เมื่อไปถึงหน้าผู้กำกับที่เรียกหาเธอแล้ว ฟู่หยุนชิงรอฟังว่าผู้กำกับมีอะไรจะสั่งเธอ เพราะตอนนี้ก็นับว่าสายนิดหน่อยแล้วแต่ทีมงานยังไม่มีการเริ่มถ่ายทำเลย
ปรากฏว่าผู้กำกับบอกให้เธอพอแล้วกับการสอนนักแสดงคนอื่น เขาเองก็มองอยู่ตลอดว่าใครทำตามฟู่หยุนชิงได้ดีบ้าง เขาปรับเปลี่ยนบทในฉากให้ออกมาเป็นฟู่หยุนชิงซ้อมกระบี่คนเดียวที่หลังเขาของสำนักแทนแล้ว
ฟู่หยุนชิงพอฟังผู้กำกับแล้วก็พยักหน้าให้ว่าเธอเข้าใจแล้วและพร้อมที่จะถ่ายทำเช่นเดียวกัน ไม่นานนักผู้กำกับก็ให้ทีมงานยกกล้องกับมอนิเตอร์ไปที่เนินแห่งหนึ่งซึ่งมีทิวทัศน์เหมือนอยู่หลังเขาจริง ๆ ฟู่หยุนชิงนับถือทีมงานมากที่พวกเขาช่างสรรหาฉากที่เหมือนกับบทในหนังได้ดี
ฟู่หยุนชิงถือกระบี่เดินตามทุกคนไปอย่างไม่ชักช้า ไม่นานนักทีมงานก็ลองเช็คกล้องให้กับผู้กำกับและจอมอนิเตอร์ เมื่อพบว่ากล้องพร้อมแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เข้าไปยืนในตำแหน่งตรงกลางของเนินเพื่อร
วันแรกนี้ฟู่หยุนชิงอยู่ถ่ายทำถึงสามทุ่มจึงได้กลับโรงแรมพร้อมทีมงาน พรุ่งนี้เธอก็ยังมีซีนถ่ายทำอีกเช่นเคย ฟู่หยุนชิงยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจที่ทุกซีนเธอจะได้ซีนละสองหมื่นเหรียญ ทำให้ฟู่หยุนชิงมีกำลังใจที่จะทำงานหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดีที่สุดตามบทบาทที่ได้รับ ผู้กำกับเองยังพูดกับเพื่อนร่วมงานด้วยว่าฟู่หยุนชิงเก่งมากในการแสดง ทำไมเขาไม่เคยได้ยินชื่อเธอมาก่อน บรรดาเพื่อนร่วมงานระดับผู้ช่วยผู้กำกับต่างก็มึนงงเช่นกัน เท่าที่รู้มาคือฟู่หยุนชิงนั้นเป็นนักแสดงไม่มีสังกัด นี่เลยเป็นเหตุผลให้เธอไม่โด่งดังเท่าดาราคนอื่นกระมัง ทุกคนต่างแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งพวกเขาเห็นฟู่หยุนชิงตั้งใจทำงานอย่างไม่แสดงความเหน็ดเหนื่อยเหมือนนักแสดงคนอื่น ๆ ด้วยแล้ว พวกเขายิ่งคิดว่าหนังเรื่องนี้จะต้องดังอย่างแน่นอนเมื่อมีฟู่หยุนชิงแสดงเป็นนางรอง รุ่งเช้าวันต่อมาทุกคนต่างตื่นกันแต่เช้า เนื่องจากซีนแรกของวันนี้นั้น ผู้กำกับต้องการแสงพระอาทิตย์สวย ๆ พวกเขาจึงไ
เฟิงเหยาผู้จัดการของลี่ลี่รู้ว่าวันนี้จะมีฉากโหนสลิงของฟู่หยุนชิง เธอตื่นแต่เช้าพร้อมทีมงานโดยอ้างว่ามาดูสถานที่ให้กับดาราของเธอก่อนที่จะกลับไปรับมาที่นี่ ทีมงานจึงไม่มีใครสงสัยว่าเฟิงเหยาจะตัดสายสลิงหลังจากที่พวกเขาติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว เฟิงเหยาใช้เวลาที่ทีมงานกลับไปกินอาหารเช้ารีบนำมีดคม ๆ ไปตัดสลิงช่วงที่เป็นยางยืดออกครึ่งหนึ่ง เธอกลัวว่าแผนจะผิดพลาดหากฟู่หยุนชิงตกลงมาเร็วเกินไป และกลัวว่าจะถูกจับได้ หลังจากเตรียมการเสร็จแล้ว เฟิงเหยาก็กลับไปรับลี่ลี่มาที่สถานที่ถ่ายทำในวันนี้ซึ่งฉากถูกเซ็ตเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เธอยังรายงานเรื่องที่ทำให้กับลี่ลี่ก่อนจะออกจากโรงแรมด้วย ลี่ลี่ที่ฟังแล้วก็หัวเราะอย่างสะใจที่วันนี้ฟู่หยุนชิงจะต้องบาดเจ็บหนักหรือไม่ก็ถูกผู้กำกับตำหนิเป็นแน่ที่เธอตกจากสลิง ฟู่หยุนชิงไม่รู้เลยว่าจะมีคนปองร้ายเธอทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรใครมาก่อน เธอ
เฟิงเหยาที่ร้องไห้ขอร้องผู้กำกับเพื่อจะอยู่ดูแลลี่ลี่ต่อได้แต่ต้องตัดใจ ที่เธออยากอยู่ต่อไม่ใช่เพราะอะไรมากมายนอกจากคลิปของเธอยังคงอยู่ในมือของลี่ลี่ เธอกลัวว่าลี่ลี่จะเล่นไม่ซื่อปล่อยคลิปออกมาอย่างที่เธอขู่บ่อย ๆ ผู้กำกับไม่สนใจว่าเฟิงเหยาจะรู้สึกอย่างไร เขาให้ทีมงานลากตัวเฟิงเหยาไปที่รถตู้แล้วส่งเธอกลับไปเก็บของของเธอออกจากโรงแรม ทั้งยังสั่งให้ทีมงานไปส่งเธอที่ท่ารถเพื่อให้เธอเดินทางกลับเมืองหลวงเอาเอง ลี่ลี่ได้แต่กำหมัดแน่นที่เบ้ของเธอถูกไล่ออกไปเสียแล้ว หลังจากนี้หากเธอต้องการกลั่นแกล้งฟู่หยุนชิงอีกก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว เธอได้แต่โทษว่าเฟิงเหยาโง่มากที่ทำตัวเด่นจนคนในทีมสังเกตเห็นว่าเธออยู่บริเวณสถานที่ถ่ายทำ แทนที่จะแอบมาเพื่อป้องกันตัวเอาไว้ก่อน ลี่ลี่ได้แต่สมน้ำหน้าเฟิงเหยาที่ถูกลากตัวออกไปต่อหน้าต่อตาของเธอ ผู้กำกับที่เห็นว่าเฟิงเหยาออกไปจากกองแล้วก็เรียกนักแสดงทุกคนมา
หลังฟังเรื่องราวทั้งหมดและรับหลักฐานมาแล้ว บอดี้การ์ดก็ให้สัญญากับเฟิงเหยาด้วยว่าพวกเขาจะจัดการกับคลิปลับให้โดยเร็ว แต่ช่วงนี้พวกเขาอยากให้เฟิงเหยาเก็บตัวดี ๆ เพื่อรอเป็นพยานในศาลหลังจากที่ทนายส่งเรื่องฟ้องในอีกไม่กี่เดือน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวระหว่างที่เก็บตัวจะมีคนโอนให้เธอทุกเดือนเอง เฟิงเหยาได้แต่ฝากคำขอบคุณไปยังเหอจิ้งเกาที่เขาช่วยเธอในครั้งนี้ บอดี้การ์ดรับคำของเฟิงเหยาว่าพวกเขาจะบอกเจ้านายให้อย่างแน่นอน พวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเจ้านายผู้เย็นชาจึงได้เข้ามายุ่งเรื่องนี้ เมื่อก่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนักแสดง เจ้านายพวกเขาไม่เคยสนใจ เขาสนใจเพียงแต่ว่าหนังจะถ่ายทำไปได้ตามกำหนดการหรือไม่เท่านั้น แต่ในเมื่อพวกเขาหาเหตุผลไม่ได้ พวกเขาก็ไม่อยากคิดมากอีกต่อไปและรีบกลับไปรายงานเรื่องราวต่าง ๆ ที่สืบมาได้พร้อมกับหลักฐานที่ได้รับมาไม่น้อย เหอจิ้งเกาที่ยังไม่กลับไปพักผ่อนก็รอให้บอดี้การ์ดทั้งสองของเขามารายงานเรื่องที่ใ
รุ่งเช้าหลังอาหารวันต่อมา ทีมงานและนักแสดงทุกคนต่างเก็บข้าวของมารอขึ้นรถเพื่อกลับเมืองหลวงกันที่หน้าโรงแรม ส่วนคนที่เอารถมาเองก็ร่ำลาทุกคนแล้วกลับไปก่อน ฟู่หยุนชิงเองก็รอทีมงานที่จะไปส่งเธอยังสตูดิโอจุดเดิมที่เธอขึ้นรถมาถ่ายทำ โดยก่อนที่จะแยกย้ายกันนั้น ผู้กำกับก็ให้คนนำเช็คเงินสดมาให้กับฟู่หยุนชิง เธอไม่แม้แต่จะมองยอดเงินในนั้นแต่กลับเก็บเอาไว้ในกระเป๋าผ้าใบเล็กของเธอแทน ทำให้ทุกคนยิ่งประทับใจกับฟู่หยุนชิงที่ไม่เหมือนคนเห็นแก่เงินทั่วไปที่จะตื่นเต้นสำหรับรายได้การแสดงจำนวนไม่น้อยเช่นนี้ ไม่นานนักฟู่หยุนชิงก็ได้ขึ้นรถพร้อมกับทีมงานเพื่อกลับเมืองหลวง แน่นอนว่าการเดินทางครั้งนี้ยังคงใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมงเนื่องจากรถติดตอนก่อนที่จะไปถึงสตูดิโอ ฟู่หยุนชิงเห็นว่าวันนี้สายมากแล้ว หากเธอเดินทางไปธนาคารคงจะไม่ทันเวลาปิดทำการเป็นแน่ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้รถถึงได้ติดหนักขนาดนี้ ฟู่หยุนชิงจึงตัดสินใจที่จะเอาเงินไปเข้าบัญชีในวันพรุ่งนี้แทน &nb
วันต่อมาฟู่หยุนชิงยังคงฝึกฝนต่อไปบนรองเท้าส้นสูงของร่างเดิมอย่างขยันขันแข็ง เธอจะต้องเดิน ยืน โพสท่าตามในคลิปให้ได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ผ่านกันคัดเลือกการเดินแบบครั้งนี้เป็นแน่ เช้าตรู่วันต่อมา วันนี้ฟู่หยุนชิงแต่งตัวในชุดเดรสแขนสั้นและสวมรองเท้าส้นสูงเพื่อความเหมาะสมในการไปคัดเลือกตัวในครั้งนี้ กว่าที่รถเมล์จะไปถึงป้ายที่เธอต้องการก็เกือบจะแปดโมงเช้าแล้ว ฟู่หยุนชิงรีบเดินไปที่อาคารอันฟู่ซึ่งเป็นบริษัทโมเดลลิ่งที่รับสมัครนางแบบในครั้งนี้ เมื่อเปิดเข้าไปในบริษัทแล้ว ฟู่หยุนชิงก็รีบเข้าไปสอบถามกับพนักงานที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ทันที ประชาสัมพันธ์สาวบอกข้อมูลเกี่ยวกับการคัดเลือกตัวกับฟู่หยุนชิงพร้อมรอยยิ้มตอบกลับฟู่หยุนชิง หลังทราบข้อมูลว่าการคัดเลือกจะเริ่มเวลาเก้าโมง ฟู่หยุนชิงก็ได้รับใบสมัครในการคัดเลือกตัววันนี้เช่นเคย เธอยืนกรอกข้อมูลไม่นานก็ส่งคืนให้กับพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่ยังคงมีรอยยิ้มแต้มใบหน้า
ฟู่หยุนชิงเดินทางกลับห้องพักหลังจากร่ำลาเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สาวผู้แสนจะอัธยาศัยดี ตอนนี้เธอเริ่มที่จะหิวข้าวเสียแล้วเพราะอีกไม่กี่นาทีก็เที่ยงแล้ว ฟู่หยุนชิงได้แต่ถอนหายใจที่เธอต้องกินอาหารผิดเวลาบ่อยมากเวลามาคัดเลือกตัวหรือมาทำธุระที่ธนาคาร แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอต้องใช้บริการรถเมล์สาธารณะซึ่งคาดเดาเวลาได้ยากกันเล่า กว่าฟู่หยุนชิงจะเดินทางกลับถึงหน้าปากซอย ท้องน้อย ๆ ของเธอก็ร้องประท้วงมาเกือบจะตลอดทาง เมื่อลงจากรถได้แล้วเธอก็ไม่รอช้าที่จะไปสั่งอาหารเพื่อกลับไปทานที่ห้อง ด้วยความหิว ฟู่หยุนชิงสั่งอาหารถึงสี่อย่างพร้อมข้าวอีกสองถุง เธอไม่รู้หรอกว่าจะกินหมดหรือไม่ แต่ตอนนี้เธอหิวมาก จึงได้แต่สั่งอย่างเผื่อเหลือดีกว่าต้องทนหิวเหมือนร่างเดิม หลังรับอาหารและจ่ายเงินแล้ว ฟู่หยุนชิงแทบอยากใช้วิชาตัวเบาเพื่อรีบกลับห้องไปกินข้าว แต่จนใจที่มีคนเดินผ่านไปมาอยู่ตลอดในซอย ทำให้เธอไม่สามารถทำอย่างที่ใจคิดได้ กระทั่งฟู่หยุนชิงกลับเ
หลังจากซ้อมเดินและบอกลำดับการเดินในชุดที่สองแล้ว เจ้าของงานทั้งสามก็ออกไปรอต้อนรับแขกด้านนอก ส่วนด้านหลังเวทีที่เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น บรรดาสาว ๆ ต่างคุยกันเสียงดังอย่างสนุกสนาน แตกต่างจากตอนเดินลิบลับ ฟู่หยุนชิงที่เป็นน้องใหม่ได้แต่ทำตัวลีบเล็กด้วยเธอไม่ค่อยรู้เรื่องที่เหล่ารุ่นพี่พูดคุยกันนัก แต่หากมีอะไรที่รุ่นพี่สอบถาม ฟู่หยุนชิงก็ตอบกลับโดยเร็วเช่นกัน นางแบบรุ่นพี่ทั้งหมดต่างชอบนิสัยไม่ถือตัวของฟู่หยุนชิง พวกเธอเคยเห็นน้องใหม่ส่วนใหญ่มักจะหยิ่งผยอง ยิ่งเป็นพวกนักแสดงด้วยแล้วล่ะก็ ตาเธอจะแหงนมองท้องฟ้าโน่น พวกเธอไม่มีใครมาสนใจนางแบบตัวเล็กๆ อย่างนี้หรอก แต่ฟู่หยุนชิงนั้นแตกต่าง เธออัธยาศัยดีมาก ถึงแม้จะพูดน้อยไปหน่อยก็เถอะ หนึ่งชั่วโมงต่อมา ประชาสัมพันธ์สาวก็มาบอกให้ทุกคนไปเตรียมตัวหลังเวที นางแบบทั้งหมดรวมทั้งฟู่หยุนชิงต่างเดินตามลำดับของตัวเองออกไปอย่างไม่เร่งรีบ กระทั่งพวกเธอไปยืนสแตนด์บายรอเดินขึ้นเวทีหลังจากพิธีกรป
ก่อนที่พยาบาลจะนำลูกของพวกเขามาให้ ก็เป็นเลขากับบอดี้การ์ดที่ถืออาหารเช้าเข้ามาเสียก่อน เหอจิ้งเกาเห็นว่าฟู่หยุนชิงน่าจะกินข้าวได้แล้วจึงอาสาจะป้อนอาหารเธอ ฟู่หยุนชิงได้แต่บอกเขาว่าเธอกินเองได้ เพราะเธอแค่คลอดลูก ไม่ได้ป่วยเสียหน่อย ทำเอาเหอจิ้งเกาได้แต่หน้างอ เขาอยากป้อนเธอบ้างนี่นา ฟู่หยุนชิงที่เพิ่งเคยเห็นมุมเด็กเอาแต่ใจของเขาก็เกือบหัวเราะออกมา เธออมยิ้มพร้อมทั้งบอกว่าถ้าอยากป้อนก็ป้อน พอเหอจิ้งเกาได้ยินภรรยาอนุญาตแล้วเขาก็ยิ้มแฉ่งแล้วนำอาหารมาป้อนฟู่หยุนชิงพร้อมกับสลับกินไปด้วยเช่นเดียวกับที่ฟู่หยุนชิงเคยป้อนเขาตอนที่ป่วย เลขาที่ไม่อยากกินอาหารหมามากเกินไปรีบออกไปกินข้าวเช้ากับบอดี้การ์ดคนอื่นที่หน้าห้องแทน วันนี้เขาคงต้องเข้าบริษัทไปเอางานมาให้กับเจ้านายที่นี่เสียแล้ว เพราะดูท่าทางแล้วเจ้านายเขาต้องไม่ยอมไปที่บริษัทจนกว่านายหญิงกับนายน้อยจะออกจากโรงพยาบาลเป็นแน่ หลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้ว ไม่นานนักหมอกับพยาบาลก็พาลูกของพว
สามวันก่อนวันคลอด อยู่ ๆ ฟู่หยุนชิงก็ปวดท้องกลางดึก เหอจิ้งเกาที่ได้ยินเสียงของฟู่หยุนชิงที่บอกเขาว่าเธอปวดท้องก็รีบลุกขึ้นไปบอกบอดี้การ์ดหน้าห้องให้สั่งคนไปเตรียมรถ พร้อมกับบอกให้เลขามานำของที่เตรียมเอาไว้สำหรับการคลอดลูกตามไปขึ้นรถอีกคันด้วยความเร่งรีบ จากนั้นเหอจิ้งเกาเข้าไปดูฟู่หยุนชิง เขาพบว่ามีน้ำไหลออกมาจากหว่างขาแล้ว เหอจิ้งเกาไม่กล้าชักช้าอีก เขาทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวสลับกันไปหมด เขากลัวว่าฟู่หยุนชิงจะรอไปถึงโรงพยาบาลไม่ไหวจนคลอดในรถเสียก่อน แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของเหล่าบอดี้การ์ดและเลขาของเหอจิ้งเกา ไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็พร้อมแล้ว เหอจิ้งเกาอุ้มฟู่หยุนชิงที่กำลังปวดท้องไปที่รถอย่างเร็วที่สุด จากนั้นขบวนรถของเหอจิ้งเกาก็รีบบึ่งออกจากเพนท์เฮ้าส์ไปยังโรงพยาบาลภายในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น หมอที่ได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเหอจิ้งเการอรับตัวฟู่หยุนชิงที่หน้าโรงพยาบาลแล้ว หลังจากรถจอดสนิท เหอจิ้งเการีบอุ้มฟู่หยุนชิงขึ้นไปวางบ
หลังอาหารเย็นวันต่อมา ฟู่หยุนชิงเตรียมขนมกับนมสำหรับนั่งกินไปดูละครของเธอไปที่โซฟาไม่น้อย ส่วนเหอจิ้งเกาเองก็เอาแต่นั่งลูบท้องป่อง ๆ ของฟู่หยุนชิงอย่างแสนรัก จนกระทั่งละครเริ่มตอนแรก เหอจิ้งเกาจึงหันไปดูทีวีเป็นเพื่อนฟู่หยุนชิง เขาชมภรรยาว่าเล่นดีไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนเรตติ้งต้องรอให้จบตอนของละครในวันนี้เสียก่อนจึงจะรู้ว่าเรตติ้งวันแรกดีหรือไม่ ฟู่หยุนชิงยังเปิดไลฟ์ในเว่ยป๋อถ่ายภาพในทีวีว่าเธอกำลังดูละครของตัวเองอยู่ บรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาโพสต์บอกเช่นกันว่าพวกเขาเองก็กำลังดูอยู่ ทุกคนต่างชมว่าฟู่หยุนชิงเล่นได้ดีมากสำหรับบทร้ายลึกเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงยิ้มกับโพสต์ต่าง ๆ ของแฟนคลับจนเหอจิ้งเกาต้องหันไปอ่านด้วย เขาพบว่าตัวเองไม่มีเว่ยป๋อของภรรยาเลยนี่นา เหอจิ้งเกาจึงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วขอเว่ยป๋อของฟู่หยุนชิงทันที เธอเองก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยบอกกับเขา เธอจึงให้ชื่อเว่ยป๋อของตัวเองไปพร้อมกับแอดเขาเป็นเพื่อนคนแรกของเธอในเว่ยป๋อ เ
ฟู่หยุนชิงนั่งฟังเหอจิ้งเกาบอกถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่เขาซื้อมา เธอก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ“นี่คุณไม่คิดจะให้ฉันซักเสื้อผ้าเลยใช่ไหมถึงได้ซื้อชุดคลุมท้องมาเยอะขนาดนี้ ไหนจะอาหารเสริมอีกตั้งมาก เดือนนี้ทั้งเดือนฉันจะกินหมดไหม?”“โธ่ ภรรยา ผมเห็นว่ามีแต่ชุดสวย ๆ ที่เหมาะกับคุณก็เลยหนักมือไปหน่อย ก็ผมอยากเห็นคุณใส่ชุดสวย ๆ พวกนี้นี่นา อีกอย่างท้องคุณก็โตขึ้นทุกวันด้วย ส่วนอาหารเสริมคุณก็กินตอนหิวรองท้องก่อนถ้าผมยังไม่กลับมาทำกับข้าวให้ก็ได้ ของพวกนี้กว่าจะหมดอายุก็เป็นปีแน่ะ คุณค่อย ๆ กินไปเดี๋ยวก็หมดเองนั่นแหละ”“เฮ้อ คุณนี่นะ ทีหลังอย่าซื้อแบบนี้อีกนะ มันสิ้นเปลืองเปล่า ๆ ฉันเสียดายเสื้อผ้าที่ใส่ได้แค่ตอนท้องน่ะ ความจริงซื้อมาแค่นิดหน่อยก็พอแล้ว เสื้อผ้าเก่าที่เป็นชุดคลุมท้องก็ยังมีอีกตั้งหลายสิบตัวนะคุณ”“ตกลงครับคุณภรรยา เอาล่ะ ๆ เราไม่คุยเรื่องเครียด ๆ กันนะ เดี๋ยวลูกจะเครี
หลังจบเรื่องของเหอหว่านหลงแล้ว เหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปรกติสุข ตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มป่องออกมาแล้ว ทำให้เธอต้องใส่ชุดคลุมท้องที่เหอจิ้งเกาซื้อมาให้นับสิบตัว ส่วนที่เธอซื้อมาเองก็แทบไม่ได้ใส่ เนื่องจากเหอจิ้งเกาอ้างว่าเนื้อผ้าไม่ดีเท่ากับที่เขาซื้อให้ ซึ่งฟู่หยุนชิงที่ขี้เกียจเถียงกับเขาจึงได้แต่ใส่เสื้อผ้าที่เขาซื้อให้เท่านั้น เข้าสู่การตรวจครรภ์เดือนที่สาม เหอจิ้งเกาพาฟู่หยุนชิงไปตรวจครรภ์ตามปกติ แน่นอนว่าบอดี้การ์ดต่างล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้อย่างมิดชิดก่อนที่จะขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นแผนกสูตินรีเวช วันนี้หมอยังคงอัลตราซาวด์ดูการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์ก็พบว่าเด็กมีพัฒนาการที่ดี ฟู่หยุนชิงขอให้หมอถ่ายรูปลูกให้ทุกเดือนเพื่อที่เธอจะได้ทำเป็นสมุดบันทึกเอาไว้ให้ลูกดูตอนที่เขาโตขึ้น หมอยิ้มและตอบรับคำขอของฟู่หยุนชิงที่ดูจะรักลูกไม่น้อย แม้แต่เหอจิ้งเกาเองก็เห็นด้วยกับภรรยา เขาไม่คิดว่าเธอจะรอบคอบถึงขนาดนี้ &nbs
เหอจิ้งเกาไปถึงที่ทำงานตามเวลาปกติ พอทำงานได้สักพักใหญ่กลับมีเสียงเอะอะโวยวายกันที่หน้าห้อง เขาส่งสัญญาณให้เลขาออกไปดู ไม่นานเขาก็เข้ามารายงานว่าเหอเซียวเซียวมาขอพบ เหอจิ้งเกาที่รำคาญเสียงดังด้านนอกจึงได้แต่บอกให้เธอเข้ามา“เธอมีอะไรถึงได้มาก่อความวุ่นวายที่นี่อีก”“พี่ชายต้องช่วยพ่อฉันนะคะ พ่อฉันถูกจับข้อหาจ้างวานฆ่า ฉันแน่ใจว่าพ่อฉันไม่ได้ทำ ท่านจะเอาเงินที่ไหนไปจ้างคนกัน”“หึ! นี่เธอไม่รู้เหรอว่าพ่อเธอจ้างฆ่าใคร เขาต้องการฆ่าฉันนี่ไง แล้วเธอยังมีหน้ามาให้ฉันช่วยคนที่คิดจะฆ่าฉันอีกเหรอ” เหอเซียวเซียวถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ฟังคำพูดของเหอจิ้งเกา เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าพ่อเธอจะสั่งฆ่าเหอจิ้งเกา เพราะพ่อไม่ได้บอกอะไรเธอเลย เขาเอาแต่บอกว่าให้รอเวลาอีกไม่นานก็จะได้เงินก้อนใหญ่แล้วเท่านั้น ตอนนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อเพื่อขอความเมตตาจากพี่ชายใจดำคนนี้แล้ว
เมื่อถึงช่วงบ่ายหลังทานอาหารเที่ยงแล้ว หมอเข้ามาตรวจเหอจิ้งเกาอีกครั้ง พอเห็นว่าเขาไม่มีอาการแทรกซ้อน หมอจึงบอกให้เลขาของเหอจิ้งเกาตามมาทำเรื่องเพื่อออกจากโรงพยาบาลและรับยาสำหรับทานในระหว่างที่เขารักษาตัวเองต่อที่บ้าน เลขาเดินตามหมอออกไป ส่วนเหอจิ้งเกาให้อาหยงมาช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลขานำมาให้ก่อนหน้านี้ ฟู่หยุนชิงความจริงอยากช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงแต่เธอรู้ดีว่าคงไม่ค่อยเหมาะสมนักเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย ฟู่หยุนชิงจึงไม่ดื้อรั้นที่จะดูแลเหอจิ้งเกาในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ครึ่งชั่วโมงต่อมา เลขาก็เข้ามาแจ้งว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ส่วนรถก็มีบอดี้การ์ดหน้าห้องรอรับเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงอยู่ที่ด้านล่างแล้ว อาหยงกับอาเหว่ยบอกฟู่หยุนชิงว่าพวกเขาจะขับตามหลังไป ทั้งเหอจิ้งเกาและฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับทราบ จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เป็นฝ่ายเดินประคองเหอจิ้งเกาออกไปจากห้องพักทันทีเพื่อลงไปขึ้นรถที่ด้านล่าง &
หลังจากให้ยาเหอจิ้งเกาแล้ว เขาก็เริ่มง่วงนอนเช่นเดียวกัน ฟู่หยุนชิงบอกเหอจิ้งเกาว่าเธอจะไปนอนที่ห้องรับแขกติดกัน หากเขามีอะไรให้เรียกเธอ เธอจะรีบมาดูเขาทันที จากนั้นฟู่หยุนชิงก็เลื่อนสายออดมาไว้ใกล้มือของเหอจิ้งเกาเผื่อว่าเขาจะเป็นอะไรไปอีกตอนกลางดึก เหอจิ้งเกาบอกให้ภรรยารีบไปพักผ่อน เพราะเธอกำลังท้องกำลังไส้อยู่เช่นกัน ส่วนอาหยงกับอาเหว่ยก็ออกมานั่งเฝ้าเจ้านายกับนายหญิงที่โซฟาซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับเตียงของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงเห็นว่ามีอาหยงกับอาเหว่ยอยู่เธอจึงสบายใจขึ้นบ้าง จากนั้นเธอจึงบอกฝันดีกับเหอจิ้งเกาก่อนจะเดินเข้าห้องไปนอนพักผ่อนเสียที เหอจิ้งเกาเองก็นอนพักผ่อนเช่นกัน ตอนนี้เขายังไม่รู้สึกเจ็บแผลเพราะยาชาน่าจะยังไม่หมดฤทธิ์ น่าจะอีกสักพักใหญ่ยาชาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่เขาก็คงจะเจ็บแผลขึ้นมาเป็นแน่ โชคดีเรื่องที่เหอจิ้งเกาคิดไม่เกิดขึ้น เพราะว่าในยาหลังอาหารนั้นมียานอนหลับอยู่ด้วย จึงทำให้เขาหลับสนิทในตอนกลางคืนทั้งคืน
หลังจากหมอออกไปแล้ว ฟู่หยุนชิงก็สอบถามเหอจิ้งเกาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณเป็นห่วงผมเหรอภรรยา” เหอจิ้งเกาพูดพร้อมยิ้มล้อเลียนภรรยาตัวน้อยของเขา“ถ้าฉันไม่ห่วงคุณแล้วจะให้ฉันห่วงใครกัน คุณเป็นพ่อของลูกฉันนะเหอจิ้งเกา ทีหลังห้ามบาดเจ็บอีกรู้หรือเปล่า แล้วก็อย่าให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ด้วย มันทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดี” ฟู่หยุนชิงที่อัดอั้นความเป็นห่วงเขามานาน ในที่สุดเธอก็ได้ระบายออกมาเสียที แถมเธอที่เพิ่งนึกถึงพยาบาลสาวสวยคนเมื่อกี้ก็ยิ่งนึกเคืองขึ้นมาเสียเฉย ๆ“ขอบคุณนะครับภรรยา รับรองว่าผมจะไม่ให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้นอกจากคุณ ตกลงไหม นี่คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่หรือเปล่า”“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเป็นห่วงคุณเลยรีบออกมา แต่ระหว่างรอคุณผ่าตัด ฉันกินขนมกับอาหารเสริมไปนิดหน่อยแล้ว”“ถ้าอย่างนั้