ฟู่เซียวหานตัดบทคำพูดของเธอทันทีและนั่นทำให้อารมณ์ของซังหนี่โดนขัดจังหวะตามไปด้วยเธอค่อย ๆ กลืนเสียงของตนลงคอทีละน้อย ก่อนจะมองเขาพร้อมกัดฟันแน่นทันใดนั้นฟู่เซียวหานพลันหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “เพราะจู่ ๆ ผมก็พบว่า ดูเหมือนผมจะไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่นได้อีก”“แต่ที่น่าแปลกก็คือ ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมจะแต่งงานกับคุณ ผมไม่ได้มีความรู้สึกต่อต้านเท่าไหร่เลย”“คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่านี่มันเป็นเพราะอะไร?”ซังหนี่รู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูราวกับไม่เป็นความจริงเอามาก ๆ เธอเป็นดั่งคนที่กำลังยืนอยู่บนขอบหน้าผา ที่เดิมทีได้ย่างก้าวเหยียบย่ำบนความว่างเปล่าไปแล้วและกำลังจะตกหล่นลงไปทันทีทันใดแต่สภาพที่ร่างเนื้อและกระดูกแหลกเหลวไม่เป็นชิ้นดีดังที่คาดไว้นั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นในทางกลับกัน ดูเหมือนเธอจะเหยียบย่ำลงบนเมฆก้อนใหญ่แทนเสียมากกว่าเมฆหมอกก้อนนั้นนุ่มนวลและหวานล้น เป็นรสชาติที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยกล้าจินตนาการถึงมาก่อนซังหนี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเบื้องหน้าของเธอเป็นแสงอรุณอันอบอุ่นไม่มีหน้าผาสูงชัน ไม่มีเมฆาลอยเลื่อนแต่แผนผังและโครงสร้างของห้องที่อย
“ฉัน…”ก่อนที่ซังหนี่จะกล่าวจบ ฟู่เซียวหานก็เอ่ยขัดจังหวะการพูดของเธอ “ตอนนี้คุณยังอยู่ในห้องหรือเปล่า? ผมอยู่ข้างล่างแล้ว”คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปโดยพลันเธอแทบจะหันไปมองคนที่อยู่ข้างหลังตนโดยไม่รู้ตัวแต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเงาร่างของคนทั้งสองที่สะท้อนอยู่บนกระจกฝั่งตรงข้ามขณะนั้นเอง ดวงตาคู่นั้นของคุณนายฟู่ก็ช้อนขึ้นสบตากับเธอในวินาทีที่ดวงตาของพวกเธอสบกันผ่านกระจก อารมณ์ของซังหนี่ก็สงบลงทันทีพร้อมเอ่ยถามอีกฝั่งของสายโทรศัพท์ “คุณมาทำไมคะ?”“มาทานข้าว” คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความมีเหตุมีผล“ฉัน…ตอนนี้ฉันอยู่ในลิฟต์แล้วค่ะ คุณรอฉันที่ลานจอดรถก็แล้วกัน”ขณะที่กล่าวเธอก็กดปุ่มไปชั้นหนึ่งทันทีคุณนายฟู่เองก็ยืนอยู่ข้างหลังเธออย่างเงียบงันเช่นนั้นเมื่อลิฟต์เคลื่อนลงมาถึงชั้นหนึ่ง คุณนายฟู่ก็เป็นฝ่ายเดินออกไปจากลิฟต์ไปก่อนชายที่ยืนข้างเธอดูราวกับไม่ทันตั้งตัวอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงเหลือบมองซังหนี่แวบหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินตามเธอไปซังหนี่กดปิดประตูลิฟต์ทันทีเมื่อเธอมาถึงลานจอดรถ และเห็นรถของฟู่เซียวหานจอดอยู่ที
จนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยเอ่ยปากยอมรับคำว่าชอบกับซังหนี่เลยแต่ถึงแม้ว่าเขาจะบอก ซังหนี่ก็อาจจะไม่เชื่ออยู่ดีดังนั้น ตอนนี้เธอจึงอยากได้คำตอบนี้ยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอ เขากลับถามว่า “คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ?”ซังหนี่เม้มปากเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าคุณไม่อยากพูดก็ช่างมันเถอะค่ะ”เมื่อกล่าวจบ เธอก็พยายามดึงมือของตนออกอย่างยิ่งยวดทว่าฟู่เซียวหานยิ่งใช้แรงกระชับมือให้แน่นขึ้นอีกพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ซังหนี่ ดูเหมือนตอนนี้คุณจะอารมณ์ร้ายมากขึ้นแล้วนะ”“ประธานฟู่ นิสัยของฉันเป็นแบบนี้มาตลอดค่ะ” ซังหนี่พูดด้วยรอยยิ้มไม่ถึงดวงตา “แน่นอนว่าคงจะอ่อนโยนทั้งเจ้าคิดเจ้าแค้นสู้ซังฉิงและคุณหนูถังไม่ได้หรอกค่ะ”ทันทีที่เธอพูดจบ ฟู่เซียวหานก็ชะงักไปชั่วขณะจากนั้นก็พลันระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันนั้นเขาก็หมุนพวงมาลัยรถ และจอดรถอยู่ข้างถนนด้วยเหตุประการนี้ก่อนที่ซังหนี่จะทันตั้งตัว เขาก็โน้มตัวมาคร่อมตัวเธอเอาไว้แล้ว“ประธานฟู่งั้นหรือ? ดูเหมือนคุณหนูซังกำลังหึงอยู่สินะ?”“ฉันเปล่า” ซังหนี่ปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด“ข่าวที่ผมส่งไปให้ คุณไม่ได้อ่านหรือ?” มือของฟู่เซียวหานเชยคา
ตอนที่คุณนายฟู่โทรมา ซังหนี่เพิ่งกลับมาถึงบ้านที่ถนนหมินเหอได้ไม่นานนัก“มีเวลาว่างไหม?” น้ำเสียงของคุณนายฟู่ตรงไปตรงมาและชัดเจน “พวกเรามาเจอกันหน่อยเถอะ”ซังหนี่รู้ว่าการพบหน้ากันครั้งนี้นั้นตนไม่สามารถหลบเลี่ยงไปได้เลยยิ่งไปกว่านั้น…เธอเองก็มีคำถามที่เธออยากจะรู้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญของคุณนายฟู่คุณนายฟู่นัดแนะสถานที่นัดหมายเป็นที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งขณะที่ซังหนี่มาถึง คุณนายฟู่ก็นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวเรียบร้อยแล้วเธอยังคงสวมชุดกี่เพ้าสีขาวพร้อมผมที่เกล้ามวยขึ้น วันเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้บนใบหน้าของเธอเลย เธอยังคงดูสง่างามและเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างที่เคยเป็นมาเสมอเมื่อเห็นซังหนี่เดินเข้ามา เธอก็เป็นฝ่ายวางแก้วน้ำชาไว้ด้านหน้าของซังหนี่ “ลองชิมดูสิ เป็นชาหลงจิ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่ของปีนี้ แม่จำได้ว่าลูกชอบดื่มชาตัวนี้มาก”ซังหนี่กล่าวขอบคุณ ก่อนจะรับแก้วน้ำชามาพร้อมยกขึ้นจิบเบา ๆ “ลูกกับเซียวหานกลับมาคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”จู่ ๆ คุณนายฟู่ก็เอ่ยถามขึ้นเรียวนิ้วของซังหนี่อดไม่ได้ที่จะชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง“อันที่จริงแม่ส
“อ้อ เรื่องพ่อบุญธรรมของลูกน่ะหรือ? แม่ได้ยินมาแล้วล่ะ”ท่าทีของคุณนายฟู่ช่างดูนิ่งเฉย “ถึงแม้ว่าข้างนอกนั่นจะมีคนพูดถึงเรื่องนี้มากมาย แต่แม่รู้จักลูกมาก็เป็นเวลาไม่น้อย ยังไม่ถึงขั้นที่แค่มองว่าลูกเป็นคนแบบไหนก็ยังมองไม่ออกหรอกนะ”น้ำเสียงของคุณนายฟู่ยังคงสงบอย่างเคยแต่ซังหนี่กลับรู้สึกราวกับมีสิ่งที่อบอุ่นบางอย่างที่หล่อหลอมเข้ามาในหัวใจของเธอทีละนิดเธออดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ขอบคุณค่ะ”“อืม เรื่องของลูกกับเซียวหานก็คุยจบไปแล้ว ตอนนี้มาคุยเรื่องของแม่กันดีกว่า”คุณนายฟู่เปลี่ยนหัวข้อเรื่องทันควัน “วันนี้ขอบใจลูกมาก”“หนู…ไม่เป็นไรค่ะ”ปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาที่แสดงออกถึงการตกตะลึงของซังหนี่ทำให้คุณนายฟู่อดหัวเราะไม่ได้ “อะไรน่ะ ถูกทำให้ตกใจแล้วหรือ?”“ก็…ไม่เชิงค่ะ ก็แค่ประหลาดใจนิดหน่อย”“ประหลาดใจอะไรกัน? เพราะชินกับตัวตนของแม่ในฐานะแม่ของเซียวหาน แต่กลับลืมไปแล้วว่าแม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน?”ทันใดนั้นซังหนี่ก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปเช่นใดเธอหลุบสายตาลง ก่อนจะเอ่ยถามหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “ฟู่เซียวหานเขา…รู้ไหมคะ?”“เขาไม่จำเป็นต้องรู้” คำต
“พี่คะ”น้ำเสียงเด่นชัดที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ฝีเท้าของซังหนี่ชะงักแต่เธอก็ทำราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น พร้อมเดินต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วซังฉิงกลับไล่ตามมาทันที และพลันคว้ามือของเธอไว้ในขณะที่ซังหนี่กำลังจะก้าวขาขึ้นบันได “พี่คะ ทำไมพี่ถึงเมินฉันล่ะคะ?”“ตอนนี้พี่อยู่ที่แบบนี้งั้นหรือ? จำเป็นขนาดนั้นเชียวหรือคะ? พี่ลำบากเช่นนี้ หาก…”“ปล่อยมือ”ซังหนี่เอ่ยขัดจังหวะเธอตรง ๆ โดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆซังฉิงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมสบตากับเธอพักใหญ่ ก่อนจะยิ้มออกมาทันที “ซังหนี่ เป็นแบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วสิ”“เธอรู้บ้างไหมว่าตอนนี้ที่บ้านเป็นอย่างไร? หม่ามี๊ล้มป่วยหนักเพราะเรื่องของเธอ! อีกทั้งบริษัทเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่มากเช่นกัน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ…”“เธอวางแผนเองไม่ใช่หรือ?”ซังหนี่เอ่ยตัดบทเธอโดยตรง“ฉัน…”ซังฉิงคิดอยากจะโต้แย้ง แต่วินาทีต่อมา ซังหนี่กลับกล่าวเพิ่มว่า “เธอยังจำที่เราสองคนคุยกันบทรถคืนนั้นได้ไหม? สิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด ฉันบันทึกเสียงไว้หมดแล้ว”ซังฉิงตะลึงงัน“เธอ…พูดว่าอะไรนะ?”“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สนใจว่าฉันจะเป็นหรือจะตาย แต่ถ้าพวกเขารู้ว่าคนที
ซังหนี่กับฟู่เซียวหานหย่ากันแล้ว พวกเขาจะยังพัวพันนัวเนียกันไม่เลิกได้อย่างไร?ฟู่เซียวหาน…ไม่ได้เสียสติไปแล้วสักหน่อยอีกอย่างตอนนี้ซังหนี่เองก็ตกที่นั่งลำบาก ใครจะยอมมายุ่งเกี่ยวกับเธอกัน?หลังจากรอไปอีกหลายนาที ในที่สุดซังฉิงก็วางใจได้เป็นปลิดทิ้ง พร้อมมองตรงไปยังคนขับที่อยู่ข้างหน้า “ออกรถเถอะ”“ได้ จะไปที่ไหนล่ะ?”คนขับตอบรับในทันที แต่หลังจากที่คำถามสิ้นสุดลง คนที่นั่งอยู่เบาะหลังกลับไม่ยอมตอบกลับมาเสียทีคนขับมองมาที่เธอด้วยความอยากรู้ แต่กลับพบว่าซังฉิงกำลังจ้องไปยังทิศทางหนึ่งด้านนอกหน้าต่างเขม็ง“เฮ้ นั่นรถมาเซราติไม่ใช่หรือไง? ที่แบบนี้ยังมีคนขับรถหรูขนาดนั้นอยู่ด้วย?”คนขับทอดถอนใจ แต่ซังฉิงกลับไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อยเธอกัดริมฝีปากพร้อมมองรถคันนั้น เนื้อปากโดนเธอขบกัดจนเลือดไหลซิบ แต่เธอราวกับไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลย——ไม่มีทางเป็นฟู่เซียวหานแน่ต้องไม่ใช่เขาแน่นอนเขาไม่ควรมายังสถานที่แบบนี้เขากับซังหนี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะ…จู่ ๆ นัยน์ตาของซังฉิงพลันว่างเปล่า ฟันที่กำลังขบกลีบปากอยู่ก็คลายออกในทันที——ข้างหน้านั้น เป็นฟู่เซียวหานที่ลงมาจากรถในมือ
สามวันหลังจากนั้น ท้ายที่สุดซังหนี่ก็เลือกไปที่โรงพยาบาลเธอสวมหน้ากากอนามัยมา และได้รับข่าวสารยืนยันจากนางพยาบาลแล้วว่าคุณนายซังเข้าโรงพยาบาลจริงแต่อาการป่วยเป็นอย่างไรนั้น ทางนางพยาบาลมิได้เปิดเผยให้ซังหนี่ทราบซังหนี่ยังคงถามต่อ และแค่ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนเงียบ ๆขณะที่เธอเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วย เธอพลันได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณนายซังและซังฉิงทันที“แม่คิดว่าฉินม่อเป็นคนดีมาก ในอนาคตหากลูกแต่งงานกับเขาไปแน่นอนว่าต้อง…”“แต่ว่าหม่ามี๊คะ หนูไม่เคยชอบเขาเลยสักนิด!” น้ำเสียงของซังฉิงเจือด้วยเสียงสะอื้น “อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้ชอบหนูเหมือนกัน หม่ามี๊รู้ไหมคะ? ที่เขาบาดเจ็บเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะ…”จู่ ๆ เสียงของซังฉิงก็เงียบหายไปคุณนายซังถามต่อ “เพราะอะไร?”“อย่างไรก็ตามคนที่เขาชอบไม่ใช่หนูค่ะ! หนูเองก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาด้วย!”คุณนายซังไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีกซังฉิงราวกับคว้าโอกาสไว้ได้อีกครั้ง ก่อนจะใช้มือจับคุณนายซังเอาไว้แน่น “หม่ามี๊คะ หนูชอบพี่เซียวหานมากจริง ๆ นะคะ หม่ามี๊ได้โปรดช่วยหนูเถอะนะ ได้ไหมคะ?”“ตอนนี้ฉิ
แน่นอนว่าฟู่เซียวหานรู้ดีว่านางแพศยาที่พวกเขาเอ่ยถึงคือใครนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขับไล่พวกเขาออกไปโดยตรงผู้เฒ่าทั้งสองคนที่มองดูแล้วอ่อนแรงไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อพวกเขาโดนลากออกไปกลับพ่นถ้อยคำด่าทอที่แสนก้าวร้าวออกมาเสียงดังสนั่น และยังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะไปหานักข่าว จะให้ทุกคนรับรู้ว่าลูกชายของพวกเขานั้นเสียชีวิตลงเพราะตระกูลฟู่ในเวลานั้นฟู่เซียวหานเพียงตอบรับด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ไปหาสิ”ท่าทางที่ไม่มีแม้แต่จะหวั่นเกรงนั้นพวกเขารู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาในใจ!ทว่าฟู่เซียวหานไม่ได้เหลือบมองมายังพวกเขาอีกหลังจากนั้นไม่นาน สวีเหยียนก็รีบเร่งมาที่นี่ พร้อมบอกกับเขาว่าข้าวของจากถนนหมินเหอไปถูกส่งกลับไปที่บ้านพักป๋อซีหยวนเรียบร้อยแล้วฟู่เซียวหานเพียงตอบรับในลำคอ เป็นเชิงว่ารับรู้สวีเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “วันนี้ผมเห็นสีหน้าของคุณนาย…คุณหนูซังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเหมือนจะป่วยเอาเสียแล้วล่ะครับ”ฟู่เซียวหานไม่ปริปากกล่าวอะไรออกมา“ประธานฟู่ครับ ที่จริงแล้วเรื่องนี้คุณหนูซังเองก็ไม่ได้ผิด คุณไประบายอารมณ์โกรธใส่เ
มันย่ำแย่ยิ่งกว่าจิบแรกเมื่อกี้นี้เสียอีกเรียวคิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จากนั้น เขาก็มองเห็นเงาร่างสีขาวร่างนั้นเพราะยืนอยู่บนตึกชั้นสูง ดังนั้นแท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างด้านล่างจึงล้วนหลงเหลือเพียงจุดที่แสนเลือนรางแต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงจำเธอได้ในทันทีเขายังเห็นแม้กระทั่งว่าเธอยืนอยู่ข้างถังขยะ และนำอะไรบางอย่างทิ้งขว้างลงไปมือของฟู่เซียวหานจับแก้วเหล้าในมือแน่นขึ้นโดยพลันผ่านไปสักพัก เขาถึงจะค่อย ๆ ผ่อนแรงมือลงฟู่เซียวหานรู้ดีว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนที่ลึกล้ำในห้วงอารมณ์มากนักส่วนนี้เป็นเพราะการสอนที่คุณแม่สอนเขามาตั้งแต่เด็กในเวลานี้เมื่อคิดถึงเธอ สิ่งแรกที่ฟู่เซียวหานนึกถึงคือน้ำเสียงราบเรียบและรอยยิ้มที่ผิวเผินแต่ไปไม่ถึงดวงตาของเธอฟู่เซียวหานเคยคิดว่า เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลยสักนิดจนกระทั่งวินาทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอฟู่เซียวตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งทันที ——เธอคือคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับเขามากที่สุดในโลกใบนี้แล้วเขาเคยอยู่ในกายของเธอด้วยซ้ำสายสะดือเส้นน้อย ที่คอยเชื่อมต่อพวกเขาเอาไว้ด้วยกันและความรู้สึกนี้ ก็พลันพุ่ง
หลังจากฟู่เซียวหานพูดจบ ซังหนี่ก็นิ่งเงียบอยู่นานประตูด้านหลังยังไม่ได้ปิดสนิท ลมหนาวที่พัดเข้ามากับความอบอุ่นภายในห้องช่างแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนซังหนี่เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตกลงตอนนี้ร่างกายของเธอเย็น หรือว่าร้อนเธอรู้สึกเพียงว่าในสมองมันว่างเปล่าหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า “แสดงว่า คุณไม่อยากฟังคำอธิบายจากฉันใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานมองเธอและพูดว่า “ซังหนี่ หลายๆ เรื่องบนโลกนี้ มันดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น”หลังจากพูดจบ ซังหนี่ก็ก้มหัวลงแล้วหัวเราะออกมาผลลัพธ์?อะไรคือผลลัพธ์?ผลลัพธ์คือตอนนี้แม่ของเขานอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ผลลัพธ์จดหมายลาตายฉบับนั้น ถูกส่งจากมือของเธอ ให้กับมือของเขาผลลัพธ์ก็คือ เขาบอกว่าพวกเขาตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันอีกแล้วแม้กระทั่งคำบอกเลิก ก็ยังไม่ยอมพูดกับเธอซังหนี่มองดูคนตรงหน้า จู่ๆ ก็นึกถึงช่วงเวลาที่อบอุ่นที่พวกเขาเคยใช้เวลาร่วมกันมาคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอ สายตาที่เขามองเธอ รวมถึงภาพที่พวกเขาคลอเคลียอยู่บนเตียงด้วยกันภาพของฟู่เซียวหานในตอนนั้น ค่อยๆ ซ้อนทับกับภาพของเขาที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้แต่ในตอนนี้ สายตาของเ
ซังหนี่โทรศัพท์หาฟู่เซียวหาน แต่เขา ติดสายอยู่ตลอดไม่มีทางเลือก เธอจึงทำได้เพียงติดต่อทางสวีเหยียนเท่านั้น“ประธานฟู่ยังประชุมอยู่ครับ แต่วันนี้เขาคงไม่มีเวลาพบคุณ เอายังงี้...”น้ำเสียงของสวีเหยียนพูดอย่างอ้อมค้อม แต่ซังหนี่กลับเข้าใจได้ทันทีถึงความหมายของเขาจะไม่มีเวลาพบ...ได้ยังไง?ซังหนี่จำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เขาก็ยุ่งมากแต่ตอนนั้นไม่ว่าฟู่เซียวหานจะยุ่งมากแค่ไหน เขาก็หาเวลามาพบเธอได้เสมอ บางครั้งเดินทางไปต่างเมือง เขานั่งเครื่องบินกลับมาช่วงกลางดึกก็ตรงไปหาเธอทันทีแต่ตอนนี้ แม้แต่โทรศัพท์ของเธอก็ไม่มีเวลารับสายความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของเธอ แต่สุดท้ายซังหนี่ก็ไม่ได้ถามออกมา เพียงตอบไปว่า “ฉันรู้แล้วค่ะ”พูดจบ เธอก็หันกลับไปแต่เมื่อคนขับแท็กซี่ถามสถานที่กับเธอ เธอกลับเปลี่ยนเป็นตอบว่า “ไปที่บ้านพักป๋อซีหยวน”เธอไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วเมื่อก่อนตอนที่ฟู่เซียวหานไม่ชอบที่พักของเธอ เขาก็มักจะพูดคำหนึ่งคือ ขอให้เธอกลับมาอยู่ที่นี่กับเขาซังหนี่ไม่เคยเห็นด้วยเลยเวลานี้เธอก็ไม่ได้เข้าไป แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตู และส่งข้อความถึงฟู่เซียวหาน“ฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านพักป
ตอนที่ซังฉิงพบเธอ ซังหนี่เพิ่งกลับออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในมือของเธอถือถุงอยู่ และทันทีที่เธอเห็นซังฉิง มือของเธอก็กำแน่นขึ้นมาทันทีซังฉิงยืนอยู่บนบันได และยิ้มเยาะมองเธอ "เธอกลับมาแล้วเหรอ?"ซังหนี่ไม่ตอบอะไร เพียงสบตาเธออย่างนิ่งเฉยเท่านั้นซังฉิงยิ้มเยาะขึ้นมาอีกครั้ง "เห็นฉัน คงแปลกใจมากใช่ไหม?"“ฉันก็แค่อยากมาดูว่าตอนนี้เธอ...เป็นยังไงบ้าง” ซังฉิงกระพริบตา แล้วพูดว่า “ช่วงนี้พี่เซียวหานยุ่งมาก คงไม่มีเวลาดูแลเธอ ฉันในฐานะน้องสาว ตอนนี้เธอไม่มีใคร ฉันเป็นห่วงเธอเลยต้องมาดูสักหน่อย”“งั้นเธอก็ไปได้แล้ว”ซังหนี่ตอบ พร้อมกับเดินอ้อมเธอไปถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ซังฉิงเป็นปฏิกิริยาของเธอแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ๆแต่ในตอนนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย ตรงกันข้าม เวลานี้ที่เธอมองซังหนี่กลับหัวเราะออกมา “ซังหนี่ เธอคิดว่าตอนนี้ยังมีฟู่เซียวหานคอยให้ท้ายเธออยู่งั้นเหรอ?”“เธอไม่รู้สึกเหรอว่า? เธอกับพี่เซียวหาน...มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”เธอพูดจบ ซังหนี่ก็หยุดนิ่งไปจากนั้น เธอก็หันกลับไปมองซังฉิงอีกฝ่ายยิ้มเยาะมองดูเธอ “เกิดเรื่องใหญ่กับแม่ของเขาขนาดนนั้น เธอคิดว่าเขาจะไม่โ
จากนั้น ผู้ช่วยของฟู่เซียวหานก็เดินเข้าไป และพูดอะไรบางอย่างกับเขาด้วยสีหน้าจริงจังใบหน้าของฟู่เซียวหานไม่แสดงอาการใดๆ และก็ไม่ได้ตอบสนอง“ประธานฟู่ หากเรื่องพวกนี้พรุ่งนี้เป็นกระแสขึ้นมา...”“ติดต่อคนให้ปิดข่าว แล้วก็ ติดต่อครอบครัวของเฉินเฟิงด้วย” น้ำเสียงของฟู่เซียวหานนิ่งมาก ราวกับว่าเขากำลังจัดการทำธุระในเรื่องที่ง่ายดายมาก“ส่วนทางบ้านตระกูลฟู่ ฉันจะไปคุยด้วยตัวเอง”ขณะที่พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปแต่เมื่อเขาเดินผ่านซังหนี่ ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมจะพาคุณไปส่งก่อน”“ฉัน…คืนนี้จะเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล?”แม้ว่าซังหนี่จะรู้ว่า คุณนายฟู่อยู่ในห้องICUตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้...เธอกลับรู้สึกกลัวการที่ต้องอยู่กับฟู่เซียวหาน เพราะจากสิ่งที่ซังฉิงเพิ่งพูดไป เธอไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลยแต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่า...คุณนายฟู่จะตัดสินใจแบบนี้เธอคิดว่า คุณนายฟู่แค่ต้องการตามหาความสุขของตัวเองเท่านั้นแต่ตอนนี้...“ไปกับผม”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก หลังจากพูดประโยคนั้นจบ เขาก็เดินไปเลยหลังจากซังหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็
โรงพยาบาลในช่วงกลางดึกมักจะให้ความรู้สึกประหลาดไฟฉุกเฉินที่สว่างไสวตรงปลายทางเดินนั้นราวกับเลือดแดงสด ทำให้คนเกิดความประหม่า!และสิ่งที่ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจก็คือ เวลานี้คนที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินนอกจากผู้ช่วยของฟู่เซียวหานแล้ว ก็ยังเป็นซังฉิงอีกด้วยบนร่างกายของเธอดูเหมือนว่าจะเปื้อนเลือด สีหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นฟู่เซียวหาน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปทันที “พี่เซียวหาน!”ราวกับว่าอารมณ์ที่ตึงเครียดนั้นได้รับการผ่อนคลาย ทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “ฉัน...ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ทำยังไงดีคะ? คุณป้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พี่ว่าคุณป้าจะ...”ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอ แล้วหันไปมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เขา“ตอนนี้เรื่องอุบัติเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์...บอกว่าตอนนั้นบนถนนไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย และจู่ๆ รถของคุณนายก็เสียหลักพุ่งชนอย่างกะทันหัน” น้ำเสียงของผู้ช่วยดูลังเล “บนรถยังมี...คุณเฉิน เมื่อครู่คุณหมอเพิ่งแจ้งว่า ได้พยายามช่วยคุณเฉินอย่างสุดความสามารถแล้วแต่เป็นผล คุณเฉินเสียชีวิตแล้ว”คำพูดของผู้ช่วยพูดได้อย่างละเอียดอ่อนมากสีหน้าของฟู่เซียวหานกลับดูแย่มาก
แต่เวลานี้ซังหนี่กลับรู้สึกว่าสิ่งนั้นร้อนมาก ราวกับว่าวางไว้ตรงไหน...ก็ไม่ปลอดภัยสุดท้าย เธอก็หยิบซองจดหมายนั้นออกมา แล้ววางรวมกับกองหนังสือบนโต๊ะของเธอดูแล้ว...มันก็เด่นชัดมากแต่เมื่อฟู่เซียวหานกลับมาในตอนเย็น เขากลับไม่พบอะไรดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินเข้ามาช่วยซังหนี่ปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาเนื่องจากซังหนี่ไม่ยอมย้ายออกไปจากที่นี่ และฟู่เซียวหานก็ไม่สามารถบังคับได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเช่าห้องข้างๆ แทนตอนนี้ ในที่สุดก็ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาแล้วคืนนี้ เมืองถงมีหิมะแรกของฤดูหนาวในปีนี้ซังหนี่ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหิมะ แต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนจะชอบมากไม่อย่างนั้น เขาคงไม่กอดเธอไว้ที่หน้าต่างและชื่นชมอยู่ครึ่งค่อนคืน?จนสุดท้าย ขาทั้งสองข้างของซังหนี่เริ่มอ่อนแรงลง จึงอ้อนวอนเขาอยู่นานด้วยดวงตาสีแดง จนกระทั่งฟู่เซียวหานได้ยินคำว่าสามีจากเธออยู่หลายครั้งจนพอใจ เขาถึงได้อุ้มเธอกลับไปรอหลังจากเขาเสร็จภารกิจ ซังหนี่ก็เกือบจะหลับไปแล้วฟู่เซียวหานเห็นเธออ่อนล้าจนไม่อยากขยับตัว เขาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ“อีกสองวันเราไ
สองวันต่อมาซังหนี่ได้พบกับคุณนายฟู่อีกครั้งเธอเป็นคนโทรศัพท์หาซังหนี่ก่อน และขอนัดพบเธอที่ร้านกาแฟซังหนี่ไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันตัดสินใจจะไปจากเมืองถง”เมื่อมาถึงร้านกาแฟ คุณนายฟู่ก็พูดกับซางหนี่ตรงๆเธอพูดออกมาอย่างนั้น ทำให้ซังหนี่ถลึงตาโตชั่วขณะ “หมายความว่า...อะไรคะ?”“ก็หมายความอย่างที่พูด”“เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วนั้นเหรอคะ? คุณโกรธฟู่เซียวหาน...”“ไม่ใช่” คุณนายฟู่รีบพูดขึ้นมาทันที “และฉันบอกเธอก็ได้ว่า ฉันอยากไปเพราะ...เขาทนกับการทดสอบที่เซียวหานมอบให้เขาไม่ไหวแล้ว”หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ รูม่านตาของซังหนี่ก็หดตัวลงเล็กน้อย“ดังนั้นคุณก็เลยอยาก...”ในเมืองถงมีคนรู้จักพวกเรามากเกินไป และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกอึดอัดกับตำแหน่งคุณนายฟู่จนแทบจะหายใจไม่ออก และฉันก็ไม่ต้องการที่จะ...เป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว”“ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจดีแล้วว่า พวกเราจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”“หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราตัดสินใจที่จะหนีตามกันไป”ขณะที่คุณนายฟู่พูด บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มซังหนี่รู้มาตล