สามวันหลังจากนั้น ท้ายที่สุดซังหนี่ก็เลือกไปที่โรงพยาบาลเธอสวมหน้ากากอนามัยมา และได้รับข่าวสารยืนยันจากนางพยาบาลแล้วว่าคุณนายซังเข้าโรงพยาบาลจริงแต่อาการป่วยเป็นอย่างไรนั้น ทางนางพยาบาลมิได้เปิดเผยให้ซังหนี่ทราบซังหนี่ยังคงถามต่อ และแค่ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนเงียบ ๆขณะที่เธอเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วย เธอพลันได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณนายซังและซังฉิงทันที“แม่คิดว่าฉินม่อเป็นคนดีมาก ในอนาคตหากลูกแต่งงานกับเขาไปแน่นอนว่าต้อง…”“แต่ว่าหม่ามี๊คะ หนูไม่เคยชอบเขาเลยสักนิด!” น้ำเสียงของซังฉิงเจือด้วยเสียงสะอื้น “อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้ชอบหนูเหมือนกัน หม่ามี๊รู้ไหมคะ? ที่เขาบาดเจ็บเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะ…”จู่ ๆ เสียงของซังฉิงก็เงียบหายไปคุณนายซังถามต่อ “เพราะอะไร?”“อย่างไรก็ตามคนที่เขาชอบไม่ใช่หนูค่ะ! หนูเองก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาด้วย!”คุณนายซังไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีกซังฉิงราวกับคว้าโอกาสไว้ได้อีกครั้ง ก่อนจะใช้มือจับคุณนายซังเอาไว้แน่น “หม่ามี๊คะ หนูชอบพี่เซียวหานมากจริง ๆ นะคะ หม่ามี๊ได้โปรดช่วยหนูเถอะนะ ได้ไหมคะ?”“ตอนนี้ฉิ
“ถ้าฉันรู้ว่าในอนาคตเธอจะประสบกับสิ่งใด ฉันจะมัดตัวเธอผูกไว้ข้างกายฉันตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ไม่มีวันปล่อยให้เธอห่างไปจากสายตาแม้เพียงครึ่งก้าว”“แต่ว่าซังหนี่ เธอประสบกับชีวิตที่แสนยากลำบากมาตลอดในวันเวลาหลายปีที่ผ่านมา จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ดีไปว่าเธอเลย เธอเองก็เกือบได้เป็นแม่คน หัวใจรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้น เธอน่าจะเข้าใจมันดีใช่ไหม?”น้ำตาของคุณนายซังหลั่งรินลงมาหลังจากที่ซังหนี่มองเธอครู่ใหญ่ ก็พลันถามว่า “พูดมาเถอะค่ะ ตกลงแล้วพวกคุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่งเธอราวกับเป็นผู้ชมที่ไม่ให้ความร่วมมืออย่างมาก จนทำให้นักแสดงบนเวทีนั้นจำต้องหยุดชะงักกะทันหันและไม่สามารถทำการแสดงต่อได้คุณนายซังเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “เธอ…เธอพูดแบบนี้กับแม่ของเธอได้อย่างไร?”“ดูเหมือนฉันจะเดาผิดไปเองสินะคะ?” ซังหนี่กลับยิ้มออกมาน้อย ๆ “ไม่มีอะไรใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันขอตัวก่อน…”“รอเดี๋ยว!”เมื่อเห็นว่าซังหนี่ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปจริง ๆ ท้ายที่สุดคุณนายซังก็อดกล่าวออกมาไม่ได้เสียงนี้นับว่าอยู่ในการคาดการณ์ของซังหนี่เธอไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียง
สำหรับคำด่าทอสาปแช่งที่มาจากปากของตระกูลซังนั้น ซังหนี่คุ้นชินกับมันจนมองเป็นเรื่องปกติไปแล้วแม้ก่อนหน้านี้เธอมักจะรู้สึกเจ็บแสบราวกับแผลที่ตกสะเก็ดแล้วโดนฉีกออกอีกครั้งก็ตามแต่ตอนนี้เธอไม่มีความสะทกสะท้านใดเลยเธอยังยิ้มออกมาได้เลยด้วยซ้ำ ก่อนจะหันหน้าไปตอบเธอว่า “ช่างน่าเสียดายนะคะที่คุณไม่ได้ทำแบบนั้นตั้งแต่แรก ทว่าตอนนี้…คุณไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว”คุณนายซังตกตะลึงงันจนพูดไม่ออกอีกแต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะคำพูดของซังหนี่ แต่เป็นเพราะสายตาที่เธอใช้มองตนต่างหากสายตานั้นเสมือนกับคนที่ยืนอยู่บนที่สูง และลดสายตาลงมองมดตัวน้อยที่น่าสงสารด้านล่างทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอมองตนเองด้วยสีหน้าแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความทึ่มทื่อแท้ ๆ แต่ว่าเมื่อไหร่กันที่ความสัมพันธ์ของพวกเธอ…กลับกลายเป็นดั่งเช่นตอนนี้?คุณนายซังไม่ทราบเลย เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าเลือดในกายของตนนั้นกำลังจับตัวแข็งขึ้นทีละน้อยโดยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยทว่าซังหนี่ไม่ได้มองย้อนกลับไปอีกในเวลานี้ เธอไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่มาที่นี่ในวันนี้เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเมื่อกี้ตนไม่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น และจะผิดหวังในตัวพวกเ
ฟู่เซียวหานรีบขึ้นรถทันที “ฉันกำลังไปเดี๋ยวนี้”“พวกเราอยู่แถวย่านบาร์ที่นั่นค่ะ พี่สาวเมาหนักมากจริง ๆ ฉันเลยคิดว่าจะพาเธอไปพักที่โรงแรมก่อน”“พวกเธอสองคนอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”หลังจากพูดจบ ฟู่เซียวหานก็สั่งให้คนขับรถสตาร์ทรถทันทีแต่ดูเหมือนว่าซังฉิงจะไม่ได้สนใจคำพูดตอนท้ายของเขาเลย เธอแค่ส่งที่อยู่มาให้ฟู่เซียวหานเท่านั้นเมื่อฟู่เซียวหานเห็นที่อยู่นั่น เขารู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบโทรหาผู้ช่วยของตนให้ไปตรวจสอบว่าซังหนี่อยู่ที่ถนนหมินเหอหรือไม่จากนั้น เขาโทรหาซังหนี่ด้วยตัวเองโทรติด แต่ไม่มีใครรับสายเมื่อฟู่เซียวหานมาถึงด้านล่างของโรงแรม ผู้ช่วยโทรกลับรายงานก็ว่าซังหนี่ไม่ได้กลับไปที่ถนนหมินเหอฟู่เซียวหานไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปในโรงแรมทันทีห้อง 1608ฟู่เซียวหานเพิ่งกดกริ่งไม่นาน ซังฉิงก็เปิดประตูห้องในห้องเปิดฮีตเตอร์จนอบอุ่น ขณะที่เธอสวมเพียงเดรสสายเดี่ยวสีดำ และมีกลิ่นเหล้าอบอวลอยู่เมื่อเธอเปิดประตูออกมา ท่าทางการเดินของเธอดูโซเซไปมาเล็กน้อย พอเห็นฟู่เซียวหานเข้า เธอก็แทบจะล้มลงไปในอ้อมกอดของเ
ซังฉิงพูดพลางยื่นมือออกมา แล้วค่อย ๆ ปลดสายเสื้อบนบ่าของตัวเองลงมาภายใต้แสงไฟสลัว เผยให้เห็นผิวขาวนวลของหญิงสาวแต่ฟู่เซียวหานมองเธอแค่แวบหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ฉันคิดว่าครั้งก่อนที่บ้านตระกูลฟู่ ฉันได้พูดกับเธอชัดเจนแล้ว”น้ำเสียงของเขาเย็นชาและหนักแน่นการกระทำของซังฉิงหยุดชะงักในทันทีเธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อน ที่หน้าประตูบ้านตระกูลฟู่ จูบนั้นที่เขาผลักเธอออกแต่ครั้งนี้ เธอกลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น โผเข้าหาเขาอย่างแรงพร้อมกอดเขาไว้แน่น“พี่เซียวหาน ฉันชอบพี่มากจริง ๆ แม้ว่าจะไม่มีสถานะอะไรเลยก็ได้ ฉันแค่อยากขอเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น...”“เพราะ...ฉันอยากมอบครั้งแรกที่มีค่าที่สุดของฉันให้กับคนที่ฉันรักที่สุด ดังนั้น...พี่เซียวหาน ได้โปรดยอมรับฉันเถอะ!”ดวงตาของซังฉิงเต็มไปด้วยน้ำตาใบหน้าที่งดงามแม้จะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทำให้ใครก็ตามที่เห็นต้องรู้สึกสงสารแต่ฟู่เซียวหานมองเธอเพียงแวบเดียว ก่อนจะผลักเธอออกอย่างสงบนิ่ง“ฉันเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น”“เป็นไปไม่ได้! พี่เคยดีกับฉันมาก! ถ้าไม่ใช่เพราะซังหนี่ เราคงแต่งงานกันไปแล้ว!”“ถ้าพี่ไม่ชอบฉัน แล้ว
“แล้วทำไมตอนผมโทรหาคุณ คุณถึงไม่รับสายล่ะ?”“ฉัน...ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้เลยไม่ได้ยิน”หลังจากซังหนี่พูดจบ ฟู่เซียวหานก็ลุกขึ้นทันที แล้วพุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว!ร่างของเขาสูงใหญ่ และพื้นที่หน้าประตูมีเพียงเล็กน้อย พอระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลง ซังหนี่ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทันทีเธอถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่หลังก็ชนเข้ากับประตูอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่มีทางถอยไปได้อีกเธอทำได้เพียงเงยหน้ามองเขาสายตาของเธอมีความสับสนเล็กน้อย แต่กลับไม่มีความรู้สึกผิดหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อยฟู่เซียวหานจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงพูดขึ้นว่า “คืนนี้ซังฉิงโทรหาผม บอกว่าคุณไปดื่มกับเธอ”“ฉันกับเธองั้นเหรอ?” ซังหนี่แสยะยิ้ม “คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมล่ะ?”“อืม ผมก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” ฟู่เซียวหานพยักหน้า “แต่ผมได้ยินว่าคุณเมา เลยรีบไปดู”“เพราะตอนนั้น คุณไม่ได้อยู่ที่นี่ และก็ไม่รับสายโทรศัพท์”ฟู่เซียวหานพูดขึ้น พร้อมกับสายตาคมกริบดุจเหยี่ยว ราวกับมองทะลุผ่านตัวซังหนี่ได้ทั้งร่าง!ซังหนี่อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่พูดอะไรออกมาฟู่เซียวหานพู
ซังฉิงและหยวนโหรวบังเอิญเจอกันในห้องน้ำตั้งแต่ซังฉิงหมั้นกับฉินม่อ การติดต่อระหว่างทั้งสองคนก็ลดน้อยลงไปมาก แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นศัตรูกัน ในตอนนี้เจอกันก็ยังพยักหน้าและทักทายกันตามมารยาท“อาการบาดเจ็บของฉินม่อเป็นยังไงบ้าง?”หยวนโหรวมองซังฉิงที่กำลังเติมลิปสติกแล้วถามขึ้น“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ เขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว”ซังฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ แต่หยวนโหรวกลับรู้สึกว่าเธอดูเหมือนมีบางอย่าง...ที่แตกต่างไปจากเดิมแต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรต่อ ซังฉิงก็ล้างมือเสร็จและเดินออกไปตอนนี้ในห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยความคึกคักแต่เมื่อซังฉิงเดินกลับเข้าไป พวกเขากลับเบียดเสียดกันมุ่งออกไปข้างนอกซังฉิงหลบไม่ทัน แต่หยวนโหรวก็ดึงเธอจากด้านหลังไว้“พวกเขาจะไปที่บนดาดฟ้านั่นแหละ” หยวนโหรวเห็นว่าเธอดูงง ๆ เลยอธิบายว่า “อีกเดี๋ยวก็จะเคาท์ดาวน์แล้ว คืนนี้เมืองทงมีการแสดงดอกไม้ไฟ”ซังฉิงจึงส่งเสียงอ๋อเบา ๆ “ไปเถอะ ไปดูด้วยกัน”หยวนโหรวจูงมือเธอ แล้วพาเดินไปข้างหน้าซังฉิงเดินตามอยู่ข้างหลัง มองมือของหยวนโหรวด้วยสายตารังเกียจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลักเธอออกไปแต่เมื่อพวกเธอไปถึงบนดาดฟ้า
“ให้ตายเถอะ! ดูเหมือนจะเป็นเธอจริง ๆ ซะด้วย!"“ซังฉิง พี่สาวของเธอกลับมาคืนดีกับประธานฟู่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“ไม่สิ ฟู่เซียวหานชอบเธอที่ตรงไหน?”เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ดังไม่หยุด ราวกับบางอย่างระเบิดขึ้นในหัวของซังฉิงทันที!เธอไม่สามารถตอบสนองอะไรได้เลยในตอนนี้เธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว มีเพียงสายตาที่จ้องมองสองคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตาเพราะความตื่นเต้นและความโกรธ ทำให้แม้แต่ร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อยในขณะนั้นเอง ฟู่เซียวหานที่อยู่บนดาดฟ้าก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ทางด้านนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นทันที เขาดึงซังหนี่เข้ามาในอ้อมแขนของเขาโดยไม่คิดอะไร“ประธานฟู่ บังเอิญจังเลยนะ!”มีคนในกลุ่มทักเขาขึ้นมาทันที“นี่แฟนใหม่ของคุณเหรอ? ทำไมพวกเราไม่รู้เรื่องนี้เลย?”คืนนี้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงที่นี่ล้วนเป็นหนุ่มสาวในแวดวงเดียวกัน อายุใกล้เคียงกับฟู่เซียวหาน จึงไม่มีใครเกรงใจอะไรนักในตอนนี้ที่สำคัญคือตั้งแต่แรก ซังหนี่หันหลังให้พวกเขามาตลอด และตอนนี้ก็ถูกฟู่เซียวหานกอดไว้ในอ้อมแขนถ้าไม่ใช่เพราะเสียงของหยวนโหรวที่เอ่ยขึ้นก่อนหน้านี้ ทุกคนในที่แห่งนี้ก็คงไม่คิดว่า
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็