“ท่านยังเร็วมิพอ แม่ทัพหยาง…ความชราของท่านมันคืออุปสรรคสินะ!”ชายหนุ่มพูดทั้งยังส่งเสียงหัวเราะในลำคอโดยจงใจให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย เพียงแค่ผ้าซึ่งคลุมปลายทวนหลุดออก เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ของตัวทวนที่มีลวดลายเฉพาะ โดยตัวเนื้อเหล็กกล้าเชื่อกับด้ามทวนนั้น ฝังไว้ด้วยอัญมณีล้ำค่าซึ่งมีเพียงคนเดียวที่ใช้ทวนนี้ได้‘ทวนสวรรค์’ทหารติดตามถึงกับดวงตาเบิกโพลงเมื่อมองเห็นทวนของชายหนุ่ม ความสับสนได้เกิดขึ้นภายในใจกันมิน้อย ว่าคนตรงหน้าคือตัวจริงหรือปลอมกันแน่ แต่ทั้งหมดก็ไร้โอกาสที่จะมองให้ชัดเจนกว่าเดิม เพราะจำต้องรับมือกับชายสวมหน้ากากซึ่งแม้จะไร้อาวุธแต่กลับรวดเร็วยิ่งนัก ซ้ำยังใช้เพียงมือเปล่ารับมือกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายหยางซานซินแม้จะต่อสู้อยู่กับโม่หยวนฟาง แต่ทุกครั้งที่การประมือของเขากับชายหนุ่มนั้นได้มีโอกาสหันไปยังด้านของคนสวมหน้ากาก เขาจะเห็นบางอย่างที่คุ้นเคย เสมือนเขาเคยพบเจอคนที่ใช้วิชาเช่นนี้มาก่อนหน้าแล้วเมื่อครั้งในอดีต“เสียเวลามากเกินไปแล้ว เด็กน้อย ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว”หยางซานซินปลดปล่อยพลังออกมาจนเกิดเสียงระเบิดอย่างรุนแรงรอบกายเขาและโม่หยวนฟาง ทางด้านอ๋องหนุ่มเองได้ตั้งรับอ
เสียงอาวุธกระทบกันเป็นระยะ ฝีมือของคนชุดดำในความคิดของชายหนุ่มนั้นนับว่าสูงส่งทีเดียว แต่เหมือนกับว่าอีกฝ่ายพยายามออมมือให้แก่เขา ซึ่งตัวเขาเองก็กำลังทำเช่นเดียวกัน‘หากข้าให้โอกาสเขาแล้ว นับว่าเป็นเสมือนดาบสองคมสินะ!’“พี่ชาย…ข้ามิออมมือแล้วนะ แต่มีบางเรื่องที่ตัวข้าอยากเตือนสติท่านสักหน่อย หากท่านมิรอดจากคมกระบี่ข้า ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าคนข้างหลังของท่านจะรอดชีวิตเช่นกัน มิเคยมีสัจจะในหมู่คนพาล ไยมิทบทวนให้ดี ทุกอย่างเกี่ยวกับท่าน ข้าเพียงคาดเดา พี่ชาย”ไร้การตอบรับจากคนชุดดำ การต่อสู้ยังคงดุเดือดขึ้นตามลำดับ แต่ดูอย่างไร คนชุดดำก็ยังมิจริงจังกับการต่อสู้นี้สักที‘คิดจะจบชีวิตในคมดาบศัตรู แทนการสังหารศัตรูเช่นนั้นหรือ เพราะอะไรกัน…’ถงเหยียนเจี๋ยถึงกับงุนงงในการกระทำของคู่ต่อสู้ เขามิรู้ว่าจะคาดเดาไปในทิศทางใดได้อีกแล้ว ทำเพียงหาทางหยุดอีกฝ่ายลงให้ได้โดยมิให้ถึงชีวิต หากเป็นเช่นที่เขาคิด บางทีการต่อรองกับคนผู้นี้อาจส่งผลดีต่อพวกเขาก็เป็นได้ทางด้านโม่คังเหมือนกับว่าเวลาเล่นสนุกของเขาได้หมดลงแล้ว เมื่ออยู่ ๆ ผู้เป็นน้องชายได้ถูกไล่ต้อนให้ออกห่างจากเขาจนเริ่มจะมองไม่เห็นแล้ว ไหมทอ
หยางซานซินยืดกายขึ้นตรง ก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังของบุตรสาว แม่ทัพใหญ่เกิดความรู้สึกผิดหวังปนขุ่นเคืองที่อยู่ ๆ บุตรสาวก็โผล่เข้ามาขัดขวางความสำเร็จของเขาเสียก่อน‘ในเมื่อเจ้าพยายามเสนอตัวเป็นลูกของข้า วันนี้ ข้าจะดูซิว่า เจ้าจะทำอย่างไรให้ข้ายอมรับเจ้าได้ บุตรสาวข้า’“หลีกทางพ่อเสีย…หรือเจ้าจะช่วยพ่อกำจัดศัตรูของครอบครัวเราก็จะเป็นการดีมิน้อย ลูกรัก”เมี่ยวจ้าวเอี้ยวตัวไปด้านหลังเล็กน้อย แค่เพียงให้มองเห็นชายหนุ่มทั้งสองซึ่งยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของนาง มุมปากของหญิงสาวคลี่ออกเล็กน้อย ก่อนจะขยิบตาข้างที่อยู่ฝั่งกับบุรุษทั้งคู่ เมี่ยวจ้านจึงหันกลับมาเผชิญหน้ากับบิดาผู้ให้กำเนิด แต่มิเคยต้องการนางเลย“เรื่องของพวกท่าน ข้ามิขอยุ่งเกี่ยว ข้าเพียงนำคำมารดามาแจ้งแก่ท่าน…บิดาข้า”หยางซานซินเหยียดริมฝีปากออกเล็กน้อย “หึ ๆ” พร้อมเสียงหัวเราะในลำคอเขารู้อยู่แล้วว่าคนอย่างบุตรสาวนั้นเป็นคนหัวแข็งเช่นมารดาของนาง การจะชักจูงให้มาอยู่ฝ่ายตนนั่นคงมิใช่เรื่องง่าย ซึ่งดูได้จากคำตอบของนางที่ดูจะเป็นกลางยิ่งนัก เหมือนกับนางไม่เลือกฝ่ายใด‘ฉลาดนักนะ ลูกสาวข้า’ หยางซานซินรู้สึกชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของบุตรส
“ชีวิตท่านคิดจะฆ่าลูก ๆ ของตัวเองให้สิ้นสกุลเลยหรืออย่างไร หยางซานซิน ในอดีตเมื่อข้ายังเยาว์วัย ท่านอาจว่องไวประดุจอินทรี แต่เมื่อข้าเติบใหญ่ ตัวท่านก็เริ่มแก่ชรา ไยมิรู้จักไปจำศีลในวัดวาอาราม จะมามัวถือดาบล้างสกุลตนเองและผู้อื่นเล่นอยู่ทำไมกัน”มือแกร่งของโม่คังกำลำคอหนาของแม่ทัพหยางเอาไว้แน่น มือข้างที่ถืออาวุธอยู่ก็มิอาจขยับได้ เพราะถูกแส้ทองของบุตรสาว พันธนาการเอาไว้เช่นกันหยางซานซินใช้มือข้างที่ยังว่างและไร้ซึ่งอาวุธพยายามแกะมือของชายสวมหน้ากากออกจากลำคอแกร่งของตนเอง“จะ…เจ้า แค่ก ๆ หมายความว่าอย่างไร เจ้าคือใคร”โม่คังคลายมือออกเล็กน้อยพอให้อีกฝ่ายส่งเสียงที่แหบแห้งออกมาได้ ดวงตาของทั้งคู่จ้องประสานกัน หนึ่งค้นหาความจริง อีกหนึ่งเย้ยหยันผู้ที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้รอดชีวิต การที่เขาสอดมือเข้าช่วยเมี่ยวจ้านนั้น มิใช่กลัวว่านางจะรับมือหยางซานซินมิได้ แต่เขาเกรงว่านางจะสังหารหยางซานซินเสียมากกว่า“คิดให้ดี ว่าท่านเคยทำแบบนี้กับใครบ้าง อืม ๆ ข้าจะใบ้ให้นิดหน่อย เผื่อจะเตือนความจำของท่านแม่ทัพใหญ่ได้บ้าง เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ”“ท่านพี่จะเสียเวลากับคนเช่นนี้ทำไมกันขอรับ ข้าจะบอกใบ้แทนท่าน
โม่คังสะบัดแส้รุนแรงขึ้น เพราะเวลานี้ พวกเขาถูกต้อนให้เข้าป่ามากขึ้นทุกที โม่คังลอบมองไปยังน้องชายและองค์หญิงแห่งจิ้งหนาน ซึ่งทั้งสองเองก็กำลังตึงมืออยู่มากไม่น้อยเคล้ง!ทวนสวรรค์ปะทะเข้ากับหอกเงินของเป่าชุน ความรุนแรงในการฟาดฟันของอาวุธทั้งสองทำให้ด้ามหอกและด้ามของทวนสวรรค์ต่างสะบัดสั่นไหวประหนึ่งอสรพิษเลื้อยหยางซานซินถอยกายเอนหลังพิงยังโคนต้นไม้ใหญ่ เวลานี้ เขาบาดเจ็บและหากเขามิรีบขับพิษออกจากร่างกาย อาจถึงขั้นสาหัสจนถึงชีวิตได้ มีดสั้นของเขาอาบยาพิษเอาไว้ มิคิดว่าจะเป็นเขาที่ถูกพิษร้ายเสียเอง หยางซานซินได้ล้วงเอายาแก้พิษออกมากิน ก่อนจะรวบรวมพลังวัตร เพื่อขับพิษร่วมไปด้วย หากรอเพียงออกฤทธิ์อาจทำให้อาการบาดเจ็บยืดเยื้อออกไปอีกเมี่ยวจ้านเองได้หันหลังให้กับคนรักและพี่ชายของเขาเหมือนกับว่าตอนนี้พวกเขาสามคนกำลังตกอยู่กลางวงล้อมของศัตรู ศึกนี้ดูจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว เมื่ออยู่ ๆ ก็มีตัวช่วยของหยางซานซินโผล่มากโดยมิทันคาดคิดตูม!อยู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้น พร้อมกลุ่มควันมากมาย เป่าชุนและชูถงพร้อมทหารทั้งหมดรีบเหินกายถอยออกจากกลุ่มควันอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้ดีว่าหากขืนยังอยู่จะเป็นพวกเขาเองที
ค่ายทหารเจียงไห่ราชครูหลิวเดินวนไปมาอยู่ภายในกระโจมบัญชาการด้วยความร้อนใจอย่างที่สุด การหายตัวไปของหยางซานซิน เขาเองก็สงสัยมากพออยู่แล้ว ซ้ำเวลานี้ บุตรสาวก็ยังไร้วี่แววว่าจะกลับมา เขาจะทำอย่างไรดี“ท่านราชครู ท่านเสนาบดีและท่านแม่ทัพใหญ่กลับมาแล้วขอรับ”ฟึบ!ยังมิทันได้ก้าวออกไปด้านนอก ร่างสูงของเสนาบดีหนุ่มก็ก้าวเข้ามาพร้อมห่อผ้าสีดำขนาดใหญ่ ตามมาด้วยหยางซานซินที่มีรองแม่ทัพซ้ายคอยพยุงเอาไว้“เป่าชุน เจ้าจัดการให้เรียบร้อยตามที่ข้าบอก ห้ามให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด”“ขอรับท่านเสนาบดี ข้าจะรีบจัดการในทันที”“อะไรกัน มันเรื่องอะไรกัน ท่านเสนาบดี ท่านแม่ทัพใหญ่ เกิดอะไรขึ้น ละ…แล้วนี่...มันคือสิ่งใด”ราชครูหลิวถามคนทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงร้อนรนยิ่งนัก ก่อนจะชี้นิ้ว มายังสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเสนาบดีหนุ่มชูถงเดินไปยังด้านในโดยมีหยางซานซินเดินนำไปก่อน พร้อมทั้งกวาดสิ่งของทั้งหมดออกจากโต๊ะตัวใหญ่ของหยางซานหลาง ก่อนที่ชูถงจะวางห่อผ้าลงอย่างเบามือ“ท่านราชครู ข้าขอให้ท่านทำใจสักหน่อย อีกเรื่องก็คืออย่าได้แพร่งพรายถึงสิ่งที่อยู่ในห่อผ้านั่นออกไปให้ผู้ใดรับรู้อีกเป็นอันขาด มิใช่ข้าที
“เจ้าจัดการเถอะ หากเมื่อใดคิดว่าเขามิปลอดภัยสำหรับเราก็จงจัดการเสีย”“ท่านพ่อโปรดวางใจ คืนนี้ เราต้องพาเมิ่งชีไปยังฐานใหญ่ให้ได้เสียก่อน”ราชครูหลิวได้แต่เมินหน้าไปอีกทาง เขาไม่พร้อมที่จะเห็นบุตรสาวในตอนนี้ เขาอยากที่จะปลดปล่อยความเจ็บปวดออกมายิ่งนัก แต่จำต้องกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้ภายในหยางซานซินมิใช่คนที่เขาควรต่อกรในเวลานี้ คนผู้นี้อันตรายเกินกว่าที่เขาคาดการณ์นัก คิดจะเก็บศัตรูไว้ข้างกายเพื่อหลอกใช้คนเช่นชูถง ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลานัก แต่เขามิอาจพูดอันใดได้มากกว่านี้เพราะตอนนี้หยางซานซินเสมือนกับมิใช่คนที่เขาเคยรู้จัก หากพูดมากไป ตัวเขาเองก็คงมิพ้นถูกกำจัดเช่นกัน ไร้บุตรสาว ตัวเขาก็เสมือนไร้เขี้ยวเล็บ ด้วยอำนาจในราชสำนักเริ่มเสื่อมถอยตามวัยของเขา“ข้าจะไปเตรียมตัว เจ้าควรให้หมอมาดูแผลสักหน่อยนะ”“ท่านพ่อ กลับไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคืนนี้เถอะขอรับ ทางนี้ ข้าจัดการเอง”ราชครูหลิวลุกขึ้น เดินตรงไปยังหน้ากระโจมด้วยหัวใจอันร้าวราน ทุกย่างก้าวมันช่างหนักอึ้งจนแทบขยับมิได้เลยทีเดียวหยางซานซินมองตามบิดาคนรัก ไปด้วยสายตายากที่จะอ่านออก สิ่งที่เขาต้องทำยังมีอีกมาก จะมามัวเสียเวลากับคนแก
“ท่านไม่ควรทำเช่นนี้ เป็นสิ่งที่อันตรายเกินไปแล้วที่วางใจศัตรู เพราะต่อให้ท่านมิลงมือสังหารข้า ท่านจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าจะไม่ทำร้ายท่าน อย่าได้ทำเช่นนี้อีก อะ…องค์…”ชายหนุ่มกลืนคำพูดทั้งหมดลงไปในลำคอ เมื่อช่วงที่ต่อสู้กันนั้น เขาไม่มีโอกาสเห็นบุรุษตรงหน้าได้ชัดเจนนัก แม้คราแรกที่สบตาหลังจากเขาฟื้นขึ้นมาหลังจากตกเป็นเชลย ในตอนนั้นจะตกใจอยู่มาก แต่ทว่า เขาก็ยังไม่แน่ใจเท่าใดนัก ทว่าเวลานี้ เขาเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้จะเป็นยามค่ำคืนก็ตามที สิ่งสำคัญคือเขามั่นใจแล้วนั่นเองว่าชายหนุ่มคือใคร“ช่างเป็นศิลปะที่งดงามยิ่ง”“อะไร…ท่านหมายถึงสิ่งใดกันพี่ชาย”“ตัวอักษร ‘เยว่’ บนอกของท่านอย่างไรเล่า แม้เห็นเพียงรำไร มันก็ดูงดงามยิ่งใหญ่นัก”ถงเหยียนเจี๋ยยกมือขึ้นลูบกลางแผ่นอกของตนเอง เสื้อที่ภรรยาเลือกให้สวมใส่ในวันนี้ใช่ว่าจะปิดไม่มิด แต่เพราะการต่อสู้กับคนตรงหน้าทำให้มันถูกคมอาวุธจนเปิดออก เผยให้เห็นแผ่นอกของเขา รอยสักนี้ ทุกคนเคยเห็นมาแล้ว และมันมิได้สำคัญอันใดที่จะต้องปกปิด มันดูธรรมดามากสำหรับตัวเขาและสหาย คนตรงหน้ากลับบอกว่ามันงดงาม“ท่านมิใช่คนชีเป่ยรึถึงอ่านคำนี้ออก รอยสักเช่นนี้ ผู้ใดก
ห้องครัว ณ เซียนอี้เสียงทำอาหารภายในห้องครัวส่วนตัวเล็ดลอดออกมาให้คนที่แอบอยู่ด้านนอกได้ยินกันถ้วนหน้า หมิงจงเป่าได้สั่งให้คนของตนเองมาคอยสอดแนมดูว่า หญิงสาวได้เปลี่ยนแปลงรายการอาหารหรือไม่ เพราะเกรงว่าฟางเล่อจะจับได้ว่าอาหารที่จะขึ้นโต๊ะในคืนนี้มิใช่ฝีมือของนาง“เรียนนายหญิง นายท่านและท่านอ๋องน้อย ผู้ติดตามเยว่คัง พร้อมทั้งคุณหนูเมี่ยวจ้านกลับมาแล้วขอรับ”“งั้นเร็วเข้า พวกเจ้าทยอยนำอาหาร ขึ้นไปจัดเตรียมยังห้องรับรอง ป่านนี้คงพากันหิวแย่ ปลาของข้าได้รึยัง เสร็จแล้วเอามาตรงนี้ ข้าจะปรุง”เมื่อได้ยินว่าพี่ชายและสามี รวมถึงว่าที่พี่สะใภ้กลับมาแล้ว ฟางเล่อเร่งลงมือกับวัตถุดิบตรงหน้า โดยมีเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมช่วยจัดเตรียมข้าวของช่วยอีกแรง มือบางที่ยังเผยให้เห็นรอยฟกช้ำจากการต่อสู้เมื่อกลางวัน แต่หญิงสาวหาได้ใส่ใจไม่ อาหารคือสิ่งจำเป็นในชีวิต ยิ่งในสงคราม หากทหารมิอิ่มท้อง ต่อให้เก่งเทียมฟ้าก็ต้องพ่ายแพ้หากไร้ซึ่งอาหารมาสร้างกำลังให้แก่ตนเองนับตั้งแต่แต่งงาน มีแค่มิกี่ครั้งที่นางลงมือปรุงอาหารให้แก่สามีและครอบครัว วันนี้นับว่าเป็นโอกาสของนางอีกคราที่จะได้แสดงความสามารถด้านนี้ให้ทุกคนไ
“ท่านไม่ควรทำเช่นนี้ เป็นสิ่งที่อันตรายเกินไปแล้วที่วางใจศัตรู เพราะต่อให้ท่านมิลงมือสังหารข้า ท่านจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าจะไม่ทำร้ายท่าน อย่าได้ทำเช่นนี้อีก อะ…องค์…”ชายหนุ่มกลืนคำพูดทั้งหมดลงไปในลำคอ เมื่อช่วงที่ต่อสู้กันนั้น เขาไม่มีโอกาสเห็นบุรุษตรงหน้าได้ชัดเจนนัก แม้คราแรกที่สบตาหลังจากเขาฟื้นขึ้นมาหลังจากตกเป็นเชลย ในตอนนั้นจะตกใจอยู่มาก แต่ทว่า เขาก็ยังไม่แน่ใจเท่าใดนัก ทว่าเวลานี้ เขาเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้จะเป็นยามค่ำคืนก็ตามที สิ่งสำคัญคือเขามั่นใจแล้วนั่นเองว่าชายหนุ่มคือใคร“ช่างเป็นศิลปะที่งดงามยิ่ง”“อะไร…ท่านหมายถึงสิ่งใดกันพี่ชาย”“ตัวอักษร ‘เยว่’ บนอกของท่านอย่างไรเล่า แม้เห็นเพียงรำไร มันก็ดูงดงามยิ่งใหญ่นัก”ถงเหยียนเจี๋ยยกมือขึ้นลูบกลางแผ่นอกของตนเอง เสื้อที่ภรรยาเลือกให้สวมใส่ในวันนี้ใช่ว่าจะปิดไม่มิด แต่เพราะการต่อสู้กับคนตรงหน้าทำให้มันถูกคมอาวุธจนเปิดออก เผยให้เห็นแผ่นอกของเขา รอยสักนี้ ทุกคนเคยเห็นมาแล้ว และมันมิได้สำคัญอันใดที่จะต้องปกปิด มันดูธรรมดามากสำหรับตัวเขาและสหาย คนตรงหน้ากลับบอกว่ามันงดงาม“ท่านมิใช่คนชีเป่ยรึถึงอ่านคำนี้ออก รอยสักเช่นนี้ ผู้ใดก
“เจ้าจัดการเถอะ หากเมื่อใดคิดว่าเขามิปลอดภัยสำหรับเราก็จงจัดการเสีย”“ท่านพ่อโปรดวางใจ คืนนี้ เราต้องพาเมิ่งชีไปยังฐานใหญ่ให้ได้เสียก่อน”ราชครูหลิวได้แต่เมินหน้าไปอีกทาง เขาไม่พร้อมที่จะเห็นบุตรสาวในตอนนี้ เขาอยากที่จะปลดปล่อยความเจ็บปวดออกมายิ่งนัก แต่จำต้องกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้ภายในหยางซานซินมิใช่คนที่เขาควรต่อกรในเวลานี้ คนผู้นี้อันตรายเกินกว่าที่เขาคาดการณ์นัก คิดจะเก็บศัตรูไว้ข้างกายเพื่อหลอกใช้คนเช่นชูถง ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลานัก แต่เขามิอาจพูดอันใดได้มากกว่านี้เพราะตอนนี้หยางซานซินเสมือนกับมิใช่คนที่เขาเคยรู้จัก หากพูดมากไป ตัวเขาเองก็คงมิพ้นถูกกำจัดเช่นกัน ไร้บุตรสาว ตัวเขาก็เสมือนไร้เขี้ยวเล็บ ด้วยอำนาจในราชสำนักเริ่มเสื่อมถอยตามวัยของเขา“ข้าจะไปเตรียมตัว เจ้าควรให้หมอมาดูแผลสักหน่อยนะ”“ท่านพ่อ กลับไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคืนนี้เถอะขอรับ ทางนี้ ข้าจัดการเอง”ราชครูหลิวลุกขึ้น เดินตรงไปยังหน้ากระโจมด้วยหัวใจอันร้าวราน ทุกย่างก้าวมันช่างหนักอึ้งจนแทบขยับมิได้เลยทีเดียวหยางซานซินมองตามบิดาคนรัก ไปด้วยสายตายากที่จะอ่านออก สิ่งที่เขาต้องทำยังมีอีกมาก จะมามัวเสียเวลากับคนแก
ค่ายทหารเจียงไห่ราชครูหลิวเดินวนไปมาอยู่ภายในกระโจมบัญชาการด้วยความร้อนใจอย่างที่สุด การหายตัวไปของหยางซานซิน เขาเองก็สงสัยมากพออยู่แล้ว ซ้ำเวลานี้ บุตรสาวก็ยังไร้วี่แววว่าจะกลับมา เขาจะทำอย่างไรดี“ท่านราชครู ท่านเสนาบดีและท่านแม่ทัพใหญ่กลับมาแล้วขอรับ”ฟึบ!ยังมิทันได้ก้าวออกไปด้านนอก ร่างสูงของเสนาบดีหนุ่มก็ก้าวเข้ามาพร้อมห่อผ้าสีดำขนาดใหญ่ ตามมาด้วยหยางซานซินที่มีรองแม่ทัพซ้ายคอยพยุงเอาไว้“เป่าชุน เจ้าจัดการให้เรียบร้อยตามที่ข้าบอก ห้ามให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด”“ขอรับท่านเสนาบดี ข้าจะรีบจัดการในทันที”“อะไรกัน มันเรื่องอะไรกัน ท่านเสนาบดี ท่านแม่ทัพใหญ่ เกิดอะไรขึ้น ละ…แล้วนี่...มันคือสิ่งใด”ราชครูหลิวถามคนทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงร้อนรนยิ่งนัก ก่อนจะชี้นิ้ว มายังสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเสนาบดีหนุ่มชูถงเดินไปยังด้านในโดยมีหยางซานซินเดินนำไปก่อน พร้อมทั้งกวาดสิ่งของทั้งหมดออกจากโต๊ะตัวใหญ่ของหยางซานหลาง ก่อนที่ชูถงจะวางห่อผ้าลงอย่างเบามือ“ท่านราชครู ข้าขอให้ท่านทำใจสักหน่อย อีกเรื่องก็คืออย่าได้แพร่งพรายถึงสิ่งที่อยู่ในห่อผ้านั่นออกไปให้ผู้ใดรับรู้อีกเป็นอันขาด มิใช่ข้าที
โม่คังสะบัดแส้รุนแรงขึ้น เพราะเวลานี้ พวกเขาถูกต้อนให้เข้าป่ามากขึ้นทุกที โม่คังลอบมองไปยังน้องชายและองค์หญิงแห่งจิ้งหนาน ซึ่งทั้งสองเองก็กำลังตึงมืออยู่มากไม่น้อยเคล้ง!ทวนสวรรค์ปะทะเข้ากับหอกเงินของเป่าชุน ความรุนแรงในการฟาดฟันของอาวุธทั้งสองทำให้ด้ามหอกและด้ามของทวนสวรรค์ต่างสะบัดสั่นไหวประหนึ่งอสรพิษเลื้อยหยางซานซินถอยกายเอนหลังพิงยังโคนต้นไม้ใหญ่ เวลานี้ เขาบาดเจ็บและหากเขามิรีบขับพิษออกจากร่างกาย อาจถึงขั้นสาหัสจนถึงชีวิตได้ มีดสั้นของเขาอาบยาพิษเอาไว้ มิคิดว่าจะเป็นเขาที่ถูกพิษร้ายเสียเอง หยางซานซินได้ล้วงเอายาแก้พิษออกมากิน ก่อนจะรวบรวมพลังวัตร เพื่อขับพิษร่วมไปด้วย หากรอเพียงออกฤทธิ์อาจทำให้อาการบาดเจ็บยืดเยื้อออกไปอีกเมี่ยวจ้านเองได้หันหลังให้กับคนรักและพี่ชายของเขาเหมือนกับว่าตอนนี้พวกเขาสามคนกำลังตกอยู่กลางวงล้อมของศัตรู ศึกนี้ดูจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว เมื่ออยู่ ๆ ก็มีตัวช่วยของหยางซานซินโผล่มากโดยมิทันคาดคิดตูม!อยู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้น พร้อมกลุ่มควันมากมาย เป่าชุนและชูถงพร้อมทหารทั้งหมดรีบเหินกายถอยออกจากกลุ่มควันอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้ดีว่าหากขืนยังอยู่จะเป็นพวกเขาเองที
“ชีวิตท่านคิดจะฆ่าลูก ๆ ของตัวเองให้สิ้นสกุลเลยหรืออย่างไร หยางซานซิน ในอดีตเมื่อข้ายังเยาว์วัย ท่านอาจว่องไวประดุจอินทรี แต่เมื่อข้าเติบใหญ่ ตัวท่านก็เริ่มแก่ชรา ไยมิรู้จักไปจำศีลในวัดวาอาราม จะมามัวถือดาบล้างสกุลตนเองและผู้อื่นเล่นอยู่ทำไมกัน”มือแกร่งของโม่คังกำลำคอหนาของแม่ทัพหยางเอาไว้แน่น มือข้างที่ถืออาวุธอยู่ก็มิอาจขยับได้ เพราะถูกแส้ทองของบุตรสาว พันธนาการเอาไว้เช่นกันหยางซานซินใช้มือข้างที่ยังว่างและไร้ซึ่งอาวุธพยายามแกะมือของชายสวมหน้ากากออกจากลำคอแกร่งของตนเอง“จะ…เจ้า แค่ก ๆ หมายความว่าอย่างไร เจ้าคือใคร”โม่คังคลายมือออกเล็กน้อยพอให้อีกฝ่ายส่งเสียงที่แหบแห้งออกมาได้ ดวงตาของทั้งคู่จ้องประสานกัน หนึ่งค้นหาความจริง อีกหนึ่งเย้ยหยันผู้ที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้รอดชีวิต การที่เขาสอดมือเข้าช่วยเมี่ยวจ้านนั้น มิใช่กลัวว่านางจะรับมือหยางซานซินมิได้ แต่เขาเกรงว่านางจะสังหารหยางซานซินเสียมากกว่า“คิดให้ดี ว่าท่านเคยทำแบบนี้กับใครบ้าง อืม ๆ ข้าจะใบ้ให้นิดหน่อย เผื่อจะเตือนความจำของท่านแม่ทัพใหญ่ได้บ้าง เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ”“ท่านพี่จะเสียเวลากับคนเช่นนี้ทำไมกันขอรับ ข้าจะบอกใบ้แทนท่าน
หยางซานซินยืดกายขึ้นตรง ก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังของบุตรสาว แม่ทัพใหญ่เกิดความรู้สึกผิดหวังปนขุ่นเคืองที่อยู่ ๆ บุตรสาวก็โผล่เข้ามาขัดขวางความสำเร็จของเขาเสียก่อน‘ในเมื่อเจ้าพยายามเสนอตัวเป็นลูกของข้า วันนี้ ข้าจะดูซิว่า เจ้าจะทำอย่างไรให้ข้ายอมรับเจ้าได้ บุตรสาวข้า’“หลีกทางพ่อเสีย…หรือเจ้าจะช่วยพ่อกำจัดศัตรูของครอบครัวเราก็จะเป็นการดีมิน้อย ลูกรัก”เมี่ยวจ้าวเอี้ยวตัวไปด้านหลังเล็กน้อย แค่เพียงให้มองเห็นชายหนุ่มทั้งสองซึ่งยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของนาง มุมปากของหญิงสาวคลี่ออกเล็กน้อย ก่อนจะขยิบตาข้างที่อยู่ฝั่งกับบุรุษทั้งคู่ เมี่ยวจ้านจึงหันกลับมาเผชิญหน้ากับบิดาผู้ให้กำเนิด แต่มิเคยต้องการนางเลย“เรื่องของพวกท่าน ข้ามิขอยุ่งเกี่ยว ข้าเพียงนำคำมารดามาแจ้งแก่ท่าน…บิดาข้า”หยางซานซินเหยียดริมฝีปากออกเล็กน้อย “หึ ๆ” พร้อมเสียงหัวเราะในลำคอเขารู้อยู่แล้วว่าคนอย่างบุตรสาวนั้นเป็นคนหัวแข็งเช่นมารดาของนาง การจะชักจูงให้มาอยู่ฝ่ายตนนั่นคงมิใช่เรื่องง่าย ซึ่งดูได้จากคำตอบของนางที่ดูจะเป็นกลางยิ่งนัก เหมือนกับนางไม่เลือกฝ่ายใด‘ฉลาดนักนะ ลูกสาวข้า’ หยางซานซินรู้สึกชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของบุตรส
เสียงอาวุธกระทบกันเป็นระยะ ฝีมือของคนชุดดำในความคิดของชายหนุ่มนั้นนับว่าสูงส่งทีเดียว แต่เหมือนกับว่าอีกฝ่ายพยายามออมมือให้แก่เขา ซึ่งตัวเขาเองก็กำลังทำเช่นเดียวกัน‘หากข้าให้โอกาสเขาแล้ว นับว่าเป็นเสมือนดาบสองคมสินะ!’“พี่ชาย…ข้ามิออมมือแล้วนะ แต่มีบางเรื่องที่ตัวข้าอยากเตือนสติท่านสักหน่อย หากท่านมิรอดจากคมกระบี่ข้า ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าคนข้างหลังของท่านจะรอดชีวิตเช่นกัน มิเคยมีสัจจะในหมู่คนพาล ไยมิทบทวนให้ดี ทุกอย่างเกี่ยวกับท่าน ข้าเพียงคาดเดา พี่ชาย”ไร้การตอบรับจากคนชุดดำ การต่อสู้ยังคงดุเดือดขึ้นตามลำดับ แต่ดูอย่างไร คนชุดดำก็ยังมิจริงจังกับการต่อสู้นี้สักที‘คิดจะจบชีวิตในคมดาบศัตรู แทนการสังหารศัตรูเช่นนั้นหรือ เพราะอะไรกัน…’ถงเหยียนเจี๋ยถึงกับงุนงงในการกระทำของคู่ต่อสู้ เขามิรู้ว่าจะคาดเดาไปในทิศทางใดได้อีกแล้ว ทำเพียงหาทางหยุดอีกฝ่ายลงให้ได้โดยมิให้ถึงชีวิต หากเป็นเช่นที่เขาคิด บางทีการต่อรองกับคนผู้นี้อาจส่งผลดีต่อพวกเขาก็เป็นได้ทางด้านโม่คังเหมือนกับว่าเวลาเล่นสนุกของเขาได้หมดลงแล้ว เมื่ออยู่ ๆ ผู้เป็นน้องชายได้ถูกไล่ต้อนให้ออกห่างจากเขาจนเริ่มจะมองไม่เห็นแล้ว ไหมทอ
“ท่านยังเร็วมิพอ แม่ทัพหยาง…ความชราของท่านมันคืออุปสรรคสินะ!”ชายหนุ่มพูดทั้งยังส่งเสียงหัวเราะในลำคอโดยจงใจให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย เพียงแค่ผ้าซึ่งคลุมปลายทวนหลุดออก เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ของตัวทวนที่มีลวดลายเฉพาะ โดยตัวเนื้อเหล็กกล้าเชื่อกับด้ามทวนนั้น ฝังไว้ด้วยอัญมณีล้ำค่าซึ่งมีเพียงคนเดียวที่ใช้ทวนนี้ได้‘ทวนสวรรค์’ทหารติดตามถึงกับดวงตาเบิกโพลงเมื่อมองเห็นทวนของชายหนุ่ม ความสับสนได้เกิดขึ้นภายในใจกันมิน้อย ว่าคนตรงหน้าคือตัวจริงหรือปลอมกันแน่ แต่ทั้งหมดก็ไร้โอกาสที่จะมองให้ชัดเจนกว่าเดิม เพราะจำต้องรับมือกับชายสวมหน้ากากซึ่งแม้จะไร้อาวุธแต่กลับรวดเร็วยิ่งนัก ซ้ำยังใช้เพียงมือเปล่ารับมือกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายหยางซานซินแม้จะต่อสู้อยู่กับโม่หยวนฟาง แต่ทุกครั้งที่การประมือของเขากับชายหนุ่มนั้นได้มีโอกาสหันไปยังด้านของคนสวมหน้ากาก เขาจะเห็นบางอย่างที่คุ้นเคย เสมือนเขาเคยพบเจอคนที่ใช้วิชาเช่นนี้มาก่อนหน้าแล้วเมื่อครั้งในอดีต“เสียเวลามากเกินไปแล้ว เด็กน้อย ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว”หยางซานซินปลดปล่อยพลังออกมาจนเกิดเสียงระเบิดอย่างรุนแรงรอบกายเขาและโม่หยวนฟาง ทางด้านอ๋องหนุ่มเองได้ตั้งรับอ