัดเข้าที่คอของเธอทันที!—— เขากัดจริงๆซังหนี่รู้สึกได้เลยว่าปลายฟันของเขาทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ จนเลือดไหลซึมออกมา!ซังหนี่เผลอร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วต
“ซัง......”ซังหนี่ไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงเดินไปตรงหน้าของฟู่เซียวหานแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ”เสียงของเธอแหบพร่าฟู่เซียวหานหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น จึงเอื้อมมือไปดึงเขาโดยตรงฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินไป จู่ๆ จี้อวี้หยวนที่ดูเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา ก็คว้ามืออีกข้างของซังหนี่เอาไว้!การกระทำนั้นทำให้สีหน้าของฟู่เซียวหานเคร่งขรึมทันที เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายหันไปมองจี้อวี้หยวนก่อน แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องลำบากใจ”“เพราะ......ฉันก็ไม่ได้เลือกคุณเหมือนกัน” เธอพูดอีกว่า “ด้วยสถานการณ์ของซังอวี๋ในตอนนี้ ฉันต้องเลือกเส้นทางที่เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด”“เดิมทีฉันยังคิดอยู่ว่าจะพูดกับคุณยังไงดี แต่ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะ พวกเรา......คงไม่ต้องรู้สึกผิดต่อกัน งานแต่งงาน......ก็ยกเลิกไปเถอะ”เมื่อพูดจบ ซังหนี่ก็สะบัดมือของจี้อวี้หยวนที่จับตัวเองออกจากนั้น เธอก็จับมือฟู่เซียวหานแล้วเดินจากไปคลับแห่งนี้บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักเสียงหัวเราะพูดคุยดังไม่หยุด หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสุ
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน
ฟู่เซียวหานเริ่มหมดความอดทน เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูหมุน เขาก็เงยหน้าขึ้นตะโกนเสียงดัง “ไสหัวไป!”เสียงที่เฉียบขาดเพียงคำเดียว ทำให้ด้านนอกเงียบลงทันทีรวมถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยเช่นกันซังหนี่เหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าการต่อต้านของเธอไม่มีความหมายอีกต่อไป มือนั้นที่เคยดันอกของเขาก็ค่อยๆ ลดลงช้าๆ ตอนนี้แม้แต่น้ำตาในดวงตาของเธอก็หายไปแล้วเธอค่อยๆ เอนตัวนอนลง และแหงนมองแสงไฟสีขาวเหนือศีรษะ นัยดวงตาว่างเปล่าฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เสียใจมากเลยใช่ไหม? หรือรู้สึกน้อยใจ? แค่ต้องไปจากเขา…คุณต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ?”เขาพูดด้วยรอยยิ้ม และพยายามแสร้งทำเป็นพูดเย้ยหยันแต่มือของเขากลับสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ความเจ็บปวดนั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ แทรกซึมไปทั่วร่างกายผ่านกระแสเลือด จนถึงปลายนิ้วของเขาซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่ท่าทางของเธอคล้ายกลับยอมรับในสิ่งที่ฟู่เซียวหานพูดเป็นนัยๆฟู่เซียวหานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อืม ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”“เอาอย่างงี้ไหม ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง คุณคิดว่ายังไง?”ซังหนี่ค่อยๆ หันมามองเขาสายตาท
ฟู่เซียวหานเอื้อมมือไปบีบคางของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน “คุณชอบจี้อวี้หยวนแล้วใช่ไหม?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบ แต่ริมฝีปากของเธอกลับเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆดวงตาของเธอยังคงคลอไปด้วยน้ำตา แต่มันกลับทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสและสวยงามมากยิ่งขึ้นฟู่เซียวหานสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ และยังสามารถมองเห็น......ความเกลียดชังที่อยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน—— เธอเกลียดเขาแน่นอนว่าฟู่เซียวหานเองก็รู้ดีตั้งแต่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไงแต่แล้วยังไงล่ะ?หรือว่าต้องให้เขาทำได้เพียงแค่มองดูเธอกับตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป?ถ้าเป็นอย่างงั้น ฟู่เซียวหานยอมให้เธอเกลียดเขาดีกว่าผลลัพธ์นี้ ไม่ใช่ว่าฟู่เซียวหานจะยอมรับไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เขายอมรับไม่ได้ก็คือ......ในใจของเธอมีคนอื่นเธอสามารถเกลียดเขาเพราะเรื่องของซังอวี๋ สามารถเกลียดเขาเพราะเธอเกลียด หรือจะเป็นเพราะซังหลินก็ได้ แต่จะเกลียดเขาเพราะจี้อวี้หยวนไม่ได้เด็ดขาด!แต่เมื่อมองเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้ มือเท้าของฟ
ฟู่เซียวหานเพิ่งพูดจบ ซังหนี่ก็เดินปรี่เข้ามา แล้วยกมือขึ้นทันที!แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ตบลงไปฟู่เซียวหานจับข้อมือของเธอไว้แน่น ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ“คนบ้า” ซังหนี่พูดขึ้นฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อย “อืม ผมรู้”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นอย่างเห็นได้ชัด และน้ำตาก็ไหลออกมาแต่เธอเหมือนจะไม่อยากยอมแพ้ต่อหน้าฟู่เซียวหาน จึงรีบยกมือขึ้นมา เช็ดน้ำตานั้นออกทันที“คุณตาของจี้อวี้หยวนป่วย”สุดท้าย เธอก็ยอมเล่าให้ฟู่เซียวหานฟัง “โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ อาการของเขาทรุดเร็วมาก อีกไม่นานอาจจะจำอะไรไม่ได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่จี้อวี้หยวนขอแต่งงานกับฉัน”เธอพูดจบ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการสายตานั้นที่ฟู่เซียวหานมองเธอยังคงเย็นชาเช่นเคยเมื่อเห็นว่าซังหนี่ยังคงมองเขาอยู่ เขาจึงย้อนถามกลับว่า “แล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับผม?”ซังหนี่สูดลมหายใจลึกๆ “ดังนั้นงานแต่งจะ…”“ไม่ได้”ฟู่เซียวหานพูดตัดบทเธออย่างไร้เยื่อใยเสียงของซังหนี่ก็หายไปในทันทีตอนนี้มือของเธอค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา “คุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ฉันเลยใช่ไหม? ฟู่เซียวหาน คุณจะบีบให้ฉันให้ตายเลยใช่ไหม!?”ฟ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย