“ก็พ่อของเธอคนนั้นไง! เธอปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ฉันจะไปโรงพยาบาล! ฉันจะตายแล้ว!”จวงโหย่วเหวยยังคิดที่จะดิ้นรน แต่ซังหนี่กลับกดปลายกรรไกรลงบนคอเขาลึกลงไปอีกระดับ!“คุณกำลังโกหก” เธอกล่าว “ฉันไม่เชื่อ”“จริง ๆ นะ! ฉันไม่ได้โกหกเธอนะเยว่เยว่ ฉันไม่ได้โกหกเธอจริง ๆ ”“เดิมทีพวกเขาอยากให้ฉันจับตัวเธอไว้แล้วค่อยวางแผนให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์” จวงโหย่วเหวยเอ่ยบอกแผนการกับเธอ “พวกเขาบอกว่าเธอไม่ยินยอมเข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะให้แม่ของเธอ แต่เธอเซ็นเอกสารบริจาคร่างกายและอวัยวะนั่นแล้ว ดังนั้นตราบใดที่เธอตายด้วยอุบัติเหตุ แม่เธอก็จะได้รับโอกาสในการปลูกถ่ายอวัยวะ!”“แต่เป็นฉันเองที่เห็นแก่ตัว คิดว่ายังไงเสียเธอก็ต้องตายอยู่แล้ว ให้ฉันได้มีความสุข…”จวงโหย่วเหวยยังไม่ทันกล่าวจบ ฝ่าเท้าของซังหนี่ก็เหยียบลงบนแผลที่ท้องน้อยของเขาทันทีโลหิตจากบาดแผลทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ทำให้จวงโหย่วเหวยกรีดร้องออกมาไม่หยุดหย่อน!สิ่งที่ทำให้แผ่นหลังของเขาหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาอย่างต่อเนื่องคือ—— สายตาของซังหนี่ที่มองมายังเขาตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามือของเธอยังคงสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว
จวงโหย่วเหวยรีบตอบตกลงทันทีซังหนี่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแต่เธอไม่ได้รีบร้อนจะออกไป สายตามองไปตามบาดแผลบนหน้าท้องของจวงโหย่วเหวยอย่างช้า ๆจวงโหย่วเหวยรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ กำลังจะขยับตัวทำอะไรบางอย่าง แต่ซังหนี่กลับยกเท้าขึ้นมาแล้วกระทืบลงไปเต็มแรง!“ไอ้นี่น่ะ ปล่อยให้มันพังไปซะเถอะ”ในช่วงที่จวงโหย่วเหวยเจ็บจนสลบไป เขาได้ยินเพียงประโยคเดียวจากซังหนี่ซังหนี่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขาอีก ขณะเดินออกไป เธอกลับชนเข้ากับคนที่เดินสวนมาเต็มแรง“อยากตายนักหรือไง เธอน่ะ...”หญิงสาวกำลังจะอ้าปากด่าก็เพราะเธอแอบสังเกตมานานนับเดือน และมั่นใจว่า “แฟนหนุ่ม” ของซังหนี่จะไม่กลับมาอีกแล้ว——ผู้หญิงที่ถูกทิ้งไปแล้ว ย่อมไม่มีอะไรให้เกรงกลัวอีกต่อไปแต่พอเธออ้าปากด่าทอ สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นคราบเลือดบนตัวของซังหนี่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง และแววตาที่ว่างเปล่า “ตายแล้ว!”หญิงสาวเผลอร้องออกมา “นี่เธอไปทำอะไรมา?”ซังหนี่ไม่ตอบอะไร เธอไม่แม้แต่จะชายตามองอีกฝ่าย เพียงแค่เดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจหญิงสาวมองตามแผ่นหลังของซังหนี่ แล้วก็สังเกตเห็นว่าเธอไม่ได้ปิดประตูไว้เลยทั้งที่ปกติแล้วซังหนี่เป็นคนที
ตอนที่ฟู่เซียวหานเพิ่งได้ยินสวีเหยียนบอกว่าซังหนี่ถูกจับ เขายังไม่เชื่อเท่าไรเขาถึงกับรู้สึกว่า...มันช่างไร้สาระมากในความทรงจำของเขา ซังหนี่เป็นคนมีเหตุผลมากกว่าคนทั่วไปเสมอยิ่งไปกว่านั้น คำว่าใช้มีดทำร้ายคนเมื่อนำมาเกี่ยวข้องกับเธอ ไม่ว่าจะคิดดูยังไง ก็ดูเหลวไหลสิ้นดีแต่พอขึ้นรถ เขากลับเห็นรายงานข่าวอย่างชัดเจนบนแท็บเล็ต——จวงโหย่วเหวยเมื่อเห็นชื่อของผู้บาดเจ็บ ฟู่เซียวหานกลับไม่รู้สึก... แปลกใจเลยแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้นตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า จวงโหย่วเหวยเป็นฝ่ายสะกดรอยตามซังหนี่ก่อน ในมือเขายังมีอาวุธอีกชิ้นที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุต่อมา ตำรวจยังพบรอยถูกบีบคอบนตัวซังหนี่ ตอนที่เธอเข้ามอบตัว เสื้อผ้าและทรงผมของเธอยุ่งเหยิงไปหมดหลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่า เธอทำร้ายคนเพื่อป้องกันตัวแต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้จวงโหย่วเหวยก็ยังหมดสติจากการเสียเลือดมาก ซึ่งเธอก็มีส่วนทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นและข่าวนี้ยังขุดคุ้ยอดีตระหว่างซังหนี่กับจวงโหย่วเหวยขึ้นมาอีกด้วยถูกลักพาตัวไปขายให้กับหมู่บ้านห่างไกล ถูกพ่อบุญธรรมล่วงละเมิดจนเกือบถูกข่มขืน แม่บุญธรรมต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเพราะ
แต่ยังไม่ทันได้สัมผัส ฟู่เซียวหานก็ผลักเธอออกไปอย่างแรงแรงของเขามาก ซังฉิงถูกเขาผลักจนเซถอยไปหลายก้าวกว่าจะทรงตัวได้หลังจากนั้น เธอเงยหน้ามองเขา “พี่เซียวหาน...”“ดูเหมือนความจำเธอจะไม่ค่อยดีจริง ๆ” ฟู่เซียวหานมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง เธอจะพูดไหม?”ซังฉิงนั่งอยู่บนพื้นจ้องมองเขา ซึ่งในดวงตาไร้วี่แววของความหวาดกลัวฟู่เซียวหาน จู่ ๆ หัวเราะขึ้นมา “ดี”พูดจบ เขาก็เตรียมหันหลังเดินออกไปซังฉิงมองแผ่นหลังของเขา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พ่อฉันเป็นคนวางแผนทั้งหมด”คำพูดของเธอ ทำให้ฟู่เซียวหานชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะหันกลับมาซังฉิงมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “เพราะแม่...อาการแย่มาก แต่พี่สาวก็ยืนกรานไม่ยอมให้เธอผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ พ่อเลยต้องทำแบบนี้”ฟู่เซียวหานเงียบไป แต่สีหน้าของเขากลับดูแย่อย่างถึงที่สุด มือข้างที่แนบข้างลำตัวกำแน่น จนเส้นเลือดตรงขมับปูดขึ้นมา!แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงมองซังฉิงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทนายรออยู่ที่หน้าประตูเมื่อฟู่เซียวหานเปิดประตูออกอย่างแรงแล้วเดินไปข้างหน้า ทนายชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตามไป“ประธานฟู่!”เสี
“ไม่ว่ายังไง คุณก็ควรคิดถึงแม่บุญธรรมที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วย”นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ฟู่เซียวหานทิ้งไว้ให้ซังหนี่ก่อนจากไปซังหนี่รู้สึกว่าเขาคงเข้าใจอะไรผิดไปอาจเป็นเพราะเธอดูสงบเกินไป เขาเลยคิดว่าเธอได้ทำใจยอมรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้ว?หรือแม้แต่คิดว่าเธออาจฆ่าตัวตาย?ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงคิดมากไปหน่อยซังหนี่ในตอนนี้แค่สงบจริง ๆ และ... มีสติก็เท่านั้นและถ้าเธอฆ่าตัวตายจริง ๆ ก็คงสมใจซังฉิงอย่างแท้จริง เพราะสิ่งที่เขาต้องการ ก็แค่ให้เธอตายไม่ใช่เหรอ?แค่คิดถึงสิ่งสกปรก...หรือแม้แต่เรื่องน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นที่พวกเขาทำ ซังหนี่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมาเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า คนที่อยากให้เธอตายมากที่สุดในวันหนึ่ง จะเป็นกลายเป็น...พ่อแม่แท้ ๆ ของเธอเองซังหนี่นั่งอยู่บนเตียง หลับตาแน่น——ข้างในมันเหือดแห้งไปหมดแล้ว ไม่มีหยดใดไหลออกมาอีกซังหนี่บอกทนายเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างซังฉิงกับจวงโหย่วเหวย แต่เมื่อทนายไปตรวจสอบกลับไม่พบหลักฐานใด ๆ อีกทั้งตอนนี้จวงโหย่วเหวยยังคงหมดสติ ดังนั้นจึงไม่มีพยานแม้แต่คนเดียวซังหนี่เองก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วเวลาค่อย ๆ ผ่านไ
และในวินาทีนั้น ท่ามกลางเมืองอันกว้างใหญ่ จู่ ๆ ฟู่เซียวหานก็รู้สึก...อยากเจอเธอขึ้นมาขณะที่เขากำลังจับพวงมาลัยและค่อย ๆ ชะลอรถจอดข้างทาง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหันเป็นสายจากโรงพยาบาล แจ้งว่า...จวงโหย่วเหวยฟื้นแล้ว……โรงพยาบาลซังหลินมองภรรยาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวและร่างกายที่ซูบผอมลงทุกวัน สีหน้าของเขายิ่งดูไม่สู้ดีนักยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของจวงโหย่วเหวยก็ยังไม่จบ ได้ยินมาว่าฟู่เซียวหานเข้ามายุ่งเกี่ยวแล้วซังหลินไม่เข้าใจว่าฟู่เซียวหานจะเข้ามาวุ่นวายในเวลานี้ทำไมแต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ท้ายที่สุดแล้วข้อตกลงระหว่างเขากับจวงโหย่วเหวยไม่ใช่เรื่องโปร่งใส หากเข้าไปยุ่งมากเกินไป อาจจะเผยพิรุธออกมาได้แต่ว่าโชคดีที่เขาไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้แค่คำกล่าวหาของจวงโหย่วเหวยกับซังหนี่เพียงลำพัง ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลยขณะที่ซังหลินกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ทนายของซังหนี่ก็โทรมาหาเขา แจ้งว่าซังหนี่ต้องการพบเขาซังหลินไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเจียงอิ่งนัก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ“แม่ของฉันอาการเป็นยังไงบ้าง?”นั่นคือคำถามแรกที่ซังหนี่เอ่ยขึ้นทันทีที่
วันที่แปดของปีใหม่จีน เป็นวันแรกของการกลับมาทำงานอย่างเป็นทางการฟู่เซียวหานจำได้อย่างชัดเจน วันนี้เดิมทีควรเป็นวันที่คดีของซังหนี่ถูกนำขึ้นพิจารณาคดีครั้งแรกแต่ไม่นาน ก็มีข่าวส่งมาถึงเขา บอกว่าการพิจารณาคดีถูกยกเลิกแล้วและระหว่างซังหนี่กับจวงโหย่วเหวย ได้ลงนามในเอกสารข้อตกลงประนีประนอมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วฟู่เซียวหานเองไม่เชื่อความเสียหายที่จวงโหย่วเหวยก่อขึ้นกับซังหนี่ ไม่ได้มีแค่การบุกรุกพร้อมอาวุธในครั้งนี้ แต่ยังมีเงามืดที่ฝังลึกในวัยเด็กมากมายนับไม่ถ้วนฟู่เซียวหานคิดด้วยซ้ำว่า ถ้าตอนนั้นเขาอยู่ที่เกิดเหตุ บางทีเขาอาจฆ่าจวงโหย่วเหวยไปแล้ว——แม้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่มีเหตุผลแค่ไหนก็ตามดังนั้นการตอบโต้ของซังหนี่ เขาคิดว่ามันไม่ได้รุนแรงเกินไปแม้แต่น้อยคนแบบนั้น...สมควรตกนรกไปเสียแต่ตอนนี้พวกเขากลับมาบอกว่า ซังหนี่ยอมไกล่เกลี่ยกับเขาแล้วงั้นเหรอ?ฟู่เซียวหานไม่เชื่อแม้แต่น้อย ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวคือ ซังหลินต้องเอาอะไรมาขู่บังคับเธอแน่แต่เธอ...ยังมีจุดอ่อนอะไรเหลืออีกล่ะ?ฟู่เซียวหานนึกไม่ออก ในเมื่อแม่บุญธรรมของเธอ...ตอนนี้ก็ยังอยู่ดีในโรงพยาบาล“
ซังหนี่เองก็สังเกตเห็นท่าทางของเธอเช่นกันเมื่อสายตาเธอไล่มองไปจนเห็นฟู่เซียวหาน ซังหนี่ถึงกับชะงักไปชั่วครู่จากนั้น เธอหันไปมองพยาบาลข้าง ๆ “คุณออกไปก่อนเถอะ”“โอ้…ค่ะ”พยาบาลยังคงงุนงงอยู่ แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นต่อฟู่เซียวหาน แต่เพราะใบหน้าหล่อเหลาของเขา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอีกสองสามครั้ง ก่อนจะหมุนตัวออกไป——แล้วปิดประตูตามหลังฟู่เซียวหานยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเพียงแค่มองซังหนี่ด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรสักคำ และไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อยซังหนี่จ้องตาเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นตรง ๆ "ถ้าประธานฟู่ไม่มีธุระอะไร ก็ออกไปเถอะค่ะ ฉันต้องการพักผ่อน"“คุณเป็นบ้าแล้วหรือไง?”ในที่สุดฟู่เซียวหานเพิ่งจะเอ่ยปากพูด แต่เสียงของเขาเย็นเยียบถึงขีดสุด “คุณรู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?”“รู้ค่ะ” ซังหนี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงทั้งเด็ดขาดและสงบนิ่ง“เพื่อหุ้นของซังอวี๋กรุ๊ปแค่นั้นงั้นเหรอ? คุณรู้ไหมว่าการผ่าตัดมีความเสี่ยงต่อร่างกายคุณมากแค่ไหน?”“ฉันรู้ดี”“รู้แล้วยังจะทำอีกงั้นเหรอ!?”“ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ เพื่อหุ้นแค่นั้น” ซังหนี่กล่าว “มันไม่ได้หรือไง?”“ถ้าคุณ
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน
ฟู่เซียวหานเริ่มหมดความอดทน เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูหมุน เขาก็เงยหน้าขึ้นตะโกนเสียงดัง “ไสหัวไป!”เสียงที่เฉียบขาดเพียงคำเดียว ทำให้ด้านนอกเงียบลงทันทีรวมถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยเช่นกันซังหนี่เหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าการต่อต้านของเธอไม่มีความหมายอีกต่อไป มือนั้นที่เคยดันอกของเขาก็ค่อยๆ ลดลงช้าๆ ตอนนี้แม้แต่น้ำตาในดวงตาของเธอก็หายไปแล้วเธอค่อยๆ เอนตัวนอนลง และแหงนมองแสงไฟสีขาวเหนือศีรษะ นัยดวงตาว่างเปล่าฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เสียใจมากเลยใช่ไหม? หรือรู้สึกน้อยใจ? แค่ต้องไปจากเขา…คุณต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ?”เขาพูดด้วยรอยยิ้ม และพยายามแสร้งทำเป็นพูดเย้ยหยันแต่มือของเขากลับสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ความเจ็บปวดนั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ แทรกซึมไปทั่วร่างกายผ่านกระแสเลือด จนถึงปลายนิ้วของเขาซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่ท่าทางของเธอคล้ายกลับยอมรับในสิ่งที่ฟู่เซียวหานพูดเป็นนัยๆฟู่เซียวหานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อืม ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”“เอาอย่างงี้ไหม ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง คุณคิดว่ายังไง?”ซังหนี่ค่อยๆ หันมามองเขาสายตาท
ฟู่เซียวหานเอื้อมมือไปบีบคางของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน “คุณชอบจี้อวี้หยวนแล้วใช่ไหม?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบ แต่ริมฝีปากของเธอกลับเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆดวงตาของเธอยังคงคลอไปด้วยน้ำตา แต่มันกลับทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสและสวยงามมากยิ่งขึ้นฟู่เซียวหานสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ และยังสามารถมองเห็น......ความเกลียดชังที่อยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน—— เธอเกลียดเขาแน่นอนว่าฟู่เซียวหานเองก็รู้ดีตั้งแต่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไงแต่แล้วยังไงล่ะ?หรือว่าต้องให้เขาทำได้เพียงแค่มองดูเธอกับตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป?ถ้าเป็นอย่างงั้น ฟู่เซียวหานยอมให้เธอเกลียดเขาดีกว่าผลลัพธ์นี้ ไม่ใช่ว่าฟู่เซียวหานจะยอมรับไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เขายอมรับไม่ได้ก็คือ......ในใจของเธอมีคนอื่นเธอสามารถเกลียดเขาเพราะเรื่องของซังอวี๋ สามารถเกลียดเขาเพราะเธอเกลียด หรือจะเป็นเพราะซังหลินก็ได้ แต่จะเกลียดเขาเพราะจี้อวี้หยวนไม่ได้เด็ดขาด!แต่เมื่อมองเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้ มือเท้าของฟ
ฟู่เซียวหานเพิ่งพูดจบ ซังหนี่ก็เดินปรี่เข้ามา แล้วยกมือขึ้นทันที!แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ตบลงไปฟู่เซียวหานจับข้อมือของเธอไว้แน่น ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ“คนบ้า” ซังหนี่พูดขึ้นฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อย “อืม ผมรู้”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นอย่างเห็นได้ชัด และน้ำตาก็ไหลออกมาแต่เธอเหมือนจะไม่อยากยอมแพ้ต่อหน้าฟู่เซียวหาน จึงรีบยกมือขึ้นมา เช็ดน้ำตานั้นออกทันที“คุณตาของจี้อวี้หยวนป่วย”สุดท้าย เธอก็ยอมเล่าให้ฟู่เซียวหานฟัง “โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ อาการของเขาทรุดเร็วมาก อีกไม่นานอาจจะจำอะไรไม่ได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่จี้อวี้หยวนขอแต่งงานกับฉัน”เธอพูดจบ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการสายตานั้นที่ฟู่เซียวหานมองเธอยังคงเย็นชาเช่นเคยเมื่อเห็นว่าซังหนี่ยังคงมองเขาอยู่ เขาจึงย้อนถามกลับว่า “แล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับผม?”ซังหนี่สูดลมหายใจลึกๆ “ดังนั้นงานแต่งจะ…”“ไม่ได้”ฟู่เซียวหานพูดตัดบทเธออย่างไร้เยื่อใยเสียงของซังหนี่ก็หายไปในทันทีตอนนี้มือของเธอค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา “คุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ฉันเลยใช่ไหม? ฟู่เซียวหาน คุณจะบีบให้ฉันให้ตายเลยใช่ไหม!?”ฟ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย
“อืม แบบนี้สิถึงจะถูก”ฟู่เซียวหานพยักหน้าอย่างพอใจ “ไหน ๆ ครั้งที่แล้วก็ตัดขาดกันไปแล้ว ตอนนี้จะมาทำเป็นเสแสร้งทักทายไปทำไม?”พูดจบ เขาหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมา “ตอนนี้คุณ คงอยากให้ผมตายเต็มทีแล้วล่ะสิ?”เสียงของฟู่เซียวหานสงบนิ่ง แถมที่มุมปากยังมีรอยยิ้มจาง ๆแต่คำพูดที่ออกมากลับทำให้คนสะอึกจนพูดไม่ออกซังหนี่ชะงักไปเล็กน้อยแต่เธอก็หัวเราะออกมาอย่างรวดเร็ว “ใช่ ที่แท้คุณก็รู้สินะ”“อืม แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ผมยังสบายดีและนั่งอยู่ตรงนี้ “ฟู่เซียวหานไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแค่เงยหน้ามาสบตาเธอ “แล้วถ้าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ คนที่คิดสั้นก่อน คงไม่ใช่ผมแน่”ซังหนี่ตอบไม่ได้ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฟู่เซียวหานจะเคยปฏิบัติต่อเธอแบบนี้มาก่อน——บนโต๊ะเหล้าที่เมืองอิ๋น รสชาติของเหล้าแต่ละแก้ว เธอยังจำได้ขึ้นใจจนถึงตอนนี้แต่ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอเห็นในแววตาของฟู่เซียวหาน คือความเย็นชาที่ไร้จุดสิ้นสุดเสียงของซังหนี่แหบพร่าขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ประธานฟู่ยังมาที่นี่ทำไม? หรือแค่อยากตอกย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ชนะกันแน่?”“ตอนนี้คุณยังมีโอกาสเปลี่ยนใจ” ฟู่เซียวหานกล่าวซังหนี่เข้าใจคำพูดของเขาทันที
ไม่รู้ว่าทำไม พอได้ยินคำพูดของเลขาแล้ว ซังหนี่ก็เผลอหันไปมองคนในห้องผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว——จี้อวี้หยวนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆมองเขาแล้ว จู่ ๆ ซังหนี่ก็นึกถึงอ้อมกอดที่เขาให้เธอเมื่อเช้าเดิมทีซังหนี่กับเขาเป็นเพียงความสัมพันธ์แบบสัญญา รวมทั้งการแต่งงานก็เช่นกันแต่ตอนนั้น ในหัวของเธอกลับมีเพียงความคิดเดียว แค่อยากได้อ้อมกอดอีกสักครั้งซังหนี่ก็รู้ดีว่า นี่มันเกินขอบเขตของสัญญาที่พวกเขาทำไว้แล้วแต่จี้อวี้หยวนไม่พูดถึง เธอเองก็เช่นกันอาจเป็นเพราะซังหนี่มองเขานานเกินไป จี้อวี้หยวนจึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แล้วหันมามองทันทีซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันมีเรื่องต้องกลับไปจัดการที่บริษัท เดี๋ยวฉันจะให้พยาบาลมาดูแลแทน ที่นี่...”“ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ” จี้อวี้หยวนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “วันนี้ผมก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว”“แต่ว่า...”“คุณลืมไปแล้วเหรอ? เรากำลังจะแต่งงานกันนะ พ่อของคุณก็คือพ่อตาของผม การที่ผมดูแลเขามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำเหรอ?”คำพูดของจี้อวี้หยวนกลับทำให้ซังหนี่ไม่รู้จะตอบอะไรในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าปฏิเสธไปก็คงไม่เหมาะ เธอจึงพูดเพียงว่า “ถ้ามีอะไร โทรหาฉันน
“พี่คะ ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ๆ เอง จะไปมีเส้นสายขนาดนั้นได้ยังไง?” ซังฉิงแค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนพูดต่อ “ที่จริงแล้ว ถ้าพี่อยากนัดผู้จัดการธนาคารโจว ทำไมไม่ให้พี่เขย…”จี้อวี้หยวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินซังฉิงพูดถึงตัวเอง จึงเงยหน้าขึ้นมามองแต่ซังหนี่กลับไม่สนใจเขา เธอเพียงคว้ามือซังฉิง แล้วลากเธอออกไป“ทำอะไรน่ะพี่! พี่ทำฉันเจ็บ!”ระหว่างทางซังฉิงยังคงทำเสียงออดอ้อน แต่พอซังหนี่ลากเธอมาถึงที่ที่ไม่มีใคร เธอก็ดึงมือออกทันที ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่ต้องการอะไร?”“ประโยคนี้ควรเป็นฉันถามเธอมากกว่านะ” ซังหนี่ตอบ “สถานการณ์ของตระกูลซังในตอนนี้ เธอก็น่าจะรู้ดี ถ้าฉันติดต่อโจวหลิงได้เองก็คงดี แต่ปัญหาคือตอนนี้…”“ตอนนี้เป็นอะไรล่ะ? ซังหนี่ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งพี่จะต้องมาขอร้องฉัน”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา พลางเชิดหน้ามองเธอ “งั้นลองขอร้องให้ฉันดูหน่อยสิ ถ้าถูกใจ ฉันอาจจะช่วยพี่ก็ได้นะ”สีหน้าของซังหนี่งเรียบเฉย “ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดเองเหรอว่าตระกูลซังสำคัญกับเธอมาก? ถ้าซังอวี๋ล้มละลายจริง ๆ มันจะมีประโยชน์อะไรกับเธอล่ะ?”“เหอะ ๆ…”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา “น่าตลกจริง ๆ นี่พี
ซังหนี่มองจี้อวี้หยวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่อยู่เป็นเพื่อนฉันแบบนี้...ก็พอแล้ว”พอเธอพูดจบ จี้อวี้หยวนก็ยื่นมือออกไป โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแรงกอดของเขาไม่แน่นนัก แต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ บนตัวเขากลับอบอวลเข้าสู่ปลายจมูกของซังหนี่ในทันทีซังหนี่ไม่ต่อต้านอีกต่อไป ค่อย ๆ ยื่นมือออกไป โอบรอบเอวของเขาไว้“อาการของคุณอาเป็นยังไงบ้าง?” จี้อวี้หยวนเอ่ยถาม“เส้นเลือดในสมองตีบเฉียบพลัน” ซังหนี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “แต่ช่วยไว้ได้ทัน หมอบอกว่าถ้าเขาฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”“อืม งั้นคุณกลับไปพักก่อนดีไหม? ผมจะเป็นคนเฝ้าให้เอง”“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี คุณไม่เห็นเหรอว่าโทรศัพท์ฉันไม่หยุดดังเลย?”จี้อวี้หยวนไม่พูดอะไรอีกซังหนี่ไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้หรือเปล่า เลยพูดขึ้นมาก่อนว่า “งานแต่งไม่ต้องเลื่อนนะ คุณตาของคุณรอวันนี้มานานมากแล้ว จะทำให้ท่านผิดหวังไม่ได้”“แต่ว่า…”“ไม่ต้องห่วง แค่วันเดียวฉันยังพอจัดการได้ อีกอย่างตอนนี้ซังอวี๋อยู่ในช่วงสำคัญ ถ้าคุณเลื่อนงานแต่งออกไป คนอื่นอาจคิดว่าคุณเตรียมตัวหนีแล้วก็ได้”พูดจบ ซ