ฟู่หยุนชิงซื้ออาหารก่อนเข้าห้องพักของเธอในวันนี้พร้อมรอยยิ้ม เธอรอพรุ่งนี้ก็จะรู้แล้วว่ารายได้ทั้งหมดจากละครเรื่องแรกที่เธอแสดงเป็นตัวร้ายนั้นจะได้มากแค่ไหน นับว่าเธอคิดไม่ผิดที่ยังคงทำอาชีพเดิมของร่างเดิมอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถสะสมเงินได้ไวเช่นนี้เป็นแน่ในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ฟู่หยุนชิงนั่งกินอาหารที่ซื้อกลับมาด้วยอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งสะสมลมปราณอย่างสบายใจ ที่คืนนี้เธออยากสะสมลมปราณก็เพราะตลอดหนึ่งเดือนในการถ่ายทำนั้น ฟู่หยุนชิงต้องถ่ายทำทุกวัน เธอยังต้องซักเสื้อผ้าในตอนกลางคืนแทนการซักในตอนกลางวันเนื่องจากไม่มีเวลานั่นเอง เธอจึงเลือกที่จะไม่สะสมลมปราณในช่วงที่การถ่ายทำยังไม่จบสิ้น อีกอย่างคือลมปราณธรรมชาติที่นี่มีจำนวนน้อยแสนน้อย ฟู่หยุนชิงจึงไม่คิดมากเรื่องการสะสมลมปราณมากนัก อย่างไรตอนนี้เธอก็มีลมปราณถึงขั้นสามอยู่แล้ว ช่วงสายวันต่อมาหลังจากฟู่หยุนชิงกินอาหารและซักผ้าเสร็จแล้ว เสียงเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฟู่หยุนชิงรีบไปดูว่าใช่ยอดเงินเข้าของละครที่เธอเล่นตามที่ทีมงานบอกเอาไว้หรือไม่ ฟู่หยุนชิงเปิดโ
เมื่อลิฟท์เปิดออก ฟู่หยุนชิงรีบเดินไปที่ป้ายบริษัทเจิ้งกั๋วทันที เธอสอบถามพนักงานต้อนรับของบริษัทเหมือนที่เคยทำ พนักงานพอรู้ว่าเธอมาคัดเลือกนักแสดงก็ส่งเอกสารให้เธอกรอกข้อมูลส่วนตัวเหมือนครั้งก่อน ฟู่หยุนชิงกรอกเอกสารไม่นานนักก็ส่งกลับให้พนักงาน พนักงานตรวจสอบสักครู่ก่อนจะบอกให้ฟู่หยุนชิงเดินไปที่หน้าห้องอีกด้านหนึ่งเพื่อรอการคัดเลือกตอนเก้าโมงเช้า ฟู่หยุนชิงมองไปตามมือที่พนักงานชี้บอกแล้วจึงขอตัวไปที่นั่นทันที เธอไม่รู้ว่าวันนี้จะมีคนมาคัดเลือกเยอะมากหรือไม่ แต่อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่ต้องเข้าคัดเลือกหรอกนะ ฟู่หยุนชิงเดินไปถึงที่นั่นแล้วจึงพบว่ามีนักแสดงมาถึงก่อนหน้าเธอแล้วเกือบสิบคน ดีที่เธอยังมาถึงในเวลาไม่สายมากเกินไปนัก เธอจำหวงเหมยหงที่เคยแสดงหนังกับเธอในครั้งก่อนได้ ฟู่หยุนชิงไม่คิดว่าหวงเหมยหงจะมาแคสติ้งบทนี้เช่นเดียวกับเธอ หวงเหมยหงที่เห็นฟู่หยุนชิงมาที่นี่เช่นกันก็ได้แต่เบ้ปากอย่างเหยียดหยาม เธอกล่าวกับฟู่หยุนชิงเหมือนกับตัวเองเหนือกว่าฟู่หยุนชิงมากมายนักด้านการแสดง“อย่างเธอยังกล้ามาแคสติ้งบทยาก ๆ แบบนี้ด้วยเหรอฟู่หยุนชิง อย่าคิดนะ
กรรมการเมื่อเห็นว่าฟู่หยุนชิงพร้อมแล้วจริง ๆ พวกเขาก็พยักหน้าให้เธอลองแสดงได้เลย พวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่านักแสดงหญิงคนนี้จะตีความบทบาทที่ได้รับออกมาได้ดีเพียงใด ฟู่หยุนชิงใช้บทที่ได้รับมาแทนกระบี่ จากนั้นเธอก็ร่ายรำกระบี่ไปตามที่ใจนึก ทุกท่วงท่าไม่มีผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย มันทั้งสวยงามและอ่อนช้อยมากจริง ๆ แถมในช่วงท้ายของการร่ายรำกระบี่ยังรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของการฟาดฟันกระบี่อีกด้วย หลังจบกระบวนท่าแล้ว ฟู่หยุนชิงก็คำนับคณะกรรมการทั้งสามคนและบอกว่าเธอตีความบทบาทการแสดงเป็นเช่นนี้ ไม่ทราบว่าคณะกรรมการคิดเห็นเช่นไร หรือมีสิ่งใดต้องปรับปรุงบ้างก็สามารถบอกเธอได้เลย กรรมการทั้งสามคนที่ยังคงตกตะลึงก็ได้สติขึ้นมาเมื่อฟู่หยุนชิงพูดสอบถามพวกเขานั่นเอง กรรมการทั้งสามต่างปรบมือให้ฟู่หยุนชิงอย่างถูกอกถูกใจ พวกเขาบอกฟู่หยุนชิงว่าไม่มีอะไรจะต้องปรับปรุงเลยแม้แต่น้อย และเธอแสดงได้ดีมาก
เมื่อกลับถึงหอพักแล้ว ฟู่หยุนชิงนำบทมาอ่านดูคร่าว ๆ คราวนี้เธอมีเวลามากถึงสองสัปดาห์ในการเตรียมตัวแสดงบทใหม่นี้ เท่าที่เจ้าหน้าที่บอกเธอมาที่การถ่ายทำต้องล่าช้าก็เพราะต้องเตรียมประสานงานเรื่องสถานที่ถ่ายทำที่เมืองโบราณนั้นล่าช้าตามระบบราชการ ไหนจะเรื่องนักแสดงสมทบและตัวประกอบที่ทีมงานยังจัดการไม่ครบอีก จึงทำให้ฟู่หยุนชิงมีเวลาที่จะอ่านบทและทดลองแสดงถึงสองสัปดาห์เช่นนี้ หลังอ่านบทแล้วฟู่หยุนชิงก็อาบน้ำเข้านอนอย่างสบายใจ คราวนี้เธอน่าจะเก็บเงินได้อีกก้อนหนึ่ง หากการถ่ายทำเสร็จสิ้นลง ฟู่หยุนชิงก็จะก้าวเข้าใกล้ความฝันที่จะมีเงินซื้อคอนโดสักห้องหนึ่งแล้ว รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงรีบไปซื้ออาหารเช้ามาเช่นเคย หลังจากวันนี้ไปจนกว่าจะถึงวันนัดถ่ายทำ ฟู่หยุนชิงจะต้องศึกษาบทและทดลองแสดงให้ดีเหมือนที่เคยซ้อมแสดงกับละครเรื่องก่อนหน้านี้ ฟู่หยุนชิงรู้ดีว่าร่างเดิมไม่มีทักษะด้านการแสดงมากนัก ตอนนี้เธอเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ฟู่หยุนชิงจึงยิ่งต
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารซึ่งทีมงานบอกเอาไว้ก่อนหน้าแล้วว่าอาหารเช้าที่นี่ฟรี ส่วนมื้ออื่น ๆ ทีมงานจะจัดหาให้กับนักแสดงเอง เมื่อไปถึงห้องอาหารแล้ว ฟู่หยุนชิงที่ว่าตัวเองมาเช้าแล้ว แต่กลับไม่เช้ากว่าทีมงานจำนวนมากที่ออกไปเตรียมฉากสำหรับถ่ายทำตั้งแต่ก่อนรุ่งสางแล้ว พวกเขาเพิ่งพากันกลับมาทานอาหารแล้วจะไปทำงานที่เหลืออีกนิดหน่อยต่อ ฟู่หยุนชิงทักทายทุกคนพร้อมรอยยิ้มการค้าของเธอ จากนั้นจึงไปตักอาหารแล้วหาโต๊ะนั่งกินคนเดียวอย่างไม่สนใจว่าใครจะมองเธออย่างไร เธอเคยชินกับการอยู่คนเดียวมาเนิ่นนานแล้ว หากไม่ใช่คนที่เธอไว้ใจ อย่างไรฟู่หยุนชิงก็ไม่อยากจะยุ่งกับคนอื่นมากนัก หลังฟู่หยุนชิงนั่งเรียบร้อยแล้ว เธอก็มองเห็นนักแสดงหลายคนเดินมาเริ่มตักอาหารแล้วไปนั่งกินเช่นเดียวกัน นับว่านักแสดงในครั้งนี้ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีไม่น้อย ฟู่หยุนชิงไม่
เมื่อไปถึงหน้าผู้กำกับที่เรียกหาเธอแล้ว ฟู่หยุนชิงรอฟังว่าผู้กำกับมีอะไรจะสั่งเธอ เพราะตอนนี้ก็นับว่าสายนิดหน่อยแล้วแต่ทีมงานยังไม่มีการเริ่มถ่ายทำเลย ปรากฏว่าผู้กำกับบอกให้เธอพอแล้วกับการสอนนักแสดงคนอื่น เขาเองก็มองอยู่ตลอดว่าใครทำตามฟู่หยุนชิงได้ดีบ้าง เขาปรับเปลี่ยนบทในฉากให้ออกมาเป็นฟู่หยุนชิงซ้อมกระบี่คนเดียวที่หลังเขาของสำนักแทนแล้ว ฟู่หยุนชิงพอฟังผู้กำกับแล้วก็พยักหน้าให้ว่าเธอเข้าใจแล้วและพร้อมที่จะถ่ายทำเช่นเดียวกัน ไม่นานนักผู้กำกับก็ให้ทีมงานยกกล้องกับมอนิเตอร์ไปที่เนินแห่งหนึ่งซึ่งมีทิวทัศน์เหมือนอยู่หลังเขาจริง ๆ ฟู่หยุนชิงนับถือทีมงานมากที่พวกเขาช่างสรรหาฉากที่เหมือนกับบทในหนังได้ดี ฟู่หยุนชิงถือกระบี่เดินตามทุกคนไปอย่างไม่ชักช้า ไม่นานนักทีมงานก็ลองเช็คกล้องให้กับผู้กำกับและจอมอนิเตอร์ เมื่อพบว่ากล้องพร้อมแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เข้าไปยืนในตำแหน่งตรงกลางของเนินเพื่อร
วันแรกนี้ฟู่หยุนชิงอยู่ถ่ายทำถึงสามทุ่มจึงได้กลับโรงแรมพร้อมทีมงาน พรุ่งนี้เธอก็ยังมีซีนถ่ายทำอีกเช่นเคย ฟู่หยุนชิงยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจที่ทุกซีนเธอจะได้ซีนละสองหมื่นเหรียญ ทำให้ฟู่หยุนชิงมีกำลังใจที่จะทำงานหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดีที่สุดตามบทบาทที่ได้รับ ผู้กำกับเองยังพูดกับเพื่อนร่วมงานด้วยว่าฟู่หยุนชิงเก่งมากในการแสดง ทำไมเขาไม่เคยได้ยินชื่อเธอมาก่อน บรรดาเพื่อนร่วมงานระดับผู้ช่วยผู้กำกับต่างก็มึนงงเช่นกัน เท่าที่รู้มาคือฟู่หยุนชิงนั้นเป็นนักแสดงไม่มีสังกัด นี่เลยเป็นเหตุผลให้เธอไม่โด่งดังเท่าดาราคนอื่นกระมัง ทุกคนต่างแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งพวกเขาเห็นฟู่หยุนชิงตั้งใจทำงานอย่างไม่แสดงความเหน็ดเหนื่อยเหมือนนักแสดงคนอื่น ๆ ด้วยแล้ว พวกเขายิ่งคิดว่าหนังเรื่องนี้จะต้องดังอย่างแน่นอนเมื่อมีฟู่หยุนชิงแสดงเป็นนางรอง รุ่งเช้าวันต่อมาทุกคนต่างตื่นกันแต่เช้า เนื่องจากซีนแรกของวันนี้นั้น ผู้กำกับต้องการแสงพระอาทิตย์สวย ๆ พวกเขาจึงไ
เฟิงเหยาผู้จัดการของลี่ลี่รู้ว่าวันนี้จะมีฉากโหนสลิงของฟู่หยุนชิง เธอตื่นแต่เช้าพร้อมทีมงานโดยอ้างว่ามาดูสถานที่ให้กับดาราของเธอก่อนที่จะกลับไปรับมาที่นี่ ทีมงานจึงไม่มีใครสงสัยว่าเฟิงเหยาจะตัดสายสลิงหลังจากที่พวกเขาติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว เฟิงเหยาใช้เวลาที่ทีมงานกลับไปกินอาหารเช้ารีบนำมีดคม ๆ ไปตัดสลิงช่วงที่เป็นยางยืดออกครึ่งหนึ่ง เธอกลัวว่าแผนจะผิดพลาดหากฟู่หยุนชิงตกลงมาเร็วเกินไป และกลัวว่าจะถูกจับได้ หลังจากเตรียมการเสร็จแล้ว เฟิงเหยาก็กลับไปรับลี่ลี่มาที่สถานที่ถ่ายทำในวันนี้ซึ่งฉากถูกเซ็ตเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เธอยังรายงานเรื่องที่ทำให้กับลี่ลี่ก่อนจะออกจากโรงแรมด้วย ลี่ลี่ที่ฟังแล้วก็หัวเราะอย่างสะใจที่วันนี้ฟู่หยุนชิงจะต้องบาดเจ็บหนักหรือไม่ก็ถูกผู้กำกับตำหนิเป็นแน่ที่เธอตกจากสลิง ฟู่หยุนชิงไม่รู้เลยว่าจะมีคนปองร้ายเธอทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรใครมาก่อน เธอ
“ไม่ว่าลูกสาวหรือลูกชาย ผมก็ชอบทั้งนั้นที่รัก ขอบคุณนะครับที่ยอมเหนื่อยตั้งท้องให้ผมกับลูกได้มีลูกสาวอีกคน”“ใช่ครับ ๆ แม่เก่งที่ซู๊ดเลย หลังจากนี้ผมจะปกป้องน้องสาวเป็นอย่างดีนะครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นมั้ยครับพ่อ ผมบอกแล้วว่าต้องเป็นน้องสาว ฮิ ฮิ”“ครับผม ลูกชายพ่อเก่งมากเลย เราปล่อยให้แม่นอนพักผ่อนกันก่อนดีกว่า”“ที่รักนอนพักก่อนเถอะนะ รอให้ลูกตื่นก่อนคุณค่อยลุกมาให้นมก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ คุณกับลูกก็นอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวพอลูกสาวเราตื่นคงไม่ได้พักผ่อนกันแน่เลย ท่าทางลูกสาวคนจะซนกว่าพี่ชายน่าดู กว่าฉันจะคลอดได้เลยเสียเวลาไปเยอะ”“ฮ่า ฮ่า จริงเหรอที่รัก ไม่ต้องกังวลไป อย่างไรเสี่ยวหมิงน่าจะดูแลน้องได้นะ” เหอจิ้งเกาจูบหน้าผากภรรยาแล้วอุ้มเสี่ยวหมิงหอมแก้มแม่ให้นอนพักผ่อน ส่วนพวกเขาพ่อลูกก็เข้าไปนอนที่เต
หลังหนังจบ เหอจิ้งเกาเห็นว่าภรรยากับลูกชายง่วงมากแล้ว เขาจึงไม่ให้ทั้งสองคนให้สัมภาษณ์นักข่าวหรือพูดคุยกับแฟนคลับ ซึ่งเขาสั่งให้บอดี้การ์ดไปบอกแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเอาไว้ก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เข้าใจฟู่หยุนชิงผิดสัปดาห์ต่อมา รายได้ของหนังที่ฟู่หยุนชิงแสดงยังขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศเหมือนเคย ทำให้ผู้กำกับและทีมงานต่างดีใจที่หนังเรื่องนี้คนดูชอบและนักวิจารณ์ยังกล่าวถึงหนังไปในทางบวกแทบทุกคน เหล่าแฟนหนังยังอยากดูภาคสองของเรื่องนี้อีกต่างหาก เสียดายที่ฟู่หยุนชิงต้องหยุดถ่ายทำเพื่อเลี้ยงลูกก่อน ทำให้ผู้กำกับไม่อยากนำคนอื่นมาแสดงแทน เขาตั้งใจจะรอฟู่หยุนชิงคนเดียวห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ใกล้กำหนดคลอดของฟู่หยุนชิงเข้าไปทุกที เหอจิ้งเกาที่กลัวภรรยาจะคลอดก่อนกำหนดอีกจึงขอร้องให้ฟู่หยุนชิงไปพักที่ รพ.ก่อนสักสองสามวัน แน่นอนว่าพวกเขาพ่อลูกก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย&n
ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเคลียร์งานเสร็จในเดือนถัดมา ฟู่หยุนชิงก็จำเป็นต้องเข้าร่วมงานเปิดตัวหนังรอบปฐมทัศน์ เหอจิ้งเกาจึงพาเสี่ยวหมิงไปให้กำลังใจและคอยดูแลฟู่หยุนชิงด้วย เพราะตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มขยายใหญ่มากขึ้นเนื่องจากใกล้เข้าสู่เดือนที่สี่ของการตั้งครรภ์แล้ว ระหว่างทางที่กำลังจะไปยังโรงหนังในห้างสรรพสินค้าใหญ่ของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงได้แต่บ่นว่าสามีห่วงมากเกินไป“ความจริงฉันมากับลูกก็ได้นะคะ มันทำให้คุณเสียเวลาทำงานไปด้วยโดยใช่เหตุ”“เฮ้อ ที่รัก ผมจะปล่อยให้คุณกับลูกมากันเองได้ยังไง ในเมื่องานนี้มีคนเข้าร่วมมากมาย หากใครชนท้องคุณเข้าจะทำยังไงล่ะที่รัก เชื่อผมเถอะ รับรองว่าผมไม่กวนตอนคุณอยู่บนเวทีแน่ที่รัก”“ใช่ครับแม่ ให้พ่อพามาดีแล้วครับ ผมเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคนน่าจะเยอะมากจริง ๆ นะครับแม่”“เอาล่ะ ๆ ยังไงก็มากันแล้วนี่นะ แม่จะไม่บ่นแล้วก็ได้”
ระหว่างที่ฟู่หยุนชิงกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น เหอจิ้งเกาก็ให้ลูกน้องนำงานมาให้ทำที่บ้าน เพราะเขาอยากดูแลลูกกับภรรยาด้วยตัวเอง กระทั่งสามวันต่อมาที่เป็นวันนัดของหมอเพื่อตรวจครรภ์ของฟู่หยุนชิงมาถึง ทั้งสามคนต่างเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังอาหารเช้าพวกเขาจึงออกจากบ้านเพื่อไปที่ รพ. ระหว่างนั่งรถอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงก็คุยกับสามีเรื่องลูกคนที่สอง“คุณคะ ครั้งนี้เรามาลุ้นกันดีไหมคะว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิง ฉันไม่อยากรู้ก่อนเหมือนตอนเสี่ยวหมิงน่ะค่ะ ดีไหมลูก”“ได้จ๊ะ ผมตามใจคุณอยู่แล้ว เรารอลุ้นก็สนุกดีเหมือนกันนะ”“ดีครับแม่ ผมอยากลุ้นว่าน้องของผมจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง อีกตั้งหลายเดือนกว่าที่แม่จะคลอดน้องอ่ะ ยังไงผมจะช่วยแม่ดูแลน้องหลังคลอดนะครับ”“ขอบใจมากจ๊ะลูก แล้วลูกอยากไปโรงเรียนตอนกี่ขวบ แม่เห็นส่วนใหญ่เด็กสามขวบก็เข้าเรียนอนุบาลกันแล้วนะ”
เมื่อพวกเขามาถึงร้านนาฬิกา พนักงานในร้านรีบออกมาต้อนรับฟู่หยุนชิงเช่นกันกับพนักงานร้านก่อนหน้านี้ พวกเขาได้รับข่าวมาก่อนหน้าจากร้านเสื้อผ้าแล้วว่าภรรยาของท่านประธานกับนายน้อยมาเดินเล่นที่นี่ ด้วยการข่าวอันฉับไว ทุกร้านในห้างจึงเตรียมพนักงานเอาไว้ต้อนรับกันแต่แรกแล้ว“ไม่ทราบว่าคุณมีนาฬิกาคู่รักหรือเปล่าคะ? กับนาฬิกาของเด็กขนาดเดียวกับแขนลูกชายของฉัน”“มีทั้งสอบแบบเลยค่ะ เชิญคุณลูกค้าตามดิฉันมาดูนาฬิกาคู่รักก่อนนะคะ พอดีเพิ่งมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เผื่อว่าคุณลูกค้าถูกใจ” ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับคำและเดินตามพนักงานไปพร้อมอาหยงที่อุ้มเหอเสี่ยวหมิงอยู่ ส่วนอาเหว่ยก็เดินตามหลังฟู่หยุนชิงไปไม่ไกลเช่นกัน อาเหว่ยได้แต่คิดว่าตอนนี้ทั้งห้างคงรู้แล้วว่านายหญิงมา ดูจากการบริการที่รวดเร็วและไม่ถามที่มาที่ไปแบบนี้ นับว่าผู้จัดการห้างมีความสามารถไม่น้อยที่แจ้งข่าวให้ร้านต่าง ๆ ทราบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโม
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที
เหอจิ้งเกาใช้เวลาไม่นานในการซื้อของ เขาอยากรีบกลับไปทำอาหารให้ฟู่หยุนชิงจะแย่แล้ว บอดี้การ์ดเองก็รีบขับรถกลับบ้านให้เจ้านายตามที่พวกเขาเห็นว่าเจ้านายดูเร่งรีบไม่น้อย เมื่อถึงบ้านแล้ว เหอจิ้งเกาก็เห็นพ่อบ้านมายืนรออยู่แล้ว บอดี้การ์ดช่วยถือวัตถุดิบอาหารเข้าไปยังห้องครัวให้กับเหอจิ้งเกา เขาบอกพ่อบ้านว่ามื้อเย็นเขาจะทำอาหารเอง ให้แม่บ้านทำอาหารให้กับพวกบอดี้การ์ดกับพวกเขาก็พอ พ่อบ้านรับคำเหอจิ้งเกาแล้วเดินไปบอกกับแม่บ้านทั้งสองคนให้ไปทำอาหารที่ครัวของอีกตึกหนึ่งซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ คราแรกแม่บ้านทั้งสองคิดว่าเจ้านายไม่พอใจอาหารของพวกเธอก็พากันตกใจไม่น้อย แต่พอพ่อบ้านบอกว่าเจ้านายอยากทำอาหารให้นายหญิงด้วยตัวเองเท่านั้น พวกเธอจึงได้เบาใจลง พวกเธอไม่อยากหางานใหม่เพราะอายุที่มากแล้วและที่นี่ก็ให้ค่าตอบแทนสูงมากอย่างน่าตกใจแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการต้องพักที่นี่และทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ช่วยกันทั้งสี่คน  
หวงเหมยหงกับลี่ลี่ที่ถูกเหอจิ้งเกาจัดการไม่ให้มีงานในวงการก่อนหน้านี้พอได้ข่าวเรื่องเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ได้แต่คิดอิจฉาและแค้นใจที่เหอจิ้งเกาทำกับพวกเธอแบบนี้ ทั้งสองคนไม่อยากให้พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุขง่าย ๆ จึงได้จ้างโกสต์เพื่อแพร่ข่าวว่าฟู่หยุนชิงวางยาเหอจิ้งเกาจนต้องรับผิดชอบในปีนั้น แถมยังสร้างข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของฟู่หยุนชิงมากมายอีกด้วย เลขาที่ให้คนคอยติดตามข่าวอยู่ตลอดรู้ในทันทีที่มีข่าวแพร่ออกมา เขารีบแจ้งให้เจ้านายทราบอย่างเร่งด่วนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง“ให้คนสืบว่าใครเป็นคนทำ และปิดข่าวอย่าให้ฟู่หยุนชิงรู้ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายใจ”“ได้ครับเจ้านาย แล้วถ้ารู้ตัวคนทำแล้วจะให้ทำยังไงต่อไปดีครับ”“ค้นหาเรื่องราวของคนทำที่ทำเรื่องสกปรกออกมาให้หมด แล้วส่งให้สำนักข่าวทุกสำนัก รวมทั้งให้คนกระจายข่าวออกไปตามสื่อโซเชียลด้วย หลังจากได้หลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างข่าวเสีย
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เหอจิ้งเกาให้พ่อบ้านพาเขาไปดูห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เขากับฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิง พ่อบ้านรีบรับคำและเดินนำเจ้านายทั้งสามไปอย่างช้า ๆ เขารู้มาก่อนแล้วว่านายหญิงกำลังท้องอยู่จึงไม่กล้าเดินเร็วเกินไปนักด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะจับมือนายหญิงอยู่ก็เถอะ เขาก็ควรจะต้องระวังเอาไว้ให้มากจะดีที่สุด พ่อบ้านพาทุกคนไปดูห้องใหญ่ของเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก่อนที่ปีกซ้ายชั้นสองของบ้าน ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำกว้างขวางในตัว รวมทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินที่กว้างพอ ๆ กับห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำและมีประตูเปิดเข้าไปได้ อีกด้านหนึ่งของห้องมีระเบียงกว้าง โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ด้านหลังบ้านซึ่งมองเห็นทะเลสาบและสวนดอกไม้อยู่ ฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงที่เห็นทุกอย่างตามที่พ่อบ้านอธิบายก็พอใจมากกับห้องที่เขาเลือกให้เธอและเหอจิ้งเกา หลังจากที่สำรวจดูคร่าว ๆ แล้ว ฟู่หยุนชิงจึงบอกพ่อบ้า