ซังหนี่เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยหลังจากที่หยวนโหรวเข้าไป เธอถึงเงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่แขกคนต่อไป “ยินดีต้อนรับ...”เมื่อถึงคำพูดคำสุดท้าย เสียงของซังหนี่ก็เบาลงอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มของเธอก็หยุดนิ่งไปชั่วขณะแต่ไม่นานเธอดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว และรอยยิ้มของเธอก็สดใสขึ้น “ประธานฟู่”เธอไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ดูจากสถานการณ์ด้านหลังของเขายังมีคนอื่นด้วย ซึ่งสิ่งที่เธอกับหยวนโหรวพูดไปนั้น...เขาน่าจะได้ยินทั้งหมดแล้วสายตาของฟู่เซียวหานมองผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าซังหลิน “ขอแสดงความยินดีครับ”“ขอบใจมาก”ทั้งสองคนจับมือทักทาย และปล่อยอย่างรวดเร็วซังหนี่ไม่ได้มองที่เขาอีกต่อไป เพียงหันหน้ามองไปที่แขกคนอื่นที่มา——รอยยิ้มของเธอยังคงสดใสเช่นเดิม……วันนี้มีแขกมาร่วมงานหลายพันคนแค่การต้อนรับแขก ซังหนี่ก็รู้สึกเหมือนหน้าของตัวเองแทบจะยิ้มจนแข็งทื่อแล้วช่วงเวลาต่อจากนี้ไม่จำเป็นต้องมีเธอแล้ว ซังหนี่จึงมองหาที่ว่าง และเดินไปที่ระเบียงทางเดินเพื่อรับลมเธอหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าถือ และกำลังจะจุดมัน แต่เธอกลับพบว่าตัวเองลืมเอาไฟแช็กมาเธอค้นหาในกระเป๋าจนทั
เวลานี้ห้องจัดงานเลี้ยงคึกคักมากถึงแม้จะเร่งรีบ แต่งานแต่งงานนี้ก็ยังไม่มีอะไรผิดพลาดตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องแลกแหวนกัน ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของคืนนี้เลยซังฉิงมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง แล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนเสนอให้จัดงานแต่งงานในวันนี้?”ฉินม่อไม่ตอบซังฉิงฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นซังหนี่”“คุณยังชอบเธออยู่ไหม? ผลสุดท้ายล่ะ? เธอต้องการกลั่นแกล้งฉัน ถึงกับไม่สนว่าจะต้องลากคุณเข้ามาเกี่ยวด้วย”ฉินม่อยังคงนิ่งเงียบ แสร้งทำเป็นเหมือนว่าไม่ได้ยินอะไร และสวมแหวนไปที่นิ้วของเธอตามลำดับพิธีการซังฉิงกัดฟันแน่น “เธอคิดว่าฉันแต่งงานไปแล้วก็จะไม่ใช่คนของตระกูลซังอีกต่อไป? เธอคิดผิด? ที่ฉันตกลง…ก็เพราะอยากให้พ่อของฉันเห็นว่าฉันน่าสงสารก็เท่านั้น คุณคอยดูเถอะ ฉันจะต้องเอาของที่มันเป็นของของฉันกลับคืนมา ดังนั้น คุณอยาก…”ซังฉิงยังพูดไม่จบ ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากด้านข้างอยู่หลายครั้ง!เธอจึงรีบหันไปทันทีคุณนายซังที่คืนนี้พยายามบังคับตัวเองมาจนถึงตอนนี้ด้วยความทรมานจากอาการเจ็บป่วยทำให้เธอแทบไม่เหมือนคนปกติ และเวลานี้เธอได้ล้มลงไปใ
ซังหนี่ไม่ได้ตอบเขา เพียงแค่เหลือบมองตามหลังของเขา จากนั้นค่อยๆ หันไปมองรูปของผู้ตายที่อยู่ตรงหน้าผู้หญิงในรูปคือตอนที่เธอยังเป็นสาวแค่ที่น่าขำก็คือ เธอในรูปถ่ายนั้นกับซังหนี่แทบจะ...เหมือนกันทุกอย่างในวันทำพิธีฝังศพ เมืองถงจู่ๆ ฝนก็ตกลงมา และอุณหภูมิก็ดูเหมือนจะลดลงกว่าฤดูหนาวเมื่อปลายปีที่แล้วซังหนี่สวมเสื้อคลุม แต่เมื่อเธอไปยืนอยู่ในสุสาน กลับรู้สึกราวกับว่าลมหนาวมีตาและกำลังเจาะเข้าไปในร่างกายของเธอโกศถูกฝังลงไปแล้วเมื่อเสียงของพระสงฆ์ดังขึ้นมาในสุสาน ซังหนี่ถึงได้ตระหนักว่า——เธอจากไปแล้วจริงๆไม่ว่าจะเป็นความรักหรือความเกลียด ดูเหมือนว่ามันจะหายไป พร้อมกับการตายของเธอทันใดนั้นซังหนี่ก็นึกถึงวันที่เธอหลับตาลงวันนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกผิดหรืออะไร แต่วินาทีสุดท้าย เธอกลับเรียกซังหนี่ให้มายืนต่อหน้าเธอในตอนนั้นแววตาของเธอ ทำให้ความทรงจำบางอย่างของซังหนี่ที่ลืมเลือนไปนานแล้วจู่ๆ ก็ผุดขึ้นมานั่นคือตอนที่ซังหนี่ยังไม่หายตัวไปความอ่อนโยนที่เธอมีให้ซังหนี่ในตอนนั้น...มันคือความจริงเธอจะกอดซังหนี่นอนหลับ จะจับมือซังหนี่อย่างอบอุ่น และนั่งยองๆ เช็ดเหงื่อให้ซ
“ประธานเสี่ยวซัง แค่คุณกับประธานเฉินได้ไหมครับ? ประธานเฉิน...”ผู้ช่วยในสายโทรศัพท์พูดอย่างลังเลซังหนี่เข้าใจความหมายของเขาโดยทันที——ประธานเฉินคนนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในทางที่ไม่ค่อยดีนักในเมืองอิ๋นคืนนี้เขาระบุชัดเจนว่าต้องการทานอาหารตามลำพังกับซังหนี่ ดังนั้นจึงพอจะเข้าใจที่ผู้ช่วยพูดเตือนอย่างระมัดระวัง“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ทานข้าวก็เท่านั้น”ซังหนี่กลับดูใจเย็นมากหลังจากตอบเสร็จเธอก็เปิดประตูลงจากรถเธอเป็นคนจองร้านอาหาร และเพื่อป้องกัน “เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด” อื่นๆ ซังหนี่จึงมาถึงร้านอาหารก่อนล่วงหน้าครึ่งชั่วโมงเพื่อสั่งอาหารขณะที่เธอรินน้ำชาจนเต็มแก้ว ประธานเฉินก็มาถึงพอดี“โอ้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้ประธานเสี่ยวซังต้องรอนาน”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน” ซังหนี่ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อทั้งสองพบหน้ากัน ทุกอย่างก็ยังถือว่าเป็นปกติแต่หลังจากดื่มไวน์แดงไปไม่กี่แก้ว หัวข้อสนทนาของฝ่ายชายก็เริ่มออกนอกเรื่องไป “ประธานเสี่ยวซังอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้วใช่ไหม?”“สามเดือนแล้วค่ะ” ซังหนี่ตอบด้วยรอยยิ้ม“คุณปรับตัวได้ดีไหม?”“ดีมากค่ะ ต้องขอบคุณความกรุณาดูแลจาก
หญิงสาวตอบ และดูเหมือนตาของเธอจะมองเห็นอะไรบางอย่าง จึงรีบโบกมือออกไปอย่างตื่นเต้นจากนั้นซังหนี่ก็เห็นมันด้วยเช่นกัน——รถสีดำกลางสายฝนตกคันนั้นป้ายเลขทะเบียนรถที่ไม่คุ้นเคย แต่รุ่นรถกลับเป็นรุ่นที่ซังหนี่คุ้นเคยเป็นอย่างดี——นั่นเป็นรุ่นรถที่ฟู่เซียวหานชอบมากที่สุดซังหนี่ตกละลึง แล้วเบี่ยงสายตาหลบไป และไม่แม้แต่จะเรียกรถแท็กซี่ต่อ เพียงหันหลังกลับและเดินเข้าไปกลางสายตกในยามค่ำคืน“คุณมาแล้ว?”หญิงสาวไม่ได้สนใจสิ่งอื่น หลังจากคนขับรถลงจากรถมาเปิดประตู เธอก็รีบขึ้นรถด้วยความตื่นเต้นฝ่ายชายนั่งอยู่ตรงนั้นเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กระดุมข้อมือสีทองเข้ม ด้านบนเป็นลวดลายที่ประณีตสวยงาม มือที่วางอยู่บนเข่า ขาวและเรียวบาง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่ดวงตาอันคมลึกคู่นั้นกลับมองตรงไปข้างหน้า ด้วยความหม่นหมอง“ประธานฟู่?”หญิงสาวเรียกเขาอีกครั้ง และมองไปตามทิศทางของสายตาที่เขามองไป แต่ก็ไม่พบอะไร“ไปเถอะ”ฟู่เซียวหานพูดเสียงเบาเมื่อหญิงสาวเห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี จึงไม่พูดอะไรไร้สาระอีกเมื่อมาถึงโรงแรม หญิงสาวก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจและถามเขาว่า “คุณอยากขึ้นไป...”ฟ
ซังหนี่พยักหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่มีข้อสงสัยอะไรในคำอธิบายของสวีเหยียน แล้วก็กดหมายเลขชั้นของตัวเองสวีเหยียนเหลือบมองตัวเลขสองตัวนั้นที่สว่างขึ้น แล้วถามว่า “คุณหนูซัง คุณพักอยู่ที่นี่...”เขาพูดยังไม่จบ โทรศัพท์ของซังหนี่ก็ดังขึ้นมาเธอหันไปทางสวีเหยียนและยิ้มด้วยความเกรงใจ จากนั้นก็รับโทรศัพท์“ประธานจ้าว? ค่ะ ฉันเอง”“คุณก็อยู่ด้วยเหรอคะ? ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าฉันรู้ฉันคงจะเดินไปชนแก้วกับคุณสักหน่อย” ซังหนี่พูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นคราวหน้าฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ เพื่อเป็นการขอโทษนะคะ”“แน่นอน คุณเลือกสถานที่อยากไปได้เลย”ในลิฟต์ขนาดใหญ่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นแม้ว่าเสียงของซังหนี่จะไม่ดัง แต่สวีเหยียนก็สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนสวีเหยียนได้กลืนคำถามที่เขากำลังจะถามกลับเข้าไปจนกระทั่งลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นของซังหนี่ เธอถึงได้วางสายโทรศัพท์จากนั้น เธอก็หันไปมองสวีเหยียน “ผู้ช่วยสวี เมื่อกี้คุณจะพูดว่าอะไรนะคะ?”“ไม่มีอะไรครับ แค่จะบอกว่า...แฟนของผมพักอยู่ที่นี่คนเดียว ถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมจะแนะนำพวกคุณสองคนให้รู้จักกัน เพื่อมีอะไรจะได้ดูแลกันได้?”สวีเหยียนคิดข้อแก้ตัวขึ้นมาพูด“
ซังหนี่ยิ้มให้ผู้ชายคนนั้น “ใครจะไปทำแบบนั้นคะ? ฉันแค่กลัวว่าประธานจ้าวจะยุ่งหรือเปล่า? ยังไงคนที่อยากทานข้าวกับประธานจ้าวก็มีเยอะแยะ ฉันกลัวว่าจะไม่มีคิวค่ะ”รอยยิ้มของเธอมีเสน่ห์ และแม้ว่าชายคนนั้นจะไม่พอใจแต่ในตอนนี้อารมณ์เหล่านั้นก็สงบลง จากนั้นก็เอามือมาโอบเอวของเธอ “งั้นตอนนี้ผมมีเวลาแล้ว ประธานเสี่ยวซังวางแผนจะไปทานข้าวกับผมเมื่อไหร่ครับ?”ซังหนี่หยิบแก้วไวน์จากด้านข้างและยัดใส่มือของเขา “ฉันได้ตลอดค่ะ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะติดต่อผู้ช่วยประธานจ้าวเพื่อนัดหมายเวลานะคะ?”“ทำไมต้องลำบากขนาดนั้น? คุณมีเบอร์ส่วนตัวของผมไม่ใช่เหรอ?”ชายคนนั้นรับแก้วไวน์ไป แต่มือกลับแอบสัมผัสกับหลังมือของซังหนี่เล็กหน่อยผู้ชายคนนั้นแม้ว่าจะไม่อ้วน หน้าตาก็ถือว่าดูดี แต่เวลานี้ซังหนี่กลับรู้สึกเลี่ยนขึ้นมาแม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอก็ยังคงมีรอยยิ้มที่สวยงามบนใบหน้า “โอเคค่ะ งั้นคืนนี้ฉันจะกลับไปเลือกร้านอาหาร แล้วพรุ่งนี้ค่อยโทรศัพท์หาคุณ?”ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกไม่กี่คำ หลังจากซังหนี่จัดการกับผู้ชายคนนั้นเสร็จ ไม่นานก็การทักทายทางสังคมรอบใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งในขณะที่เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ้มจ
จริงๆ แล้วคืนนี้ซังหนี่ไม่ได้เยอะขณะอยู่ในงานเลี้ยงก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่องานเลี้ยงจบลง เธอกลับรู้สึกระคายคออย่างควบคุมไม่ได้ซังหนี่เดินไป ก็ไอไปตลอดทางเมื่อเธอเดินออกมาจากโรงแรมแล้วมีลมพัดมาปะทะหน้า คอของเธอก็เกิดการระคายเคืองมากขึ้นทันทีและคนขับรถของเธอไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ ซังหนี่พยายามโทรศัพท์หาเขาหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับสายขณะที่ซังหนี่กำลังจะโทรศัพท์ไปหาผู้ช่วยของเธอแทน ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังเธอ “ประธานซังคะ!”เสียงดังฟังชัดนั้นทำให้ซังหนี่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยดีนัก เมื่อเธอหันกลับไป เธอก็เห็นหลูเยียนกำลังเดินเข้ามาหาเธอ“คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอคะ?” เธอพูดด้วยรอยยิ้มซังหนี่พยักหน้าให้เธอ“คนขับรถของคุณยังมาเหรอคะ? งั้นให้ฉันไปส่งคุณไหม?”“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ซังหนี่ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวเขาก็มาแล้วค่ะ”“ไม่เป็นไรค่ะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ให้ฉันไปส่งคุณนะ”หลูเยียนทำตัวสนิทสนม ขณะที่พูดอยู่นั้นเธอก็จับมือของซํงหนี่ไว้ซังหนี่ขมวดคิ้ว และกำลังจะดึงมือของตัวเองออก จากนั้นจู่ๆ หลูเยียนก็เห็นอะไรบางอย่าง และรีบโบกมืออย่างตื่นเต้นให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ “ฉ
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็