“เมื่อคืนพวกเธอก็ได้เจอกันแล้วไม่ใช่หรือ?”ซังหลินกลับเปิดโปงถ้อยคำโกหกของเธออย่างไร้ปรานีซังหนี่เงียบซังหลินราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดออกมาโดยตรงว่า “จื้อเหอกรุ๊ปกำลังเตรียมการใหญ่ในเมืองอิ๋น สภาวะต่าง ๆ ในแวดวงธุรกิจเธอเองก็น่าจะเข้าใจชัดเจนกับมันแล้ว หากเธอสามารถทำให้เกิดความร่วมมือขึ้นได้ เธอก็ควรจะรู้ว่าสำหรับซังอวี๋กรุ๊ปแล้วมันหมายความว่าอย่างไร”“เธอเองก็คงไม่อยากจะอยู่ในบริษัทลูกนั่นไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหม? หากการเจรจาในการร่วมมือครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี เธอก็จะได้พิสูจน์ความสามารถของเธอต่อทุกคน ถึงเวลานั้นฉันจะได้เรียกตัวเธอกลับมาได้อย่างเปิดเผย และเมื่อถึงเวลานั้น จะไม่มีใครตั้งคำถามถึงตัวตนของเธอในฐานะผู้สืบทอดได้อีก”ซังหลินกล่าวเป็นจังหวะไม่รีบร้อนมันเป็นราวกับผลึกน้ำผึ้งชิ้นใหญ่ที่หลอกล่อให้ซังหนี่ก้าวขาเข้าไปทว่าซังหนี่กลับรู้ดี —— เขาไม่มีทางยอมให้เธอกลับเป็นเป็นผู้สืบทอดจริง ๆ หรอกการตายของภรรยาเขานั้น เขายังจำมันได้เสมอการที่ยินยอมให้เธออยู่ที่นี่ในตอนนี้ ก็เพราะเธอเป็นสายเลือดที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของเขาเท่านั้นเองซังหนี่รับรู้ถึงความคิดขอ
หลังจากส่งประธานหลินขึ้นรถไปแล้ว ซังหนี่ก็ยืนอยู่คนเดียวหน้าโรงน้ำชาคลื่นความร้อนที่พัดมาตรงหน้าช่างแตกต่างกับลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศด้านหลังมากนัก รุนแรงมากเสียจนทำให้ซังหนี่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเธอพยายามยับยั้งอาการไอ ขณะที่เพิ่งหยิบยาอมที่ทำให้ชุ่มคอจากกระเป๋าออกมาอม สายโทรศัพท์จากบริษัทก็โทรเข้ามาเร่งให้เธอรีบกลับไปประชุมเนื้อหาในการประชุมคล้ายคลึงกับคำพูดที่ซังหลินกล่าวกับเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนช่วงสองปีที่ผ่านมาแวดวงธุรกิจเข้าสู่สภาวะตกต่ำ แต่ผู้นำอุตสาหกรรมอย่างจื้อเหอราวกับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ——เรื่องของคุณแม่ของเขาเคยทำให้เกิดความปั่นป่วนไม่น้อย ฟู่เซียวหานถูกสื่อกล่าวหาว่าเป็นคนอกตัญญูไร้คุณธรรม ว่ากันว่าเป็นเพราะความกดดันอย่างต่อเนื่องของเขาที่ทำให้แม่ของเขาจำต้องพบกับจุดจบเช่นนั้นและคู่สามีภรรยาที่สูญเสียลูกชายก็ไปหานักข่าวมากมายเพื่อป่นทำลายภาพลักษณ์ของเขาทว่าฟู่เซียวหานกลับไม่สนใจเลยสักนิด เขายังคงทำทุกอย่างที่ควรทำในทุกวัน และยังมีกะจิตกะใจหาแฟนใหม่อีกด้วยการที่เขามาที่เมืองอิ๋นครั้งนี้ ก็เพื่อตรวจสอบโครงการที่อยู่ตรงชานเมืองของเมืองอิ๋นทุกคนต่างรู้ก
“พวกเราอยู่ที่โรงยิมซินเสีย ประธานฟู่กล่าวว่าอยากจะคุยกับเธอด้วยตัวเองน่ะ”ซังหนี่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้ว “กับฉันหรือคะ?”“ใช่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ให้ฉันบอกคนขับรถไปรับเธอมาไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเอารถมา ขับไปเองได้ค่ะ”ซังหนี่ไม่รู้ว่าตกลงแล้วฟู่เซียวหานคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่เกาต๋าเป็นคนของซังหลิน เวลานี้เขาเป็นคนเรียกให้เธอไป หากเธอเอ่ยปฏิเสธ เขาจะต้องไปฟ้องซังหลินอย่างแน่นอนดังนั้นไม่ว่าซังหนี่จะไม่ยินยอมพร้อมใจมากแค่ไหนก็ต้องไปอยู่ดีฟู่เซียวหานกับเกาต๋าอยู่ที่สนามแบดมินตันวันนี้เขาสวมชุดลำลองเป็นอย่างมาก เสื้อสเตเตอร์สีขาว ผมหน้าม้าปรกลงตรงหน้าผาก ทำให้เขาดูเด็กกว่าปกติมาก“ซังหนี่มาแล้ว”เกาต๋ารีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมตบไหล่ซังหนี่เบา ๆ ด้วยท่าทีของผู้อาวุโส “แม้ว่าเด็กคนนี้จะเพิ่งทำงานในบริษัทได้แค่ไม่กี่เดือน แต่ผลที่ออกมานั้นเตะตาเป็นอย่างมาก การวางแผนโครงการเข้าสู่พื้นทวีปในครั้งนี้เองก็ด้วย ความคิดเห็นของเธอดีมากจนผม…”“ได้ยินมาว่าประธานเสี่ยวซังเล่นแบดมินตันเก่งมาก?”ฟู่เซียวหานกลับตัดบทเขา และเอ่ยโพล่งขึ้นมาโดยตรงซังหนี่หันไปมองเขาฟู่เซียว
“ซังหนี่”ทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ เกาต๋าก็เรียกเธอเอาไว้คิ้วของเขาขมวดพันกันแน่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับการแสดงออกของซังหนี่เมื่อกี้นี้“โครงการนี้มีความสำคัญกับบริษัทของเรามากแค่ไหนเธอรู้ใช่ไหม?”ซังหนี่เพียงส่งเสียงตอบรับในลำคอ“แล้วเธอยังกล้าเย็นชาต่อประธานฟู่อีกงั้นหรือ?” เกาต๋าหรี่ตาลง “เธออย่าบอกฉันเชียวว่าเธอไม่รู้ว่าเขากำลังบอกเป็นนัยถึงอะไร”โครงการเข้าสู่พื้นทวีปเป็นโครงการใหญ่ที่ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงภาระงานของฟู่เซียวหานได้เลยแต่วันนี้เขากลับมาเล่นแบดมินตันและทานข้าวกับพวกเขา อีกทั้งสายตาที่เขาตั้งใจเหลือบมองซังหนี่ก่อนที่เธอจะดื่มคำนับเขาเมื่อกี้นี้ด้วย หากไม่ตาบอด ไม่ว่าใครก็สามารถมองสิ่งที่เขาคิดออกได้แต่ซังหนี่กลับไม่ยอมรับไม้นี้เลย“ฉันหย่ากับเขาแล้วค่ะ”หลังจากจ้องตากับเกาต๋าอยู่ครู่ใหญ่ ซังหนี่กล่าวมาเพียงเท่านี้ทว่าเกาต๋ากลับหัวเราะออกมาเบา ๆ “หย่าแล้วอย่างไรล่ะ? หรือว่าเธอจะเป็นสามีภรรยากับพวกประธานเฉิน ประธานจ้าวเขาล่ะ?”คำพูดนี้ของเขาทำให้ซังหนี่เปลี่ยนสีหน้าโดยพลัน ดวงตาเองก็ตวัดมองมาที่เขาทันที!แม้ว่าพวกเขาคิดจะส
“โครงการนี้ผมให้พวกคุณโดยตรงไม่ได้ แต่สามารถให้โอกาสแข่งขันอย่างยุติธรรมได้”ซังหนี่แสยะยิ้มเล็กน้อย “เงื่อนไขคืออะไรล่ะ?”ทันทีที่เธอพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมามุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ทำให้รอยยิ้มที่หางตาดูเด่นชัดขึ้น สีหน้าดูพอใจอย่างเห็นได้ชัด“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมีเงื่อนไข?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่มองเขาฟู่เซียวหานเก็บรอยยิ้มกลับไปอย่างรวดเร็ว ใช้นิ้วหมุนถ้วยชาเบา ๆ ก่อนพูดต่อว่า “ผมกับหลูเยียนเป็นแค่ข่าวลือ ตั้งใจสร้างภาพให้คนอื่นเข้าใจผิดก็เท่านั้น”ซังหนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงอธิบายเรื่องนี้กับเธอ จึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย“แม่ของผม...หมอบอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว มีโอกาสฟื้นสูง” เขาพูดต่อ “เรื่องก่อนหน้านั้น...”“ประธานฟู่คะ” ซังหนี่ขัดจังหวะเขาทันทีฟู่เซียวหานเงยหน้าขึ้นมองเธอ“คุณยังจำได้ไหมว่าครั้งก่อนที่ถนนในประเทศ D คุณเคยพูดอะไรกับฉัน?” ซังหนี่ยิ้มบาง ๆ “คุณบอกว่า...พวกเราไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว”ฟู่เซียวหานเงียบไป“ที่ฉันพูดแบบนี้อาจจะดูเข้าข้างตัวเองไปหน่อย แต่ที่คุณพูดเมื่อกี้...คงไม่ใช่ว่าอยากกลับมาคืนดีกับฉันใช่ไหมคะ?”“ไม่ใช่” ฟู่เซียวหานว
ซังหนี่ออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็วเมื่อครู่นี้เอง เธอได้ฟังคำแนะนำของเกาต๋าอย่างจริงจัง——ให้มองฟู่เซียวหานเป็นเพียงลูกค้าหรือหุ้นส่วนทางธุรกิจเหมือนครั้งก่อนใช้ความสัมพันธ์ที่เลือนรางระหว่างพวกเขาให้เป็นประโยชน์ เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองแม้ว่าก่อนหน้านี้ซังหนี่จะรังเกียจการเลือกปฏิบัติทางเพศและการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมในที่ทำงานอย่างมากแต่เมื่อเธอได้ก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ถึงได้รู้ว่าความคิดของตนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย แม้แต่ตัวเธอเอง ตอนนี้ก็เชี่ยวชาญในการใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองแต่เมื่อคน ๆ นั้นกลายเป็นฟู่เซียวหาน เธอกลับพบว่าตัวเองยังไม่สามารถรับมือกับมันได้อย่างสงบนิ่งเพราะเธอเคยรักเขาอย่างจริงใจ...มานานหลายปีถึงขนาดมีช่วงเวลาหนึ่ง ความรู้สึกของเธอได้รับการตอบสนอง เธอเคยสัมผัสถึงความรู้สึกที่เร่าร้อนจากร่างกายของเขาแม้ว่าสุดท้ายทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงภาพลวงตา แต่เธอก็ยังไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนแปลกหน้าได้แม้ว่าเกาต๋าจะบอกกับเธออย่างชัดเจนว่า นี่เป็นแค่เรื่องธุรกิจแต่เธอก็ยังทำไม่ได้อยู่ดีซังหนี่คิดว่า บางที
เขาสวมเทรนช์โค้ทสีเบจ ผมสั้นเรียบร้อยเป็นระเบียบ สวมแว่นตากรอบสีเงิน ทำให้โดยรวมดูสง่างามและสุขมนุ่มลึกเขาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “รอนานไหมครับ?”ซังหนี่ส่งข้อความไปพร้อมกับตอบว่า “ไม่นานค่ะ ฉันก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”“อืม ไปกันเถอะ”จี้อวี้หยวนพยักหน้า มือข้างหนึ่งลากกระเป๋าเดินทาง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งงอขึ้นเล็กน้อยซังหนี่เข้าใจความหมายของเขาทันที รีบเก็บโทรศัพท์แล้วคล้องแขนเขาไว้“ไปกินข้าวก่อนดีไหมครับ?” จี้อวี้หยวนถามซังหนี่พยักหน้า “ได้ค่ะ”“เสียงของคุณดูแปลก ๆ นะ”ซังหนี่ไอเบา ๆ “ก่อนหน้านี้ฉันเป็นหวัด แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ แค่ยังมีอาการไออยู่นิดหน่อย”“เดี๋ยวกลับไปผมจะต้มยาแก้ไอให้นะครับ”“โอเคค่ะ”……เมืองอิ๋น บริษัทลูกของจื้อเหอกรุ๊ปฟู่เซียวหานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มองภาพถ่ายที่เพิ่งได้รับในมือถือด้วยใบหน้าไร้อารมณ์——หนุ่มหล่อสาวสวย ดูแล้วเหมาะสมกันดีฟู่เซียวหานจ้องมองทั้งสองคนบนหน้าจอ แต่กลับหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัวเหมือนกับว่าเพิ่งได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิตแต่ไม่นานเขาก็ปิดหน้าจอมือถือลง ก่อนจะโยนมันลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ในตอนนี้ คำพูดของซั
ทันทีที่ฟู่เซียวหานขึ้นรถ ฝ่ายนั้นก็ส่งข้อความใหม่มาอีกครั้งเดิมทีฟู่เซียวหานจะลบข้อความนั้นทิ้งไปทันทีเพราะเขาไม่ต้องดูก็รู้ว่า ต้องเป็นรูปของสองคนนั้นอีกแน่แต่ตอนนี้ ไม่ว่ามีกี่รูป ก็ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้วก็เหมือนที่ซังหนี่พูดไว้ เธอก้าวไปข้างหน้าแล้ว เขาก็ควรจะทำเช่นกันส่วนคำพูดของเกาต๋าเมื่อกี้…ฟู่เซียวหานอดที่จะหัวเราะเยาะออกมาอีกครั้งไม่ได้เขาต้องการจะพูดอะไร?อีกฝ่ายเป็นแค่อาจารย์มหาวิทยาลัย แล้วอย่างไรล่ะ?หรือว่าเขาคิดให้ตัวเองใช้วิธีสกปรกต่ำช้าเพื่อแย่งซังหนี่กลับมา?ช่างน่าตลกจริง ๆเขาฟู่เซียวหานเคยต้องทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?——เข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของคนอื่น หรือแม้กระทั่งเป็นมือที่สาม?แค่คิดแบบนั้น ฟู่เซียวหานก็รู้สึกว่ามันน่าขันสิ้นดีแต่นิ้วของเขาลอยอยู่เหนือหน้าจอ เห็นปุ่มลบอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แต่กลับกดลงไปไม่ได้ลังเลอยู่หลายวินาที สุดท้ายเขาก็เปิดดูรูปภาพพวกเขากินข้าวเย็นเสร็จแล้ว รถก็แวะที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่สักพัก ก่อนจะขับเข้าไปในบ้านพักที่ซังหนี่อาศัยอยู่รูปสุดท้าย คือภาพที่พวกเขาเข้าไปในลิฟต์ด้วยกันสีหน้าของฟู่เซียวหานหาย
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็