“ผมเป็นคนจัดการให้คุณไปพบกับเย่จื่อหลานเอง” ฉินเหยากล่าว “แต่ผมไม่รู้ว่าจู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นจะโผล่มา และก็ไม่รู้ว่า...เธอจะพูดอย่างนั้น” “ซังหนี่ ไม่ว่ายังไง เราก็เป็นเพื่อนกัน ผม...ยังไม่ถึงขั้นต้องวางแผนร้ายกับคุณขนาดนั้น” ซังหนี่ไม่พูดอะไรแต่สายตาของเธอกลับค่อยๆ ก้มมองลงไปอย่างช้า ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของเขาว่าจริงหรือเท็จฉินเหยาพูดต่ออีกว่า “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นความประมาทของผมเอง ผมต้องขอโทษคุณด้วย ต่อไป...” “ไม่ต้องหรอกค่ะ” ซังหนี่พูดแทรกคำพูดของเขา “ฉันคิดว่าต่อไปพวกเรา ไม่จำเป็นต้องพบกันอีกแล้ว” “หมายความว่ายังไง?” น้ำเสียงของฉินเหยาตึงเครียดขึ้นมา “คุณยังไม่เชื่อผมอีกเหรอ?”ซังหนี่ยิ้มอ่อน “ฉันต้องขอตัวก่อนค่ะ ลาก่อน” พูดจบ เธอก็ก้าวเท้าเดินจากไปแต่เมื่อเธอเดินผ่านฉินเหยา จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกมาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้“พวกเราแต่งงานกันเถอะ” เขากล่าวจู่ๆ ประโยคนั้นก็ทำให้ซังหนี่ตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ค่อยๆ หันไปมองเขาแววตานั้น ราวกับว่ากำลังมองคนบ้ายังไงยังงั้นแต่ฉินเหยากลับไม่สนใจเลยสักนิด พร้อมกับพูดต่อว่า “คำพูดข
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเหยามาบ้านตระกูลฟู่เธอเตรียมของขวัญให้คุณนายใหญ่กับแม่ของเขาอย่างใส่ใจจะเห็นได้ว่า พวกเขายินดีต้อนรับการมาเยือนของถังเหยาเป็นอย่างมาก ในวันนี้บ้านหลังนี้ที่เงียบเหงามานานหลายเดือน ในที่สุดก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งฟู่เซียวหานค่อนข้างประหลาดใจกับปฏิกิริยาของแม่ของเขาเพราะก่อนหน้านี้เขาเข้าใจมาตลอดว่า เธอชอบซังหนี่มาก และให้เกียรติความปรารถนาสุดท้ายของพ่อของเขามากแต่วันนี้เขาเพิ่งรู้ว่า...มันไม่ใช่เลยดูเหมือนว่าเธอเพียงแค่ไม่ชอบซังฉิงก็เท่านั้น ดังนั้นก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เธอเคยพูดกับฟู่เซียวหาน นอกจากซังฉิงแล้ว จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นดังนั้นรอยยิ้มที่เธอมีให้กับซังหนี่ในตอนนั้น วันนี้เปลี่ยนมาเป็นถังเหยาแทนขณะที่กำลังทานข้าวอยู่นั้น จู่ๆ คุณนายใหญ่ก็พูดถึงเรื่องงานประมูลเมื่อคืนขึ้นมา“ได้ยินว่ามีคนเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย?” การเคลื่อนไหวของฟู่เซียวหานหยุดนิ่งไปอย่างช้าๆถังเหยาเหลือบมองไปที่เขาก่อน แล้วค่อยยิ้มตอบ “คุณย่า รู้ได้ยังไงคะ?” “วันนี้ข่าวกระจายไปทั่วในแวดวงแล้ว ย่าจะไม่รู้ได้ยังไง?” คุณนายใหญ่ขมวดคิ้ว “ซังหนี่คนนี้ เดิมทีย่าย
หลังจากฟู่เซียวหานโทรศัพท์เสร็จก็ไม่ได้รีบกลับมาที่โต๊ะอาหาร แต่กลับยืนอยู่คนเดียวในสวน พร้อมกับจุดบุหรี่หนึ่งมวนรสชาติของมินต์กระจายเข้าไปทั่วปากของเขา จากนั้นอารมณ์ของเขาก็ค่อยๆ สงบลงขณะที่เขากำลังจะสูบบุหรี่มวนนั้นเสร็จ จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเขามองเบอร์โทรที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์ แล้วก็กดตัดสายแต่ไม่นานอีกฝ่ายก็โทรเข้ามาเป็นครั้งที่สองทันทีฟู่เซียวหานอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็รับโทรศัพท์“ฟู่เซียวหาน” น้ำเสียงของฉินม่อตึงเครียด “เรื่องโครงการกว่างเหยียน คุณจงใจถอยให้ฉินเหยา เพื่อให้เขาชนะการประมูลงั้นเหรอ?” ฟู่เซียวหานเพียงอืมเบาๆทันใดนั้นฉินม่อก็หัวเราะออกมา “ประธานฟู่ช่างใจกว้างจริงๆ โครงการใหญ่ขนาดนี้ กลับยอมถอยให้คนอื่น คุณต้องการช่วยให้ฉินเหยาให้ได้เลื่อนตำแหน่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”“พูดจบหรือยัง?” ฟู่เซียวหานกลับพูดออกมาตรงๆ ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ถ้าพูดจบแล้ว ผมจะได้วางสาย” “คุณรู้ไหมว่าฉินเหยากำลังจะแต่งงานกับซังหนี่?” จู่ๆ ฉินม่อก็พูดขึ้นคำพูดเพียงแผ่วเบาประโยคนั้น กลับทำให้ฟู่เซียวหานถึงกับพูดไม่ออกถึงตอนนี้ เขาก็ย
“ในเมื่อไม่มีอยู่จริง แล้วทำไมลูกไม่เลือกคนที่สามารถให้ความช่วยเหลือทางธุรกิจของลูกได้ล่ะ?” ท่าทางของคุณนายฟู่ดูมีเหตุผลมากและก็เป็นท่าทางที่ฟู่เซียวหานคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้รับการสั่งสอนแบบนี้จากเธอ เขาก็คงไม่มีวันนี้แต่ตอนนี้ หลังจากฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง กลับตอบว่า “แล้วทำไมผมต้องแต่งงานด้วยล่ะ?” คำถามนี้ของเขาทำให้คุณนายฟู่ถึงกับสำลักฟู่เซียวหานยิ้มอ่อน "ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่มีคนที่ชอบจริงๆ แต่ผมจะไม่มีทางเอาการแต่งงานของตัวเองไปแลกกับผลประโยชน์ ดังนั้น...ผมกับถังเหยายังไงก็ไม่มีทางแต่งงานกัน รอให้การร่วมงานสิ้นสุดลง ผมกับเธอก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก”พูดจบ ฟู่เซียวหานกำลังจะเดินออกไป แต่ขณะนั้นเอง คุณนายฟู่ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แต่เรื่องการใช้งานแต่งงานของตัวเองแลกมานั้น ก่อนหน้านี้ลูกก็เคยทำไปแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะทำอีกครั้ง มันจะเป็นอะไร? หรือว่า ก่อนหน้านี้...เพราะอีกฝ่ายคือซังหนี่ ลูกถึงได้ยอมตกลง?”คำพูดของเธอทำให้จังหวะก้าวเท้าของฟู่เซียวหานหยุดลงทันทีจากนั้น เขาก็หันกลับมามองเธอ “แม่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”“ก็หม
ถนนหมินเหอฟู่เซียวหานเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงขับรถมาถึงที่นี่เวลานี้เขาจับพวงมาลัยรถ และมองดูตรอกซอกซอยคดเคี้ยวที่อยู่ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้ลงจากรถแต่อย่างใด เพียงเปลี่ยนทิศทางเท่านั้นแต่ไม่นาน เขาก็เห็นซังหนี่เธอกำลังออกมาจากร้านยา มือล้วงกระเป๋า และเดินก้มหน้าก้มจา อุณหภูมิของเมืองถงในวันนี้ต่ำมากเธอสวมเสื้อคลุมกับหนาวสีดำ ปล่อยผมสยาย ปลายจมูกแดงเล็กน้อย ดูแล้วรู้สึกว่าเธอทั้งอ่อนโยนและสวยสง่าขณะที่ฟู่เซียวหานกำลังมองเธอ จู่ๆ เขาก็นึกถึงสิ่งที่แม่ของเขาพูดกับเขาในคืนนี้ขึ้นมาจริงอยู่ ที่เขาไม่ชอบใช้งานแต่งงานของตัวเองแลกกับอะไรแต่ตอนนั้นที่ทั้งสองครอบครัวพบกันเพื่อคุยเรื่องการแต่งงานของเขากับซังหนี่ เขากลับไม่แม้แต่จะคิดต่อต้านฟู่เซียวหานคิดมาตลอดว่า คำพูดนั้นของแม่มันสะกิดใจเขาดังนั้นเขาจึงคิดว่า แต่งงานกับใครก็เหมือนกัน อย่างงั้น...ก็ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของพ่อของเขาก็แล้วกันแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เขาจะ...คิดผิดแล้วแสดงว่า เขาชอบซังหนี่จริงๆ?ฟู่เซียวหานมองเธอจากด้านหลังอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจลงจากรถแต่ต่อมา เขากลับเห็นฉินเหยาวิ่งเ
พอเขาพูดออกมา ซังหนี่ถึงรับรู้ได้ถึงกลิ่นเหล้าบนตัวของเขาดวงตาของเขาก็แดงเล็กน้อย ดูท่าทางแล้ว เหมือนว่าเขาจะยังไม่สร่างเมา“คุณมีธุระอะไรก็พูดมา” ซังหนี่กล่าวฉินม่อยืนอยู่ข้างประตู จ้องมองเธออยู่สักพัก แล้วจึงพูดขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงไม่มาร่วมงานหมั้นของผม?”ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งก่อนนั้น ซังหนี่ก็ไม่ติดต่อเขาอีกเลย จู่ๆ ตอนนี้ฉินม่อกลับมาถามตัวเองแบบนี้ ซังหนี่เองก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันแต่เธอก็สามารถตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ไม่มีความจำเป็นต้องไปร่วมงาน”“ไม่จำเป็นต้องไปร่วมงานหมายความว่ายังไง พวกเราเป็น...เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?” “เพื่อนกัน” สองคำนี้ ฉินม่อพูดออกมาอย่างยากลำบากหลังจากซังหนี่มองเขาอยู่สักพัก กลับยิ้มเยาะออกมา “ไม่ใช่ ตั้งแต่ตอนที่คุณกับซังฉิงร่วมมือกันวางกับดักฉัน เราก็ไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว” “เพราะงั้นคุณก็เลยเลือกฉินเหยา แล้วใช้วิธีนี้แก้แค้นผม ใช่ไหม?”ทันใดนั้นท่าทางของฉินม่อก็เปลี่ยนไป พร้อมกับจ้องมองมาที่เธอ “แล้วตอนนี้ก็ยัง มีแพลนที่จะแต่งงานกับเขาอีก?”“ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับเขา?”“หรือว่าไม่ใช่? ฉินเหยาเป็นคนยอมรับกับคนในตระกูลฉินเองในคื
ขณะที่ฉินม่อพูด คำพูดเหล่านั้นก็พ่นลงมาบนแก้มของซังหนี่ความรู้สึกนั้น ทำให้ซังหนี่นึกถึงตอนที่เธอเผชิญหน้ากับจวงโหย่วเหวยขึ้นมาทันทีจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกน่าขยะแขยงนั้นขึ้นมาเธอค่อยๆ กัดฟันแน่น แล้วจ้องมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า “ฉินม่อ ถ้าวันนี้คุณกล้าทำอะไรฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ...”“คุณแจ้งเลย” ฉินม่อกลับยิ้มเยาะ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณคิดว่าจากชื่อเสียงของคุณในแวดวงตอนนี้ จะมีใครเชื่อคำพูดของคุณไหม?”“คุณเชื่อไหมว่าถึงตอนนั้น ทุกคนก็จะคิดว่าคุณเป็นคนให้ท่าผมเอง?”บนใบหน้าของฉินม่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มท่าทางแบบนั้นซังหนี่คุ้นเคยดีแต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น เหมือนกับงูพิษที่กำลังพ่นพิษใส่เธอจู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเธออ้าปาก แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออกฉินม่อเห็นท่าทีนั้นของเธอ กลับยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจมากขึ้น จากนั้น มือของเขาก็จับไหล่ของเธอไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็กอดเอวของเธอไว้ “เสียวหนี่ เราไปกันเถอะ”จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา พร้อมกับก้มลงไปจูบริมฝีปากของเธอ “หลังจากผ่านคืนนี้ไป พวกเราไปจากที่นี่ด้วยกันนะ ไปเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา คุณว่าดีไหม?”
เพราะท่าทางนิ่งเฉยของเขาแบบนี้ ทำให้ซังหนี่ยิ่งรู้สึกน่ากลัวนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฟู่เซียวหานเป็นแบบนี้โดยปกติแล้ว เวลาคนเราลงไม้ลงมือกัน ล้วนเป็นเพราะความโกรธแต่ฟู่เซียวหานกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงซังหนี่รู้สึกว่าเขาใจเย็นมากเมื่อครู่นี้บางช่วงเวลา ซังหนี่รู้สึกว่าในสายตาของเขา ฉินม่อไม่ได้มีค่าอะไรเลยเป็นเพียงแค่ลูกไก่...ที่อยู่ในกำมือของเขาเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เขาก็ไม่สนใจทันใดนั้นเสียงของฟู่เซียวหานก็ดังขึ้นมา แต่เธอกลับยังไม่ได้สติฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมาก หลังจากมองเธอครู่หนึ่ง เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเมื่อเห็นเขากำลังจะโทรแจ้งตำรวจเอง ซังหนี่จึงรีบเข้าไปจับมือของเขาไว้ “อย่า...”ฟู่เซียวหานหันไปมองเธอแววตาของเขายังคงไม่แสดงความรู้สึกอะไร“ให้เขาไปโรงพยาบาลก่อนเถอะค่ะ”ในที่สุด ซังหนี่ก็พูดออกมาฟู่เซียวหานไม่ตอบอะไร และแสดงท่าทีใดๆหลังจากที่ซังหนี่รออยู่สักพักแต่เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วโทรออกแต่เมื่อเธอยื่นมือออกมาถึงพบว่าตัวเองยังถือกรรไกรอยู่ในมือ และไม่รู้ว่าเธอวางโทรศัพท์ไว้ที่ไหนขณ
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็