“อ้อ เรื่องพ่อบุญธรรมของลูกน่ะหรือ? แม่ได้ยินมาแล้วล่ะ”ท่าทีของคุณนายฟู่ช่างดูนิ่งเฉย “ถึงแม้ว่าข้างนอกนั่นจะมีคนพูดถึงเรื่องนี้มากมาย แต่แม่รู้จักลูกมาก็เป็นเวลาไม่น้อย ยังไม่ถึงขั้นที่แค่มองว่าลูกเป็นคนแบบไหนก็ยังมองไม่ออกหรอกนะ”น้ำเสียงของคุณนายฟู่ยังคงสงบอย่างเคยแต่ซังหนี่กลับรู้สึกราวกับมีสิ่งที่อบอุ่นบางอย่างที่หล่อหลอมเข้ามาในหัวใจของเธอทีละนิดเธออดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ขอบคุณค่ะ”“อืม เรื่องของลูกกับเซียวหานก็คุยจบไปแล้ว ตอนนี้มาคุยเรื่องของแม่กันดีกว่า”คุณนายฟู่เปลี่ยนหัวข้อเรื่องทันควัน “วันนี้ขอบใจลูกมาก”“หนู…ไม่เป็นไรค่ะ”ปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาที่แสดงออกถึงการตกตะลึงของซังหนี่ทำให้คุณนายฟู่อดหัวเราะไม่ได้ “อะไรน่ะ ถูกทำให้ตกใจแล้วหรือ?”“ก็…ไม่เชิงค่ะ ก็แค่ประหลาดใจนิดหน่อย”“ประหลาดใจอะไรกัน? เพราะชินกับตัวตนของแม่ในฐานะแม่ของเซียวหาน แต่กลับลืมไปแล้วว่าแม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน?”ทันใดนั้นซังหนี่ก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปเช่นใดเธอหลุบสายตาลง ก่อนจะเอ่ยถามหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “ฟู่เซียวหานเขา…รู้ไหมคะ?”“เขาไม่จำเป็นต้องรู้” คำต
“พี่คะ”น้ำเสียงเด่นชัดที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ฝีเท้าของซังหนี่ชะงักแต่เธอก็ทำราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น พร้อมเดินต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วซังฉิงกลับไล่ตามมาทันที และพลันคว้ามือของเธอไว้ในขณะที่ซังหนี่กำลังจะก้าวขาขึ้นบันได “พี่คะ ทำไมพี่ถึงเมินฉันล่ะคะ?”“ตอนนี้พี่อยู่ที่แบบนี้งั้นหรือ? จำเป็นขนาดนั้นเชียวหรือคะ? พี่ลำบากเช่นนี้ หาก…”“ปล่อยมือ”ซังหนี่เอ่ยขัดจังหวะเธอตรง ๆ โดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆซังฉิงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมสบตากับเธอพักใหญ่ ก่อนจะยิ้มออกมาทันที “ซังหนี่ เป็นแบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วสิ”“เธอรู้บ้างไหมว่าตอนนี้ที่บ้านเป็นอย่างไร? หม่ามี๊ล้มป่วยหนักเพราะเรื่องของเธอ! อีกทั้งบริษัทเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่มากเช่นกัน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ…”“เธอวางแผนเองไม่ใช่หรือ?”ซังหนี่เอ่ยตัดบทเธอโดยตรง“ฉัน…”ซังฉิงคิดอยากจะโต้แย้ง แต่วินาทีต่อมา ซังหนี่กลับกล่าวเพิ่มว่า “เธอยังจำที่เราสองคนคุยกันบทรถคืนนั้นได้ไหม? สิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด ฉันบันทึกเสียงไว้หมดแล้ว”ซังฉิงตะลึงงัน“เธอ…พูดว่าอะไรนะ?”“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สนใจว่าฉันจะเป็นหรือจะตาย แต่ถ้าพวกเขารู้ว่าคนที
ซังหนี่กับฟู่เซียวหานหย่ากันแล้ว พวกเขาจะยังพัวพันนัวเนียกันไม่เลิกได้อย่างไร?ฟู่เซียวหาน…ไม่ได้เสียสติไปแล้วสักหน่อยอีกอย่างตอนนี้ซังหนี่เองก็ตกที่นั่งลำบาก ใครจะยอมมายุ่งเกี่ยวกับเธอกัน?หลังจากรอไปอีกหลายนาที ในที่สุดซังฉิงก็วางใจได้เป็นปลิดทิ้ง พร้อมมองตรงไปยังคนขับที่อยู่ข้างหน้า “ออกรถเถอะ”“ได้ จะไปที่ไหนล่ะ?”คนขับตอบรับในทันที แต่หลังจากที่คำถามสิ้นสุดลง คนที่นั่งอยู่เบาะหลังกลับไม่ยอมตอบกลับมาเสียทีคนขับมองมาที่เธอด้วยความอยากรู้ แต่กลับพบว่าซังฉิงกำลังจ้องไปยังทิศทางหนึ่งด้านนอกหน้าต่างเขม็ง“เฮ้ นั่นรถมาเซราติไม่ใช่หรือไง? ที่แบบนี้ยังมีคนขับรถหรูขนาดนั้นอยู่ด้วย?”คนขับทอดถอนใจ แต่ซังฉิงกลับไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อยเธอกัดริมฝีปากพร้อมมองรถคันนั้น เนื้อปากโดนเธอขบกัดจนเลือดไหลซิบ แต่เธอราวกับไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลย——ไม่มีทางเป็นฟู่เซียวหานแน่ต้องไม่ใช่เขาแน่นอนเขาไม่ควรมายังสถานที่แบบนี้เขากับซังหนี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะ…จู่ ๆ นัยน์ตาของซังฉิงพลันว่างเปล่า ฟันที่กำลังขบกลีบปากอยู่ก็คลายออกในทันที——ข้างหน้านั้น เป็นฟู่เซียวหานที่ลงมาจากรถในมือ
สามวันหลังจากนั้น ท้ายที่สุดซังหนี่ก็เลือกไปที่โรงพยาบาลเธอสวมหน้ากากอนามัยมา และได้รับข่าวสารยืนยันจากนางพยาบาลแล้วว่าคุณนายซังเข้าโรงพยาบาลจริงแต่อาการป่วยเป็นอย่างไรนั้น ทางนางพยาบาลมิได้เปิดเผยให้ซังหนี่ทราบซังหนี่ยังคงถามต่อ และแค่ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนเงียบ ๆขณะที่เธอเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วย เธอพลันได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณนายซังและซังฉิงทันที“แม่คิดว่าฉินม่อเป็นคนดีมาก ในอนาคตหากลูกแต่งงานกับเขาไปแน่นอนว่าต้อง…”“แต่ว่าหม่ามี๊คะ หนูไม่เคยชอบเขาเลยสักนิด!” น้ำเสียงของซังฉิงเจือด้วยเสียงสะอื้น “อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้ชอบหนูเหมือนกัน หม่ามี๊รู้ไหมคะ? ที่เขาบาดเจ็บเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะ…”จู่ ๆ เสียงของซังฉิงก็เงียบหายไปคุณนายซังถามต่อ “เพราะอะไร?”“อย่างไรก็ตามคนที่เขาชอบไม่ใช่หนูค่ะ! หนูเองก็ไม่อยากแต่งงานกับเขาด้วย!”คุณนายซังไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีกซังฉิงราวกับคว้าโอกาสไว้ได้อีกครั้ง ก่อนจะใช้มือจับคุณนายซังเอาไว้แน่น “หม่ามี๊คะ หนูชอบพี่เซียวหานมากจริง ๆ นะคะ หม่ามี๊ได้โปรดช่วยหนูเถอะนะ ได้ไหมคะ?”“ตอนนี้ฉิ
“ถ้าฉันรู้ว่าในอนาคตเธอจะประสบกับสิ่งใด ฉันจะมัดตัวเธอผูกไว้ข้างกายฉันตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ไม่มีวันปล่อยให้เธอห่างไปจากสายตาแม้เพียงครึ่งก้าว”“แต่ว่าซังหนี่ เธอประสบกับชีวิตที่แสนยากลำบากมาตลอดในวันเวลาหลายปีที่ผ่านมา จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ดีไปว่าเธอเลย เธอเองก็เกือบได้เป็นแม่คน หัวใจรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้น เธอน่าจะเข้าใจมันดีใช่ไหม?”น้ำตาของคุณนายซังหลั่งรินลงมาหลังจากที่ซังหนี่มองเธอครู่ใหญ่ ก็พลันถามว่า “พูดมาเถอะค่ะ ตกลงแล้วพวกคุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่งเธอราวกับเป็นผู้ชมที่ไม่ให้ความร่วมมืออย่างมาก จนทำให้นักแสดงบนเวทีนั้นจำต้องหยุดชะงักกะทันหันและไม่สามารถทำการแสดงต่อได้คุณนายซังเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “เธอ…เธอพูดแบบนี้กับแม่ของเธอได้อย่างไร?”“ดูเหมือนฉันจะเดาผิดไปเองสินะคะ?” ซังหนี่กลับยิ้มออกมาน้อย ๆ “ไม่มีอะไรใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันขอตัวก่อน…”“รอเดี๋ยว!”เมื่อเห็นว่าซังหนี่ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปจริง ๆ ท้ายที่สุดคุณนายซังก็อดกล่าวออกมาไม่ได้เสียงนี้นับว่าอยู่ในการคาดการณ์ของซังหนี่เธอไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียง
สำหรับคำด่าทอสาปแช่งที่มาจากปากของตระกูลซังนั้น ซังหนี่คุ้นชินกับมันจนมองเป็นเรื่องปกติไปแล้วแม้ก่อนหน้านี้เธอมักจะรู้สึกเจ็บแสบราวกับแผลที่ตกสะเก็ดแล้วโดนฉีกออกอีกครั้งก็ตามแต่ตอนนี้เธอไม่มีความสะทกสะท้านใดเลยเธอยังยิ้มออกมาได้เลยด้วยซ้ำ ก่อนจะหันหน้าไปตอบเธอว่า “ช่างน่าเสียดายนะคะที่คุณไม่ได้ทำแบบนั้นตั้งแต่แรก ทว่าตอนนี้…คุณไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว”คุณนายซังตกตะลึงงันจนพูดไม่ออกอีกแต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะคำพูดของซังหนี่ แต่เป็นเพราะสายตาที่เธอใช้มองตนต่างหากสายตานั้นเสมือนกับคนที่ยืนอยู่บนที่สูง และลดสายตาลงมองมดตัวน้อยที่น่าสงสารด้านล่างทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอมองตนเองด้วยสีหน้าแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความทึ่มทื่อแท้ ๆ แต่ว่าเมื่อไหร่กันที่ความสัมพันธ์ของพวกเธอ…กลับกลายเป็นดั่งเช่นตอนนี้?คุณนายซังไม่ทราบเลย เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าเลือดในกายของตนนั้นกำลังจับตัวแข็งขึ้นทีละน้อยโดยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยทว่าซังหนี่ไม่ได้มองย้อนกลับไปอีกในเวลานี้ เธอไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่มาที่นี่ในวันนี้เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเมื่อกี้ตนไม่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น และจะผิดหวังในตัวพวกเ
ฟู่เซียวหานรีบขึ้นรถทันที “ฉันกำลังไปเดี๋ยวนี้”“พวกเราอยู่แถวย่านบาร์ที่นั่นค่ะ พี่สาวเมาหนักมากจริง ๆ ฉันเลยคิดว่าจะพาเธอไปพักที่โรงแรมก่อน”“พวกเธอสองคนอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”หลังจากพูดจบ ฟู่เซียวหานก็สั่งให้คนขับรถสตาร์ทรถทันทีแต่ดูเหมือนว่าซังฉิงจะไม่ได้สนใจคำพูดตอนท้ายของเขาเลย เธอแค่ส่งที่อยู่มาให้ฟู่เซียวหานเท่านั้นเมื่อฟู่เซียวหานเห็นที่อยู่นั่น เขารู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบโทรหาผู้ช่วยของตนให้ไปตรวจสอบว่าซังหนี่อยู่ที่ถนนหมินเหอหรือไม่จากนั้น เขาโทรหาซังหนี่ด้วยตัวเองโทรติด แต่ไม่มีใครรับสายเมื่อฟู่เซียวหานมาถึงด้านล่างของโรงแรม ผู้ช่วยโทรกลับรายงานก็ว่าซังหนี่ไม่ได้กลับไปที่ถนนหมินเหอฟู่เซียวหานไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปในโรงแรมทันทีห้อง 1608ฟู่เซียวหานเพิ่งกดกริ่งไม่นาน ซังฉิงก็เปิดประตูห้องในห้องเปิดฮีตเตอร์จนอบอุ่น ขณะที่เธอสวมเพียงเดรสสายเดี่ยวสีดำ และมีกลิ่นเหล้าอบอวลอยู่เมื่อเธอเปิดประตูออกมา ท่าทางการเดินของเธอดูโซเซไปมาเล็กน้อย พอเห็นฟู่เซียวหานเข้า เธอก็แทบจะล้มลงไปในอ้อมกอดของเ
ซังฉิงพูดพลางยื่นมือออกมา แล้วค่อย ๆ ปลดสายเสื้อบนบ่าของตัวเองลงมาภายใต้แสงไฟสลัว เผยให้เห็นผิวขาวนวลของหญิงสาวแต่ฟู่เซียวหานมองเธอแค่แวบหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ฉันคิดว่าครั้งก่อนที่บ้านตระกูลฟู่ ฉันได้พูดกับเธอชัดเจนแล้ว”น้ำเสียงของเขาเย็นชาและหนักแน่นการกระทำของซังฉิงหยุดชะงักในทันทีเธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อน ที่หน้าประตูบ้านตระกูลฟู่ จูบนั้นที่เขาผลักเธอออกแต่ครั้งนี้ เธอกลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น โผเข้าหาเขาอย่างแรงพร้อมกอดเขาไว้แน่น“พี่เซียวหาน ฉันชอบพี่มากจริง ๆ แม้ว่าจะไม่มีสถานะอะไรเลยก็ได้ ฉันแค่อยากขอเพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น...”“เพราะ...ฉันอยากมอบครั้งแรกที่มีค่าที่สุดของฉันให้กับคนที่ฉันรักที่สุด ดังนั้น...พี่เซียวหาน ได้โปรดยอมรับฉันเถอะ!”ดวงตาของซังฉิงเต็มไปด้วยน้ำตาใบหน้าที่งดงามแม้จะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ทำให้ใครก็ตามที่เห็นต้องรู้สึกสงสารแต่ฟู่เซียวหานมองเธอเพียงแวบเดียว ก่อนจะผลักเธอออกอย่างสงบนิ่ง“ฉันเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น”“เป็นไปไม่ได้! พี่เคยดีกับฉันมาก! ถ้าไม่ใช่เพราะซังหนี่ เราคงแต่งงานกันไปแล้ว!”“ถ้าพี่ไม่ชอบฉัน แล้ว
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็