แต่ยังไม่ทันได้สัมผัส ฟู่เซียวหานก็ผลักเธอออกไปอย่างแรงแรงของเขามาก ซังฉิงถูกเขาผลักจนเซถอยไปหลายก้าวกว่าจะทรงตัวได้หลังจากนั้น เธอเงยหน้ามองเขา “พี่เซียวหาน...”“ดูเหมือนความจำเธอจะไม่ค่อยดีจริง ๆ” ฟู่เซียวหานมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง เธอจะพูดไหม?”ซังฉิงนั่งอยู่บนพื้นจ้องมองเขา ซึ่งในดวงตาไร้วี่แววของความหวาดกลัวฟู่เซียวหาน จู่ ๆ หัวเราะขึ้นมา “ดี”พูดจบ เขาก็เตรียมหันหลังเดินออกไปซังฉิงมองแผ่นหลังของเขา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พ่อฉันเป็นคนวางแผนทั้งหมด”คำพูดของเธอ ทำให้ฟู่เซียวหานชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะหันกลับมาซังฉิงมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “เพราะแม่...อาการแย่มาก แต่พี่สาวก็ยืนกรานไม่ยอมให้เธอผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ พ่อเลยต้องทำแบบนี้”ฟู่เซียวหานเงียบไป แต่สีหน้าของเขากลับดูแย่อย่างถึงที่สุด มือข้างที่แนบข้างลำตัวกำแน่น จนเส้นเลือดตรงขมับปูดขึ้นมา!แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงมองซังฉิงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทนายรออยู่ที่หน้าประตูเมื่อฟู่เซียวหานเปิดประตูออกอย่างแรงแล้วเดินไปข้างหน้า ทนายชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตามไป“ประธานฟู่!”เสี
“ไม่ว่ายังไง คุณก็ควรคิดถึงแม่บุญธรรมที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วย”นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ฟู่เซียวหานทิ้งไว้ให้ซังหนี่ก่อนจากไปซังหนี่รู้สึกว่าเขาคงเข้าใจอะไรผิดไปอาจเป็นเพราะเธอดูสงบเกินไป เขาเลยคิดว่าเธอได้ทำใจยอมรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้ว?หรือแม้แต่คิดว่าเธออาจฆ่าตัวตาย?ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงคิดมากไปหน่อยซังหนี่ในตอนนี้แค่สงบจริง ๆ และ... มีสติก็เท่านั้นและถ้าเธอฆ่าตัวตายจริง ๆ ก็คงสมใจซังฉิงอย่างแท้จริง เพราะสิ่งที่เขาต้องการ ก็แค่ให้เธอตายไม่ใช่เหรอ?แค่คิดถึงสิ่งสกปรก...หรือแม้แต่เรื่องน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นที่พวกเขาทำ ซังหนี่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมาเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า คนที่อยากให้เธอตายมากที่สุดในวันหนึ่ง จะเป็นกลายเป็น...พ่อแม่แท้ ๆ ของเธอเองซังหนี่นั่งอยู่บนเตียง หลับตาแน่น——ข้างในมันเหือดแห้งไปหมดแล้ว ไม่มีหยดใดไหลออกมาอีกซังหนี่บอกทนายเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างซังฉิงกับจวงโหย่วเหวย แต่เมื่อทนายไปตรวจสอบกลับไม่พบหลักฐานใด ๆ อีกทั้งตอนนี้จวงโหย่วเหวยยังคงหมดสติ ดังนั้นจึงไม่มีพยานแม้แต่คนเดียวซังหนี่เองก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วเวลาค่อย ๆ ผ่านไ
และในวินาทีนั้น ท่ามกลางเมืองอันกว้างใหญ่ จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็รู้สึก...อยากเจอเธอขึ้นมาขณะที่เขากำลังจับพวงมาลัยและค่อย ๆ ชะลอรถจอดข้างทาง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหันเป็นสายจากโรงพยาบาล แจ้งว่า...จวงโหย่วเหวยฟื้นแล้ว……โรงพยาบาลซังหลินมองภรรยาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวและร่างกายที่ซูบผอมลงทุกวัน สีหน้าของเขายิ่งดูไม่สู้ดีนักยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของจวงโหย่วเหวยก็ยังไม่จบ ได้ยินมาว่าฟู่เซียวหานเข้ามายุ่งเกี่ยวแล้วซังหลินไม่เข้าใจว่าฟู่เซียวหานจะเข้ามาวุ่นวายในเวลานี้ทำไมแต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ท้ายที่สุดแล้วข้อตกลงระหว่างเขากับจวงโหย่วเหวยไม่ใช่เรื่องโปร่งใส หากเข้าไปยุ่งมากเกินไป อาจจะเผยพิรุธออกมาได้แต่ว่าโชคดีที่เขาไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้แค่คำกล่าวหาของจวงโหย่วเหวยกับซังหนี่เพียงลำพัง ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลยขณะที่ซังหลินกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ทนายของซังหนี่ก็โทรมาหาเขา แจ้งว่าซังหนี่ต้องการพบเขาซังหลินไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเจียงอิ่งนัก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ“แม่ของฉันอาการเป็นยังไงบ้าง?”นั่นคือคำถามแรกที่ซังหนี่เอ่ยขึ้นทันทีที่
วันที่แปดของปีใหม่จีน เป็นวันแรกของการกลับมาทำงานอย่างเป็นทางการฟู่เซียวหานจำได้อย่างชัดเจน วันนี้เดิมทีควรเป็นวันที่คดีของซังหนี่ถูกนำขึ้นพิจารณาคดีครั้งแรกแต่ไม่นาน ก็มีข่าวส่งมาถึงเขา บอกว่าการพิจารณาคดีถูกยกเลิกแล้วและระหว่างซังหนี่กับจวงโหย่วเหวย ได้ลงนามในเอกสารข้อตกลงประนีประนอมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วฟู่เซียวหานเองไม่เชื่อความเสียหายที่จวงโหย่วเหวยก่อขึ้นกับซังหนี่ ไม่ได้มีแค่การบุกรุกพร้อมอาวุธในครั้งนี้ แต่ยังมีเงามืดที่ฝังลึกในวัยเด็กมากมายนับไม่ถ้วนฟู่เซียวหานคิดด้วยซ้ำว่า ถ้าตอนนั้นเขาอยู่ที่เกิดเหตุ บางทีเขาอาจฆ่าจวงโหย่วเหวยไปแล้ว——แม้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่มีเหตุผลแค่ไหนก็ตามดังนั้นการตอบโต้ของซังหนี่ เขาคิดว่ามันไม่ได้รุนแรงเกินไปแม้แต่น้อยคนแบบนั้น...สมควรตกนรกไปเสียแต่ตอนนี้พวกเขากลับมาบอกว่า ซังหนี่ยอมไกล่เกลี่ยกับเขาแล้วงั้นเหรอ?ฟู่เซียวหานไม่เชื่อแม้แต่น้อย ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวคือ ซังหลินต้องเอาอะไรมาขู่บังคับเธอแน่แต่เธอ...ยังมีจุดอ่อนอะไรเหลืออีกล่ะ?ฟู่เซียวหานนึกไม่ออก ในเมื่อแม่บุญธรรมของเธอ...ตอนนี้ก็ยังอยู่ดีในโรงพยาบาล“
ซังหนี่เองก็สังเกตเห็นท่าทางของเธอเช่นกันเมื่อสายตาเธอไล่มองไปจนเห็นฟู่เซียวหาน ซังหนี่ถึงกับชะงักไปชั่วครู่จากนั้น เธอหันไปมองพยาบาลข้าง ๆ “คุณออกไปก่อนเถอะ”“โอ้…ค่ะ”พยาบาลยังคงงุนงงอยู่ แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นต่อฟู่เซียวหาน แต่เพราะใบหน้าหล่อเหลาของเขา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอีกสองสามครั้ง ก่อนจะหมุนตัวออกไป——แล้วปิดประตูตามหลังฟู่เซียวหานยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเพียงแค่มองซังหนี่ด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรสักคำ และไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อยซังหนี่จ้องตาเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นตรง ๆ "ถ้าประธานฟู่ไม่มีธุระอะไร ก็ออกไปเถอะค่ะ ฉันต้องการพักผ่อน"“คุณเป็นบ้าแล้วหรือไง?”ในที่สุดฟู่เซียวหานเพิ่งจะเอ่ยปากพูด แต่เสียงของเขาเย็นเยียบถึงขีดสุด “คุณรู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?”“รู้ค่ะ” ซังหนี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงทั้งเด็ดขาดและสงบนิ่ง“เพื่อหุ้นของซังอวี๋กรุ๊ปแค่นั้นงั้นเหรอ? คุณรู้ไหมว่าการผ่าตัดมีความเสี่ยงต่อร่างกายคุณมากแค่ไหน?”“ฉันรู้ดี”“รู้แล้วยังจะทำอีกงั้นเหรอ!?”“ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ เพื่อหุ้นแค่นั้น” ซังหนี่กล่าว “มันไม่ได้หรือไง?”“ถ้าคุณ
ในคืนวันที่สองหลังจากที่ฟู่เซียวหานมาเยี่ยมซังหนี่ เธอได้ยินเสียงความวุ่นวายดังขึ้นจากห้องข้าง ๆ อย่างกะทันหันพอเธอลุกขึ้นจากเตียงถึงได้รู้ว่า เป็นคุณนายซังที่เกิดเรื่องขึ้นตั้งแต่ช่วงค่ำ อาการของเธอขึ้น ๆ ลง ๆ มาโดยตลอด จนกระทั่งตอนนี้...ทรุดหนักอย่างกะทันหันซังหลินมาถึงแล้วแต่ซังฉิงกลับไม่เห็นอยู่ที่นี่พอเห็นซังหนี่นั่งอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน เขาก็รีบพุ่งเข้ามาจับไหล่เธอทันที “เป็นยังไงบ้าง!?”ซังหนี่ส่ายหน้า “หมอยังคงช่วยชีวิตอยู่”“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ!? ตอนที่ฉันไปเธอยังดีอยู่เลย! หรือว่าแกไปพูดอะไรจนทำให้เธอสะเทือนใจ!?”ซังหลินไม่รู้จะระบายอารมณ์ยังไง โดยสัญชาตญาณจึงมองหาคนที่เขาจะระบายความโกรธได้ซังหนี่มองเขาด้วยความเยือกเย็น “ในห้องผู้ป่วยมีกล้องวงจรปิดไม่ใช่เหรอ? คุณไปดูเองได้”คำโต้เถียงอย่างสงบนิ่งนี้ทำให้ซังหลินพูดอะไรไม่ออกไม่นานนัก ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกซังหลินรีบพุ่งเข้าไปทันที!“อาการของผู้ป่วย...พวกเราทำเต็มที่แล้ว” หมอกล่าวสีหน้าของซังหลินหายวับไปในทันที!“หมายความว่าไง...นี่มันหมายความว่ายังไง!? ไม่ใช่บอกว่าสามารถทำการปลูกถ่ายอวัยวะได้
เสียงของซังฉิงแหลมสูง ดวงตาที่มองซังหนี่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธแค้นแต่ซังหนี่เพียงแค่มองเธออย่างสงบนิ่งเมื่อเปรียบเทียบอารมณ์กันแล้ว ซังฉิงกลับดูเหมือนตัวตลกที่กระโดดโลดเต้นไปมาสีหน้าของเธอยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิม ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ซังหนี่กลับพูดขึ้นว่า “ถ้าฉันเป็นเธอ คงรีบคิดแล้วว่าต่อไปควรทำยังไง”“ทำยังไง? หมายความว่าไง?”“คนที่คอยปกป้องเธอ กำลังจะตายแล้ว” ซังหนี่พูดอย่างช้า ๆ “หลังจากนี้เธอจะทำยังไง...ไม่คิดว่าควรใช้สมองคิดสักหน่อยเหรอ?”ซังฉิงเผลอคิดจะเถียงซังหนี่โดยอัตโนมัติแต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปาก เธอกลับกลืนมันลงไปทันที——คนที่ซังหนี่พูดถึง ย่อมเป็นคุณนายซังตลอดหลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนซังหลินเป็นผู้ดูแลบ้านตระกูลซัง แต่คนที่มีบทบาทสำคัญระหว่างซังหนี่กับซังฉิงก็คือคุณนายซังซังหลินปฏิบัติต่อพวกเธอสองคนตามความพอใจของคุณนายซังโดยสิ้นเชิงแต่ตอนนี้ คุณนายซังกำลังจะจากไปนี่ก็คือข้อได้เปรียบเพียงข้อเดียวของซังฉิงคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของซังฉิงก็ซีดลงทันที แล้วหันไปมองซังหนี่อย่างรวดเร็ว “พี่หมายความว่าไง? คุณพ่อไม่มีทางเชื่อคำพูดของพี่หรอก เขา...”“ฉั
งานแต่งครั้งนี้แม้ว่าจะจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ แต่คนที่ควรเชิญก็ยังถูกเชิญมาครบถ้วนซังหนี่ในฐานะญาติ ยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับซังหลินวันนี้เธอสวมชุดเดรสยาวสีแชมเปญ เกล้าผมยาวขึ้นเผยให้เห็นลำคอขาวเรียว พร้อมแต่งหน้าอ่อน ๆ ทำให้ทั้งตัวเธอดูงดงามและมีเสน่ห์การแต่งตัวของเธอวันนี้ถือว่าเรียบง่ายพอสมควร แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า รอบข้างยังคงมีเสียงซุบซิบอยู่ไม่น้อยพวกเขาไม่พูดอะไรต่อหน้าซังหนี่อยู่แล้ว แต่สายตาแปลก ๆ เหล่านั้นที่จ้องมองก็เหมือนคมดาบ ที่แทงทะลุฝูงชนมาหยุดที่ตัวเธอโดยตรงแต่ซังหนี่คิดไว้ตั้งแต่ก่อนมาถึงแล้วว่าต้องเจอแบบนี้ เธอจึงไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ยังคงยิ้มทักทายทุกคนตามปกติในตอนนั้นเหยวนโหรวก็ปรากฏตัวขึ้นวันนี้เธอแต่งตัวหรูหราเต็มที่ สวมชุดราตรีสีขาวอ่อน โดยไม่สนเลยว่าจะไปซ้ำกับเจ้าสาวหรือเปล่า แต่งหน้าเข้มจัดจนคนในงานยังไม่ทันได้เห็นเจ้าสาว แต่กลับถูกเธอดึงดูดสายตาไปก่อนแล้วซังหนี่ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม ยิ้มทักทายเธออย่างสุภาพ“เธอยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ?” หยวนโหรวหัวเราะเยาะ “พวกคุณก็ไม่ถือเรื่องโชคร้ายเลยนะ ถึงกับให้ฆาตกรมายืนรับแขกได้?”คำพ
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็