ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนสะท้อนจากกระจกในห้องน้ำ ขวัญรดาเขย่งเท้าขึ้นมาเพื่อจะเห็นร่างกายท่อนบนให้ชัดเจนขึ้น
“หนูอยู่ในนี้ใช่ไหม แม่ยังไม่บอกเรื่องของหนูให้ใครรู้ แต่อีกไม่นานหรอก แม่จะพาหนูไปรู้จักกับคุณตาคุณยาย พวกท่านจะต้องดีใจที่หนูมาแล้ว อ้อ! หนูยังมีคุณป้าคนสวยด้วยนะ”มือบางวางทาบบนหน้าท้องที่ยังแบนราบ เธอทักทายลูกน้อยด้วยการไล้วนรอบๆ ท้องอย่างที่ทำอยู่ทุกวันขวัญรดาเชื่อว่าชีวิตน้อยๆ ที่ก่อเกิดขึ้นมาสามารถรับรู้สิ่งที่เธอสื่อไปถึง เธอพูดคุยและสัมผัสลูกทุกวันตั้งแต่รู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ในท้องของเธอ “ส่วนพ่อของหนู...” ก้อนบางอย่างถูกกลืนลงในลำคอ ขวัญรดาส่ายหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป “พ่ออยู่กับเรา พ่ออยู่ใกล้ๆ เราทุกวัน แต่แม่ยังไม่บอกพ่อว่าแม่มีหนูแล้ว...แม่โกหกพ่อว่าแม่คุมกำเนิด แม่ไม่รู้ว่าถ้าพ่อรู้ความจริง เขาจะโกรธแม่ที่ปิดบังเขาหรือเปล่า”อยากบอกให้ลูกเข้าใจว่าเธอทำอย่างนี้เพราะยังไม่มั่นใจในตัวพ่อของลูก แต่ถ้าถามว่าเขาทำอะไรถึงทำให้เธอแคลงใจ ถึงตอนนี้เธอก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันมันอาจเป็นความเปราะบางข‘หนูเห็นแม่ แม่ตัวเปียกหมดเลย หนูเห็นจริงๆ นะจ๊ะป้า’‘แม่อาบน้ำเสร็จ แม่ก็ไปสวรรค์ค่ะ แม่ไม่หนาว เพราะแม่เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว แม่ของหนูยังมองหนูอยู่บนสวรรค์ทุกวัน แม่บอกให้ขวัญอยู่กับลุงและป้าใช่ไหมคะ เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ ขวัญต้องเป็นเด็กดีให้แม่ชื่นใจนะลูก’เด็กหญิงพยักหน้าหงึกๆ...เธอจำคำสั่งของแม่ได้ แม่บอกให้เธอรอลุงกับป้าอยู่ที่บ้านหลังนั้น ต่อมาลุงกับป้าก็ไปรับเธอมาอยู่ที่นี่ ที่บ้านหลังนี้มีพี่ภัสที่แสนใจดีอยู่อีกคน พี่ภัสเอาของเล่นมาให้เธอมากมาย แถมยังมีเสื้อผ้าชุดใหม่สวยๆ มาให้เธอใส่อีกด้วย“ขวัญจำได้...ขวัญจะอยู่กับลุงและป้า ขวัญจะอยู่กับพี่ภัส”เสียงพึมพำดังชัดเจนขึ้น คนที่คอยเงี่ยหูฟังยื่นมือไปกดสวิตช์โคมไฟตรงหัวเตียงให้ส่องสว่าง เขามองคนที่นอนอยู่ข้างกาย เธอยังหลับตาพริ้มขวัญนอนละเมอ...ติณณ์ได้ยินเสียงสะอื้นไห้คลอเสียงพูดพึมพำมาสักพักใหญ่ ในทีแรกคิดว่าขวัญรดารู้สึกตัวตื่น เขาจึงถามไปหลายรอบว่าเธอเป็นอะไรหรือต้องการอะไร แต่เธอยังพูดพึมพำจับใจความไม่ได้เหมือนเดิม นั่นแหละเขาจึงรู้ว่าเธอคงฝันแล
“ขวัญกลับมาแล้วค่ะ”ออราของความสุขพวยพุ่งมาตามสาย จนคนปลายสายอดที่จะขัดคอไม่ได้“เสียงระรื่นเชียวนะ แล้วยังไง เธอคืนบ้านให้เอเดนแล้วเหรอ”“ใช่ค่ะ ขวัญกับคุณติณณ์เคลียร์บ้านพักกันทั้งวัน ทำท่าจะไม่เสร็จเอาดื้อๆ คุณป้าเลยบอกให้ทิ้งไว้แค่นั้น แล้วจะให้คนงานไปทำต่อทีหลัง ขวัญกับคุณติณณ์เลยขนเสื้อผ้ากลับมาที่บ้านบางกรวย”“สรุปว่าเธอกลับมาคืนดีกับผัวแล้ว?”“เรียกว่าคืนดีได้ยังไง ขวัญกับเขาไม่เคยเลิกกันสักหน่อย”“เฮ้อ! นี่แหละน้า เขาถึงว่าอย่าออกตัวแรงกับเรื่องของผัวเมียเขา ฉันเคยบอกให้แม่ไปด่านายติณณ์ให้สำนึกไม่ทัน ดีนะที่แม่ไหวตัวทัน จัดไปแค่เบาๆ ไม่งั้นคงพากันเบรกแตกหน้าแหกทั้งคู่”“ขวัญไม่ปล่อยให้พี่ภัสกับแม่ต้องเป็นแบบนั้นหรอก”ขวัญรดาส่งเสียงอ้อน เพิ่งรู้นะว่ามีเรื่องอย่างนี้ด้วย ไม่เห็นติณณ์บอกเธอเลย“น้อยไปสิ”“พรุ่งนี้ขวัญจะไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านช่วงค่ำๆ พี่ภัสอยู่บ้านหรือเปล่าคะ”เพราะวันพรุ่งนี้เป็นทำงา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ภัส คุณติณณ์ได้ส่วนลดจากเจ้าของที่ดินมาพอสมควร ถือว่าเราได้ประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย ส่วนคุณติณณ์ก็เลิกแหย่พี่ภัสได้แล้ว และอย่าเอาเรื่องที่พี่ภัสบอกไปฟ้องคุณเอเดนนะ เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด”ขวัญรดารีบเข้ามาสงบศึก...คิดอยู่แล้วเชียวว่าสองคนนี้จะพูดจากันดีๆ ได้สักกี่คำ“หัดมองโลกในแง่ดีอย่างน้องสาวของเธอบ้างนะ”ติณณ์พูดลอยๆ ส่วนภัสสราก็คันปากยิบๆ...เธอมองโลกในแง่ร้ายตรงไหน ก็แค่ไม่อยากให้เขากับน้องสาวเสียผลประโยชน์ให้กับเศรษฐีหน้าใหม่อย่างเอเดนเท่านั้นเอง แต่ใครจะรู้ว่าเธอทำคุณบูชาโทษกันเล่า“คุณก็เลิกกัดพี่ภัสได้แล้ว พี่ภัสหวังดีกับคุณ”“สั่งสอนไปอีกยายขวัญ ให้ผัวของเธอสำนึกได้เสียทีว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ” คนอย่างภัสสราถนัดซ้ำเติมคนอื่นอยู่แล้ว“เคยได้ยินคำว่าผัวเมียถือเป็นคนคนเดียวกันไหมครับคุณภัสสรา” ติณณ์ย้อน ก่อนจะวิเคราะห์อย่างคนรู้ดี “เธอช่วยต่อราคารถให้เอเดน มันถือเป็นเรื่องธรรมดาของเธอ ยังไงก็ช่วยกันรักษาผลประโยชน์อยู่แล้ว ฉันกับขวัญถือเป็นคนนอก เราเข
ติณณ์ส่ายหน้า อยากบอกเธอว่าไม่เป็นไร แต่เขาพูดไม่ออก ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาของคนที่ได้รู้ตัวว่ากำลังจะเป็นพ่อคนกำลังเอ่อท้นออกมา จนภรรยาต้องหยิบกระดาษทิชชูมาซับออกให้ภัสสราดีใจที่ตัวเองจะมีหลาน แต่พอหันไปเห็นโหมดซึ้งของผัวหนุ่มเมียสาวแล้วเธอกลับทำหน้าไม่ถูก เพราะมันไม่ชิน อีกทั้งการได้เห็นคู่ปรับเก่ามีน้ำตาคลอหน่วยตา มันก็ทำให้เธอรู้สึกผิดคาด ชาตินี้ไม่คิดว่าจะเห็นภาพนี้ของเขา คนแข็งกระด้างอย่างนายติณณ์นี่นะเหรอจะมาเสียน้ำตาให้ใคร แต่มันก็เป็นไปแล้ว แถมยังเสียน้ำตาให้คนที่ยังไม่ได้เห็นหน้า...ตอนนี้หลานของเธอคงโตเท่าเม็ดถั่วเขียวอยู่ในพุงของน้องสาว“ฮะแฮ่มๆ” เรียกร้องความสนใจไปหนึ่งกรุบ แล้วพูดขึ้นมา ก่อนที่สองผัวเมียจะดึงดรามากันไปไกล “กินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว ส่วนขวัญก็กินเยอะๆ กินเผื่อหลานของฉันด้วย ไม่ต้องกลัวอ้วนแล้ว นาทีนี้เธออยากกินอะไรก็กิน เดี๋ยวฉันจะซื้อขนมเจ้าอร่อยไปให้เธอกินด้วย”คนที่ทำตัวได้ปกติมากที่สุดก็คงเป็นคุณวิจัยและคุณจงกล หญิงชายวัยกลางคนมองลูกเขยและลูกสาวคนเล็กนิ่งๆ ก่อนที่คนเป็นพ่อจะพูดขึ้นมา“ขวัญไปตรวจท้องกับ
“ขอให้จริงเถอะ”“ผมพูดจริง”“ขวัญรู้ คุณพูดเรื่องจริงทุกครั้ง แม้กระทั่งตอนที่ไม่ได้รักก็บอกว่าไม่รัก”“ตอนนี้รักขวัญ” ติณณ์ย้ำให้เธอเข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกของตัวเองการต้องอยู่โดยไม่รู้อะไรเลย ทั้งที่แบกความสงสัยไว้เต็มอก มันคงทรมานใจและอึดอัดใจสิ้นดี ที่ร้ายกว่านั้นมันอาจทำให้สถานการณ์บานปลาย เพราะอีกฝ่ายอาจจะคิดไปเอง ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นกับเขาและขวัญรดาแล้วติณณ์รู้ซึ้งดีแล้ว เขาไม่โทษใคร นอกจากโทษตัวเองที่ไม่แสดงความชัดเจนและไม่ยอมเปิดปากพูดให้เธอเข้าใจในเรื่องที่สงสัยเองความสุขของครอบครัวเป็นอย่างนี้เองหลังจากได้พบเจอสิ่งนี้จากบ้านของพ่อวิจัยและแม่จงกล ขวัญรดาก็ไม่คาดหวังว่าตนจะได้รับโชคเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นในช่วงแรกหลังจากแต่งงาน เธอถึงได้ไม่หวังว่าติณณ์จะมอบมันให้กับเธอ ขวัญรดาหวังเพียงว่าเธอและเขาอยู่ร่วมกันโดยไม่ทำร้ายจิตใจกัน เพราะเธอไม่อยากมีชีวิตเหมือนแม่แท้ๆ ของตัวเองทว่าในวันนี้ สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นเหนือจากความคาดหมาย หลังจากที่ทั้งสองหนุ่ม
ติณณ์ยิ้ม นั่นเป็นการแสดงความรักของแม่...แม่สะดวกแบบไหน เขาก็ยินดีรับแบบนั้น อีกทั้งยังถือเป็นเรื่องโชคดีสำหรับเขาที่ขวัญรดาไม่ใช่คนช่างเรียกร้อง ออกไปในทางเข้าใจอะไรได้ง่ายๆ เสียด้วยซ้ำ...หากตัดปัญหาเรื่องความไม่ชัดเจนที่เกิดจากตัวเขาเองมาตั้งแต่ต้น เรียกได้ว่าการอยู่กับขวัญรดานั้นช่างราบรื่น แทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ว่าที่ผ่านมาเขากับขวัญรดาเริ่มต้นกันมาอย่างไร แต่นับจากนี้เขาจะสร้างครอบครัวร่วมกับเธอ เขาจะมีผู้หญิงคนนี้คอยอยู่เคียงข้างติณณ์ภูมิใจที่เลือกคนไม่ผิด เขาแทบไม่ได้ใช้สมองและเหตุผลในการเลือกเธอเข้ามาในชีวิต...มีเพียงความรู้สึกและสัญชาตญาณนำทางไปเท่านั้น‘แคทหวังว่าพี่ติณณ์จะรู้ประวัติของว่าที่เจ้าสาวตัวเองดีแล้ว’‘ทำไมแคทพูดอย่างนี้ ขวัญก็เป็นญาติของแคทนะ’‘ไม่เคยเป็นค่ะ แคทเป็นญาติกับพี่ภัส แต่ไม่ได้เป็นอะไรกับขวัญ ถ้าพี่ติณณ์พูดอย่างนี้ก็แสดงว่ายังไม่รู้ที่มาที่ไปของเจ้าสาวตัวเอง ระวังจะเจอแมวย้อมสีนะคะ’คัทลียาบุกมาหาเขาถึงห้องทำงานหลังจากที่เขาประกาศว่าจะแต่งงานกับขวัญรดา ทั้งที่เขากับเธอเลิกรา
“กว้างไปค่ะ” คำตอบช่างไม่คุ้มกับเวลาที่รอคอยนานนับนาที “เรามองอนาคตไม่เหมือนกัน แถมระยะหลังเวลาผมมองแคท ผมก็คอยแต่นึกถึงแม่ของผม มันไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงทั้งสองคนหรอก แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองคงหาความอบอุ่นหรือที่พักใจจากพวกเธอได้ยาก...ผมเคยถามแคทถึงภาพในอนาคต ตอนนั้นผมกับแคทยังคบหากันดี ขวัญต้องรู้ว่าผมรวบรวมความกล้ามากแค่ไหนถึงกล้าถามคำถามนี้ออกไป เพราะผมเองก็มีธงในใจวางไว้แล้ว” ขวัญรดารับฟังนิ่งๆ พยายามไม่ตัดสินคนรักเก่าของเขาเร็วเกินไป เธอวางอคติลง เพราะอยากเข้าใจเรื่องราวของเขาให้ถ่องแท้ “แคทเรียนจบมาจากต่างประเทศ ได้ตำแหน่งนางงามมาครอง และตอนนั้นเธอเพิ่งพ้นหน้าที่หลังจากการครองตำแหน่งมาเป็นเวลาหนึ่งปี มีข้อเสนอดีๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาให้เธอเลือก ขวัญคงเดาได้ว่าแคทเลือกอะไร ผมเข้าใจแคทได้ แต่พอผมถามแคทว่ามีภาพของครอบครัวเรายังไง แคทหัวเราะ เธอหาว่าผมบ้า เธอไม่เคยมีภาพนั้นในหัว ยังไม่รู้เลยว่าตัวเธอเองจะเดินไปถึงจุดนั้นหรือเปล่าด้วยซ้ำ” “มันก็ไม่มีใครผิด คุณแคทมีต้นทุนชีวิตที่สูง เธอเติบโตมาดี มีรูปสมบัติและความสามารถครบ เธอจึงมีสิทธิ์เลือก เชื่อว่าเธอมั่นใจ
“ภัสแค่สวยมากและมีความสามารถพอตัวน่ะ”เจ้าตัวให้เหตุผลที่คิดว่าเป็นเรื่องจริงที่สุดแล้ว หากคนฟังได้ทำหน้าเหม็นเบื่อ“ดีทุกอย่าง แต่เสียอย่างเดียว ชอบชมตัวเองให้ฉันหมั่นไส้”“ทำไมเราต้องรอให้คนอื่นชมด้วยล่ะ ถ้าอยากได้คำชมให้ชีวิตสดใส เราก็จัดให้ตัวเองเลย”เหตุผลดี๊ดีตามวิถีของผู้หญิงมั่นในยุคสมัยนี้“คนอื่นยังจำเป็นสำหรับเธอไหม”เมื่อเจ๊หวานถาม ใบอ้อก็ไม่พลาดที่ตอบ“ไม่ต้องแล้วมั้ง”“ฉันเห็นอนาคตของภัสสรารำไร คงอยู่ในวงการบันเทิงไปยาวๆ แล้วโหนคานต่องแต่ง ปล่อยให้ดารารุ่นเดียวกันออกเดตกับนักธุรกิจนอกวงการบ้าง ไฮโซตัวพ่อบ้าง ส่วนตัวเองก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่สนใจใคร”ภัสสราหัวเราะขำกับคำวิจารณ์ของช่างแต่งหน้าที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนร่วมก๊วน...ไม่อยากบอกเลยว่าเธอก็มองเห็นภาพตัวเองไม่ต่างจากนี้แหละวันนี้บ้านสองชั้นที่แสนร่มรื่นซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ได้ต้อนรับคุณจรุงจิตต์ผู้เป็นภริยาของปลัดกระทรวงกับลูกสาว หลังจากพวกเธอห่างหายไปจากบ้านหลังนี้นาน
สองหนุ่มสาวก้าวขึ้นมาบนสำนักงานเขตด้วยท่าทางเร่งรีบ พวกเขากลายเป็นจุดสนใจของประชาชนที่มาใช้บริการกันอย่างเนืองแน่น เพราะความสวยหล่อและความมีชื่อเสียงของคนทั้งคู่ อีกทั้งไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เจอพวกเขาในสถานที่แห่งนี้ภัสสรากวาดสายตามองหาน้องสาว เมื่อเกือบชั่วโมงก่อน เธอได้รับสายจากเจ้าตัวว่าขอให้มาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรส ภัสสราจึงตามมาเมื่อเห็นว่ามีช่วงเวลาว่างมากพอ หากเมื่อคนที่อยู่ใกล้ๆ รู้เรื่องเข้า เขาก็อาสามาเป็นพยานด้วยอีกคน โดยที่ไม่มีใครร้องขอเขาเลยเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ...ภัสสราอยากป่าวประกาศให้เจ้าของสายตาหลายคู่ที่มองมาแล้วหันไปซุบซิบได้เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เธอกับเขาเข้ามาในแผนกจดทะเบียนสมรสในเวลาใกล้เที่ยงของวันนี้“พี่ภัสทางนี้ค่ะ” เสียงของขวัญรดาทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง ก่อนจะตรงปรี่ไปหาคนท้องที่นั่งบนเก้าอี้รอคิวหน้าห้องทำการ“ใกล้จะถึงคิวขวัญพอดี ขอบคุณคุณเอเดนที่เสียสละเวลามาเป็นพยานให้ขวัญกับคุณติณณ์ด้วยนะคะ ฉุกละหุกหน่อยค่ะ ขวัญกับคุณติณณ์มาถึงที่นี่แล้วถึงได้รู้ว่าเราต้องมีพยานมาด้วย ขวัญเลยต้องโทร.ไปบอกพ
“แซ่บมากค่ะคุณขา อดีตนางงามตัวเต็งมงใหญ่ที่กำลังจะได้รับบทนางเอกในละครฟอร์มยักษ์ทำท่าจะเดินเกมพลาดแล้ว ตอนเช้าบอกว่ากำลังคุยกับผู้ชายที่เป็นคนกึ่งวงการบันเทิงและเป็นนักธุรกิจด้านโรงแรมและห้างสรรพสินค้า เจ๊ฟังแล้วก็รู้สึกตงิดๆ กับโพรไฟล์ที่แสนเพียบพร้อมนี้ เพราะนึกออกอยู่คนเดียว...แต่มันก็ไม่น่าเป็นไปได้”“ทำไมหรือคะเจ๊ ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ หรือว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเหมือนพวกเรา”พิธีกรชายที่มีใจเป็นหญิงในรายการเมาท์ข่าวคนบันเทิงพูดจารับส่งกันอย่างลื่นไหล“ไม่ใช่ค่ะ เขาแมนทั้งแท่งนี่แหละ แมนขนาดการันตีด้วยเมียหนึ่งคนกับลูกชายที่อยู่ในท้องเมียอีกหนึ่งคน”“เมียเผลอแล้วเจอนางงามหรือคะ”“อันนี้เจ๊ก็ไม่รู้นะว่าเมียเผลอหรือเปล่า แต่ข่าวล่าสุดผู้ชายก็โต้กลับมาแล้วว่าขาเตียงของเขากับเมียยังแข็งแรงดี เขานอนกอดเมียอยู่ทุกคืน ทำงานเสร็จก็กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน วันหยุดก็ขลุกอยู่บ้านกับลูกเมีย เขาไม่มีวันออกนอกลู่นอกทาง เพราะเขารักเมียมาก”“อ้าว! แล้วเมื่อเช้าที่นางงามบอกว่ามีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน มันก็แสดงว
ห้องทำงานของติณณ์ได้ต้อนรับสาวสวยที่แวะมาหาสัปดาห์ละสามวัน หรือพูดได้ว่าเธอมาทุกวันที่เขาเข้ามาทำงาน แรกทีเดียวเลขาฯ ก็พยายามสกัด แต่กลับไม่เป็นผล เมื่ออีกฝ่ายใช้วิธี ‘บังเอิญพบ’ เขาบริเวณชั้นจอดรถหรือแม้กระทั่งในลิฟต์...สุดท้ายเจ้าหล่อนก็เดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับเขา โดยที่เลขาฯ หน้าห้องได้แต่มองตามตาปริบๆ“สรุปว่ายังไง? แบบนี้หมายถึงคุณติณณ์อนุญาตให้คุณแคทเข้าห้องทำงานเองใช่ไหม”สาวสวยมากความสามารถ อีกทั้งยังมีอัธยาศัยดี...ตอนแรกเธอก็ชอบอยู่หรอกนะ แต่พอมาคิดอีกที เจ้านายของเธอไม่ใช่ผู้ชายโสด เขามีเมียแล้ว แถมเมียก็กำลังท้องอยู่ด้วย การมีผู้หญิงเทียวมาหาอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน...ยิ่งเธอต้องเห็นทุกครั้ง มันก็พานให้รู้สึกอึดอัดใจเมียของเขายังไม่มาเลย แต่แฟนเก่ามาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น มันชักจะยังไงๆ แล้วนะ แบบนี้เรารายงานเรื่องนี้กับใครได้บ้างไม่ต้องมีใครรายงาน...คุณจงกลก็รับรู้การเคลื่อนไหวของคัทลียาตั้งแต่วันแรกที่เจ้าตัวมาหาติณณ์ เรื่องแบบนี้มันแพร่สะพัดดีนักเชียว แต่หากคิดว่านางลำบากใจที่จะตักเตือนทั้งสองคนซึ่งอยู่ในฐานะลูกเขย
ขวัญรดาเดินไปชะเง้อมองแปลงที่ดินข้างบ้าน วันนี้รั้วคาวบอยสร้างเสร็จแล้ว เธออยากเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ติดตรงที่ติณณ์กำชับไว้ว่าในช่วงที่ยังมีการก่อสร้าง ห้ามเธอเข้าไปในนั้นโดยไม่มีเขาอยู่ด้วย“หกโมงเย็นแล้ว แต่พ่อยังไม่กลับบ้านเลย ไม่รู้ว่าพ่อประชุมเสร็จหรือยัง”มือบางลูบท้องพลางรำพัน พลันรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของคนในท้อง หญิงสาวยิ้มออกมา“คิดถึงพ่อเหรอ เราโทร.ไปหาพ่อกันไหม” เธอถาม...คาดหวังจะได้รับสัญญาณตอบกลับจากลูกน้อย แต่คราวนี้ลูกนิ่งเงียบ “ว่ายังไงแตงโม หนูจะให้แม่โทร.ไปหาพ่อหรือเปล่า แต่ถ้าพ่อยังประชุมอยู่ มันจะกลายเป็นว่าเราไปรบกวนเวลาของพ่อหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ”อยากรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน อยากจะโทร.ไปหาเขา แต่เธอพยายามบังคับตัวเองไว้ บอกให้ตัวเองรอเขาอยู่ที่บ้านหญิงสาวทอดฝีเท้าเอื่อยกลับเข้าไปในบ้าน พลันเห็นสาวใช้เดินตรงมาหา พร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอมาให้...“คุณภัสสราโทร.มาค่ะ เมื่อกี้หนูหาคุณขวัญไม่เจอ สายเพิ่งตัดไปค่ะ”รอยยิ้มจางหาย ทีแรกคิดว่าติณณ์จะโทร.มาเสียอีกขวัญร
ติณณ์แวะไปหาพ่อที่ห้องทำงาน ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีหลาน พ่อก็ออกอาการเห่อหลานอย่างออกนอกหน้า‘หลานของฉันเป็นยังไงบ้าง แข็งแรงดีไหม แล้วจะคลอดเมื่อไรนะ’‘แข็งแรงดีครับ หมอยังชมเลย อีกสามเดือนก็คลอดแล้ว’‘ว่าแต่ช่วงนี้แกเข้ามาทำงานเกือบทุกวันเลยนะ ฉันบอกแล้วว่าถ้าแกมีลูก แกจะมีเป้าหมายชีวิตมากขึ้น’‘ความคิดของพ่อล้าสมัยจริงๆ’‘แต่มันยังใช้กับแกได้’ติณณ์ยิ้มกับตัวเอง คิดจะเถียงพ่อ แต่เถียงไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าทุกวันนี้ที่เขาใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น โดยเข้ามาดูแลงานของครอบครัวบ่อยครั้งขึ้น จัดเวลาให้ทั้งสองงานได้อย่างสมดุลจนไม่ได้ยินเสียงบ่นของพ่อแล้ว เป็นผลมาจากการที่เขามีเจ้าแตงโมเข้ามาในชีวิตหรือเปล่า“ไม่นะ ไม่น่าจะใช่...”พยายามจะค้าน แต่กลับไม่มั่นใจในคำตอบของตัวเองเสียอย่างนั้น พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ติณณ์เงยหน้าขึ้นไปมอง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับประตูถูกเปิดผลัวะเข้ามา“สวัสดีค่ะพี่ติณณ์ แคทมาทำธุระแถวนี้ นึกถึงพี่ติณณ์ก็เลยแวะมาหา”
หากวันเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน รายการของติณณ์ที่เคยอยู่ในสภาพร่อแร่กลับมาผงาดขึ้น แถมยังมีแนวโน้มว่ามันอาจจะดังมากกว่าตอนที่เธอเคยทำร่วมกับเขาเสียอีกนั่นเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คัทลียาตัดสินใจยกเลิกสัญญาการเป็นนางแบบที่นิวยอร์ก เธอไม่อยากปล่อยให้เวลาชีวิตสูญเปล่าโดยที่ไม่เห็นความหวัง เธอควรกลับมาเมืองไทย เพราะโอกาสยังเปิดรอเธออยู่“พี่ติณณ์แต่งงานทำไม”เรื่องนี้ยังติดอยู่ในใจ แต่ก่อนหน้านี้คัทลียาไม่เคยหยิบมาพูดถึง เพราะเธอคิดว่ามันไร้ค่าเกินกว่าจะเสียเวลาไปสนใจ...“คุณพฤกษ์ต้องการให้คุณติณณ์แต่งงานก่อนจะรับโอนหุ้นของบริษัท คุณพฤกษ์ต้องการมั่นใจว่าเขาจะมีทายาทสืบสกุลและสืบทอดธุรกิจต่อไป คุณติณณ์เลยประกาศแต่งงานกับเด็กคนนั้น”“พี่ติณณ์ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้แคทรู้ เขาเคยถามแคทเรื่องการแต่งงานและการมีครอบครัว...แต่ตอนนั้นแคทรู้สึกว่ามันตลกเกินไป แคทกับพี่ติณณ์ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ แถมแคทก็เพิ่งได้รับโอกาสในการทำงาน”ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่าเวลาเพียงปีกว่าสามารถบ่มเพาะผู้ชายคนหนึ่งให้เติบโตอย่างมั่นคงและดูดี
“มานี่มา…จุ๊บแตงโมทีหนึ่ง”คนที่เดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพเหงื่อไหลซ่กทั้งตัวกวักมือเรียกคนในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงขายาวผ้ายืดให้เดินมาหา เจ้าหล่อนก็แสนน่ารัก รีบปรี่ตรงไปอย่างไม่รอช้าติณณ์โอบกอดภรรยา แล้วก้มลงจูบท้องนูนๆ ของเธอ วันนี้ขวัญรดามีอายุครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เห็นท้องป่องชัดเจนขึ้น หากแขนขาของเธอยังเรียวเล็ก แทบไม่มีส่วนใดเปลี่ยนแปลงนอกจากหน้าท้อง...น้ำหนักที่หมอสั่งควบคุมไม่ให้เกินเดือนละสองกิโลกรัม เธอก็ทำได้อย่างดี ตอนนี้สุขภาพของแม่และลูกก็แข็งแรง ซึ่งเป็นที่น่าพอใจสำหรับคุณหมอ“รั้วคาวบอยเป็นยังไงบ้างคะ”“ช่างบอกว่าอีกสองวันก็เสร็จแล้ว”พื้นที่เกือบสองไร่ที่ได้มาใหม่กำลังจะถูกล้อมรั้ว ขวัญรดามีความฝันอยากมีทุ่งหญ้าที่ถูกห้อมล้อมด้วยรั้วคาวบอย เธอจดจำภาพนั้นมาตั้งแต่เด็กเมื่อคราวครอบครัวไปพักผ่อนที่เขาใหญ่ พอถึงวันนี้เธอจึงอยากสร้างรั้วคาวบอยไว้ในอาณาจักรเล็กๆ ของตัวเอง“ดีเลยค่ะ ขวัญทำผังไว้แล้วว่าตรงไหนจะปลูกผักอะไร พอช่างทำรั้วเสร็จ ขวัญจะให้คนงานทำโรงเรือนปลูกต้นไม้และกระบะปลูกผักไว้ให้ขวั
“ภัสแค่สวยมากและมีความสามารถพอตัวน่ะ”เจ้าตัวให้เหตุผลที่คิดว่าเป็นเรื่องจริงที่สุดแล้ว หากคนฟังได้ทำหน้าเหม็นเบื่อ“ดีทุกอย่าง แต่เสียอย่างเดียว ชอบชมตัวเองให้ฉันหมั่นไส้”“ทำไมเราต้องรอให้คนอื่นชมด้วยล่ะ ถ้าอยากได้คำชมให้ชีวิตสดใส เราก็จัดให้ตัวเองเลย”เหตุผลดี๊ดีตามวิถีของผู้หญิงมั่นในยุคสมัยนี้“คนอื่นยังจำเป็นสำหรับเธอไหม”เมื่อเจ๊หวานถาม ใบอ้อก็ไม่พลาดที่ตอบ“ไม่ต้องแล้วมั้ง”“ฉันเห็นอนาคตของภัสสรารำไร คงอยู่ในวงการบันเทิงไปยาวๆ แล้วโหนคานต่องแต่ง ปล่อยให้ดารารุ่นเดียวกันออกเดตกับนักธุรกิจนอกวงการบ้าง ไฮโซตัวพ่อบ้าง ส่วนตัวเองก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่สนใจใคร”ภัสสราหัวเราะขำกับคำวิจารณ์ของช่างแต่งหน้าที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนร่วมก๊วน...ไม่อยากบอกเลยว่าเธอก็มองเห็นภาพตัวเองไม่ต่างจากนี้แหละวันนี้บ้านสองชั้นที่แสนร่มรื่นซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ได้ต้อนรับคุณจรุงจิตต์ผู้เป็นภริยาของปลัดกระทรวงกับลูกสาว หลังจากพวกเธอห่างหายไปจากบ้านหลังนี้นาน
“กว้างไปค่ะ” คำตอบช่างไม่คุ้มกับเวลาที่รอคอยนานนับนาที “เรามองอนาคตไม่เหมือนกัน แถมระยะหลังเวลาผมมองแคท ผมก็คอยแต่นึกถึงแม่ของผม มันไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงทั้งสองคนหรอก แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองคงหาความอบอุ่นหรือที่พักใจจากพวกเธอได้ยาก...ผมเคยถามแคทถึงภาพในอนาคต ตอนนั้นผมกับแคทยังคบหากันดี ขวัญต้องรู้ว่าผมรวบรวมความกล้ามากแค่ไหนถึงกล้าถามคำถามนี้ออกไป เพราะผมเองก็มีธงในใจวางไว้แล้ว” ขวัญรดารับฟังนิ่งๆ พยายามไม่ตัดสินคนรักเก่าของเขาเร็วเกินไป เธอวางอคติลง เพราะอยากเข้าใจเรื่องราวของเขาให้ถ่องแท้ “แคทเรียนจบมาจากต่างประเทศ ได้ตำแหน่งนางงามมาครอง และตอนนั้นเธอเพิ่งพ้นหน้าที่หลังจากการครองตำแหน่งมาเป็นเวลาหนึ่งปี มีข้อเสนอดีๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมาให้เธอเลือก ขวัญคงเดาได้ว่าแคทเลือกอะไร ผมเข้าใจแคทได้ แต่พอผมถามแคทว่ามีภาพของครอบครัวเรายังไง แคทหัวเราะ เธอหาว่าผมบ้า เธอไม่เคยมีภาพนั้นในหัว ยังไม่รู้เลยว่าตัวเธอเองจะเดินไปถึงจุดนั้นหรือเปล่าด้วยซ้ำ” “มันก็ไม่มีใครผิด คุณแคทมีต้นทุนชีวิตที่สูง เธอเติบโตมาดี มีรูปสมบัติและความสามารถครบ เธอจึงมีสิทธิ์เลือก เชื่อว่าเธอมั่นใจ