“ผมเป็นคนจัดการให้คุณไปพบกับเย่จื่อหลานเอง” ฉินเหยากล่าว “แต่ผมไม่รู้ว่าจู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นจะโผล่มา และก็ไม่รู้ว่า...เธอจะพูดอย่างนั้น” “ซังหนี่ ไม่ว่ายังไง เราก็เป็นเพื่อนกัน ผม...ยังไม่ถึงขั้นต้องวางแผนร้ายกับคุณขนาดนั้น” ซังหนี่ไม่พูดอะไรแต่สายตาของเธอกลับค่อยๆ ก้มมองลงไปอย่างช้า ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของเขาว่าจริงหรือเท็จฉินเหยาพูดต่ออีกว่า “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นความประมาทของผมเอง ผมต้องขอโทษคุณด้วย ต่อไป...” “ไม่ต้องหรอกค่ะ” ซังหนี่พูดแทรกคำพูดของเขา “ฉันคิดว่าต่อไปพวกเรา ไม่จำเป็นต้องพบกันอีกแล้ว” “หมายความว่ายังไง?” น้ำเสียงของฉินเหยาตึงเครียดขึ้นมา “คุณยังไม่เชื่อผมอีกเหรอ?”ซังหนี่ยิ้มอ่อน “ฉันต้องขอตัวก่อนค่ะ ลาก่อน” พูดจบ เธอก็ก้าวเท้าเดินจากไปแต่เมื่อเธอเดินผ่านฉินเหยา จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกมาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้“พวกเราแต่งงานกันเถอะ” เขากล่าวจู่ๆ ประโยคนั้นก็ทำให้ซังหนี่ตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ค่อยๆ หันไปมองเขาแววตานั้น ราวกับว่ากำลังมองคนบ้ายังไงยังงั้นแต่ฉินเหยากลับไม่สนใจเลยสักนิด พร้อมกับพูดต่อว่า “คำพูดข
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเหยามาบ้านตระกูลฟู่เธอเตรียมของขวัญให้คุณนายใหญ่กับแม่ของเขาอย่างใส่ใจจะเห็นได้ว่า พวกเขายินดีต้อนรับการมาเยือนของถังเหยาเป็นอย่างมาก ในวันนี้บ้านหลังนี้ที่เงียบเหงามานานหลายเดือน ในที่สุดก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งฟู่เซียวหานค่อนข้างประหลาดใจกับปฏิกิริยาของแม่ของเขาเพราะก่อนหน้านี้เขาเข้าใจมาตลอดว่า เธอชอบซังหนี่มาก และให้เกียรติความปรารถนาสุดท้ายของพ่อของเขามากแต่วันนี้เขาเพิ่งรู้ว่า...มันไม่ใช่เลยดูเหมือนว่าเธอเพียงแค่ไม่ชอบซังฉิงก็เท่านั้น ดังนั้นก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เธอเคยพูดกับฟู่เซียวหาน นอกจากซังฉิงแล้ว จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นดังนั้นรอยยิ้มที่เธอมีให้กับซังหนี่ในตอนนั้น วันนี้เปลี่ยนมาเป็นถังเหยาแทนขณะที่กำลังทานข้าวอยู่นั้น จู่ๆ คุณนายใหญ่ก็พูดถึงเรื่องงานประมูลเมื่อคืนขึ้นมา“ได้ยินว่ามีคนเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย?” การเคลื่อนไหวของฟู่เซียวหานหยุดนิ่งไปอย่างช้าๆถังเหยาเหลือบมองไปที่เขาก่อน แล้วค่อยยิ้มตอบ “คุณย่า รู้ได้ยังไงคะ?” “วันนี้ข่าวกระจายไปทั่วในแวดวงแล้ว ย่าจะไม่รู้ได้ยังไง?” คุณนายใหญ่ขมวดคิ้ว “ซังหนี่คนนี้ เดิมทีย่าย
หลังจากฟู่เซียวหานโทรศัพท์เสร็จก็ไม่ได้รีบกลับมาที่โต๊ะอาหาร แต่กลับยืนอยู่คนเดียวในสวน พร้อมกับจุดบุหรี่หนึ่งมวนรสชาติของมินต์กระจายเข้าไปทั่วปากของเขา จากนั้นอารมณ์ของเขาก็ค่อยๆ สงบลงขณะที่เขากำลังจะสูบบุหรี่มวนนั้นเสร็จ จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเขามองเบอร์โทรที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์ แล้วก็กดตัดสายแต่ไม่นานอีกฝ่ายก็โทรเข้ามาเป็นครั้งที่สองทันทีฟู่เซียวหานอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็รับโทรศัพท์“ฟู่เซียวหาน” น้ำเสียงของฉินม่อตึงเครียด “เรื่องโครงการกว่างเหยียน คุณจงใจถอยให้ฉินเหยา เพื่อให้เขาชนะการประมูลงั้นเหรอ?” ฟู่เซียวหานเพียงอืมเบาๆทันใดนั้นฉินม่อก็หัวเราะออกมา “ประธานฟู่ช่างใจกว้างจริงๆ โครงการใหญ่ขนาดนี้ กลับยอมถอยให้คนอื่น คุณต้องการช่วยให้ฉินเหยาให้ได้เลื่อนตำแหน่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”“พูดจบหรือยัง?” ฟู่เซียวหานกลับพูดออกมาตรงๆ ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ถ้าพูดจบแล้ว ผมจะได้วางสาย” “คุณรู้ไหมว่าฉินเหยากำลังจะแต่งงานกับซังหนี่?” จู่ๆ ฉินม่อก็พูดขึ้นคำพูดเพียงแผ่วเบาประโยคนั้น กลับทำให้ฟู่เซียวหานถึงกับพูดไม่ออกถึงตอนนี้ เขาก็ย
“ในเมื่อไม่มีอยู่จริง แล้วทำไมลูกไม่เลือกคนที่สามารถให้ความช่วยเหลือทางธุรกิจของลูกได้ล่ะ?” ท่าทางของคุณนายฟู่ดูมีเหตุผลมากและก็เป็นท่าทางที่ฟู่เซียวหานคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้รับการสั่งสอนแบบนี้จากเธอ เขาก็คงไม่มีวันนี้แต่ตอนนี้ หลังจากฟู่เซียวหานจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง กลับตอบว่า “แล้วทำไมผมต้องแต่งงานด้วยล่ะ?” คำถามนี้ของเขาทำให้คุณนายฟู่ถึงกับสำลักฟู่เซียวหานยิ้มอ่อน "ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่มีคนที่ชอบจริงๆ แต่ผมจะไม่มีทางเอาการแต่งงานของตัวเองไปแลกกับผลประโยชน์ ดังนั้น...ผมกับถังเหยายังไงก็ไม่มีทางแต่งงานกัน รอให้การร่วมงานสิ้นสุดลง ผมกับเธอก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก”พูดจบ ฟู่เซียวหานกำลังจะเดินออกไป แต่ขณะนั้นเอง คุณนายฟู่ก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แต่เรื่องการใช้งานแต่งงานของตัวเองแลกมานั้น ก่อนหน้านี้ลูกก็เคยทำไปแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้จะทำอีกครั้ง มันจะเป็นอะไร? หรือว่า ก่อนหน้านี้...เพราะอีกฝ่ายคือซังหนี่ ลูกถึงได้ยอมตกลง?”คำพูดของเธอทำให้จังหวะก้าวเท้าของฟู่เซียวหานหยุดลงทันทีจากนั้น เขาก็หันกลับมามองเธอ “แม่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”“ก็หม
ถนนหมินเหอฟู่เซียวหานเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงขับรถมาถึงที่นี่เวลานี้เขาจับพวงมาลัยรถ และมองดูตรอกซอกซอยคดเคี้ยวที่อยู่ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้ลงจากรถแต่อย่างใด เพียงเปลี่ยนทิศทางเท่านั้นแต่ไม่นาน เขาก็เห็นซังหนี่เธอกำลังออกมาจากร้านยา มือล้วงกระเป๋า และเดินก้มหน้าก้มจา อุณหภูมิของเมืองถงในวันนี้ต่ำมากเธอสวมเสื้อคลุมกับหนาวสีดำ ปล่อยผมสยาย ปลายจมูกแดงเล็กน้อย ดูแล้วรู้สึกว่าเธอทั้งอ่อนโยนและสวยสง่าขณะที่ฟู่เซียวหานกำลังมองเธอ จู่ๆ เขาก็นึกถึงสิ่งที่แม่ของเขาพูดกับเขาในคืนนี้ขึ้นมาจริงอยู่ ที่เขาไม่ชอบใช้งานแต่งงานของตัวเองแลกกับอะไรแต่ตอนนั้นที่ทั้งสองครอบครัวพบกันเพื่อคุยเรื่องการแต่งงานของเขากับซังหนี่ เขากลับไม่แม้แต่จะคิดต่อต้านฟู่เซียวหานคิดมาตลอดว่า คำพูดนั้นของแม่มันสะกิดใจเขาดังนั้นเขาจึงคิดว่า แต่งงานกับใครก็เหมือนกัน อย่างงั้น...ก็ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของพ่อของเขาก็แล้วกันแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เขาจะ...คิดผิดแล้วแสดงว่า เขาชอบซังหนี่จริงๆ?ฟู่เซียวหานมองเธอจากด้านหลังอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจลงจากรถแต่ต่อมา เขากลับเห็นฉินเหยาวิ่งเ
พอเขาพูดออกมา ซังหนี่ถึงรับรู้ได้ถึงกลิ่นเหล้าบนตัวของเขาดวงตาของเขาก็แดงเล็กน้อย ดูท่าทางแล้ว เหมือนว่าเขาจะยังไม่สร่างเมา“คุณมีธุระอะไรก็พูดมา” ซังหนี่กล่าวฉินม่อยืนอยู่ข้างประตู จ้องมองเธออยู่สักพัก แล้วจึงพูดขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงไม่มาร่วมงานหมั้นของผม?”ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งก่อนนั้น ซังหนี่ก็ไม่ติดต่อเขาอีกเลย จู่ๆ ตอนนี้ฉินม่อกลับมาถามตัวเองแบบนี้ ซังหนี่เองก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันแต่เธอก็สามารถตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ไม่มีความจำเป็นต้องไปร่วมงาน”“ไม่จำเป็นต้องไปร่วมงานหมายความว่ายังไง พวกเราเป็น...เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?” “เพื่อนกัน” สองคำนี้ ฉินม่อพูดออกมาอย่างยากลำบากหลังจากซังหนี่มองเขาอยู่สักพัก กลับยิ้มเยาะออกมา “ไม่ใช่ ตั้งแต่ตอนที่คุณกับซังฉิงร่วมมือกันวางกับดักฉัน เราก็ไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว” “เพราะงั้นคุณก็เลยเลือกฉินเหยา แล้วใช้วิธีนี้แก้แค้นผม ใช่ไหม?”ทันใดนั้นท่าทางของฉินม่อก็เปลี่ยนไป พร้อมกับจ้องมองมาที่เธอ “แล้วตอนนี้ก็ยัง มีแพลนที่จะแต่งงานกับเขาอีก?”“ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับเขา?”“หรือว่าไม่ใช่? ฉินเหยาเป็นคนยอมรับกับคนในตระกูลฉินเองในคื
ขณะที่ฉินม่อพูด คำพูดเหล่านั้นก็พ่นลงมาบนแก้มของซังหนี่ความรู้สึกนั้น ทำให้ซังหนี่นึกถึงตอนที่เธอเผชิญหน้ากับจวงโหย่วเหวยขึ้นมาทันทีจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกน่าขยะแขยงนั้นขึ้นมาเธอค่อยๆ กัดฟันแน่น แล้วจ้องมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า “ฉินม่อ ถ้าวันนี้คุณกล้าทำอะไรฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ...”“คุณแจ้งเลย” ฉินม่อกลับยิ้มเยาะ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณคิดว่าจากชื่อเสียงของคุณในแวดวงตอนนี้ จะมีใครเชื่อคำพูดของคุณไหม?”“คุณเชื่อไหมว่าถึงตอนนั้น ทุกคนก็จะคิดว่าคุณเป็นคนให้ท่าผมเอง?”บนใบหน้าของฉินม่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มท่าทางแบบนั้นซังหนี่คุ้นเคยดีแต่ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น เหมือนกับงูพิษที่กำลังพ่นพิษใส่เธอจู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเธออ้าปาก แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออกฉินม่อเห็นท่าทีนั้นของเธอ กลับยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจมากขึ้น จากนั้น มือของเขาก็จับไหล่ของเธอไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็กอดเอวของเธอไว้ “เสียวหนี่ เราไปกันเถอะ”จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา พร้อมกับก้มลงไปจูบริมฝีปากของเธอ “หลังจากผ่านคืนนี้ไป พวกเราไปจากที่นี่ด้วยกันนะ ไปเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา คุณว่าดีไหม?”
เพราะท่าทางนิ่งเฉยของเขาแบบนี้ ทำให้ซังหนี่ยิ่งรู้สึกน่ากลัวนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นฟู่เซียวหานเป็นแบบนี้โดยปกติแล้ว เวลาคนเราลงไม้ลงมือกัน ล้วนเป็นเพราะความโกรธแต่ฟู่เซียวหานกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงซังหนี่รู้สึกว่าเขาใจเย็นมากเมื่อครู่นี้บางช่วงเวลา ซังหนี่รู้สึกว่าในสายตาของเขา ฉินม่อไม่ได้มีค่าอะไรเลยเป็นเพียงแค่ลูกไก่...ที่อยู่ในกำมือของเขาเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เขาก็ไม่สนใจทันใดนั้นเสียงของฟู่เซียวหานก็ดังขึ้นมา แต่เธอกลับยังไม่ได้สติฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมาก หลังจากมองเธอครู่หนึ่ง เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเมื่อเห็นเขากำลังจะโทรแจ้งตำรวจเอง ซังหนี่จึงรีบเข้าไปจับมือของเขาไว้ “อย่า...”ฟู่เซียวหานหันไปมองเธอแววตาของเขายังคงไม่แสดงความรู้สึกอะไร“ให้เขาไปโรงพยาบาลก่อนเถอะค่ะ”ในที่สุด ซังหนี่ก็พูดออกมาฟู่เซียวหานไม่ตอบอะไร และแสดงท่าทีใดๆหลังจากที่ซังหนี่รออยู่สักพักแต่เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วโทรออกแต่เมื่อเธอยื่นมือออกมาถึงพบว่าตัวเองยังถือกรรไกรอยู่ในมือ และไม่รู้ว่าเธอวางโทรศัพท์ไว้ที่ไหนขณ
คำพูดของฟู่เซียวหานทำให้สีหน้าของซังหนี่เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอหันไปมองเขาในพริบตาสีหน้านั้นทำให้ฟู่เซียวหานรู้สึกเจ็บปวดในอกขึ้นมาอย่างกะทันหันดูท่า...จะเป็นอย่างที่เขาเดาไว้จริง ๆถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันแค่ในฐานะคู่สัญญาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่นั้นอีกต่อไป——ซังหนี่ตกหลุมรักจี้อวี้หยวนเข้าแล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น จะอธิบายสายตาที่เธอใช้มองเขาตอนนี้ยังไง?เมื่อกี้ตอนที่พูดถึงตัวเธอเอง รวมถึงซังอวี๋ เธอยังไม่แสดงปฏิกิริยาอย่างนี้เลยความเจ็บปวดนี้แผ่ซ่านไปทั่วอกของฟู่เซียวหานอย่างรวดเร็วพร้อมกับรสฝาดคาวที่คุ้นเคยลอยขึ้นมาในลำคอฟู่เซียวหานกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพยายามกดความรู้สึกนั้นลง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าคุณจะแคร์เขามากจริง ๆ ““ฟู่เซียวหาน นี่เป็นเรื่องระหว่างเรา นายเลิกใช้วิธีสกปรกแบบนี้ไม่ได้หรือไง อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม?!”“บริสุทธิ์เหรอ?” ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักคู่หมั้นของตัวเองน้อยไปนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาทำอะไรลับหลังคุณไว้บ้าง?”ไม่รอให้ซังหนี่ได้พูดอะไร ฟู่เซียวหานย
“อืม แบบนี้สิถึงจะถูก”ฟู่เซียวหานพยักหน้าอย่างพอใจ “ไหน ๆ ครั้งที่แล้วก็ตัดขาดกันไปแล้ว ตอนนี้จะมาทำเป็นเสแสร้งทักทายไปทำไม?”พูดจบ เขาหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมา “ตอนนี้คุณ คงอยากให้ผมตายเต็มทีแล้วล่ะสิ?”เสียงของฟู่เซียวหานสงบนิ่ง แถมที่มุมปากยังมีรอยยิ้มจาง ๆแต่คำพูดที่ออกมากลับทำให้คนสะอึกจนพูดไม่ออกซังหนี่ชะงักไปเล็กน้อยแต่เธอก็หัวเราะออกมาอย่างรวดเร็ว “ใช่ ที่แท้คุณก็รู้สินะ”“อืม แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ผมยังสบายดีและนั่งอยู่ตรงนี้ “ฟู่เซียวหานไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงแค่เงยหน้ามาสบตาเธอ “แล้วถ้าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ คนที่คิดสั้นก่อน คงไม่ใช่ผมแน่”ซังหนี่ตอบไม่ได้ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฟู่เซียวหานจะเคยปฏิบัติต่อเธอแบบนี้มาก่อน——บนโต๊ะเหล้าที่เมืองอิ๋น รสชาติของเหล้าแต่ละแก้ว เธอยังจำได้ขึ้นใจจนถึงตอนนี้แต่ในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอเห็นในแววตาของฟู่เซียวหาน คือความเย็นชาที่ไร้จุดสิ้นสุดเสียงของซังหนี่แหบพร่าขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ประธานฟู่ยังมาที่นี่ทำไม? หรือแค่อยากตอกย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ชนะกันแน่?”“ตอนนี้คุณยังมีโอกาสเปลี่ยนใจ” ฟู่เซียวหานกล่าวซังหนี่เข้าใจคำพูดของเขาทันที
ไม่รู้ว่าทำไม พอได้ยินคำพูดของเลขาแล้ว ซังหนี่ก็เผลอหันไปมองคนในห้องผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว——จี้อวี้หยวนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆมองเขาแล้ว จู่ ๆ ซังหนี่ก็นึกถึงอ้อมกอดที่เขาให้เธอเมื่อเช้าเดิมทีซังหนี่กับเขาเป็นเพียงความสัมพันธ์แบบสัญญา รวมทั้งการแต่งงานก็เช่นกันแต่ตอนนั้น ในหัวของเธอกลับมีเพียงความคิดเดียว แค่อยากได้อ้อมกอดอีกสักครั้งซังหนี่ก็รู้ดีว่า นี่มันเกินขอบเขตของสัญญาที่พวกเขาทำไว้แล้วแต่จี้อวี้หยวนไม่พูดถึง เธอเองก็เช่นกันอาจเป็นเพราะซังหนี่มองเขานานเกินไป จี้อวี้หยวนจึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แล้วหันมามองทันทีซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันมีเรื่องต้องกลับไปจัดการที่บริษัท เดี๋ยวฉันจะให้พยาบาลมาดูแลแทน ที่นี่...”“ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ” จี้อวี้หยวนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “วันนี้ผมก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว”“แต่ว่า...”“คุณลืมไปแล้วเหรอ? เรากำลังจะแต่งงานกันนะ พ่อของคุณก็คือพ่อตาของผม การที่ผมดูแลเขามันไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำเหรอ?”คำพูดของจี้อวี้หยวนกลับทำให้ซังหนี่ไม่รู้จะตอบอะไรในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าปฏิเสธไปก็คงไม่เหมาะ เธอจึงพูดเพียงว่า “ถ้ามีอะไร โทรหาฉันน
“พี่คะ ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ๆ เอง จะไปมีเส้นสายขนาดนั้นได้ยังไง?” ซังฉิงแค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนพูดต่อ “ที่จริงแล้ว ถ้าพี่อยากนัดผู้จัดการธนาคารโจว ทำไมไม่ให้พี่เขย…”จี้อวี้หยวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินซังฉิงพูดถึงตัวเอง จึงเงยหน้าขึ้นมามองแต่ซังหนี่กลับไม่สนใจเขา เธอเพียงคว้ามือซังฉิง แล้วลากเธอออกไป“ทำอะไรน่ะพี่! พี่ทำฉันเจ็บ!”ระหว่างทางซังฉิงยังคงทำเสียงออดอ้อน แต่พอซังหนี่ลากเธอมาถึงที่ที่ไม่มีใคร เธอก็ดึงมือออกทันที ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พี่ต้องการอะไร?”“ประโยคนี้ควรเป็นฉันถามเธอมากกว่านะ” ซังหนี่ตอบ “สถานการณ์ของตระกูลซังในตอนนี้ เธอก็น่าจะรู้ดี ถ้าฉันติดต่อโจวหลิงได้เองก็คงดี แต่ปัญหาคือตอนนี้…”“ตอนนี้เป็นอะไรล่ะ? ซังหนี่ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งพี่จะต้องมาขอร้องฉัน”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา พลางเชิดหน้ามองเธอ “งั้นลองขอร้องให้ฉันดูหน่อยสิ ถ้าถูกใจ ฉันอาจจะช่วยพี่ก็ได้นะ”สีหน้าของซังหนี่งเรียบเฉย “ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดเองเหรอว่าตระกูลซังสำคัญกับเธอมาก? ถ้าซังอวี๋ล้มละลายจริง ๆ มันจะมีประโยชน์อะไรกับเธอล่ะ?”“เหอะ ๆ…”ซังฉิงกลับหัวเราะขึ้นมา “น่าตลกจริง ๆ นี่พี
ซังหนี่มองจี้อวี้หยวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ “ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่อยู่เป็นเพื่อนฉันแบบนี้...ก็พอแล้ว”พอเธอพูดจบ จี้อวี้หยวนก็ยื่นมือออกไป โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแรงกอดของเขาไม่แน่นนัก แต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ บนตัวเขากลับอบอวลเข้าสู่ปลายจมูกของซังหนี่ในทันทีซังหนี่ไม่ต่อต้านอีกต่อไป ค่อย ๆ ยื่นมือออกไป โอบรอบเอวของเขาไว้“อาการของคุณอาเป็นยังไงบ้าง?” จี้อวี้หยวนเอ่ยถาม“เส้นเลือดในสมองตีบเฉียบพลัน” ซังหนี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “แต่ช่วยไว้ได้ทัน หมอบอกว่าถ้าเขาฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”“อืม งั้นคุณกลับไปพักก่อนดีไหม? ผมจะเป็นคนเฝ้าให้เอง”“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี คุณไม่เห็นเหรอว่าโทรศัพท์ฉันไม่หยุดดังเลย?”จี้อวี้หยวนไม่พูดอะไรอีกซังหนี่ไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรเธอไม่ได้หรือเปล่า เลยพูดขึ้นมาก่อนว่า “งานแต่งไม่ต้องเลื่อนนะ คุณตาของคุณรอวันนี้มานานมากแล้ว จะทำให้ท่านผิดหวังไม่ได้”“แต่ว่า…”“ไม่ต้องห่วง แค่วันเดียวฉันยังพอจัดการได้ อีกอย่างตอนนี้ซังอวี๋อยู่ในช่วงสำคัญ ถ้าคุณเลื่อนงานแต่งออกไป คนอื่นอาจคิดว่าคุณเตรียมตัวหนีแล้วก็ได้”พูดจบ ซ
ดังนั้นเมื่อก่อนเขามักเป็นฝ่ายออกคำสั่งต่อหน้าซังหนี่เสมอเขาไม่จำเป็นต้องปรึกษาซังหนี่ และไม่มีวันยอมให้เธอขัดขืนแต่ตอนนี้ เขากลับดูเหมือนเด็กคนหนึ่งที่สับสนหมดหนทาง เอ่ยถามซังหนี่ ว่าควรทำอย่างไร?ซังหนี่หลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “ตอนนี้มีใครรู้เรื่องนี้อีก?”พูดจบ เธอก็รู้ตัวทันทีว่าถ้อยคำของตัวเองผิดไป จึงรีบแก้ว่า “ไม่ว่าจะมีใครรู้เรื่องนี้หรือไม่ ต้องปิดข่าวทันที! ถ้าพรุ่งนี้ตลาดหุ้นเปิดเมื่อไหร่ ซังอวี๋คงได้จบสิ้นกันจริง ๆ!’ซังหลินไม่พูดอะไร นั่งนิ่งอย่างเหม่อลอย“ครอบครัวของเกาต๋าล่ะคะ? พวกเขายังอยู่ที่นี่ใช่ไหม? ตอนนี้คุณให้คนไปติดต่อพวกเขาทันที! ถ้าเกาต๋าติดต่อกลับมา แจ้งตำรวจเดี๋ยวนั้นเลย! คุณได้ยินไหม?!”คำพูดสุดท้ายของซังหนี่ ทำให้ซังหลินได้สติกลับมา เขาค่อย ๆ เอื้อมมือที่สั่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาซังหนี่ไม่มองเขาอีก หันหลังเดินออกไปทันทีแต่ด้านหลังกลับเงียบสนิทเมื่อซังหนี่รู้สึกแปลกใจและหันกลับไปมอง เธอเห็นโทรศัพท์ของซังหลินตกอยู่บนพื้น ส่วนตัวเขากลับฟุบลงไปกับเก้าอี้และหมดสติไปแล้ว……ซังหนี่รีบติดต่อสำนักข่าวใหญ่ เพื่อปิดข่าวเกี่ยวกับซังหลินไว้แต่ในย
คำพูดของซังหนี่ก็กลายเป็นจริงอย่างรวดเร็วเพียงแค่วันรุ่งขึ้นหลังจากที่โครงการถูกส่งมอบให้เกาต๋า ทางจื้อเหอก็แจ้งให้เริ่มงานใหม่ทันทีแม้ว่างานของซังหนี่จะถูกส่งต่อให้เกาต๋าแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทลูก บางกระบวนการยังต้องผ่านเธออยู่ดีสองวันผ่านไป เกาต๋าบอกว่ามีงานที่ส่งต่อบางเรื่องยังไม่ชัดเจน พอดีว่าช่วงนี้ซังหนี่ลาพักเพื่อเตรียมงานแต่ง เขาจึงขอให้เจิ้งชวนไปช่วยงานแทนซังหนี่ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นโครงการของบริษัท ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เธอเองก็ต้องรับผิดชอบไปด้วยเจิ้งชวนถูกเรียกตัวไปช่วยงานทันทีผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เหลือเวลาอีกเพียงสองวันก่อนถึงวันแต่งงานของซังหนี่กับจี้อวี้หยวน ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัด โทรศัพท์ของซังหนี่ดังขึ้น ปลายสายคือเจิ้งชวน“แย่แล้วครับประธานเสี่ยวซัง ติดต่อประธานเกาไม่ได้เลย!”ซังหนี่สะดุ้งตื่นจากความฝันอย่างฉับพลัน สมองยังมึนงงเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น?”“ประธานเกาหายตัวไปครับ!” เจิ้งชวนพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ติดต่อไม่ได้เลย พวกเราลองไปที่บ้านเขาแล้ว แต่ครอบครัวเขาก็บอกว่าติดต่อไม่ได้เช่นกัน”
“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินคำตอบ ฟู่เซียวหานจึงกดวางสายไป ก่อนจะหันไปมองออกไปนอกหน้าต่างในเงาสะท้อนของกระจกรถ เขากลับมองเห็นแก้มที่แดงก่ำของตัวเองอย่างชัดเจนเขายกมือขึ้นเช็ดเบา ๆมันก็เจ็บอยู่บ้าง แต่เขาผ่านเรื่องที่เจ็บกว่านี้มาแล้ว แผลเล็กแค่นี้ ไม่เป็นอะไรเลยสักนิดคิดได้ดังนั้น เขามองรอยฝ่ามือบนแก้ม แล้วกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ……จื้อเหอและซังอวี๋ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เรื่องที่เกาต๋าเข้ามารับช่วงต่อโครงการรู่โจวก็ถูกประกาศภายในบริษัทในเวลาไม่นานทันทีที่ข่าวนี้เผยออกมา ทุกคนต่างประหลาดใจไม่น้อยแม้ว่าตอนนี้ซังหนี่ยังคงเป็นผู้จัดการบริษัทสาขาเมืองอิ๋น แต่ถ้าเกาต๋าถูกย้ายกลับไป คนที่นั่นทั้งหมดก็เป็นลูกน้องเก่าของเขาอยู่ดี แบบนี้ซังหนี่จะต่างอะไรกับผู้นำที่ไร้อำนาจกันล่ะ?แน่นอนว่าซังหนี่ไม่มีทางยอมมอบผลงานของตัวเองให้ใครง่าย ๆแต่ฟู่เซียวหานตั้งใจจะทำให้เธอเสียหน้า และเหมือนที่ซังหลินพูดไว้ เขาเป็นฝ่ายว่าจ้าง โครงการใหญ่อย่างรู่โจว เขาแค่ขอเปลี่ยนผู้รับผิดชอบเท่านั้น ซังอวี๋ที่เป็นฝ่ายถูกเลือกทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องยอมตามดังนั้น เอกสารที่ซังหนี่ตรวจทานซ้ำแล้วซ้ำเ
ฟู่เซียวหานถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่แววตาที่มองซังหนี่กลับไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆมีเพียงแค่...ความเย็นชาเท่านั้นมันเป็นสายตาของนักล่าที่จ้องมองเหยื่อ และยิ่งไปกว่านั้น มันคือสายตาของผู้ที่อยู่เหนือกว่ามองคนเบื้องล่างด้วยความเหยียดหยามร่างกายของซังหนี่สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว!เขาแสร้งทำต่อหน้าเธอมานานเกินไปแล้วจนถึงตอนนี้ ซังหนี่เพิ่งนึกขึ้นได้——เขาไม่ใช่สุนัขที่เชื่อง แต่เป็นหมาป่าที่กระหายเลือดและเนื้อ!แต่ซังหนี่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ฟู่เซียวหาน คุณเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของจื้อเหอ แต่กลับใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะหรือไง!?”“ไม่เป็นไร ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีใครคานอำนาจผมได้แล้ว” ฟู่เซียวหานพูดช้า ๆ “อีกอย่าง โครงการรู่โจวใหญ่ขนาดนี้ จะให้คุณรับผิดชอบมันไม่ปลอดภัย ผมมีเหตุผลมากพอที่จะทำให้พวกเขาเชื่อ”ซังหนี่ไม่พูดอะไร แต่มือที่วางอยู่บนเข่ากลับค่อย ๆ กำแน่นขึ้น“แล้วไงต่อล่ะ?”ในที่สุด เธอก็เปล่งเสียงออกมาอีกครั้ง ถามว่า “คุณคิดว่าคำสั่งนี้จะหยุดฉันไม่ให้แต่งงานกับจี้อวี้หยวนได้เหรอ?”“ฉันบอกไว้เลยว่า ไม่มีทาง ตอนนี้ฉันยิ่งต้องแต่งงา