สามวันหลังจากนั้น ท้ายที่สุดซังหนี่ก็เลือกไปที่โรงพยาบาลเธอสวมหน้ากากอนามัยมา และได้รับข่าวสารยืนยันจากนางพยาบาลแล้วว่าคุณนายซังเข้าโรงพยาบาลจริงแต่อาการป่วยเป็นอย่างไรนั้น ทางนางพยาบาลมิได้เปิดเผยให้ซังหนี่ทราบซังหนี่ยังคงถามต่อ และแค่ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนเงียบ ๆขณะที่เธอเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วย เธอพลันได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณนายซังและซังฉิงทันที“แม่คิดว่าฉินม่อเป็นคนดีมาก ในอนาคตหากลูกแต่งงานกับเขาไปแน่นอนว่าต้อง…”“แต่ว่าหม่ามี๊คะ หนูไม่เคยชอบเขาเลยสักนิด!” น้ำเสียงของซังฉิงเจือด้วยเสียงสะอื้น “อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้ชอบหนูเหมือนกัน หม่ามี๊รู้ไหมคะ? ที่เขาบาดเจ็บเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะ…”จู่ ๆ เสียงของซังฉิงก็เงียบหายไปคุณนายซังถามต่อ “เพราะอะไร?”“อย่างไรก็ตามคนที่เขาชอบไม่ใช่หนูค่ะ! หนูเองก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาด้วย!”คุณนายซังไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีกซังฉิงราวกับคว้าโอกาสไว้ได้อีกครั้ง ก่อนจะใช้มือจับคุณนายซังเอาไว้แน่น “หม่ามี๊คะ หนูชอบพี่เซียวหานมากจริง ๆ นะคะ หม่ามี๊ได้โปรดช่วยหนูเถอะนะ ได้ไหมคะ?”“ตอนนี้ฉิ
“ถ้าฉันรู้ว่าในอนาคตเธอจะประสบกับสิ่งใด ฉันจะมัดตัวเธอผูกไว้ข้างกายฉันตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ไม่มีวันปล่อยให้เธอห่างไปจากสายตาแม้เพียงครึ่งก้าว”“แต่ว่าซังหนี่ เธอประสบกับชีวิตที่แสนยากลำบากมาตลอดในวันเวลาหลายปีที่ผ่านมา จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ดีไปว่าเธอเลย เธอเองก็เกือบได้เป็นแม่คน หัวใจรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้น เธอน่าจะเข้าใจมันดีใช่ไหม?”น้ำตาของคุณนายซังหลั่งรินลงมาหลังจากที่ซังหนี่มองเธอครู่ใหญ่ ก็พลันถามว่า “พูดมาเถอะค่ะ ตกลงแล้วพวกคุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่งเธอราวกับเป็นผู้ชมที่ไม่ให้ความร่วมมืออย่างมาก จนทำให้นักแสดงบนเวทีนั้นจำต้องหยุดชะงักกะทันหันและไม่สามารถทำการแสดงต่อได้คุณนายซังเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “เธอ…เธอพูดแบบนี้กับแม่ของเธอได้อย่างไร?”“ดูเหมือนฉันจะเดาผิดไปเองสินะคะ?” ซังหนี่กลับยิ้มออกมาน้อย ๆ “ไม่มีอะไรใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันขอตัวก่อน…”“รอเดี๋ยว!”เมื่อเห็นว่าซังหนี่ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปจริง ๆ ท้ายที่สุดคุณนายซังก็อดกล่าวออกมาไม่ได้เสียงนี้นับว่าอยู่ในการคาดการณ์ของซังหนี่เธอไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียง
สำหรับคำด่าทอสาปแช่งที่มาจากปากของตระกูลซังนั้น ซังหนี่คุ้นชินกับมันจนมองเป็นเรื่องปกติไปแล้วแม้ก่อนหน้านี้เธอมักจะรู้สึกเจ็บแสบราวกับแผลที่ตกสะเก็ดแล้วโดนฉีกออกอีกครั้งก็ตามแต่ตอนนี้เธอไม่มีความสะทกสะท้านใดเลยเธอยังยิ้มออกมาได้เลยด้วยซ้ำ ก่อนจะหันหน้าไปตอบเธอว่า “ช่างน่าเสียดายนะคะที่คุณไม่ได้ทำแบบนั้นตั้งแต่แรก ทว่าตอนนี้…คุณไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว”คุณนายซังตกตะลึงงันจนพูดไม่ออกอีกแต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะคำพูดของซังหนี่ แต่เป็นเพราะสายตาที่เธอใช้มองตนต่างหากสายตานั้นเสมือนกับคนที่ยืนอยู่บนที่สูง และลดสายตาลงมองมดตัวน้อยที่น่าสงสารด้านล่างทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอมองตนเองด้วยสีหน้าแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความทึ่มทื่อแท้ ๆ แต่ว่าเมื่อไหร่กันที่ความสัมพันธ์ของพวกเธอ…กลับกลายเป็นดั่งเช่นตอนนี้?คุณนายซังไม่ทราบเลย เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าเลือดในกายของตนนั้นกำลังจับตัวแข็งขึ้นทีละน้อยโดยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยทว่าซังหนี่ไม่ได้มองย้อนกลับไปอีกในเวลานี้ เธอไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่มาที่นี่ในวันนี้เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเมื่อกี้ตนไม่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น และจะผิดหวังในตัวพวกเ
ฟู่เซียวหานรีบขึ้นรถทันที “ฉันกำลังไปเดี๋ยวนี้”“พวกเราอยู่แถวย่านบาร์ที่นั่นค่ะ พี่สาวเมาหนักมากจริง ๆ ฉันเลยคิดว่าจะพาเธอไปพักที่โรงแรมก่อน”“พวกเธอสองคนอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”หลังจากพูดจบ ฟู่เซียวหานก็สั่งให้คนขับรถสตาร์ทรถทันทีแต่ดูเหมือนว่าซังฉิงจะไม่ได้สนใจคำพูดตอนท้ายของเขาเลย เธอแค่ส่งที่อยู่มาให้ฟู่เซียวหานเท่านั้นเมื่อฟู่เซียวหานเห็นที่อยู่นั่น เขารู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบโทรหาผู้ช่วยของตนให้ไปตรวจสอบว่าซังหนี่อยู่ที่ถนนหมินเหอหรือไม่จากนั้น เขาโทรหาซังหนี่ด้วยตัวเองโทรติด แต่ไม่มีใครรับสายเมื่อฟู่เซียวหานมาถึงด้านล่างของโรงแรม ผู้ช่วยโทรกลับรายงานก็ว่าซังหนี่ไม่ได้กลับไปที่ถนนหมินเหอฟู่เซียวหานไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปในโรงแรมทันทีห้อง 1608ฟู่เซียวหานเพิ่งกดกริ่งไม่นาน ซังฉิงก็เปิดประตูห้องในห้องเปิดฮีตเตอร์จนอบอุ่น ขณะที่เธอสวมเพียงเดรสสายเดี่ยวสีดำ และมีกลิ่นเหล้าอบอวลอยู่เมื่อเธอเปิดประตูออกมา ท่าทางการเดินของเธอดูโซเซไปมาเล็กน้อย พอเห็นฟู่เซียวหานเข้า เธอก็แทบจะล้มลงไปในอ้อมกอดของเ
ซังฉิงพูดพลางยื่นมือออกมา แล้วค่อย ๆ ปลดสายเสื้อบนบ่าของตัวเองลงมาภายใต้แสงไฟสลัว เผยให้เห็นผิวขาวนวลของหญิงสาวแต่ฟู่เซียวหานมองเธอแค่แวบหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ฉันคิดว่าครั้งก่อนที่บ้านตระกูลฟู่ ฉันได้พูดกับเธอชัดเจนแล้ว”น้ำเสียงของเขาเย็นชาและหนักแน่นการกระทำของซังฉิงหยุดชะงักในทันทีเธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อน ที่หน้าประตูบ้านตระกูลฟู่ จูบนั้นที่เขาผลักเธอออกแต่ครั้งนี้ เธอกลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น โผเข้าหาเขาอย่างแรงพร้อมกอดเขาไว้แน่น“พี่เซียวหาน ฉันชอบพี่มากจริง ๆ แม้ว่าจะไม่มีสถานะอะไรเลยก็ได้ ฉันแค่อยากขอเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น...”“เพราะ...ฉันอยากมอบครั้งแรกที่มีค่าที่สุดของฉันให้กับคนที่ฉันรักที่สุด ดังนั้น...พี่เซียวหาน ได้โปรดยอมรับฉันเถอะ!”ดวงตาของซังฉิงเต็มไปด้วยน้ำตาใบหน้าที่งดงามแม้จะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทำให้ใครก็ตามที่เห็นต้องรู้สึกสงสารแต่ฟู่เซียวหานมองเธอเพียงแวบเดียว ก่อนจะผลักเธอออกอย่างสงบนิ่ง“ฉันเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น”“เป็นไปไม่ได้! พี่เคยดีกับฉันมาก! ถ้าไม่ใช่เพราะซังหนี่ เราคงแต่งงานกันไปแล้ว!”“ถ้าพี่ไม่ชอบฉัน แล้ว
“แล้วทำไมตอนผมโทรหาคุณ คุณถึงไม่รับสายล่ะ?”“ฉัน...ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้เลยไม่ได้ยิน”หลังจากซังหนี่พูดจบ ฟู่เซียวหานก็ลุกขึ้นทันที แล้วพุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว!ร่างของเขาสูงใหญ่ และพื้นที่หน้าประตูมีเพียงเล็กน้อย พอระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลง ซังหนี่ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทันทีเธอถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่หลังก็ชนเข้ากับประตูอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่มีทางถอยไปได้อีกเธอทำได้เพียงเงยหน้ามองเขาสายตาของเธอมีความสับสนเล็กน้อย แต่กลับไม่มีความรู้สึกผิดหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อยฟู่เซียวหานจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงพูดขึ้นว่า “คืนนี้ซังฉิงโทรหาผม บอกว่าคุณไปดื่มกับเธอ”“ฉันกับเธองั้นเหรอ?” ซังหนี่แสยะยิ้ม “คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมล่ะ?”“อืม ผมก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” ฟู่เซียวหานพยักหน้า “แต่ผมได้ยินว่าคุณเมา เลยรีบไปดู”“เพราะตอนนั้น คุณไม่ได้อยู่ที่นี่ และก็ไม่รับสายโทรศัพท์”ฟู่เซียวหานพูดขึ้น พร้อมกับสายตาคมกริบดุจเหยี่ยว ราวกับมองทะลุผ่านตัวซังหนี่ได้ทั้งร่าง!ซังหนี่อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่พูดอะไรออกมาฟู่เซียวหานพู
ซังฉิงและหยวนโหรวบังเอิญเจอกันในห้องน้ำตั้งแต่ซังฉิงหมั้นกับฉินม่อ การติดต่อระหว่างทั้งสองคนก็ลดน้อยลงไปมาก แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นศัตรูกัน ในตอนนี้เจอกันก็ยังพยักหน้าและทักทายกันตามมารยาท“อาการบาดเจ็บของฉินม่อเป็นยังไงบ้าง?”หยวนโหรวมองซังฉิงที่กำลังเติมลิปสติกแล้วถามขึ้น“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ เขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว”ซังฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ แต่หยวนโหรวกลับรู้สึกว่าเธอดูเหมือนมีบางอย่าง...ที่แตกต่างไปจากเดิมแต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรต่อ ซังฉิงก็ล้างมือเสร็จและเดินออกไปตอนนี้ในห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยความคึกคักแต่เมื่อซังฉิงเดินกลับเข้าไป พวกเขากลับเบียดเสียดกันมุ่งออกไปข้างนอกซังฉิงหลบไม่ทัน แต่หยวนโหรวก็ดึงเธอจากด้านหลังไว้“พวกเขาจะไปที่บนดาดฟ้านั่นแหละ” หยวนโหรวเห็นว่าเธอดูงง ๆ เลยอธิบายว่า “อีกเดี๋ยวก็จะเคาท์ดาวน์แล้ว คืนนี้เมืองทงมีการแสดงดอกไม้ไฟ”ซังฉิงจึงส่งเสียงอ๋อเบา ๆ “ไปเถอะ ไปดูด้วยกัน”หยวนโหรวจูงมือเธอ แล้วพาเดินไปข้างหน้าซังฉิงเดินตามอยู่ข้างหลัง มองมือของหยวนโหรวด้วยสายตารังเกียจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลักเธอออกไปแต่เมื่อพวกเธอไปถึงบนดาดฟ้า
“ให้ตายเถอะ! ดูเหมือนจะเป็นเธอจริง ๆ ซะด้วย!"“ซังฉิง พี่สาวของเธอกลับมาคืนดีกับประธานฟู่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ไม่สิ ฟู่เซียวหานชอบเธอที่ตรงไหน?”เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ดังไม่หยุด ราวกับบางอย่างระเบิดขึ้นในหัวของซังฉิงทันที!เธอไม่สามารถตอบสนองอะไรได้เลยในตอนนี้เธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว มีเพียงสายตาที่จ้องมองสองคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตาเพราะความตื่นเต้นและความโกรธ ทำให้แม้แต่ร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อยในขณะนั้นเอง ฟู่เซียวหานที่อยู่บนดาดฟ้าก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ทางด้านนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นทันที เขาดึงซังหนี่เข้ามาในอ้อมแขนของเขาโดยไม่คิดอะไร“ประธานฟู่ บังเอิญจังเลยนะ!”มีคนในกลุ่มทักเขาขึ้นมาทันที“นี่แฟนใหม่ของคุณเหรอ? ทำไมพวกเราไม่รู้เรื่องนี้เลย?”คืนนี้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงที่นี่ล้วนเป็นหนุ่มสาวในแวดวงเดียวกัน อายุใกล้เคียงกับฟู่เซียวหาน จึงไม่มีใครเกรงใจอะไรนักในตอนนี้ที่สำคัญคือตั้งแต่แรก ซังหนี่หันหลังให้พวกเขามาตลอด และตอนนี้ก็ถูกฟู่เซียวหานกอดไว้ในอ้อมแขนถ้าไม่ใช่เพราะเสียงของหยวนโหรวที่เอ่ยขึ้นก่อนหน้านี้ ทุกคนในที่แห่งนี้ก็คงไม่คิดว่า
แน่นอนว่าฟู่เซียวหานรู้ดีว่านางแพศยาที่พวกเขาเอ่ยถึงคือใครนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขับไล่พวกเขาออกไปโดยตรงผู้เฒ่าทั้งสองคนที่มองดูแล้วอ่อนแรงไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อพวกเขาโดนลากออกไปกลับพ่นถ้อยคำด่าทอที่แสนก้าวร้าวออกมาเสียงดังสนั่น และยังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะไปหานักข่าว จะให้ทุกคนรับรู้ว่าลูกชายของพวกเขานั้นเสียชีวิตลงเพราะตระกูลฟู่ในเวลานั้นฟู่เซียวหานเพียงตอบรับด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ไปหาสิ”ท่าทางที่ไม่มีแม้แต่จะหวั่นเกรงนั้นพวกเขารู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาในใจ!ทว่าฟู่เซียวหานไม่ได้เหลือบมองมายังพวกเขาอีกหลังจากนั้นไม่นาน สวีเหยียนก็รีบเร่งมาที่นี่ พร้อมบอกกับเขาว่าข้าวของจากถนนหมินเหอไปถูกส่งกลับไปที่บ้านพักป๋อซีหยวนเรียบร้อยแล้วฟู่เซียวหานเพียงตอบรับในลำคอ เป็นเชิงว่ารับรู้สวีเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “วันนี้ผมเห็นสีหน้าของคุณนาย…คุณหนูซังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเหมือนจะป่วยเอาเสียแล้วล่ะครับ”ฟู่เซียวหานไม่ปริปากกล่าวอะไรออกมา“ประธานฟู่ครับ ที่จริงแล้วเรื่องนี้คุณหนูซังเองก็ไม่ได้ผิด คุณไประบายอารมณ์โกรธใส่เ
มันย่ำแย่ยิ่งกว่าจิบแรกเมื่อกี้นี้เสียอีกเรียวคิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จากนั้น เขาก็มองเห็นเงาร่างสีขาวร่างนั้นเพราะยืนอยู่บนตึกชั้นสูง ดังนั้นแท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างด้านล่างจึงล้วนหลงเหลือเพียงจุดที่แสนเลือนรางแต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงจำเธอได้ในทันทีเขายังเห็นแม้กระทั่งว่าเธอยืนอยู่ข้างถังขยะ และนำอะไรบางอย่างทิ้งขว้างลงไปมือของฟู่เซียวหานจับแก้วเหล้าในมือแน่นขึ้นโดยพลันผ่านไปสักพัก เขาถึงจะค่อย ๆ ผ่อนแรงมือลงฟู่เซียวหานรู้ดีว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนที่ลึกล้ำในห้วงอารมณ์มากนักส่วนนี้เป็นเพราะการสอนที่คุณแม่สอนเขามาตั้งแต่เด็กในเวลานี้เมื่อคิดถึงเธอ สิ่งแรกที่ฟู่เซียวหานนึกถึงคือน้ำเสียงราบเรียบและรอยยิ้มที่ผิวเผินแต่ไปไม่ถึงดวงตาของเธอฟู่เซียวหานเคยคิดว่า เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลยสักนิดจนกระทั่งวินาทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอฟู่เซียวตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งทันที ——เธอคือคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับเขามากที่สุดในโลกใบนี้แล้วเขาเคยอยู่ในกายของเธอด้วยซ้ำสายสะดือเส้นน้อย ที่คอยเชื่อมต่อพวกเขาเอาไว้ด้วยกันและความรู้สึกนี้ ก็พลันพุ่ง
หลังจากฟู่เซียวหานพูดจบ ซังหนี่ก็นิ่งเงียบอยู่นานประตูด้านหลังยังไม่ได้ปิดสนิท ลมหนาวที่พัดเข้ามากับความอบอุ่นภายในห้องช่างแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนซังหนี่เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตกลงตอนนี้ร่างกายของเธอเย็น หรือว่าร้อนเธอรู้สึกเพียงว่าในสมองมันว่างเปล่าหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า “แสดงว่า คุณไม่อยากฟังคำอธิบายจากฉันใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานมองเธอและพูดว่า “ซังหนี่ หลายๆ เรื่องบนโลกนี้ มันดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น”หลังจากพูดจบ ซังหนี่ก็ก้มหัวลงแล้วหัวเราะออกมาผลลัพธ์?อะไรคือผลลัพธ์?ผลลัพธ์คือตอนนี้แม่ของเขานอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ผลลัพธ์จดหมายลาตายฉบับนั้น ถูกส่งจากมือของเธอ ให้กับมือของเขาผลลัพธ์ก็คือ เขาบอกว่าพวกเขาตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันอีกแล้วแม้กระทั่งคำบอกเลิก ก็ยังไม่ยอมพูดกับเธอซังหนี่มองดูคนตรงหน้า จู่ๆ ก็นึกถึงช่วงเวลาที่อบอุ่นที่พวกเขาเคยใช้เวลาร่วมกันมาคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอ สายตาที่เขามองเธอ รวมถึงภาพที่พวกเขาคลอเคลียอยู่บนเตียงด้วยกันภาพของฟู่เซียวหานในตอนนั้น ค่อยๆ ซ้อนทับกับภาพของเขาที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้แต่ในตอนนี้ สายตาของเ
ซังหนี่โทรศัพท์หาฟู่เซียวหาน แต่เขา ติดสายอยู่ตลอดไม่มีทางเลือก เธอจึงทำได้เพียงติดต่อทางสวีเหยียนเท่านั้น“ประธานฟู่ยังประชุมอยู่ครับ แต่วันนี้เขาคงไม่มีเวลาพบคุณ เอายังงี้...”น้ำเสียงของสวีเหยียนพูดอย่างอ้อมค้อม แต่ซังหนี่กลับเข้าใจได้ทันทีถึงความหมายของเขาจะไม่มีเวลาพบ...ได้ยังไง?ซังหนี่จำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เขาก็ยุ่งมากแต่ตอนนั้นไม่ว่าฟู่เซียวหานจะยุ่งมากแค่ไหน เขาก็หาเวลามาพบเธอได้เสมอ บางครั้งเดินทางไปต่างเมือง เขานั่งเครื่องบินกลับมาช่วงกลางดึกก็ตรงไปหาเธอทันทีแต่ตอนนี้ แม้แต่โทรศัพท์ของเธอก็ไม่มีเวลารับสายความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของเธอ แต่สุดท้ายซังหนี่ก็ไม่ได้ถามออกมา เพียงตอบไปว่า “ฉันรู้แล้วค่ะ”พูดจบ เธอก็หันกลับไปแต่เมื่อคนขับแท็กซี่ถามสถานที่กับเธอ เธอกลับเปลี่ยนเป็นตอบว่า “ไปที่บ้านพักป๋อซีหยวน”เธอไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วเมื่อก่อนตอนที่ฟู่เซียวหานไม่ชอบที่พักของเธอ เขาก็มักจะพูดคำหนึ่งคือ ขอให้เธอกลับมาอยู่ที่นี่กับเขาซังหนี่ไม่เคยเห็นด้วยเลยเวลานี้เธอก็ไม่ได้เข้าไป แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตู และส่งข้อความถึงฟู่เซียวหาน“ฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านพักป
ตอนที่ซังฉิงพบเธอ ซังหนี่เพิ่งกลับออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในมือของเธอถือถุงอยู่ และทันทีที่เธอเห็นซังฉิง มือของเธอก็กำแน่นขึ้นมาทันทีซังฉิงยืนอยู่บนบันได และยิ้มเยาะมองเธอ "เธอกลับมาแล้วเหรอ?"ซังหนี่ไม่ตอบอะไร เพียงสบตาเธออย่างนิ่งเฉยเท่านั้นซังฉิงยิ้มเยาะขึ้นมาอีกครั้ง "เห็นฉัน คงแปลกใจมากใช่ไหม?"“ฉันก็แค่อยากมาดูว่าตอนนี้เธอ...เป็นยังไงบ้าง” ซังฉิงกระพริบตา แล้วพูดว่า “ช่วงนี้พี่เซียวหานยุ่งมาก คงไม่มีเวลาดูแลเธอ ฉันในฐานะน้องสาว ตอนนี้เธอไม่มีใคร ฉันเป็นห่วงเธอเลยต้องมาดูสักหน่อย”“งั้นเธอก็ไปได้แล้ว”ซังหนี่ตอบ พร้อมกับเดินอ้อมเธอไปถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ซังฉิงเป็นปฏิกิริยาของเธอแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ๆแต่ในตอนนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย ตรงกันข้าม เวลานี้ที่เธอมองซังหนี่กลับหัวเราะออกมา “ซังหนี่ เธอคิดว่าตอนนี้ยังมีฟู่เซียวหานคอยให้ท้ายเธออยู่งั้นเหรอ?”“เธอไม่รู้สึกเหรอว่า? เธอกับพี่เซียวหาน...มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”เธอพูดจบ ซังหนี่ก็หยุดนิ่งไปจากนั้น เธอก็หันกลับไปมองซังฉิงอีกฝ่ายยิ้มเยาะมองดูเธอ “เกิดเรื่องใหญ่กับแม่ของเขาขนาดนนั้น เธอคิดว่าเขาจะไม่โ
จากนั้น ผู้ช่วยของฟู่เซียวหานก็เดินเข้าไป และพูดอะไรบางอย่างกับเขาด้วยสีหน้าจริงจังใบหน้าของฟู่เซียวหานไม่แสดงอาการใดๆ และก็ไม่ได้ตอบสนอง“ประธานฟู่ หากเรื่องพวกนี้พรุ่งนี้เป็นกระแสขึ้นมา...”“ติดต่อคนให้ปิดข่าว แล้วก็ ติดต่อครอบครัวของเฉินเฟิงด้วย” น้ำเสียงของฟู่เซียวหานนิ่งมาก ราวกับว่าเขากำลังจัดการทำธุระในเรื่องที่ง่ายดายมาก“ส่วนทางบ้านตระกูลฟู่ ฉันจะไปคุยด้วยตัวเอง”ขณะที่พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปแต่เมื่อเขาเดินผ่านซังหนี่ ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมจะพาคุณไปส่งก่อน”“ฉัน…คืนนี้จะเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล?”แม้ว่าซังหนี่จะรู้ว่า คุณนายฟู่อยู่ในห้องICUตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้...เธอกลับรู้สึกกลัวการที่ต้องอยู่กับฟู่เซียวหาน เพราะจากสิ่งที่ซังฉิงเพิ่งพูดไป เธอไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลยแต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่า...คุณนายฟู่จะตัดสินใจแบบนี้เธอคิดว่า คุณนายฟู่แค่ต้องการตามหาความสุขของตัวเองเท่านั้นแต่ตอนนี้...“ไปกับผม”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก หลังจากพูดประโยคนั้นจบ เขาก็เดินไปเลยหลังจากซังหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็
โรงพยาบาลในช่วงกลางดึกมักจะให้ความรู้สึกประหลาดไฟฉุกเฉินที่สว่างไสวตรงปลายทางเดินนั้นราวกับเลือดแดงสด ทำให้คนเกิดความประหม่า!และสิ่งที่ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจก็คือ เวลานี้คนที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินนอกจากผู้ช่วยของฟู่เซียวหานแล้ว ก็ยังเป็นซังฉิงอีกด้วยบนร่างกายของเธอดูเหมือนว่าจะเปื้อนเลือด สีหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นฟู่เซียวหาน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปทันที “พี่เซียวหาน!”ราวกับว่าอารมณ์ที่ตึงเครียดนั้นได้รับการผ่อนคลาย ทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “ฉัน...ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ทำยังไงดีคะ? คุณป้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พี่ว่าคุณป้าจะ...”ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอ แล้วหันไปมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เขา“ตอนนี้เรื่องอุบัติเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์...บอกว่าตอนนั้นบนถนนไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย และจู่ๆ รถของคุณนายก็เสียหลักพุ่งชนอย่างกะทันหัน” น้ำเสียงของผู้ช่วยดูลังเล “บนรถยังมี...คุณเฉิน เมื่อครู่คุณหมอเพิ่งแจ้งว่า ได้พยายามช่วยคุณเฉินอย่างสุดความสามารถแล้วแต่เป็นผล คุณเฉินเสียชีวิตแล้ว”คำพูดของผู้ช่วยพูดได้อย่างละเอียดอ่อนมากสีหน้าของฟู่เซียวหานกลับดูแย่มาก
แต่เวลานี้ซังหนี่กลับรู้สึกว่าสิ่งนั้นร้อนมาก ราวกับว่าวางไว้ตรงไหน...ก็ไม่ปลอดภัยสุดท้าย เธอก็หยิบซองจดหมายนั้นออกมา แล้ววางรวมกับกองหนังสือบนโต๊ะของเธอดูแล้ว...มันก็เด่นชัดมากแต่เมื่อฟู่เซียวหานกลับมาในตอนเย็น เขากลับไม่พบอะไรดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินเข้ามาช่วยซังหนี่ปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาเนื่องจากซังหนี่ไม่ยอมย้ายออกไปจากที่นี่ และฟู่เซียวหานก็ไม่สามารถบังคับได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเช่าห้องข้างๆ แทนตอนนี้ ในที่สุดก็ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาแล้วคืนนี้ เมืองถงมีหิมะแรกของฤดูหนาวในปีนี้ซังหนี่ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหิมะ แต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนจะชอบมากไม่อย่างนั้น เขาคงไม่กอดเธอไว้ที่หน้าต่างและชื่นชมอยู่ครึ่งค่อนคืน?จนสุดท้าย ขาทั้งสองข้างของซังหนี่เริ่มอ่อนแรงลง จึงอ้อนวอนเขาอยู่นานด้วยดวงตาสีแดง จนกระทั่งฟู่เซียวหานได้ยินคำว่าสามีจากเธออยู่หลายครั้งจนพอใจ เขาถึงได้อุ้มเธอกลับไปรอหลังจากเขาเสร็จภารกิจ ซังหนี่ก็เกือบจะหลับไปแล้วฟู่เซียวหานเห็นเธออ่อนล้าจนไม่อยากขยับตัว เขาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ“อีกสองวันเราไ
สองวันต่อมาซังหนี่ได้พบกับคุณนายฟู่อีกครั้งเธอเป็นคนโทรศัพท์หาซังหนี่ก่อน และขอนัดพบเธอที่ร้านกาแฟซังหนี่ไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันตัดสินใจจะไปจากเมืองถง”เมื่อมาถึงร้านกาแฟ คุณนายฟู่ก็พูดกับซางหนี่ตรงๆเธอพูดออกมาอย่างนั้น ทำให้ซังหนี่ถลึงตาโตชั่วขณะ “หมายความว่า...อะไรคะ?”“ก็หมายความอย่างที่พูด”“เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วนั้นเหรอคะ? คุณโกรธฟู่เซียวหาน...”“ไม่ใช่” คุณนายฟู่รีบพูดขึ้นมาทันที “และฉันบอกเธอก็ได้ว่า ฉันอยากไปเพราะ...เขาทนกับการทดสอบที่เซียวหานมอบให้เขาไม่ไหวแล้ว”หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ รูม่านตาของซังหนี่ก็หดตัวลงเล็กน้อย“ดังนั้นคุณก็เลยอยาก...”ในเมืองถงมีคนรู้จักพวกเรามากเกินไป และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกอึดอัดกับตำแหน่งคุณนายฟู่จนแทบจะหายใจไม่ออก และฉันก็ไม่ต้องการที่จะ...เป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว”“ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจดีแล้วว่า พวกเราจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”“หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราตัดสินใจที่จะหนีตามกันไป”ขณะที่คุณนายฟู่พูด บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มซังหนี่รู้มาตล