“อ้อ เรื่องพ่อบุญธรรมของลูกน่ะหรือ? แม่ได้ยินมาแล้วล่ะ”ท่าทีของคุณนายฟู่ช่างดูนิ่งเฉย “ถึงแม้ว่าข้างนอกนั่นจะมีคนพูดถึงเรื่องนี้มากมาย แต่แม่รู้จักลูกมาก็เป็นเวลาไม่น้อย ยังไม่ถึงขั้นที่แค่มองว่าลูกเป็นคนแบบไหนก็ยังมองไม่ออกหรอกนะ”น้ำเสียงของคุณนายฟู่ยังคงสงบอย่างเคยแต่ซังหนี่กลับรู้สึกราวกับมีสิ่งที่อบอุ่นบางอย่างที่หล่อหลอมเข้ามาในหัวใจของเธอทีละนิดเธออดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ขอบคุณค่ะ”“อืม เรื่องของลูกกับเซียวหานก็คุยจบไปแล้ว ตอนนี้มาคุยเรื่องของแม่กันดีกว่า”คุณนายฟู่เปลี่ยนหัวข้อเรื่องทันควัน “วันนี้ขอบใจลูกมาก”“หนู…ไม่เป็นไรค่ะ”ปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาที่แสดงออกถึงการตกตะลึงของซังหนี่ทำให้คุณนายฟู่อดหัวเราะไม่ได้ “อะไรน่ะ ถูกทำให้ตกใจแล้วหรือ?”“ก็…ไม่เชิงค่ะ ก็แค่ประหลาดใจนิดหน่อย”“ประหลาดใจอะไรกัน? เพราะชินกับตัวตนของแม่ในฐานะแม่ของเซียวหาน แต่กลับลืมไปแล้วว่าแม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน?”ทันใดนั้นซังหนี่ก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปเช่นใดเธอหลุบสายตาลง ก่อนจะเอ่ยถามหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “ฟู่เซียวหานเขา…รู้ไหมคะ?”“เขาไม่จำเป็นต้องรู้” คำต
“พี่คะ”น้ำเสียงเด่นชัดที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ฝีเท้าของซังหนี่ชะงักแต่เธอก็ทำราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น พร้อมเดินต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วซังฉิงกลับไล่ตามมาทันที และพลันคว้ามือของเธอไว้ในขณะที่ซังหนี่กำลังจะก้าวขาขึ้นบันได “พี่คะ ทำไมพี่ถึงเมินฉันล่ะคะ?”“ตอนนี้พี่อยู่ที่แบบนี้งั้นหรือ? จำเป็นขนาดนั้นเชียวหรือคะ? พี่ลำบากเช่นนี้ หาก…”“ปล่อยมือ”ซังหนี่เอ่ยขัดจังหวะเธอตรง ๆ โดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆซังฉิงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมสบตากับเธอพักใหญ่ ก่อนจะยิ้มออกมาทันที “ซังหนี่ เป็นแบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วสิ”“เธอรู้บ้างไหมว่าตอนนี้ที่บ้านเป็นอย่างไร? หม่ามี๊ล้มป่วยหนักเพราะเรื่องของเธอ! อีกทั้งบริษัทเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่มากเช่นกัน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ…”“เธอวางแผนเองไม่ใช่หรือ?”ซังหนี่เอ่ยตัดบทเธอโดยตรง“ฉัน…”ซังฉิงคิดอยากจะโต้แย้ง แต่วินาทีต่อมา ซังหนี่กลับกล่าวเพิ่มว่า “เธอยังจำที่เราสองคนคุยกันบทรถคืนนั้นได้ไหม? สิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด ฉันบันทึกเสียงไว้หมดแล้ว”ซังฉิงตะลึงงัน“เธอ…พูดว่าอะไรนะ?”“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สนใจว่าฉันจะเป็นหรือจะตาย แต่ถ้าพวกเขารู้ว่าคนที
ซังหนี่กับฟู่เซียวหานหย่ากันแล้ว พวกเขาจะยังพัวพันนัวเนียกันไม่เลิกได้อย่างไร?ฟู่เซียวหาน…ไม่ได้เสียสติไปแล้วสักหน่อยอีกอย่างตอนนี้ซังหนี่เองก็ตกที่นั่งลำบาก ใครจะยอมมายุ่งเกี่ยวกับเธอกัน?หลังจากรอไปอีกหลายนาที ในที่สุดซังฉิงก็วางใจได้เป็นปลิดทิ้ง พร้อมมองตรงไปยังคนขับที่อยู่ข้างหน้า “ออกรถเถอะ”“ได้ จะไปที่ไหนล่ะ?”คนขับตอบรับในทันที แต่หลังจากที่คำถามสิ้นสุดลง คนที่นั่งอยู่เบาะหลังกลับไม่ยอมตอบกลับมาเสียทีคนขับมองมาที่เธอด้วยความอยากรู้ แต่กลับพบว่าซังฉิงกำลังจ้องไปยังทิศทางหนึ่งด้านนอกหน้าต่างเขม็ง“เฮ้ นั่นรถมาเซราติไม่ใช่หรือไง? ที่แบบนี้ยังมีคนขับรถหรูขนาดนั้นอยู่ด้วย?”คนขับทอดถอนใจ แต่ซังฉิงกลับไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อยเธอกัดริมฝีปากพร้อมมองรถคันนั้น เนื้อปากโดนเธอขบกัดจนเลือดไหลซิบ แต่เธอราวกับไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลย——ไม่มีทางเป็นฟู่เซียวหานแน่ต้องไม่ใช่เขาแน่นอนเขาไม่ควรมายังสถานที่แบบนี้เขากับซังหนี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะ…จู่ ๆ นัยน์ตาของซังฉิงพลันว่างเปล่า ฟันที่กำลังขบกลีบปากอยู่ก็คลายออกในทันที——ข้างหน้านั้น เป็นฟู่เซียวหานที่ลงมาจากรถในมือ
สามวันหลังจากนั้น ท้ายที่สุดซังหนี่ก็เลือกไปที่โรงพยาบาลเธอสวมหน้ากากอนามัยมา และได้รับข่าวสารยืนยันจากนางพยาบาลแล้วว่าคุณนายซังเข้าโรงพยาบาลจริงแต่อาการป่วยเป็นอย่างไรนั้น ทางนางพยาบาลมิได้เปิดเผยให้ซังหนี่ทราบซังหนี่ยังคงถามต่อ และแค่ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนเงียบ ๆขณะที่เธอเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วย เธอพลันได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณนายซังและซังฉิงทันที“แม่คิดว่าฉินม่อเป็นคนดีมาก ในอนาคตหากลูกแต่งงานกับเขาไปแน่นอนว่าต้อง…”“แต่ว่าหม่ามี๊คะ หนูไม่เคยชอบเขาเลยสักนิด!” น้ำเสียงของซังฉิงเจือด้วยเสียงสะอื้น “อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้ชอบหนูเหมือนกัน หม่ามี๊รู้ไหมคะ? ที่เขาบาดเจ็บเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะ…”จู่ ๆ เสียงของซังฉิงก็เงียบหายไปคุณนายซังถามต่อ “เพราะอะไร?”“อย่างไรก็ตามคนที่เขาชอบไม่ใช่หนูค่ะ! หนูเองก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาด้วย!”คุณนายซังไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีกซังฉิงราวกับคว้าโอกาสไว้ได้อีกครั้ง ก่อนจะใช้มือจับคุณนายซังเอาไว้แน่น “หม่ามี๊คะ หนูชอบพี่เซียวหานมากจริง ๆ นะคะ หม่ามี๊ได้โปรดช่วยหนูเถอะนะ ได้ไหมคะ?”“ตอนนี้ฉิ
“ถ้าฉันรู้ว่าในอนาคตเธอจะประสบกับสิ่งใด ฉันจะมัดตัวเธอผูกไว้ข้างกายฉันตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ไม่มีวันปล่อยให้เธอห่างไปจากสายตาแม้เพียงครึ่งก้าว”“แต่ว่าซังหนี่ เธอประสบกับชีวิตที่แสนยากลำบากมาตลอดในวันเวลาหลายปีที่ผ่านมา จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ดีไปว่าเธอเลย เธอเองก็เกือบได้เป็นแม่คน หัวใจรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้น เธอน่าจะเข้าใจมันดีใช่ไหม?”น้ำตาของคุณนายซังหลั่งรินลงมาหลังจากที่ซังหนี่มองเธอครู่ใหญ่ ก็พลันถามว่า “พูดมาเถอะค่ะ ตกลงแล้วพวกคุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่งเธอราวกับเป็นผู้ชมที่ไม่ให้ความร่วมมืออย่างมาก จนทำให้นักแสดงบนเวทีนั้นจำต้องหยุดชะงักกะทันหันและไม่สามารถทำการแสดงต่อได้คุณนายซังเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “เธอ…เธอพูดแบบนี้กับแม่ของเธอได้อย่างไร?”“ดูเหมือนฉันจะเดาผิดไปเองสินะคะ?” ซังหนี่กลับยิ้มออกมาน้อย ๆ “ไม่มีอะไรใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันขอตัวก่อน…”“รอเดี๋ยว!”เมื่อเห็นว่าซังหนี่ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปจริง ๆ ท้ายที่สุดคุณนายซังก็อดกล่าวออกมาไม่ได้เสียงนี้นับว่าอยู่ในการคาดการณ์ของซังหนี่เธอไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียง
สำหรับคำด่าทอสาปแช่งที่มาจากปากของตระกูลซังนั้น ซังหนี่คุ้นชินกับมันจนมองเป็นเรื่องปกติไปแล้วแม้ก่อนหน้านี้เธอมักจะรู้สึกเจ็บแสบราวกับแผลที่ตกสะเก็ดแล้วโดนฉีกออกอีกครั้งก็ตามแต่ตอนนี้เธอไม่มีความสะทกสะท้านใดเลยเธอยังยิ้มออกมาได้เลยด้วยซ้ำ ก่อนจะหันหน้าไปตอบเธอว่า “ช่างน่าเสียดายนะคะที่คุณไม่ได้ทำแบบนั้นตั้งแต่แรก ทว่าตอนนี้…คุณไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว”คุณนายซังตกตะลึงงันจนพูดไม่ออกอีกแต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะคำพูดของซังหนี่ แต่เป็นเพราะสายตาที่เธอใช้มองตนต่างหากสายตานั้นเสมือนกับคนที่ยืนอยู่บนที่สูง และลดสายตาลงมองมดตัวน้อยที่น่าสงสารด้านล่างทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอมองตนเองด้วยสีหน้าแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความทึ่มทื่อแท้ ๆ แต่ว่าเมื่อไหร่กันที่ความสัมพันธ์ของพวกเธอ…กลับกลายเป็นดั่งเช่นตอนนี้?คุณนายซังไม่ทราบเลย เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าเลือดในกายของตนนั้นกำลังจับตัวแข็งขึ้นทีละน้อยโดยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยทว่าซังหนี่ไม่ได้มองย้อนกลับไปอีกในเวลานี้ เธอไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่มาที่นี่ในวันนี้เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเมื่อกี้ตนไม่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น และจะผิดหวังในตัวพวกเ
ฟู่เซียวหานรีบขึ้นรถทันที “ฉันกำลังไปเดี๋ยวนี้”“พวกเราอยู่แถวย่านบาร์ที่นั่นค่ะ พี่สาวเมาหนักมากจริง ๆ ฉันเลยคิดว่าจะพาเธอไปพักที่โรงแรมก่อน”“พวกเธอสองคนอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”หลังจากพูดจบ ฟู่เซียวหานก็สั่งให้คนขับรถสตาร์ทรถทันทีแต่ดูเหมือนว่าซังฉิงจะไม่ได้สนใจคำพูดตอนท้ายของเขาเลย เธอแค่ส่งที่อยู่มาให้ฟู่เซียวหานเท่านั้นเมื่อฟู่เซียวหานเห็นที่อยู่นั่น เขารู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบโทรหาผู้ช่วยของตนให้ไปตรวจสอบว่าซังหนี่อยู่ที่ถนนหมินเหอหรือไม่จากนั้น เขาโทรหาซังหนี่ด้วยตัวเองโทรติด แต่ไม่มีใครรับสายเมื่อฟู่เซียวหานมาถึงด้านล่างของโรงแรม ผู้ช่วยโทรกลับรายงานก็ว่าซังหนี่ไม่ได้กลับไปที่ถนนหมินเหอฟู่เซียวหานไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปในโรงแรมทันทีห้อง 1608ฟู่เซียวหานเพิ่งกดกริ่งไม่นาน ซังฉิงก็เปิดประตูห้องในห้องเปิดฮีตเตอร์จนอบอุ่น ขณะที่เธอสวมเพียงเดรสสายเดี่ยวสีดำ และมีกลิ่นเหล้าอบอวลอยู่เมื่อเธอเปิดประตูออกมา ท่าทางการเดินของเธอดูโซเซไปมาเล็กน้อย พอเห็นฟู่เซียวหานเข้า เธอก็แทบจะล้มลงไปในอ้อมกอดของเ
ซังฉิงพูดพลางยื่นมือออกมา แล้วค่อย ๆ ปลดสายเสื้อบนบ่าของตัวเองลงมาภายใต้แสงไฟสลัว เผยให้เห็นผิวขาวนวลของหญิงสาวแต่ฟู่เซียวหานมองเธอแค่แวบหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ฉันคิดว่าครั้งก่อนที่บ้านตระกูลฟู่ ฉันได้พูดกับเธอชัดเจนแล้ว”น้ำเสียงของเขาเย็นชาและหนักแน่นการกระทำของซังฉิงหยุดชะงักในทันทีเธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อน ที่หน้าประตูบ้านตระกูลฟู่ จูบนั้นที่เขาผลักเธอออกแต่ครั้งนี้ เธอกลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น โผเข้าหาเขาอย่างแรงพร้อมกอดเขาไว้แน่น“พี่เซียวหาน ฉันชอบพี่มากจริง ๆ แม้ว่าจะไม่มีสถานะอะไรเลยก็ได้ ฉันแค่อยากขอเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น...”“เพราะ...ฉันอยากมอบครั้งแรกที่มีค่าที่สุดของฉันให้กับคนที่ฉันรักที่สุด ดังนั้น...พี่เซียวหาน ได้โปรดยอมรับฉันเถอะ!”ดวงตาของซังฉิงเต็มไปด้วยน้ำตาใบหน้าที่งดงามแม้จะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทำให้ใครก็ตามที่เห็นต้องรู้สึกสงสารแต่ฟู่เซียวหานมองเธอเพียงแวบเดียว ก่อนจะผลักเธอออกอย่างสงบนิ่ง“ฉันเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น”“เป็นไปไม่ได้! พี่เคยดีกับฉันมาก! ถ้าไม่ใช่เพราะซังหนี่ เราคงแต่งงานกันไปแล้ว!”“ถ้าพี่ไม่ชอบฉัน แล้ว
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน
ฟู่เซียวหานเริ่มหมดความอดทน เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูหมุน เขาก็เงยหน้าขึ้นตะโกนเสียงดัง “ไสหัวไป!”เสียงที่เฉียบขาดเพียงคำเดียว ทำให้ด้านนอกเงียบลงทันทีรวมถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยเช่นกันซังหนี่เหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าการต่อต้านของเธอไม่มีความหมายอีกต่อไป มือนั้นที่เคยดันอกของเขาก็ค่อยๆ ลดลงช้าๆ ตอนนี้แม้แต่น้ำตาในดวงตาของเธอก็หายไปแล้วเธอค่อยๆ เอนตัวนอนลง และแหงนมองแสงไฟสีขาวเหนือศีรษะ นัยดวงตาว่างเปล่าฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “เสียใจมากเลยใช่ไหม? หรือรู้สึกน้อยใจ? แค่ต้องไปจากเขา…คุณต้องเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ?”เขาพูดด้วยรอยยิ้ม และพยายามแสร้งทำเป็นพูดเย้ยหยันแต่มือของเขากลับสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ความเจ็บปวดนั้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ แทรกซึมไปทั่วร่างกายผ่านกระแสเลือด จนถึงปลายนิ้วของเขาซังหนี่ไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่ท่าทางของเธอคล้ายกลับยอมรับในสิ่งที่ฟู่เซียวหานพูดเป็นนัยๆฟู่เซียวหานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “อืม ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”“เอาอย่างงี้ไหม ผมจะให้โอกาสพวกคุณอีกครั้ง คุณคิดว่ายังไง?”ซังหนี่ค่อยๆ หันมามองเขาสายตาท
ฟู่เซียวหานเอื้อมมือไปบีบคางของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแฝงไปด้วยความโกรธอย่างชัดเจน “คุณชอบจี้อวี้หยวนแล้วใช่ไหม?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบ แต่ริมฝีปากของเธอกลับเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆดวงตาของเธอยังคงคลอไปด้วยน้ำตา แต่มันกลับทำให้ดวงตาของเธอดูสดใสและสวยงามมากยิ่งขึ้นฟู่เซียวหานสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ และยังสามารถมองเห็น......ความเกลียดชังที่อยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน—— เธอเกลียดเขาแน่นอนว่าฟู่เซียวหานเองก็รู้ดีตั้งแต่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบกลับยังไงแต่แล้วยังไงล่ะ?หรือว่าต้องให้เขาทำได้เพียงแค่มองดูเธอกับตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป?ถ้าเป็นอย่างงั้น ฟู่เซียวหานยอมให้เธอเกลียดเขาดีกว่าผลลัพธ์นี้ ไม่ใช่ว่าฟู่เซียวหานจะยอมรับไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่เขายอมรับไม่ได้ก็คือ......ในใจของเธอมีคนอื่นเธอสามารถเกลียดเขาเพราะเรื่องของซังอวี๋ สามารถเกลียดเขาเพราะเธอเกลียด หรือจะเป็นเพราะซังหลินก็ได้ แต่จะเกลียดเขาเพราะจี้อวี้หยวนไม่ได้เด็ดขาด!แต่เมื่อมองเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้ มือเท้าของฟ
ฟู่เซียวหานเพิ่งพูดจบ ซังหนี่ก็เดินปรี่เข้ามา แล้วยกมือขึ้นทันที!แต่สุดท้ายฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ตบลงไปฟู่เซียวหานจับข้อมือของเธอไว้แน่น ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ“คนบ้า” ซังหนี่พูดขึ้นฟู่เซียวหานยิ้มเล็กน้อย “อืม ผมรู้”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นอย่างเห็นได้ชัด และน้ำตาก็ไหลออกมาแต่เธอเหมือนจะไม่อยากยอมแพ้ต่อหน้าฟู่เซียวหาน จึงรีบยกมือขึ้นมา เช็ดน้ำตานั้นออกทันที“คุณตาของจี้อวี้หยวนป่วย”สุดท้าย เธอก็ยอมเล่าให้ฟู่เซียวหานฟัง “โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ อาการของเขาทรุดเร็วมาก อีกไม่นานอาจจะจำอะไรไม่ได้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่จี้อวี้หยวนขอแต่งงานกับฉัน”เธอพูดจบ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการสายตานั้นที่ฟู่เซียวหานมองเธอยังคงเย็นชาเช่นเคยเมื่อเห็นว่าซังหนี่ยังคงมองเขาอยู่ เขาจึงย้อนถามกลับว่า “แล้วยังไง? มันเกี่ยวอะไรกับผม?”ซังหนี่สูดลมหายใจลึกๆ “ดังนั้นงานแต่งจะ…”“ไม่ได้”ฟู่เซียวหานพูดตัดบทเธออย่างไร้เยื่อใยเสียงของซังหนี่ก็หายไปในทันทีตอนนี้มือของเธอค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา “คุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ฉันเลยใช่ไหม? ฟู่เซียวหาน คุณจะบีบให้ฉันให้ตายเลยใช่ไหม!?”ฟ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย
“อืม แบบนี้สิถึงจะถูก”ฟู่เซียวหานพยักหน้าอย่างพอใจ “ไหน ๆ ครั้งที่แล้วก็ตัดขาดกันไปแล้ว ตอนนี้จะมาทำเป็นเสแสร้งทักทายไปทำไม?”พูดจบ เขาหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมา “ตอนนี้คุณ คงอยากให้ผมตายเต็มทีแล้วล่ะสิ?”เสียงของฟู่เซียวหานสงบนิ่ง แถมที่มุมปากยังมีรอยยิ้มจาง ๆแต่คำพูดที่ออกมากลับทำให้คนสะอึกจนพูดไม่ออกซังหนี่ชะงักไปเล็กน้อยแต่เธอก็หัวเราะออกมาอย่างรวดเร็ว “ใช่ ที่แท้คุณก็รู้สินะ”“อืม แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ผมยังสบายดีและนั่งอยู่ตรงนี้ “ฟู่เซียวหานไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแค่เงยหน้ามาสบตาเธอ “แล้วถ้าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ คนที่คิดสั้นก่อน คงไม่ใช่ผมแน่”ซังหนี่ตอบไม่ได้ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฟู่เซียวหานจะเคยปฏิบัติต่อเธอแบบนี้มาก่อน——บนโต๊ะเหล้าที่เมืองอิ๋น รสชาติของเหล้าแต่ละแก้ว เธอยังจำได้ขึ้นใจจนถึงตอนนี้แต่ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอเห็นในแววตาของฟู่เซียวหาน คือความเย็นชาที่ไร้จุดสิ้นสุดเสียงของซังหนี่แหบพร่าขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ประธานฟู่ยังมาที่นี่ทำไม? หรือแค่อยากตอกย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ชนะกันแน่?”“ตอนนี้คุณยังมีโอกาสเปลี่ยนใจ” ฟู่เซียวหานกล่าวซังหนี่เข้าใจคำพูดของเขาทันที
ไม่รู้ว่าทำไม พอได้ยินคำพูดของเลขาแล้ว ซังหนี่ก็เผลอหันไปมองคนในห้องผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว——จี้อวี้หยวนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆมองเขาแล้ว จู่ ๆ ซังหนี่ก็นึกถึงอ้อมกอดที่เขาให้เธอเมื่อเช้าเดิมทีซังหนี่กับเขาเป็นเพียงความสัมพันธ์แบบสัญญา รวมทั้งการแต่งงานก็เช่นกันแต่ตอนนั้น ในหัวของเธอกลับมีเพียงความคิดเดียว แค่อยากได้อ้อมกอดอีกสักครั้งซังหนี่ก็รู้ดีว่า นี่มันเกินขอบเขตของสัญญาที่พวกเขาทำไว้แล้วแต่จี้อวี้หยวนไม่พูดถึง เธอเองก็เช่นกันอาจเป็นเพราะซังหนี่มองเขานานเกินไป จี้อวี้หยวนจึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แล้วหันมามองทันทีซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันมีเรื่องต้องกลับไปจัดการที่บริษัท เดี๋ยวฉันจะให้พยาบาลมาดูแลแทน ที่นี่...”“ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ” จี้อวี้หยวนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “วันนี้ผมก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว”“แต่ว่า...”“คุณลืมไปแล้วเหรอ? เรากำลังจะแต่งงานกันนะ พ่อของคุณก็คือพ่อตาของผม การที่ผมดูแลเขามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำเหรอ?”คำพูดของจี้อวี้หยวนกลับทำให้ซังหนี่ไม่รู้จะตอบอะไรในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าปฏิเสธไปก็คงไม่เหมาะ เธอจึงพูดเพียงว่า “ถ้ามีอะไร โทรหาฉันน
“พี่คะ ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ๆ เอง จะไปมีเส้นสายขนาดนั้นได้ยังไง?” ซังฉิงแค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนพูดต่อ “ที่จริงแล้ว ถ้าพี่อยากนัดผู้จัดการธนาคารโจว ทำไมไม่ให้พี่เขย…”จี้อวี้หยวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินซังฉิงพูดถึงตัวเอง จึงเงยหน้าขึ้นมามองแต่ซังหนี่กลับไม่สนใจเขา เธอเพียงคว้ามือซังฉิง แล้วลากเธอออกไป“ทำอะไรน่ะพี่! พี่ทำฉันเจ็บ!”ระหว่างทางซังฉิงยังคงทำเสียงออดอ้อน แต่พอซังหนี่ลากเธอมาถึงที่ที่ไม่มีใคร เธอก็ดึงมือออกทันที ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่ต้องการอะไร?”“ประโยคนี้ควรเป็นฉันถามเธอมากกว่านะ” ซังหนี่ตอบ “สถานการณ์ของตระกูลซังในตอนนี้ เธอก็น่าจะรู้ดี ถ้าฉันติดต่อโจวหลิงได้เองก็คงดี แต่ปัญหาคือตอนนี้…”“ตอนนี้เป็นอะไรล่ะ? ซังหนี่ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งพี่จะต้องมาขอร้องฉัน”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา พลางเชิดหน้ามองเธอ “งั้นลองขอร้องให้ฉันดูหน่อยสิ ถ้าถูกใจ ฉันอาจจะช่วยพี่ก็ได้นะ”สีหน้าของซังหนี่งเรียบเฉย “ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดเองเหรอว่าตระกูลซังสำคัญกับเธอมาก? ถ้าซังอวี๋ล้มละลายจริง ๆ มันจะมีประโยชน์อะไรกับเธอล่ะ?”“เหอะ ๆ…”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา “น่าตลกจริง ๆ นี่พี
ซังหนี่มองจี้อวี้หยวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่อยู่เป็นเพื่อนฉันแบบนี้...ก็พอแล้ว”พอเธอพูดจบ จี้อวี้หยวนก็ยื่นมือออกไป โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแรงกอดของเขาไม่แน่นนัก แต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ บนตัวเขากลับอบอวลเข้าสู่ปลายจมูกของซังหนี่ในทันทีซังหนี่ไม่ต่อต้านอีกต่อไป ค่อย ๆ ยื่นมือออกไป โอบรอบเอวของเขาไว้“อาการของคุณอาเป็นยังไงบ้าง?” จี้อวี้หยวนเอ่ยถาม“เส้นเลือดในสมองตีบเฉียบพลัน” ซังหนี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “แต่ช่วยไว้ได้ทัน หมอบอกว่าถ้าเขาฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”“อืม งั้นคุณกลับไปพักก่อนดีไหม? ผมจะเป็นคนเฝ้าให้เอง”“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี คุณไม่เห็นเหรอว่าโทรศัพท์ฉันไม่หยุดดังเลย?”จี้อวี้หยวนไม่พูดอะไรอีกซังหนี่ไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้หรือเปล่า เลยพูดขึ้นมาก่อนว่า “งานแต่งไม่ต้องเลื่อนนะ คุณตาของคุณรอวันนี้มานานมากแล้ว จะทำให้ท่านผิดหวังไม่ได้”“แต่ว่า…”“ไม่ต้องห่วง แค่วันเดียวฉันยังพอจัดการได้ อีกอย่างตอนนี้ซังอวี๋อยู่ในช่วงสำคัญ ถ้าคุณเลื่อนงานแต่งออกไป คนอื่นอาจคิดว่าคุณเตรียมตัวหนีแล้วก็ได้”พูดจบ ซ