“ในเมื่อไม่มีอยู่จริง แล้วทำไมลูกไม่เลือกคนที่สามารถให้ความช่วยเหลือทางธุรกิจของลูกได้ล่ะ?” ท่าทางของคุณนายฟู่ดูมีเหตุผลมากและก็เป็นท่าทางที่ฟู่เซียวหานคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้รับการสั่งสอนแบบนี้จากเธอ เขาก็คงไม่มีวันนี้แต่ตอนนี้ หลังจากฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง กลับตอบว่า “แล้วทำไมผมต้องแต่งงานด้วยล่ะ?” คำถามนี้ของเขาทำให้คุณนายฟู่ถึงกับสำลักฟู่เซียวหานยิ้มอ่อน "ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่มีคนที่ชอบจริงๆ แต่ผมจะไม่มีทางเอาการแต่งงานของตัวเองไปแลกกับผลประโยชน์ ดังนั้น...ผมกับถังเหยายังไงก็ไม่มีทางแต่งงานกัน รอให้การร่วมงานสิ้นสุดลง ผมกับเธอก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก”พูดจบ ฟู่เซียวหานกำลังจะเดินออกไป แต่ขณะนั้นเอง คุณนายฟู่ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แต่เรื่องการใช้งานแต่งงานของตัวเองแลกมานั้น ก่อนหน้านี้ลูกก็เคยทำไปแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะทำอีกครั้ง มันจะเป็นอะไร? หรือว่า ก่อนหน้านี้...เพราะอีกฝ่ายคือซังหนี่ ลูกถึงได้ยอมตกลง?”คำพูดของเธอทำให้จังหวะก้าวเท้าของฟู่เซียวหานหยุดลงทันทีจากนั้น เขาก็หันกลับมามองเธอ “แม่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”“ก็หม
ถนนหมินเหอฟู่เซียวหานเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงขับรถมาถึงที่นี่เวลานี้เขาจับพวงมาลัยรถ และมองดูตรอกซอกซอยคดเคี้ยวที่อยู่ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้ลงจากรถแต่อย่างใด เพียงเปลี่ยนทิศทางเท่านั้นแต่ไม่นาน เขาก็เห็นซังหนี่เธอกำลังออกมาจากร้านยา มือล้วงกระเป๋า และเดินก้มหน้าก้มจา อุณหภูมิของเมืองถงในวันนี้ต่ำมากเธอสวมเสื้อคลุมกับหนาวสีดำ ปล่อยผมสยาย ปลายจมูกแดงเล็กน้อย ดูแล้วรู้สึกว่าเธอทั้งอ่อนโยนและสวยสง่าขณะที่ฟู่เซียวหานกำลังมองเธอ จู่ๆ เขาก็นึกถึงสิ่งที่แม่ของเขาพูดกับเขาในคืนนี้ขึ้นมาจริงอยู่ ที่เขาไม่ชอบใช้งานแต่งงานของตัวเองแลกกับอะไรแต่ตอนนั้นที่ทั้งสองครอบครัวพบกันเพื่อคุยเรื่องการแต่งงานของเขากับซังหนี่ เขากลับไม่แม้แต่จะคิดต่อต้านฟู่เซียวหานคิดมาตลอดว่า คำพูดนั้นของแม่มันสะกิดใจเขาดังนั้นเขาจึงคิดว่า แต่งงานกับใครก็เหมือนกัน อย่างงั้น...ก็ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของพ่อของเขาก็แล้วกันแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เขาจะ...คิดผิดแล้วแสดงว่า เขาชอบซังหนี่จริงๆ?ฟู่เซียวหานมองเธอจากด้านหลังอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจลงจากรถแต่ต่อมา เขากลับเห็นฉินเหยาวิ่งเ
พอเขาพูดออกมา ซังหนี่ถึงรับรู้ได้ถึงกลิ่นเหล้าบนตัวของเขาดวงตาของเขาก็แดงเล็กน้อย ดูท่าทางแล้ว เหมือนว่าเขาจะยังไม่สร่างเมา“คุณมีธุระอะไรก็พูดมา” ซังหนี่กล่าวฉินม่อยืนอยู่ข้างประตู จ้องมองเธออยู่สักพัก แล้วจึงพูดขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงไม่มาร่วมงานหมั้นของผม?”ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งก่อนนั้น ซังหนี่ก็ไม่ติดต่อเขาอีกเลย จู่ๆ ตอนนี้ฉินม่อกลับมาถามตัวเองแบบนี้ ซังหนี่เองก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันแต่เธอก็สามารถตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ไม่มีความจำเป็นต้องไปร่วมงาน”“ไม่จำเป็นต้องไปร่วมงานหมายความว่ายังไง พวกเราเป็น...เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?” “เพื่อนกัน” สองคำนี้ ฉินม่อพูดออกมาอย่างยากลำบากหลังจากซังหนี่มองเขาอยู่สักพัก กลับยิ้มเยาะออกมา “ไม่ใช่ ตั้งแต่ตอนที่คุณกับซังฉิงร่วมมือกันวางกับดักฉัน เราก็ไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว” “เพราะงั้นคุณก็เลยเลือกฉินเหยา แล้วใช้วิธีนี้แก้แค้นผม ใช่ไหม?”ทันใดนั้นท่าทางของฉินม่อก็เปลี่ยนไป พร้อมกับจ้องมองมาที่เธอ “แล้วตอนนี้ก็ยัง มีแพลนที่จะแต่งงานกับเขาอีก?”“ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับเขา?”“หรือว่าไม่ใช่? ฉินเหยาเป็นคนยอมรับกับคนในตระกูลฉินเองในคื
ขณะที่ฉินม่อพูด คำพูดเหล่านั้นก็พ่นลงมาบนแก้มของซังหนี่ความรู้สึกนั้น ทำให้ซังหนี่นึกถึงตอนที่เธอเผชิญหน้ากับจวงโหย่วเหวยขึ้นมาทันทีจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกน่าขยะแขยงนั้นขึ้นมาเธอค่อยๆ กัดฟันแน่น แล้วจ้องมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า “ฉินม่อ ถ้าวันนี้คุณกล้าทำอะไรฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ...”“คุณแจ้งเลย” ฉินม่อกลับยิ้มเยาะ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณคิดว่าจากชื่อเสียงของคุณในแวดวงตอนนี้ จะมีใครเชื่อคำพูดของคุณไหม?”“คุณเชื่อไหมว่าถึงตอนนั้น ทุกคนก็จะคิดว่าคุณเป็นคนให้ท่าผมเอง?”บนใบหน้าของฉินม่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มท่าทางแบบนั้นซังหนี่คุ้นเคยดีแต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น เหมือนกับงูพิษที่กำลังพ่นพิษใส่เธอจู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเธออ้าปาก แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออกฉินม่อเห็นท่าทีนั้นของเธอ กลับยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจมากขึ้น จากนั้น มือของเขาก็จับไหล่ของเธอไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็กอดเอวของเธอไว้ “เสียวหนี่ เราไปกันเถอะ”จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา พร้อมกับก้มลงไปจูบริมฝีปากของเธอ “หลังจากผ่านคืนนี้ไป พวกเราไปจากที่นี่ด้วยกันนะ ไปเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา คุณว่าดีไหม?”
เพราะท่าทางนิ่งเฉยของเขาแบบนี้ ทำให้ซังหนี่ยิ่งรู้สึกน่ากลัวนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฟู่เซียวหานเป็นแบบนี้โดยปกติแล้ว เวลาคนเราลงไม้ลงมือกัน ล้วนเป็นเพราะความโกรธแต่ฟู่เซียวหานกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงซังหนี่รู้สึกว่าเขาใจเย็นมากเมื่อครู่นี้บางช่วงเวลา ซังหนี่รู้สึกว่าในสายตาของเขา ฉินม่อไม่ได้มีค่าอะไรเลยเป็นเพียงแค่ลูกไก่...ที่อยู่ในกำมือของเขาเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เขาก็ไม่สนใจทันใดนั้นเสียงของฟู่เซียวหานก็ดังขึ้นมา แต่เธอกลับยังไม่ได้สติฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมาก หลังจากมองเธอครู่หนึ่ง เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเมื่อเห็นเขากำลังจะโทรแจ้งตำรวจเอง ซังหนี่จึงรีบเข้าไปจับมือของเขาไว้ “อย่า...”ฟู่เซียวหานหันไปมองเธอแววตาของเขายังคงไม่แสดงความรู้สึกอะไร“ให้เขาไปโรงพยาบาลก่อนเถอะค่ะ”ในที่สุด ซังหนี่ก็พูดออกมาฟู่เซียวหานไม่ตอบอะไร และแสดงท่าทีใดๆหลังจากที่ซังหนี่รออยู่สักพักแต่เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วโทรออกแต่เมื่อเธอยื่นมือออกมาถึงพบว่าตัวเองยังถือกรรไกรอยู่ในมือ และไม่รู้ว่าเธอวางโทรศัพท์ไว้ที่ไหนขณ
น้ำเสียงของฟู่เซียวหานยังคงนิ่งเฉย แต่มือของเขากลับจับข้อมือของซังหนี่ไว้แน่นการกระทำของเขาทำให้ซังหนี่รู้สึกกลัวราวกับว่าถ้าคำตอบของตัวเองไม่ตรงกับที่เขาต้องการ เขาก็จะหักกระดูกของเธอทิ้ง!“ไม่ใช่ไม่อยากเจอ” ซังหนี่ตอบฟู่เซียวหานไม่พูดอะไรต่ออีก เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองเธอ“แค่รู้สึกว่า...ไม่จำเป็นต้องเจอก็เท่านั้น” ซังหนี่เม้มปากเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เรา...”“ก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงยอมแต่งงานกับผม?” จู่ๆ ฟู่เซียวหานก็พูดแทรกขึ้นมาซังหนี่ไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะถามคำถามนี้ขึ้นมาจากนั้นท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปชั่วขณะ แต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติได้ “มันเป็นเรื่องที่ครอบครัวของเราทั้งสองคนตกลง...”“เพราะแค่เรื่องนั้นจริงๆ เหรอ?”“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”ฟู่เซียวหานไม่พูดอะไร แต่มือที่จับของมือของเธอไว้กลับค่อยๆ คลายออกทีละน้อยเดิมทีซังหนี่นึกว่าประเด็นนี้จบไปแล้วแต่ต่อมา ฟู่เซียวหานกลับพูดขึ้นว่า “ซังหนี่ ดูจากนิสัยและทัศนคติของคุณ ที่สามารถตัดความสัมพันธ์กับตระกูลซังได้ คุณดูไม่เหมือนกับคนที่จะยอมให้พวกเขาบงการได้”“แล้วถ้าเป็นอย่างงั้นจริงๆ ไม่กี่เดือนก่อน คุณก็คงจะแต่งงานกับคุณชา
ฟู่เซียวหานตัดบทคำพูดของเธอทันทีและนั่นทำให้อารมณ์ของซังหนี่โดนขัดจังหวะตามไปด้วยเธอค่อย ๆ กลืนเสียงของตนลงคอทีละน้อย ก่อนจะมองเขาพร้อมกัดฟันแน่นทันใดนั้นฟู่เซียวหานพลันหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “เพราะจู่ ๆ ผมก็พบว่า ดูเหมือนผมจะไม่มีทางแต่งงานกับคนอื่นได้อีก”“แต่ที่น่าแปลกก็คือ ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมจะแต่งงานกับคุณ ผมไม่ได้มีความรู้สึกต่อต้านเท่าไหร่เลย”“คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่านี่มันเป็นเพราะอะไร?”ซังหนี่รู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูราวกับไม่เป็นความจริงเอามาก ๆ เธอเป็นดั่งคนที่กำลังยืนอยู่บนขอบหน้าผา ที่เดิมทีได้ย่างก้าวเหยียบย่ำบนความว่างเปล่าไปแล้วและกำลังจะตกหล่นลงไปทันทีทันใดแต่สภาพที่ร่างเนื้อและกระดูกแหลกเหลวไม่เป็นชิ้นดีดังที่คาดไว้นั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นในทางกลับกัน ดูเหมือนเธอจะเหยียบย่ำลงบนเมฆก้อนใหญ่แทนเสียมากกว่าเมฆหมอกก้อนนั้นนุ่มนวลและหวานล้น เป็นรสชาติที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยกล้าจินตนาการถึงมาก่อนซังหนี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเบื้องหน้าของเธอเป็นแสงอรุณอันอบอุ่นไม่มีหน้าผาสูงชัน ไม่มีเมฆาลอยเลื่อนแต่แผนผังและโครงสร้างของห้องที่อย
“ฉัน…”ก่อนที่ซังหนี่จะกล่าวจบ ฟู่เซียวหานก็เอ่ยขัดจังหวะการพูดของเธอ “ตอนนี้คุณยังอยู่ในห้องหรือเปล่า? ผมอยู่ข้างล่างแล้ว”คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปโดยพลันเธอแทบจะหันไปมองคนที่อยู่ข้างหลังตนโดยไม่รู้ตัวแต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเงาร่างของคนทั้งสองที่สะท้อนอยู่บนกระจกฝั่งตรงข้ามขณะนั้นเอง ดวงตาคู่นั้นของคุณนายฟู่ก็ช้อนขึ้นสบตากับเธอในวินาทีที่ดวงตาของพวกเธอสบกันผ่านกระจก อารมณ์ของซังหนี่ก็สงบลงทันทีพร้อมเอ่ยถามอีกฝั่งของสายโทรศัพท์ “คุณมาทำไมคะ?”“มาทานข้าว” คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความมีเหตุมีผล“ฉัน…ตอนนี้ฉันอยู่ในลิฟต์แล้วค่ะ คุณรอฉันที่ลานจอดรถก็แล้วกัน”ขณะที่กล่าวเธอก็กดปุ่มไปชั้นหนึ่งทันทีคุณนายฟู่เองก็ยืนอยู่ข้างหลังเธออย่างเงียบงันเช่นนั้นเมื่อลิฟต์เคลื่อนลงมาถึงชั้นหนึ่ง คุณนายฟู่ก็เป็นฝ่ายเดินออกไปจากลิฟต์ไปก่อนชายที่ยืนข้างเธอดูราวกับไม่ทันตั้งตัวอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงเหลือบมองซังหนี่แวบหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินตามเธอไปซังหนี่กดปิดประตูลิฟต์ทันทีเมื่อเธอมาถึงลานจอดรถ และเห็นรถของฟู่เซียวหานจอดอยู่ที
แน่นอนว่าฟู่เซียวหานรู้ดีว่านางแพศยาที่พวกเขาเอ่ยถึงคือใครนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขับไล่พวกเขาออกไปโดยตรงผู้เฒ่าทั้งสองคนที่มองดูแล้วอ่อนแรงไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อพวกเขาโดนลากออกไปกลับพ่นถ้อยคำด่าทอที่แสนก้าวร้าวออกมาเสียงดังสนั่น และยังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะไปหานักข่าว จะให้ทุกคนรับรู้ว่าลูกชายของพวกเขานั้นเสียชีวิตลงเพราะตระกูลฟู่ในเวลานั้นฟู่เซียวหานเพียงตอบรับด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ไปหาสิ”ท่าทางที่ไม่มีแม้แต่จะหวั่นเกรงนั้นพวกเขารู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาในใจ!ทว่าฟู่เซียวหานไม่ได้เหลือบมองมายังพวกเขาอีกหลังจากนั้นไม่นาน สวีเหยียนก็รีบเร่งมาที่นี่ พร้อมบอกกับเขาว่าข้าวของจากถนนหมินเหอไปถูกส่งกลับไปที่บ้านพักป๋อซีหยวนเรียบร้อยแล้วฟู่เซียวหานเพียงตอบรับในลำคอ เป็นเชิงว่ารับรู้สวีเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “วันนี้ผมเห็นสีหน้าของคุณนาย…คุณหนูซังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเหมือนจะป่วยเอาเสียแล้วล่ะครับ”ฟู่เซียวหานไม่ปริปากกล่าวอะไรออกมา“ประธานฟู่ครับ ที่จริงแล้วเรื่องนี้คุณหนูซังเองก็ไม่ได้ผิด คุณไประบายอารมณ์โกรธใส่เ
มันย่ำแย่ยิ่งกว่าจิบแรกเมื่อกี้นี้เสียอีกเรียวคิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จากนั้น เขาก็มองเห็นเงาร่างสีขาวร่างนั้นเพราะยืนอยู่บนตึกชั้นสูง ดังนั้นแท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างด้านล่างจึงล้วนหลงเหลือเพียงจุดที่แสนเลือนรางแต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงจำเธอได้ในทันทีเขายังเห็นแม้กระทั่งว่าเธอยืนอยู่ข้างถังขยะ และนำอะไรบางอย่างทิ้งขว้างลงไปมือของฟู่เซียวหานจับแก้วเหล้าในมือแน่นขึ้นโดยพลันผ่านไปสักพัก เขาถึงจะค่อย ๆ ผ่อนแรงมือลงฟู่เซียวหานรู้ดีว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนที่ลึกล้ำในห้วงอารมณ์มากนักส่วนนี้เป็นเพราะการสอนที่คุณแม่สอนเขามาตั้งแต่เด็กในเวลานี้เมื่อคิดถึงเธอ สิ่งแรกที่ฟู่เซียวหานนึกถึงคือน้ำเสียงราบเรียบและรอยยิ้มที่ผิวเผินแต่ไปไม่ถึงดวงตาของเธอฟู่เซียวหานเคยคิดว่า เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลยสักนิดจนกระทั่งวินาทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอฟู่เซียวตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งทันที ——เธอคือคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับเขามากที่สุดในโลกใบนี้แล้วเขาเคยอยู่ในกายของเธอด้วยซ้ำสายสะดือเส้นน้อย ที่คอยเชื่อมต่อพวกเขาเอาไว้ด้วยกันและความรู้สึกนี้ ก็พลันพุ่ง
หลังจากฟู่เซียวหานพูดจบ ซังหนี่ก็นิ่งเงียบอยู่นานประตูด้านหลังยังไม่ได้ปิดสนิท ลมหนาวที่พัดเข้ามากับความอบอุ่นภายในห้องช่างแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนซังหนี่เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตกลงตอนนี้ร่างกายของเธอเย็น หรือว่าร้อนเธอรู้สึกเพียงว่าในสมองมันว่างเปล่าหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า “แสดงว่า คุณไม่อยากฟังคำอธิบายจากฉันใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานมองเธอและพูดว่า “ซังหนี่ หลายๆ เรื่องบนโลกนี้ มันดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น”หลังจากพูดจบ ซังหนี่ก็ก้มหัวลงแล้วหัวเราะออกมาผลลัพธ์?อะไรคือผลลัพธ์?ผลลัพธ์คือตอนนี้แม่ของเขานอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ผลลัพธ์จดหมายลาตายฉบับนั้น ถูกส่งจากมือของเธอ ให้กับมือของเขาผลลัพธ์ก็คือ เขาบอกว่าพวกเขาตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันอีกแล้วแม้กระทั่งคำบอกเลิก ก็ยังไม่ยอมพูดกับเธอซังหนี่มองดูคนตรงหน้า จู่ๆ ก็นึกถึงช่วงเวลาที่อบอุ่นที่พวกเขาเคยใช้เวลาร่วมกันมาคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอ สายตาที่เขามองเธอ รวมถึงภาพที่พวกเขาคลอเคลียอยู่บนเตียงด้วยกันภาพของฟู่เซียวหานในตอนนั้น ค่อยๆ ซ้อนทับกับภาพของเขาที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้แต่ในตอนนี้ สายตาของเ
ซังหนี่โทรศัพท์หาฟู่เซียวหาน แต่เขา ติดสายอยู่ตลอดไม่มีทางเลือก เธอจึงทำได้เพียงติดต่อทางสวีเหยียนเท่านั้น“ประธานฟู่ยังประชุมอยู่ครับ แต่วันนี้เขาคงไม่มีเวลาพบคุณ เอายังงี้...”น้ำเสียงของสวีเหยียนพูดอย่างอ้อมค้อม แต่ซังหนี่กลับเข้าใจได้ทันทีถึงความหมายของเขาจะไม่มีเวลาพบ...ได้ยังไง?ซังหนี่จำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เขาก็ยุ่งมากแต่ตอนนั้นไม่ว่าฟู่เซียวหานจะยุ่งมากแค่ไหน เขาก็หาเวลามาพบเธอได้เสมอ บางครั้งเดินทางไปต่างเมือง เขานั่งเครื่องบินกลับมาช่วงกลางดึกก็ตรงไปหาเธอทันทีแต่ตอนนี้ แม้แต่โทรศัพท์ของเธอก็ไม่มีเวลารับสายความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของเธอ แต่สุดท้ายซังหนี่ก็ไม่ได้ถามออกมา เพียงตอบไปว่า “ฉันรู้แล้วค่ะ”พูดจบ เธอก็หันกลับไปแต่เมื่อคนขับแท็กซี่ถามสถานที่กับเธอ เธอกลับเปลี่ยนเป็นตอบว่า “ไปที่บ้านพักป๋อซีหยวน”เธอไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วเมื่อก่อนตอนที่ฟู่เซียวหานไม่ชอบที่พักของเธอ เขาก็มักจะพูดคำหนึ่งคือ ขอให้เธอกลับมาอยู่ที่นี่กับเขาซังหนี่ไม่เคยเห็นด้วยเลยเวลานี้เธอก็ไม่ได้เข้าไป แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตู และส่งข้อความถึงฟู่เซียวหาน“ฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านพักป
ตอนที่ซังฉิงพบเธอ ซังหนี่เพิ่งกลับออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในมือของเธอถือถุงอยู่ และทันทีที่เธอเห็นซังฉิง มือของเธอก็กำแน่นขึ้นมาทันทีซังฉิงยืนอยู่บนบันได และยิ้มเยาะมองเธอ "เธอกลับมาแล้วเหรอ?"ซังหนี่ไม่ตอบอะไร เพียงสบตาเธออย่างนิ่งเฉยเท่านั้นซังฉิงยิ้มเยาะขึ้นมาอีกครั้ง "เห็นฉัน คงแปลกใจมากใช่ไหม?"“ฉันก็แค่อยากมาดูว่าตอนนี้เธอ...เป็นยังไงบ้าง” ซังฉิงกระพริบตา แล้วพูดว่า “ช่วงนี้พี่เซียวหานยุ่งมาก คงไม่มีเวลาดูแลเธอ ฉันในฐานะน้องสาว ตอนนี้เธอไม่มีใคร ฉันเป็นห่วงเธอเลยต้องมาดูสักหน่อย”“งั้นเธอก็ไปได้แล้ว”ซังหนี่ตอบ พร้อมกับเดินอ้อมเธอไปถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ซังฉิงเป็นปฏิกิริยาของเธอแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ๆแต่ในตอนนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย ตรงกันข้าม เวลานี้ที่เธอมองซังหนี่กลับหัวเราะออกมา “ซังหนี่ เธอคิดว่าตอนนี้ยังมีฟู่เซียวหานคอยให้ท้ายเธออยู่งั้นเหรอ?”“เธอไม่รู้สึกเหรอว่า? เธอกับพี่เซียวหาน...มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”เธอพูดจบ ซังหนี่ก็หยุดนิ่งไปจากนั้น เธอก็หันกลับไปมองซังฉิงอีกฝ่ายยิ้มเยาะมองดูเธอ “เกิดเรื่องใหญ่กับแม่ของเขาขนาดนนั้น เธอคิดว่าเขาจะไม่โ
จากนั้น ผู้ช่วยของฟู่เซียวหานก็เดินเข้าไป และพูดอะไรบางอย่างกับเขาด้วยสีหน้าจริงจังใบหน้าของฟู่เซียวหานไม่แสดงอาการใดๆ และก็ไม่ได้ตอบสนอง“ประธานฟู่ หากเรื่องพวกนี้พรุ่งนี้เป็นกระแสขึ้นมา...”“ติดต่อคนให้ปิดข่าว แล้วก็ ติดต่อครอบครัวของเฉินเฟิงด้วย” น้ำเสียงของฟู่เซียวหานนิ่งมาก ราวกับว่าเขากำลังจัดการทำธุระในเรื่องที่ง่ายดายมาก“ส่วนทางบ้านตระกูลฟู่ ฉันจะไปคุยด้วยตัวเอง”ขณะที่พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปแต่เมื่อเขาเดินผ่านซังหนี่ ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมจะพาคุณไปส่งก่อน”“ฉัน…คืนนี้จะเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล?”แม้ว่าซังหนี่จะรู้ว่า คุณนายฟู่อยู่ในห้องICUตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้...เธอกลับรู้สึกกลัวการที่ต้องอยู่กับฟู่เซียวหาน เพราะจากสิ่งที่ซังฉิงเพิ่งพูดไป เธอไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลยแต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่า...คุณนายฟู่จะตัดสินใจแบบนี้เธอคิดว่า คุณนายฟู่แค่ต้องการตามหาความสุขของตัวเองเท่านั้นแต่ตอนนี้...“ไปกับผม”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก หลังจากพูดประโยคนั้นจบ เขาก็เดินไปเลยหลังจากซังหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็
โรงพยาบาลในช่วงกลางดึกมักจะให้ความรู้สึกประหลาดไฟฉุกเฉินที่สว่างไสวตรงปลายทางเดินนั้นราวกับเลือดแดงสด ทำให้คนเกิดความประหม่า!และสิ่งที่ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจก็คือ เวลานี้คนที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินนอกจากผู้ช่วยของฟู่เซียวหานแล้ว ก็ยังเป็นซังฉิงอีกด้วยบนร่างกายของเธอดูเหมือนว่าจะเปื้อนเลือด สีหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นฟู่เซียวหาน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปทันที “พี่เซียวหาน!”ราวกับว่าอารมณ์ที่ตึงเครียดนั้นได้รับการผ่อนคลาย ทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “ฉัน...ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ทำยังไงดีคะ? คุณป้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พี่ว่าคุณป้าจะ...”ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอ แล้วหันไปมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เขา“ตอนนี้เรื่องอุบัติเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์...บอกว่าตอนนั้นบนถนนไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย และจู่ๆ รถของคุณนายก็เสียหลักพุ่งชนอย่างกะทันหัน” น้ำเสียงของผู้ช่วยดูลังเล “บนรถยังมี...คุณเฉิน เมื่อครู่คุณหมอเพิ่งแจ้งว่า ได้พยายามช่วยคุณเฉินอย่างสุดความสามารถแล้วแต่เป็นผล คุณเฉินเสียชีวิตแล้ว”คำพูดของผู้ช่วยพูดได้อย่างละเอียดอ่อนมากสีหน้าของฟู่เซียวหานกลับดูแย่มาก
แต่เวลานี้ซังหนี่กลับรู้สึกว่าสิ่งนั้นร้อนมาก ราวกับว่าวางไว้ตรงไหน...ก็ไม่ปลอดภัยสุดท้าย เธอก็หยิบซองจดหมายนั้นออกมา แล้ววางรวมกับกองหนังสือบนโต๊ะของเธอดูแล้ว...มันก็เด่นชัดมากแต่เมื่อฟู่เซียวหานกลับมาในตอนเย็น เขากลับไม่พบอะไรดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินเข้ามาช่วยซังหนี่ปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาเนื่องจากซังหนี่ไม่ยอมย้ายออกไปจากที่นี่ และฟู่เซียวหานก็ไม่สามารถบังคับได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเช่าห้องข้างๆ แทนตอนนี้ ในที่สุดก็ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาแล้วคืนนี้ เมืองถงมีหิมะแรกของฤดูหนาวในปีนี้ซังหนี่ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหิมะ แต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนจะชอบมากไม่อย่างนั้น เขาคงไม่กอดเธอไว้ที่หน้าต่างและชื่นชมอยู่ครึ่งค่อนคืน?จนสุดท้าย ขาทั้งสองข้างของซังหนี่เริ่มอ่อนแรงลง จึงอ้อนวอนเขาอยู่นานด้วยดวงตาสีแดง จนกระทั่งฟู่เซียวหานได้ยินคำว่าสามีจากเธออยู่หลายครั้งจนพอใจ เขาถึงได้อุ้มเธอกลับไปรอหลังจากเขาเสร็จภารกิจ ซังหนี่ก็เกือบจะหลับไปแล้วฟู่เซียวหานเห็นเธออ่อนล้าจนไม่อยากขยับตัว เขาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ“อีกสองวันเราไ
สองวันต่อมาซังหนี่ได้พบกับคุณนายฟู่อีกครั้งเธอเป็นคนโทรศัพท์หาซังหนี่ก่อน และขอนัดพบเธอที่ร้านกาแฟซังหนี่ไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันตัดสินใจจะไปจากเมืองถง”เมื่อมาถึงร้านกาแฟ คุณนายฟู่ก็พูดกับซางหนี่ตรงๆเธอพูดออกมาอย่างนั้น ทำให้ซังหนี่ถลึงตาโตชั่วขณะ “หมายความว่า...อะไรคะ?”“ก็หมายความอย่างที่พูด”“เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วนั้นเหรอคะ? คุณโกรธฟู่เซียวหาน...”“ไม่ใช่” คุณนายฟู่รีบพูดขึ้นมาทันที “และฉันบอกเธอก็ได้ว่า ฉันอยากไปเพราะ...เขาทนกับการทดสอบที่เซียวหานมอบให้เขาไม่ไหวแล้ว”หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ รูม่านตาของซังหนี่ก็หดตัวลงเล็กน้อย“ดังนั้นคุณก็เลยอยาก...”ในเมืองถงมีคนรู้จักพวกเรามากเกินไป และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกอึดอัดกับตำแหน่งคุณนายฟู่จนแทบจะหายใจไม่ออก และฉันก็ไม่ต้องการที่จะ...เป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว”“ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจดีแล้วว่า พวกเราจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”“หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราตัดสินใจที่จะหนีตามกันไป”ขณะที่คุณนายฟู่พูด บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มซังหนี่รู้มาตล