ซังหนี่ไม่ได้ตอบเขา เพียงแค่เหลือบมองตามหลังของเขา จากนั้นค่อยๆ หันไปมองรูปของผู้ตายที่อยู่ตรงหน้าผู้หญิงในรูปคือตอนที่เธอยังเป็นสาวแค่ที่น่าขำก็คือ เธอในรูปถ่ายนั้นกับซังหนี่แทบจะ...เหมือนกันทุกอย่างในวันทำพิธีฝังศพ เมืองถงจู่ๆ ฝนก็ตกลงมา และอุณหภูมิก็ดูเหมือนจะลดลงกว่าฤดูหนาวเมื่อปลายปีที่แล้วซังหนี่สวมเสื้อคลุม แต่เมื่อเธอไปยืนอยู่ในสุสาน กลับรู้สึกราวกับว่าลมหนาวมีตาและกำลังเจาะเข้าไปในร่างกายของเธอโกศถูกฝังลงไปแล้วเมื่อเสียงของพระสงฆ์ดังขึ้นมาในสุสาน ซังหนี่ถึงได้ตระหนักว่า——เธอจากไปแล้วจริงๆไม่ว่าจะเป็นความรักหรือความเกลียด ดูเหมือนว่ามันจะหายไป พร้อมกับการตายของเธอทันใดนั้นซังหนี่ก็นึกถึงวันที่เธอหลับตาลงวันนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกผิดหรืออะไร แต่วินาทีสุดท้าย เธอกลับเรียกซังหนี่ให้มายืนต่อหน้าเธอในตอนนั้นแววตาของเธอ ทำให้ความทรงจำบางอย่างของซังหนี่ที่ลืมเลือนไปนานแล้วจู่ๆ ก็ผุดขึ้นมานั่นคือตอนที่ซังหนี่ยังไม่หายตัวไปความอ่อนโยนที่เธอมีให้ซังหนี่ในตอนนั้น...มันคือความจริงเธอจะกอดซังหนี่นอนหลับ จะจับมือซังหนี่อย่างอบอุ่น และนั่งยองๆ เช็ดเหงื่อให้ซ
“ประธานเสี่ยวซัง แค่คุณกับประธานเฉินได้ไหมครับ? ประธานเฉิน...”ผู้ช่วยในสายโทรศัพท์พูดอย่างลังเลซังหนี่เข้าใจความหมายของเขาโดยทันที——ประธานเฉินคนนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในทางที่ไม่ค่อยดีนักในเมืองอิ๋นคืนนี้เขาระบุชัดเจนว่าต้องการทานอาหารตามลำพังกับซังหนี่ ดังนั้นจึงพอจะเข้าใจที่ผู้ช่วยพูดเตือนอย่างระมัดระวัง“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ทานข้าวก็เท่านั้น”ซังหนี่กลับดูใจเย็นมากหลังจากตอบเสร็จเธอก็เปิดประตูลงจากรถเธอเป็นคนจองร้านอาหาร และเพื่อป้องกัน “เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด” อื่นๆ ซังหนี่จึงมาถึงร้านอาหารก่อนล่วงหน้าครึ่งชั่วโมงเพื่อสั่งอาหารขณะที่เธอรินน้ำชาจนเต็มแก้ว ประธานเฉินก็มาถึงพอดี“โอ้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้ประธานเสี่ยวซังต้องรอนาน”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน” ซังหนี่ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อทั้งสองพบหน้ากัน ทุกอย่างก็ยังถือว่าเป็นปกติแต่หลังจากดื่มไวน์แดงไปไม่กี่แก้ว หัวข้อสนทนาของฝ่ายชายก็เริ่มออกนอกเรื่องไป “ประธานเสี่ยวซังอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้วใช่ไหม?”“สามเดือนแล้วค่ะ” ซังหนี่ตอบด้วยรอยยิ้ม“คุณปรับตัวได้ดีไหม?”“ดีมากค่ะ ต้องขอบคุณความกรุณาดูแลจาก
หญิงสาวตอบ และดูเหมือนตาของเธอจะมองเห็นอะไรบางอย่าง จึงรีบโบกมือออกไปอย่างตื่นเต้นจากนั้นซังหนี่ก็เห็นมันด้วยเช่นกัน——รถสีดำกลางสายฝนตกคันนั้นป้ายเลขทะเบียนรถที่ไม่คุ้นเคย แต่รุ่นรถกลับเป็นรุ่นที่ซังหนี่คุ้นเคยเป็นอย่างดี——นั่นเป็นรุ่นรถที่ฟู่เซียวหานชอบมากที่สุดซังหนี่ตกละลึง แล้วเบี่ยงสายตาหลบไป และไม่แม้แต่จะเรียกรถแท็กซี่ต่อ เพียงหันหลังกลับและเดินเข้าไปกลางสายตกในยามค่ำคืน“คุณมาแล้ว?”หญิงสาวไม่ได้สนใจสิ่งอื่น หลังจากคนขับรถลงจากรถมาเปิดประตู เธอก็รีบขึ้นรถด้วยความตื่นเต้นฝ่ายชายนั่งอยู่ตรงนั้นเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กระดุมข้อมือสีทองเข้ม ด้านบนเป็นลวดลายที่ประณีตสวยงาม มือที่วางอยู่บนเข่า ขาวและเรียวบาง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่ดวงตาอันคมลึกคู่นั้นกลับมองตรงไปข้างหน้า ด้วยความหม่นหมอง“ประธานฟู่?”หญิงสาวเรียกเขาอีกครั้ง และมองไปตามทิศทางของสายตาที่เขามองไป แต่ก็ไม่พบอะไร“ไปเถอะ”ฟู่เซียวหานพูดเสียงเบาเมื่อหญิงสาวเห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี จึงไม่พูดอะไรไร้สาระอีกเมื่อมาถึงโรงแรม หญิงสาวก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจและถามเขาว่า “คุณอยากขึ้นไป...”ฟ
ซังหนี่พยักหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่มีข้อสงสัยอะไรในคำอธิบายของสวีเหยียน แล้วก็กดหมายเลขชั้นของตัวเองสวีเหยียนเหลือบมองตัวเลขสองตัวนั้นที่สว่างขึ้น แล้วถามว่า “คุณหนูซัง คุณพักอยู่ที่นี่...”เขาพูดยังไม่จบ โทรศัพท์ของซังหนี่ก็ดังขึ้นมาเธอหันไปทางสวีเหยียนและยิ้มด้วยความเกรงใจ จากนั้นก็รับโทรศัพท์“ประธานจ้าว? ค่ะ ฉันเอง”“คุณก็อยู่ด้วยเหรอคะ? ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าฉันรู้ฉันคงจะเดินไปชนแก้วกับคุณสักหน่อย” ซังหนี่พูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นคราวหน้าฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ เพื่อเป็นการขอโทษนะคะ”“แน่นอน คุณเลือกสถานที่อยากไปได้เลย”ในลิฟต์ขนาดใหญ่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นแม้ว่าเสียงของซังหนี่จะไม่ดัง แต่สวีเหยียนก็สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนสวีเหยียนได้กลืนคำถามที่เขากำลังจะถามกลับเข้าไปจนกระทั่งลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นของซังหนี่ เธอถึงได้วางสายโทรศัพท์จากนั้น เธอก็หันไปมองสวีเหยียน “ผู้ช่วยสวี เมื่อกี้คุณจะพูดว่าอะไรนะคะ?”“ไม่มีอะไรครับ แค่จะบอกว่า...แฟนของผมพักอยู่ที่นี่คนเดียว ถ้าไม่เป็นการรบกวน ผมจะแนะนำพวกคุณสองคนให้รู้จักกัน เพื่อมีอะไรจะได้ดูแลกันได้?”สวีเหยียนคิดข้อแก้ตัวขึ้นมาพูด“
ซังหนี่ยิ้มให้ผู้ชายคนนั้น “ใครจะไปทำแบบนั้นคะ? ฉันแค่กลัวว่าประธานจ้าวจะยุ่งหรือเปล่า? ยังไงคนที่อยากทานข้าวกับประธานจ้าวก็มีเยอะแยะ ฉันกลัวว่าจะไม่มีคิวค่ะ”รอยยิ้มของเธอมีเสน่ห์ และแม้ว่าชายคนนั้นจะไม่พอใจแต่ในตอนนี้อารมณ์เหล่านั้นก็สงบลง จากนั้นก็เอามือมาโอบเอวของเธอ “งั้นตอนนี้ผมมีเวลาแล้ว ประธานเสี่ยวซังวางแผนจะไปทานข้าวกับผมเมื่อไหร่ครับ?”ซังหนี่หยิบแก้วไวน์จากด้านข้างและยัดใส่มือของเขา “ฉันได้ตลอดค่ะ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะติดต่อผู้ช่วยประธานจ้าวเพื่อนัดหมายเวลานะคะ?”“ทำไมต้องลำบากขนาดนั้น? คุณมีเบอร์ส่วนตัวของผมไม่ใช่เหรอ?”ชายคนนั้นรับแก้วไวน์ไป แต่มือกลับแอบสัมผัสกับหลังมือของซังหนี่เล็กหน่อยผู้ชายคนนั้นแม้ว่าจะไม่อ้วน หน้าตาก็ถือว่าดูดี แต่เวลานี้ซังหนี่กลับรู้สึกเลี่ยนขึ้นมาแม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอก็ยังคงมีรอยยิ้มที่สวยงามบนใบหน้า “โอเคค่ะ งั้นคืนนี้ฉันจะกลับไปเลือกร้านอาหาร แล้วพรุ่งนี้ค่อยโทรศัพท์หาคุณ?”ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกไม่กี่คำ หลังจากซังหนี่จัดการกับผู้ชายคนนั้นเสร็จ ไม่นานก็การทักทายทางสังคมรอบใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งในขณะที่เธอรู้สึกว่าตัวเองยิ้มจ
จริงๆ แล้วคืนนี้ซังหนี่ไม่ได้เยอะขณะอยู่ในงานเลี้ยงก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่องานเลี้ยงจบลง เธอกลับรู้สึกระคายคออย่างควบคุมไม่ได้ซังหนี่เดินไป ก็ไอไปตลอดทางเมื่อเธอเดินออกมาจากโรงแรมแล้วมีลมพัดมาปะทะหน้า คอของเธอก็เกิดการระคายเคืองมากขึ้นทันทีและคนขับรถของเธอไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ ซังหนี่พยายามโทรศัพท์หาเขาหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับสายขณะที่ซังหนี่กำลังจะโทรศัพท์ไปหาผู้ช่วยของเธอแทน ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังเธอ “ประธานซังคะ!”เสียงดังฟังชัดนั้นทำให้ซังหนี่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยดีนัก เมื่อเธอหันกลับไป เธอก็เห็นหลูเยียนกำลังเดินเข้ามาหาเธอ“คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอคะ?” เธอพูดด้วยรอยยิ้มซังหนี่พยักหน้าให้เธอ“คนขับรถของคุณยังมาเหรอคะ? งั้นให้ฉันไปส่งคุณไหม?”“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ซังหนี่ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวเขาก็มาแล้วค่ะ”“ไม่เป็นไรค่ะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ให้ฉันไปส่งคุณนะ”หลูเยียนทำตัวสนิทสนม ขณะที่พูดอยู่นั้นเธอก็จับมือของซํงหนี่ไว้ซังหนี่ขมวดคิ้ว และกำลังจะดึงมือของตัวเองออก จากนั้นจู่ๆ หลูเยียนก็เห็นอะไรบางอย่าง และรีบโบกมืออย่างตื่นเต้นให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ “ฉ
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่หน้าลิฟต์กับผู้ชาย ภาพแบบนี้เธออยากให้มีนักข่าวมานั่งอยู่ตรงนี้เยอะๆ จนใจจะขาด และจะให้ดีก็อยากพวกเขามาถ่ายทอดสดให้เธอตอนนี้ด้วย——ตำแหน่งของเธอก็จะยิ่งมั่นคงขึ้นไม่นานลิฟต์ก็มาถึงแล้วฟู่เซียวหานเดินเข้าไปก่อนท่าทีของเขากลับนิ่งมาก ซึ่งต่างจากหลูเยียน ที่ในตอนนี้ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อหลังจากมาถึงห้องแล้ว เธอก็พูดตรงๆ ว่า “ฉัน…ไปอาบน้ำล้างหน้าก่อนนะคะ?”ฟู่เซียวหานตอบเพียงอืมเบาๆทันใดนั้นหน้าของหลูเยียนก็แดงขึ้นมา หลังจากมองดูฝ่ายชายอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หันหลังและเดินไปทางห้องน้ำในใจของฟู่เซียวหานไม่รู้สึกตื่นเต้นใดๆ เลยหลังจากที่เขายืนอยู่ในห้องสักพัก แล้วค่อยๆ ก็เดินไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ในยามค่ำคืนของเมืองอิ๋นเงียบสงบกว่าเมืองถงมากแต่เมื่อการก่อสร้างพัฒนามากขึ้น ทำให้ที่นี่ค่อยๆ เต็มไปด้วยตึกสูงฟู่เซียวหานจ้องมองแสงไฟของตึกสูงเหล่านั้นอยู่นานจากนั้น จู่ๆ เขานึกถึงดวงตาของซังหนี่ขึ้นมาแววตาที่สุภาพและห่างเหิน และการตอบกลับที่ไม่เหลือเยื่อใยพวกเขาไม่เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ?ฟู่เซียวหานครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่จะจำได้ว่า ครั้งส
ครั้งแรกที่ฟู่เซียวหานได้ยินชื่อของซังหนี่ คือมาจากปากแม่ของเขาเธอบอกว่า นั้นคือคู่หมั้นที่พ่อของเขากำหนดไว้ให้เขาตอนนั้นตระกูลซังเพิ่งหาตัวซังหนี่พบ แม่ของเขาจึงใช้ข้อนี้เป็นข้ออ้างเพื่อขอให้เขาไปรับเธอแต่ฟู่เซียวหานไม่เห็นด้วย คู่หมั้นอะไรกัน เขาไม่เคยเอามาใส่ใจเลยภายหลัง เขาก็ได้แต่งงานกับซังหนี่ทุกคนคิดว่าเขายอมเพราะเป็นสัญญาระหว่างสองครอบครัวซึ่งแม้แต่ฟู่เซียวหานเองก็คิดอย่างนั้นแต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า แม่ของเขาคือคนที่เข้าใจเขาที่สุดในโลกความจริงแล้วถ้าเขาไม่ยอม ก็ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนเขาได้และที่เขายอมแต่งงานกับซังหนี่ นั่นเพียงเพราะว่า เขาต้องการแต่งงานกับเธอก็เท่านั้นแล้ววันนี้ ความคิดนั้นอาจจะต้องมีอีกเหตุผลหนึ่งเข้ามาเพิ่ม นั่นก็คือ...เขาชอบซังหนี่เพราะว่าชอบ ดังนั้นถึงยอมแต่งงานกับเธอฟู่เซียวหานเคยคิดว่า ความรู้สึกของเขาที่มีต่อซังหนี่ มันมาจากความปรารถนาทางร่างกายเธอเคยเป็นภรรยาของเขา และเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเขานอกจากความปรารถนาอันบริสุทธิ์แล้ว จริงๆ แล้วยังมี...ความไม่เต็มใจอีกด้วยเพราะเธอหย่าอย่างง่ายดาย เพราะความเป็นเจ้าของของผู้
ซังหนี่ตบไปเต็มแรงโดยสัญชาตญาณเพราะฟู่เซียวหานอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแต่ความจริงแล้วซังหนี่รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขาต้องการหยุดการกระทำนั้น เขาสามารถจับมือของเธอไว้ได้แน่นอนแต่เขากลับไม่ทำรอยฝ่ามือจากเมื่อคืนยังไม่ทันจาง ตอนนี้กลับมีอีกรอยใหม่เพิ่มมาอีกพูดเรื่องน่าขำที่ไม่ขำคือ —— ตอนนี้หน้าของเขาดูสมดุลกันแล้ว“ฝันร้ายเหรอ?” ฟู่เซียวหานถาม ราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดซังหนี่ไม่ได้ตอบ“ไม่เป็นไร แค่ฝันไปเท่านั้น” ฟู่เซียวหานพูดเองเออเอง พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย “วันนี้ผมยุ่งมาก คงไม่ได้กินข้าวด้วยนะ คุณไปเยี่ยมพ่อคุณที่โรงพยาบาลได้ อ้อ แล้วก็ บอกเรื่องยกเลิกงานแต่งงานของคุณกับจี้อวี้หยวนกับเขาด้วย”“ส่วนเรื่องบริษัททางนั้น รอให้ผมจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะไปอธิบายกับเขาด้วยตัวเอง”เสียงของฟู่เซียวหานสั้นกระชับมาก ทำให้มีไม่ข้อสงสัยในคำพูดของเขา“แล้วคุณคิดจะทำยังไง?” ซังหนี่ถามฟู่เซียวหานที่กำลังติดกระดุมข้อมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเธอ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ซังอวี๋ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมไปอีกแล้ว เรื่องในครั้งนี้ ปฏิกิริยาของพวกผู้ถือหุ้นค
แต่ตอนนี้ดอกไม้ได้เหี่ยวเฉาและตายไปแล้ว แสงแดดและการดูแลที่มาถึงช้าเกินไป จะมีความหมายอะไรอีก?ซังหนี่เตรียมจะหลับตาลงอีกครั้งแต่ในวินาทีต่อมา ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกฝั่งชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นถ้าเธอจำไม่ผิด มันเป็นยี่ห้อที่เธอใช้เป็นประจำจากนั้นก็เป็นสายรัดม่านที่หน้าต่าง ถัดมาเป็นห้องเสื้อฝั่งตรงข้าม ในประตูกระจกใสบานนั้น มีเสื้อผ้าที่ดูคุ้นตาแขวนอยู่และตอนนี้เองซังหนี่ถึงได้เข้าใจว่า เขาขนของที่เธอเคยทิ้งไว้ที่นี่ย้ายกลับมาทั้งหมดจริงๆ แล้วของพวกนี้ไม่ใช่ของเธอเลยเสื้อผ้าพวกนั้นคุณนายฟู่เป็นคนจัดหาให้เธอ เพื่อให้เวลาออกไปข้างนอกจะดูคู่ควรกับตำแหน่ง “คุณนายฟู่” ไม่ได้ใช้เงินของเธอซื้อเอง ดังนั้นตอนนั้นซังหนี่จึงไม่ได้เอามันไปด้วยส่วนชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น......บางทีอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้?ขณะที่ซังหนี่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงน้ำจากในห้องน้ำก็หยุดลงซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพียงแค่พยายามหลับตาลงเท่านั้นในความมืด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่เซียวหานค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็นอนลงข้างๆ เธอร่างกายของเขามีกลิ่นสะอาดสดช
ซังหนี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลับมาที่เถาหรานจวีจะเป็นภาพแบบนี้หรือจะพูดอีกอย่างคือ ในวันที่เธอจากไป เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาอีกดูเหมือนว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์จะถูกฟู่เซียวหานไล่ออกไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาเข้าไปข้างใน ภายในบ้านมืดสนิทฟู่เซียวหานพาซังหนี่ขึ้นไปที่ชั้นบนประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดไว้แล้วดูเหมือนว่าข้าวของข้างในจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ซังหนี่ยังไม่ทันจะได้สังเกตว่าอะไรเปลี่ยนไป ฟู่เซียวหานก็กดเธอลงบนเตียงแล้วตลอดทางเขาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงใบหน้าที่เคร่งขรึมและในตอนนี้การกระทำของเขาก็ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยแต่ซังหนี่ก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเธอเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน เพียงแค่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเป็นเพราะท่าทีตอบกลับที่เฉยเมยของเธอนั้นทำให้ฟู่เซียวหานไม่พอใจอย่างมาก เขาก้มหน้าลง แล้วกัดเข้าที่คอของเธอทันที!—— เขากัดจริงๆซังหนี่รู้สึกได้เลยว่าปลายฟันของเขาทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ จนเลือดไหลซึมออกมา!ซังหนี่เผลอร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วต
“ซัง......”ซังหนี่ไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงเดินไปตรงหน้าของฟู่เซียวหานแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ”เสียงของเธอแหบพร่าฟู่เซียวหานหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น จึงเอื้อมมือไปดึงเขาโดยตรงฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินไป จู่ๆ จี้อวี้หยวนที่ดูเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา ก็คว้ามืออีกข้างของซังหนี่เอาไว้!การกระทำนั้นทำให้สีหน้าของฟู่เซียวหานเคร่งขรึมทันที เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายหันไปมองจี้อวี้หยวนก่อน แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องลำบากใจ”“เพราะ......ฉันก็ไม่ได้เลือกคุณเหมือนกัน” เธอพูดอีกว่า “ด้วยสถานการณ์ของซังอวี๋ในตอนนี้ ฉันต้องเลือกเส้นทางที่เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด”“เดิมทีฉันยังคิดอยู่ว่าจะพูดกับคุณยังไงดี แต่ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะ พวกเรา......คงไม่ต้องรู้สึกผิดต่อกัน งานแต่งงาน......ก็ยกเลิกไปเถอะ”เมื่อพูดจบ ซังหนี่ก็สะบัดมือของจี้อวี้หยวนที่จับตัวเองออกจากนั้น เธอก็จับมือฟู่เซียวหานแล้วเดินจากไปคลับแห่งนี้บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักเสียงหัวเราะพูดคุยดังไม่หยุด หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสุ
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน
ฟู่เซียวหานเริ่มหมดความอดทน เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูหมุน เขาก็เงยหน้าขึ้นตะโกนเสียงดัง “ไสหัวไป!”เสียงที่เฉียบขาดเพียงคำเดียว ทำให้ด้านนอกเงียบลงทันทีรวมถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยเช่นกันซังหนี่เหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าการต่อต้านของเธอไม่มีความหมายอีกต่อไป มือนั้นที่เคยดันอกของเขาก็ค่อยๆ ลดลงช้าๆ ตอนนี้แม้แต่น้ำตาในดวงตาของเธอก็หายไปแล้วเธอค่อยๆ เอนตัวนอนลง และแหงนมองแสงไฟสีขาวเหนือศีรษะ นัยดวงตาว่างเปล่าฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เสียใจมากเลยใช่ไหม? หรือรู้สึกน้อยใจ? แค่ต้องไปจากเขา…คุณต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ?”เขาพูดด้วยรอยยิ้ม และพยายามแสร้งทำเป็นพูดเย้ยหยันแต่มือของเขากลับสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ความเจ็บปวดนั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ แทรกซึมไปทั่วร่างกายผ่านกระแสเลือด จนถึงปลายนิ้วของเขาซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่ท่าทางของเธอคล้ายกลับยอมรับในสิ่งที่ฟู่เซียวหานพูดเป็นนัยๆฟู่เซียวหานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อืม ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”“เอาอย่างงี้ไหม ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง คุณคิดว่ายังไง?”ซังหนี่ค่อยๆ หันมามองเขาสายตาท
ฟู่เซียวหานเอื้อมมือไปบีบคางของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน “คุณชอบจี้อวี้หยวนแล้วใช่ไหม?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบ แต่ริมฝีปากของเธอกลับเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆดวงตาของเธอยังคงคลอไปด้วยน้ำตา แต่มันกลับทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสและสวยงามมากยิ่งขึ้นฟู่เซียวหานสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ และยังสามารถมองเห็น......ความเกลียดชังที่อยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน—— เธอเกลียดเขาแน่นอนว่าฟู่เซียวหานเองก็รู้ดีตั้งแต่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไงแต่แล้วยังไงล่ะ?หรือว่าต้องให้เขาทำได้เพียงแค่มองดูเธอกับตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป?ถ้าเป็นอย่างงั้น ฟู่เซียวหานยอมให้เธอเกลียดเขาดีกว่าผลลัพธ์นี้ ไม่ใช่ว่าฟู่เซียวหานจะยอมรับไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เขายอมรับไม่ได้ก็คือ......ในใจของเธอมีคนอื่นเธอสามารถเกลียดเขาเพราะเรื่องของซังอวี๋ สามารถเกลียดเขาเพราะเธอเกลียด หรือจะเป็นเพราะซังหลินก็ได้ แต่จะเกลียดเขาเพราะจี้อวี้หยวนไม่ได้เด็ดขาด!แต่เมื่อมองเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้ มือเท้าของฟ
ฟู่เซียวหานเพิ่งพูดจบ ซังหนี่ก็เดินปรี่เข้ามา แล้วยกมือขึ้นทันที!แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ตบลงไปฟู่เซียวหานจับข้อมือของเธอไว้แน่น ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ“คนบ้า” ซังหนี่พูดขึ้นฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อย “อืม ผมรู้”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นอย่างเห็นได้ชัด และน้ำตาก็ไหลออกมาแต่เธอเหมือนจะไม่อยากยอมแพ้ต่อหน้าฟู่เซียวหาน จึงรีบยกมือขึ้นมา เช็ดน้ำตานั้นออกทันที“คุณตาของจี้อวี้หยวนป่วย”สุดท้าย เธอก็ยอมเล่าให้ฟู่เซียวหานฟัง “โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ อาการของเขาทรุดเร็วมาก อีกไม่นานอาจจะจำอะไรไม่ได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่จี้อวี้หยวนขอแต่งงานกับฉัน”เธอพูดจบ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการสายตานั้นที่ฟู่เซียวหานมองเธอยังคงเย็นชาเช่นเคยเมื่อเห็นว่าซังหนี่ยังคงมองเขาอยู่ เขาจึงย้อนถามกลับว่า “แล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับผม?”ซังหนี่สูดลมหายใจลึกๆ “ดังนั้นงานแต่งจะ…”“ไม่ได้”ฟู่เซียวหานพูดตัดบทเธออย่างไร้เยื่อใยเสียงของซังหนี่ก็หายไปในทันทีตอนนี้มือของเธอค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา “คุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ฉันเลยใช่ไหม? ฟู่เซียวหาน คุณจะบีบให้ฉันให้ตายเลยใช่ไหม!?”ฟ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย