พอเขาพูดออกมา ซังหนี่ถึงรับรู้ได้ถึงกลิ่นเหล้าบนตัวของเขาดวงตาของเขาก็แดงเล็กน้อย ดูท่าทางแล้ว เหมือนว่าเขาจะยังไม่สร่างเมา“คุณมีธุระอะไรก็พูดมา” ซังหนี่กล่าวฉินม่อยืนอยู่ข้างประตู จ้องมองเธออยู่สักพัก แล้วจึงพูดขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงไม่มาร่วมงานหมั้นของผม?”ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งก่อนนั้น ซังหนี่ก็ไม่ติดต่อเขาอีกเลย จู่ๆ ตอนนี้ฉินม่อกลับมาถามตัวเองแบบนี้ ซังหนี่เองก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันแต่เธอก็สามารถตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ไม่มีความจำเป็นต้องไปร่วมงาน”“ไม่จำเป็นต้องไปร่วมงานหมายความว่ายังไง พวกเราเป็น...เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?” “เพื่อนกัน” สองคำนี้ ฉินม่อพูดออกมาอย่างยากลำบากหลังจากซังหนี่มองเขาอยู่สักพัก กลับยิ้มเยาะออกมา “ไม่ใช่ ตั้งแต่ตอนที่คุณกับซังฉิงร่วมมือกันวางกับดักฉัน เราก็ไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว” “เพราะงั้นคุณก็เลยเลือกฉินเหยา แล้วใช้วิธีนี้แก้แค้นผม ใช่ไหม?”ทันใดนั้นท่าทางของฉินม่อก็เปลี่ยนไป พร้อมกับจ้องมองมาที่เธอ “แล้วตอนนี้ก็ยัง มีแพลนที่จะแต่งงานกับเขาอีก?”“ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับเขา?”“หรือว่าไม่ใช่? ฉินเหยาเป็นคนยอมรับกับคนในตระกูลฉินเองในคื
ขณะที่ฉินม่อพูด คำพูดเหล่านั้นก็พ่นลงมาบนแก้มของซังหนี่ความรู้สึกนั้น ทำให้ซังหนี่นึกถึงตอนที่เธอเผชิญหน้ากับจวงโหย่วเหวยขึ้นมาทันทีจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกน่าขยะแขยงนั้นขึ้นมาเธอค่อยๆ กัดฟันแน่น แล้วจ้องมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า “ฉินม่อ ถ้าวันนี้คุณกล้าทำอะไรฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ...”“คุณแจ้งเลย” ฉินม่อกลับยิ้มเยาะ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณคิดว่าจากชื่อเสียงของคุณในแวดวงตอนนี้ จะมีใครเชื่อคำพูดของคุณไหม?”“คุณเชื่อไหมว่าถึงตอนนั้น ทุกคนก็จะคิดว่าคุณเป็นคนให้ท่าผมเอง?”บนใบหน้าของฉินม่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มท่าทางแบบนั้นซังหนี่คุ้นเคยดีแต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น เหมือนกับงูพิษที่กำลังพ่นพิษใส่เธอจู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเธออ้าปาก แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออกฉินม่อเห็นท่าทีนั้นของเธอ กลับยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจมากขึ้น จากนั้น มือของเขาก็จับไหล่ของเธอไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็กอดเอวของเธอไว้ “เสียวหนี่ เราไปกันเถอะ”จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา พร้อมกับก้มลงไปจูบริมฝีปากของเธอ “หลังจากผ่านคืนนี้ไป พวกเราไปจากที่นี่ด้วยกันนะ ไปเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา คุณว่าดีไหม?”
เพราะท่าทางนิ่งเฉยของเขาแบบนี้ ทำให้ซังหนี่ยิ่งรู้สึกน่ากลัวนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฟู่เซียวหานเป็นแบบนี้โดยปกติแล้ว เวลาคนเราลงไม้ลงมือกัน ล้วนเป็นเพราะความโกรธแต่ฟู่เซียวหานกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงซังหนี่รู้สึกว่าเขาใจเย็นมากเมื่อครู่นี้บางช่วงเวลา ซังหนี่รู้สึกว่าในสายตาของเขา ฉินม่อไม่ได้มีค่าอะไรเลยเป็นเพียงแค่ลูกไก่...ที่อยู่ในกำมือของเขาเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เขาก็ไม่สนใจทันใดนั้นเสียงของฟู่เซียวหานก็ดังขึ้นมา แต่เธอกลับยังไม่ได้สติฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมาก หลังจากมองเธอครู่หนึ่ง เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเมื่อเห็นเขากำลังจะโทรแจ้งตำรวจเอง ซังหนี่จึงรีบเข้าไปจับมือของเขาไว้ “อย่า...”ฟู่เซียวหานหันไปมองเธอแววตาของเขายังคงไม่แสดงความรู้สึกอะไร“ให้เขาไปโรงพยาบาลก่อนเถอะค่ะ”ในที่สุด ซังหนี่ก็พูดออกมาฟู่เซียวหานไม่ตอบอะไร และแสดงท่าทีใดๆหลังจากที่ซังหนี่รออยู่สักพักแต่เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วโทรออกแต่เมื่อเธอยื่นมือออกมาถึงพบว่าตัวเองยังถือกรรไกรอยู่ในมือ และไม่รู้ว่าเธอวางโทรศัพท์ไว้ที่ไหนขณ
น้ำเสียงของฟู่เซียวหานยังคงนิ่งเฉย แต่มือของเขากลับจับข้อมือของซังหนี่ไว้แน่นการกระทำของเขาทำให้ซังหนี่รู้สึกกลัวราวกับว่าถ้าคำตอบของตัวเองไม่ตรงกับที่เขาต้องการ เขาก็จะหักกระดูกของเธอทิ้ง!“ไม่ใช่ไม่อยากเจอ” ซังหนี่ตอบฟู่เซียวหานไม่พูดอะไรต่ออีก เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองเธอ“แค่รู้สึกว่า...ไม่จำเป็นต้องเจอก็เท่านั้น” ซังหนี่เม้มปากเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เรา...”“ก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงยอมแต่งงานกับผม?” จู่ๆ ฟู่เซียวหานก็พูดแทรกขึ้นมาซังหนี่ไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะถามคำถามนี้ขึ้นมาจากนั้นท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปชั่วขณะ แต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติได้ “มันเป็นเรื่องที่ครอบครัวของเราทั้งสองคนตกลง...”“เพราะแค่เรื่องนั้นจริงๆ เหรอ?”“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”ฟู่เซียวหานไม่พูดอะไร แต่มือที่จับของมือของเธอไว้กลับค่อยๆ คลายออกทีละน้อยเดิมทีซังหนี่นึกว่าประเด็นนี้จบไปแล้วแต่ต่อมา ฟู่เซียวหานกลับพูดขึ้นว่า “ซังหนี่ ดูจากนิสัยและทัศนคติของคุณ ที่สามารถตัดความสัมพันธ์กับตระกูลซังได้ คุณดูไม่เหมือนกับคนที่จะยอมให้พวกเขาบงการได้”“แล้วถ้าเป็นอย่างงั้นจริงๆ ไม่กี่เดือนก่อน คุณก็คงจะแต่งงานกับคุณชา
ฟู่เซียวหานตัดบทคำพูดของเธอทันทีและนั่นทำให้อารมณ์ของซังหนี่โดนขัดจังหวะตามไปด้วยเธอค่อย ๆ กลืนเสียงของตนลงคอทีละน้อย ก่อนจะมองเขาพร้อมกัดฟันแน่นทันใดนั้นฟู่เซียวหานพลันหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “เพราะจู่ ๆ ผมก็พบว่า ดูเหมือนผมจะไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่นได้อีก”“แต่ที่น่าแปลกก็คือ ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมจะแต่งงานกับคุณ ผมไม่ได้มีความรู้สึกต่อต้านเท่าไหร่เลย”“คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่านี่มันเป็นเพราะอะไร?”ซังหนี่รู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูราวกับไม่เป็นความจริงเอามาก ๆ เธอเป็นดั่งคนที่กำลังยืนอยู่บนขอบหน้าผา ที่เดิมทีได้ย่างก้าวเหยียบย่ำบนความว่างเปล่าไปแล้วและกำลังจะตกหล่นลงไปทันทีทันใดแต่สภาพที่ร่างเนื้อและกระดูกแหลกเหลวไม่เป็นชิ้นดีดังที่คาดไว้นั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นในทางกลับกัน ดูเหมือนเธอจะเหยียบย่ำลงบนเมฆก้อนใหญ่แทนเสียมากกว่าเมฆหมอกก้อนนั้นนุ่มนวลและหวานล้น เป็นรสชาติที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยกล้าจินตนาการถึงมาก่อนซังหนี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเบื้องหน้าของเธอเป็นแสงอรุณอันอบอุ่นไม่มีหน้าผาสูงชัน ไม่มีเมฆาลอยเลื่อนแต่แผนผังและโครงสร้างของห้องที่อย
“ฉัน…”ก่อนที่ซังหนี่จะกล่าวจบ ฟู่เซียวหานก็เอ่ยขัดจังหวะการพูดของเธอ “ตอนนี้คุณยังอยู่ในห้องหรือเปล่า? ผมอยู่ข้างล่างแล้ว”คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปโดยพลันเธอแทบจะหันไปมองคนที่อยู่ข้างหลังตนโดยไม่รู้ตัวแต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเงาร่างของคนทั้งสองที่สะท้อนอยู่บนกระจกฝั่งตรงข้ามขณะนั้นเอง ดวงตาคู่นั้นของคุณนายฟู่ก็ช้อนขึ้นสบตากับเธอในวินาทีที่ดวงตาของพวกเธอสบกันผ่านกระจก อารมณ์ของซังหนี่ก็สงบลงทันทีพร้อมเอ่ยถามอีกฝั่งของสายโทรศัพท์ “คุณมาทำไมคะ?”“มาทานข้าว” คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความมีเหตุมีผล“ฉัน…ตอนนี้ฉันอยู่ในลิฟต์แล้วค่ะ คุณรอฉันที่ลานจอดรถก็แล้วกัน”ขณะที่กล่าวเธอก็กดปุ่มไปชั้นหนึ่งทันทีคุณนายฟู่เองก็ยืนอยู่ข้างหลังเธออย่างเงียบงันเช่นนั้นเมื่อลิฟต์เคลื่อนลงมาถึงชั้นหนึ่ง คุณนายฟู่ก็เป็นฝ่ายเดินออกไปจากลิฟต์ไปก่อนชายที่ยืนข้างเธอดูราวกับไม่ทันตั้งตัวอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงเหลือบมองซังหนี่แวบหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินตามเธอไปซังหนี่กดปิดประตูลิฟต์ทันทีเมื่อเธอมาถึงลานจอดรถ และเห็นรถของฟู่เซียวหานจอดอยู่ที
จนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยเอ่ยปากยอมรับคำว่าชอบกับซังหนี่เลยแต่ถึงแม้ว่าเขาจะบอก ซังหนี่ก็อาจจะไม่เชื่ออยู่ดีดังนั้น ตอนนี้เธอจึงอยากได้คำตอบนี้ยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอ เขากลับถามว่า “คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ?”ซังหนี่เม้มปากเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าคุณไม่อยากพูดก็ช่างมันเถอะค่ะ”เมื่อกล่าวจบ เธอก็พยายามดึงมือของตนออกอย่างยิ่งยวดทว่าฟู่เซียวหานยิ่งใช้แรงกระชับมือให้แน่นขึ้นอีกพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ซังหนี่ ดูเหมือนตอนนี้คุณจะอารมณ์ร้ายมากขึ้นแล้วนะ”“ประธานฟู่ นิสัยของฉันเป็นแบบนี้มาตลอดค่ะ” ซังหนี่พูดด้วยรอยยิ้มไม่ถึงดวงตา “แน่นอนว่าคงจะอ่อนโยนทั้งเจ้าคิดเจ้าแค้นสู้ซังฉิงและคุณหนูถังไม่ได้หรอกค่ะ”ทันทีที่เธอพูดจบ ฟู่เซียวหานก็ชะงักไปชั่วขณะจากนั้นก็พลันระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันนั้นเขาก็หมุนพวงมาลัยรถ และจอดรถอยู่ข้างถนนด้วยเหตุประการนี้ก่อนที่ซังหนี่จะทันตั้งตัว เขาก็โน้มตัวมาคร่อมตัวเธอเอาไว้แล้ว“ประธานฟู่งั้นหรือ? ดูเหมือนคุณหนูซังกำลังหึงอยู่สินะ?”“ฉันเปล่า” ซังหนี่ปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด“ข่าวที่ผมส่งไปให้ คุณไม่ได้อ่านหรือ?” มือของฟู่เซียวหานเชยคา
ตอนที่คุณนายฟู่โทรมา ซังหนี่เพิ่งกลับมาถึงบ้านที่ถนนหมินเหอได้ไม่นานนัก“มีเวลาว่างไหม?” น้ำเสียงของคุณนายฟู่ตรงไปตรงมาและชัดเจน “พวกเรามาเจอกันหน่อยเถอะ”ซังหนี่รู้ว่าการพบหน้ากันครั้งนี้นั้นตนไม่สามารถหลบเลี่ยงไปได้เลยยิ่งไปกว่านั้น…เธอเองก็มีคำถามที่เธออยากจะรู้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญของคุณนายฟู่คุณนายฟู่นัดแนะสถานที่นัดหมายเป็นที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งขณะที่ซังหนี่มาถึง คุณนายฟู่ก็นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวเรียบร้อยแล้วเธอยังคงสวมชุดกี่เพ้าสีขาวพร้อมผมที่เกล้ามวยขึ้น วันเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้บนใบหน้าของเธอเลย เธอยังคงดูสง่างามและเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างที่เคยเป็นมาเสมอเมื่อเห็นซังหนี่เดินเข้ามา เธอก็เป็นฝ่ายวางแก้วน้ำชาไว้ด้านหน้าของซังหนี่ “ลองชิมดูสิ เป็นชาหลงจิ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่ของปีนี้ แม่จำได้ว่าลูกชอบดื่มชาตัวนี้มาก”ซังหนี่กล่าวขอบคุณ ก่อนจะรับแก้วน้ำชามาพร้อมยกขึ้นจิบเบา ๆ “ลูกกับเซียวหานกลับมาคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”จู่ ๆ คุณนายฟู่ก็เอ่ยถามขึ้นเรียวนิ้วของซังหนี่อดไม่ได้ที่จะชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง“อันที่จริงแม่ส
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็