หลังออกจากอาคารฮุ่ยหยวนแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เดินทางกลับที่พักทันทีพร้อมกับเอกสารและบทละครของเธอ อีกหนึ่งสัปดาห์จึงจะถึงวันเริ่มถ่ายทำ ฟู่หยุนชิงยังมีเวลาเตรียมตัวอีกมากโข กว่าที่ฟู่หยุนชิงจะกลับถึงห้องพักก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้วเนื่องจากรถติดมากในช่วงเย็น ดีที่สถานที่ถ่ายทำนั้นอยู่นอกเมืองไม่ห่างจากหอพักของเธอนัก เรื่องการเดินทางฟู่หยุนชิงจึงไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ฟู่หยุนชิงรีบอาบน้ำทาครีมก่อนจะเดินลมปราณสองสามรอบแล้วเข้านอนไปพร้อมรอยยิ้มสมใจที่วันนี้เธอสามารถทำได้ตามที่ตัวเองตั้งเป้าหมายเอาไว้ ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา ฟู่หยุนชิงทดลองการแสดงตามบทของตัวเองและท่องจำบทเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงในการถ่ายทำ กระทั่งถึงวันที่เธอจะต้องไปที่สตูดิโอนอกเมืองเป็นครั้งแรก ฟู่หยุนชิงตื่นตั้งแต่ตีสี่เช่นเคย อย่างไรเธอก็อยากไปถึงให้เร็วกว่าคนอื่นเพื่อที่จะมีเวลาเตรียมตัวเพิ่มขึ้นมาบ้าง ไม่ถึงแปดโมงเช้า ฟู่หยุนชิงก็มาถึงสตูดิโอที่เจ้าหน้าที่ประสานงานบอกเธอเอาไว้ ฟู่หยุนชิงมองดูหมายเลขสตูดิโอเสร็จก็เดินหาเพื่อจะไปนั่งพักที่ด้านหน้ารอทีมงานและนักแสดงคนอื่น ๆ
ในฉากที่สองฟู่หยุนชิงกับหยูเหมยต่างแสดงได้ดีด้วยกันทั้งคู่ ทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผู้กำกับเห็นว่าวันนี้หมดคิวของฟู่หยุนชิงแล้วจึงให้เธอกลับก่อนได้ พรุ่งนี้ผู้กำกับสั่งให้เธอมาเวลาเดิมเพื่อถ่ายทำฉากต่อไป ส่วนนักแสดงนำและนักแสดงคนอื่น ๆ ยังมีฉากที่จะต้องถ่ายจนถึงตอนค่ำ ฟู่หยุนชิงพยักหน้าพร้อมกับขอบคุณทุกคนที่ช่วยให้เธอแสดงผ่านไปได้ด้วยดีในวันนี้ หลังกล่าวลาแล้วเธอก็ให้ทีมงานพาไปเปลี่ยนชุดล้างหน้า ถอดผมปลอมออกให้หมดก่อนจะล้างหน้าทาครีมแล้วจึงถือกระเป๋าของเธอพร้อมบทเดินออกจากห้องไปพร้อมรอยยิ้มการค้า ดีที่วันนี้ฟู่หยุนชิงใส่กางเกงมาจึงทำให้เธอเดินเหินได้สะดวก ตอนที่เธอแสดงในฉากนั้นเธอก็ไม่ได้ลำบากกับการเดินในชุดโบราณเหมือนกับนักแสดงคนอื่น อาจจะด้วยความเคยชินมาตั้งแต่เด็กกระมัง กิริยามารยาทของเธอมันจึงฝังลึกไปถึงจิตวิญญาณเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงซื้ออาหารหน้าปากซอยก่อนจะกลับห้องพัก วันนี้เธอได้กินเพียงข้าวเที่ยงที่ทีมงานนำมาให้เท่านั้น ส่วนนักแสดงนำทั้งสองคนต่างมีผู้จัดการนำอาหารมาให้เป็นการส่วนตัว ฟู่หยุนชิงได้แต่คิดว่าการมีผู้จัดการนับว่าสะดวกสบายกว่าการที่เธ
กว่าที่ทีมงานจะเก็บของเสร็จก็เย็นมากแล้ว ผู้กำกับสั่งให้นักแสดงคนอื่น ๆ กลับบ้านได้เลย พรุ่งนี้ค่อยไปถ่ายต่อกันที่สตูดิโอ ส่วนฟู่หยุนชิงเองขอกลับไปที่สตูดิโอพร้อมกับทีมงาน โดยเธอให้เหตุผลว่าที่พักของเธอใกล้กับสตูดิโอมากกว่าที่นี่ ทีมงานและผู้กำกับเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีเสียอีกที่พวกเขาจะได้มีเพื่อนเดินทางกลับด้วยกันหลาย ๆ คน อีกอย่างวันนี้พวกเขายิ่งไม่เชื่อข่าวลือมากขึ้นไปอีกเกี่ยวกับฟู่หยุนชิงว่าเธอใช้เส้นสายถึงได้รับบทนี้ ในเมื่อทุกคนต่างเห็นกับตากันแล้วว่าเธอแสดงได้ดีมากเพียงใด อาจจะดียิ่งกว่านางเอกหน้าใหม่หลายคนเสียด้วยซ้ำไป ผู้กำกับเองยังคิดว่าบทนี้เขียนขึ้นมาเพื่อฟู่หยุนชิงโดยเฉพาะเสียอีก แต่นักเขียนบทกลับกล่าวว่าเขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนแล้วจะแต่งบทละครออกมาให้เหมือนการแสดงของฟู่หยุนชิงได้อย่างไร นั่นแหละจึงทำให้ผู้กำกับรู้ว่าฝีมือการแสดงของฟู่หยุนชิงคือของจริง เขาได้แต่คิดในใจว่าหากมีบทที่เหมาะสมกับฟู่หยุนชิง เขาจะไม่คัดเลือกนักแสดงเลย แต่จะเลือกฟู่หยุนชิงมาแสดงในทันที ฟู่หยุนชิงที่ไม่รู้ว่าทุกคนคิดอย่างไรกับตนเองก็มอบรอยยิ้มการค้าให้กับทีมงานหลังจากขึ้นรถตู้
เหอจิ้งเกาที่ได้พบฟู่หยุนชิงอีกครั้งได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เขาหันไปมองเลขาเพื่อสอบถามว่าเธอมาแสดงละครเรื่องนี้ได้ยังไง เลขาที่ทราบข้อมูลแต่แรกจึงบอกเพียงว่าเธอไปแคสติ้งละครตามระบบ เหอจิ้งเกาจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขารู้ดีว่าระบบของบริษัทเป็นอย่างไร ที่บริษัทในเครือของเขาจะไม่มีการใช้เส้นสายเด็ดขาดในการคัดเลือกนักแสดง เหอจิ้งเกาจ้องมองฉากที่ฟู่หยุนชิงกำลังจะแสดงตาเขม็ง เขาอยากรู้ว่าเธอมีความสามารถมากขนาดไหนกับฉากที่ต้องใช้อารมณ์เช่นนี้ หยูเหมยที่คอยสังเกตเหอจิ้งเกาอยู่ได้แต่อิจฉาฟู่หยุนชิงที่ได้รับความสนใจจากชายผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศคนนี้ ไม่นานนักผู้กำกับก็สั่งให้ฟู่หยุนชิงเริ่มแสดงได้เมื่อเห็นเธอพยักหน้าว่าเธอพร้อมแล้ว ฟู่หยุนชิงเริ่มต้นการแสดงด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมทั้งสายตาไม่พอใจซึ่งแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี จากนั้นเธอได้แต่พึมพำว่าทำไมเรื่องถึงกลายเป็นเช่นนี้ ทั้งที่เธอวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเธอเป็นคนส่งเสริมพวกเขาเสียอย่างนั้น หลังจากฟู่หยุนชิงพึมพำได้สักครู่ เธอก็ปัดกาน้ำชาตกแตกเสียงดังอย่างไม่กลัวว่าใครจะเข้ามา เพราะก่อนหน้
หยูเหมยเล่นฉากนี้อีกครั้งกลับผ่านไปได้ด้วยดี ผู้กำกับได้แต่พรูลมหายใจอย่างโล่งอก เขาสั่งปิดกองทันทีที่ถ่ายฉากนี้เสร็จ วันนี้เขาเหนื่อยกับการต่อว่านางเอกของเรื่องมากจริง ๆ เหอจิ้งเกาที่เห็นว่าผู้กำกับสั่งปิดกองแล้ว เขาก็นั่งรอคุยกับผู้กำกับ ผู้ช่วยผู้กำกับและนักเขียนบทก่อน อย่างไรเขาก็มาถึงที่นี่แล้ว เขาจึงต้องการทราบกำหนดการและความคืบหน้าของการถ่ายทำว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทีมงานพากันเก็บของประกอบฉากอย่างรวดเร็ว ส่วนหยูเหมยเองก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแกะผมออกแล้วถามผู้จัดการว่าคนพวกนั้นที่จะให้ทำร้ายฟู่หยุนชิงอยู่ที่ไหน ผู้จัดการบอกว่าพวกเขาไปรอที่ตรอกนั้นก่อนหน้าแล้ว ฟู่หยุนชิงที่เห็นว่าผู้กำกับสั่งปิดกองแล้วเธอก็เดินออกจากสตูดิโอตามทางเดิมที่เธอคุ้นเคย แต่ฟู่หยุนชิงไม่นึกเลยว่าจะพบกับผู้ชายตัวโตนับสิบคนมายืนขวางทางเดินของเธอ พวกเขาทำสีหน้าลามกใส่ฟู่หยุนชิงอีกด้วย ยิ่งทำให้ฟู่หยุนชิงนึกขยะแขยงในใจ สีหน้าของเธอนิ่งเรียบอย่างไม่เกรงกลัวอันตราย“พวกแกต้องการอะไร”“มีคนสั่งให้มาสั่งสอนเธอน่ะสิน้องสาว ว๊าวว เธอสวยจริง ๆ นะว่าไหมพวกเรา เสียดายที่ตอนนี้ยังไม่มืด ไม่อย่างนั้
ฟู่หยุนชิงซื้ออาหารก่อนเข้าห้องพักของเธอในวันนี้พร้อมรอยยิ้ม เธอรอพรุ่งนี้ก็จะรู้แล้วว่ารายได้ทั้งหมดจากละครเรื่องแรกที่เธอแสดงเป็นตัวร้ายนั้นจะได้มากแค่ไหน นับว่าเธอคิดไม่ผิดที่ยังคงทำอาชีพเดิมของร่างเดิมอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถสะสมเงินได้ไวเช่นนี้เป็นแน่ในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ฟู่หยุนชิงนั่งกินอาหารที่ซื้อกลับมาด้วยอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งสะสมลมปราณอย่างสบายใจ ที่คืนนี้เธออยากสะสมลมปราณก็เพราะตลอดหนึ่งเดือนในการถ่ายทำนั้น ฟู่หยุนชิงต้องถ่ายทำทุกวัน เธอยังต้องซักเสื้อผ้าในตอนกลางคืนแทนการซักในตอนกลางวันเนื่องจากไม่มีเวลานั่นเอง เธอจึงเลือกที่จะไม่สะสมลมปราณในช่วงที่การถ่ายทำยังไม่จบสิ้น อีกอย่างคือลมปราณธรรมชาติที่นี่มีจำนวนน้อยแสนน้อย ฟู่หยุนชิงจึงไม่คิดมากเรื่องการสะสมลมปราณมากนัก อย่างไรตอนนี้เธอก็มีลมปราณถึงขั้นสามอยู่แล้ว ช่วงสายวันต่อมาหลังจากฟู่หยุนชิงกินอาหารและซักผ้าเสร็จแล้ว เสียงเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฟู่หยุนชิงรีบไปดูว่าใช่ยอดเงินเข้าของละครที่เธอเล่นตามที่ทีมงานบอกเอาไว้หรือไม่ ฟู่หยุนชิงเปิดโ
เมื่อลิฟท์เปิดออก ฟู่หยุนชิงรีบเดินไปที่ป้ายบริษัทเจิ้งกั๋วทันที เธอสอบถามพนักงานต้อนรับของบริษัทเหมือนที่เคยทำ พนักงานพอรู้ว่าเธอมาคัดเลือกนักแสดงก็ส่งเอกสารให้เธอกรอกข้อมูลส่วนตัวเหมือนครั้งก่อน ฟู่หยุนชิงกรอกเอกสารไม่นานนักก็ส่งกลับให้พนักงาน พนักงานตรวจสอบสักครู่ก่อนจะบอกให้ฟู่หยุนชิงเดินไปที่หน้าห้องอีกด้านหนึ่งเพื่อรอการคัดเลือกตอนเก้าโมงเช้า ฟู่หยุนชิงมองไปตามมือที่พนักงานชี้บอกแล้วจึงขอตัวไปที่นั่นทันที เธอไม่รู้ว่าวันนี้จะมีคนมาคัดเลือกเยอะมากหรือไม่ แต่อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่ต้องเข้าคัดเลือกหรอกนะ ฟู่หยุนชิงเดินไปถึงที่นั่นแล้วจึงพบว่ามีนักแสดงมาถึงก่อนหน้าเธอแล้วเกือบสิบคน ดีที่เธอยังมาถึงในเวลาไม่สายมากเกินไปนัก เธอจำหวงเหมยหงที่เคยแสดงหนังกับเธอในครั้งก่อนได้ ฟู่หยุนชิงไม่คิดว่าหวงเหมยหงจะมาแคสติ้งบทนี้เช่นเดียวกับเธอ หวงเหมยหงที่เห็นฟู่หยุนชิงมาที่นี่เช่นกันก็ได้แต่เบ้ปากอย่างเหยียดหยาม เธอกล่าวกับฟู่หยุนชิงเหมือนกับตัวเองเหนือกว่าฟู่หยุนชิงมากมายนักด้านการแสดง“อย่างเธอยังกล้ามาแคสติ้งบทยาก ๆ แบบนี้ด้วยเหรอฟู่หยุนชิง อย่าคิดนะ
กรรมการเมื่อเห็นว่าฟู่หยุนชิงพร้อมแล้วจริง ๆ พวกเขาก็พยักหน้าให้เธอลองแสดงได้เลย พวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่านักแสดงหญิงคนนี้จะตีความบทบาทที่ได้รับออกมาได้ดีเพียงใด ฟู่หยุนชิงใช้บทที่ได้รับมาแทนกระบี่ จากนั้นเธอก็ร่ายรำกระบี่ไปตามที่ใจนึก ทุกท่วงท่าไม่มีผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย มันทั้งสวยงามและอ่อนช้อยมากจริง ๆ แถมในช่วงท้ายของการร่ายรำกระบี่ยังรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของการฟาดฟันกระบี่อีกด้วย หลังจบกระบวนท่าแล้ว ฟู่หยุนชิงก็คำนับคณะกรรมการทั้งสามคนและบอกว่าเธอตีความบทบาทการแสดงเป็นเช่นนี้ ไม่ทราบว่าคณะกรรมการคิดเห็นเช่นไร หรือมีสิ่งใดต้องปรับปรุงบ้างก็สามารถบอกเธอได้เลย กรรมการทั้งสามคนที่ยังคงตกตะลึงก็ได้สติขึ้นมาเมื่อฟู่หยุนชิงพูดสอบถามพวกเขานั่นเอง กรรมการทั้งสามต่างปรบมือให้ฟู่หยุนชิงอย่างถูกอกถูกใจ พวกเขาบอกฟู่หยุนชิงว่าไม่มีอะไรจะต้องปรับปรุงเลยแม้แต่น้อย และเธอแสดงได้ดีมาก
กว่าหนึ่งชั่วโมงที่ฟู่หยุนชิงเดินเลือกซื้อสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ เธอยังสอบถามพวกอาหยงว่าอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมเธอจะได้ซื้อให้พวกเขาด้วย ซึ่งอาหยงกับอาเหว่ยก็บอกว่าพวกเขาไม่มีอะไรอยากได้ ให้ฟู่หยุนชิงจ่ายแค่สินค้าที่เธอเลือกมาเท่านั้นก็พอ ฟู่หยุนชิงจึงพยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไรมากมายนัก หลังจ่ายค่าสินค้าจำนวนไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นนมและอาหารบำรุงของคุณแม่ตั้งครรภ์เสร็จแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เดินนำพวกเขาลงไปยังชั้นล่างเพื่อซื้อชุดคลุมท้องราคาไม่แพงสำหรับใส่ในอนาคต จริงอยู่ว่าตอนนี้ท้องของเธอยังไม่ป่องออกมา แต่เธอคิดว่าการเตรียมการเอาไว้ก่อนนั้นย่อมดีกว่าแน่นอน ฟู่หยุนชิงเลือกซื้อชุดคลุมท้องมาได้สามสี่ตัวในราคาไม่ถึงหนึ่งพันเหรียญเธอก็ดีใจไม่น้อย แม้เนื้อผ้าจะไม่ดีเท่าเสื้อผ้าแบรนด์ที่เธอเคยซื้อก็ไม่เป็นไร อย่างไรเธอแค่ใส่ได้ก็เพียงพอแล้ว หลังจ่ายเงินและรับถุงมาถือเอง ฟู่หยุนชิงก็ชวนอาหยงกับอาเหว่ยกลับห้องพักทันที ตอนนี้เธอไม่มีอะไรที่อยากซ
อาหยงที่รับสายของฟู่หยุนชิงได้แต่กังวลว่าเธอเป็นอะไรมากหรือไม่ถึงกับต้องให้พวกเขาพาไปโรงพยาบาล อาเหว่ยรีบลงไปด้านล่างเพื่อสตาร์ทรถรออาหยงที่ขึ้นไปรับฟู่หยุนชิงที่ห้อง ไม่นานนักอาเหว่ยก็เห็นฟู่หยุนชิงที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยมีอาหยงเดินตามด้วยสีหน้ากังวลเช่นกัน ทุกคนขึ้นรถแล้ว อาเหว่ยก็ไม่รอช้า เขารีบค้นหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วตอนรอฟู่หยุนชิง เขาจึงออกรถไปยังทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พักของฟู่หยุนชิงนัก อาหยงรีบไปเปิดประตูให้กับฟู่หยุนชิง ก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินตามหลังฟู่หยุนชิงเข้าไปในโรงพยาบาล ด้านอาเหว่ยก็รีบเอารถไปจอดก่อนจะตามพวกเขาเข้าไปในโรงพยาบาลทีหลัง ฟู่หยุนชิงไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเคาเตอร์เพื่อบอกว่าเธอต้องการมาตรวจการตั้งครรภ์ทันที อาหยงได้ยินเข้าถึงกับตกใจ เขาก็ลืมไปว่าเธอกับเจ้านายเขามีอะไรกันตั้งแต่เกือบสองเดือนก่อนแล้ว เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าฟู่หยุนชิงจะ
ฟู่หยุนชิงหลังจากเข้าห้องแล้วก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ เหมือนปกติของเธอ ก่อนที่ฟู่หยุนชิงจะขึ้นไปนอนพักที่เตียงอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเมื่อคืนนี้กว่าที่เธอจะหมดฤทธิ์ยาก็เกือบจะเช้าแล้ว ถึงแม้เธอจะมีพลังลมปราณแต่การพักผ่อนอย่างถูกต้องก็ยังคงจำเป็นอยู่ บอดี้การ์ดทั้งสองเองก็ไปตรวจสอบห้องพักแล้วเห็นว่าพอจะอยู่ได้ พวกเขาคิดว่าฟู่หยุนชิงไม่น่าจะออกไปไหนอีกจึงพากันออกไปหาซื้อเสื้อผ้าเพิ่มเติม รวมทั้งอาหารที่ฟู่หยุนชิงยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าด้วย พวกเขาเองก็ไม่มีฝีมือการทำอาหารเหมือนเจ้านาย จึงได้แต่ซื้อสิ่งของจำเป็นมาไว้อุ่นให้กับฟู่หยุนชิงกินในช่วงเย็นแทน พวกเขารู้แต่แรกว่าฟู่หยุนชิงน่าจะนอนพักผ่อนเป็นแน่เพราะเมื่อคืนนี้กว่าเสียงในห้องจะหยุดไปก็เกือบเช้าแล้ว กว่าที่อาหยงกับอาเหว่ยจะซื้อของใช้จำเป็นกลับมาก็เป็นเวลาบ่ายกว่าแล้ว ฟู่หยุนชิงที่นอนเต็มอิ่มและท้องร้องจ๊อก ๆ ได้แต่ลุกขึ้นมาเพื่อที่จะออกไปซื้อของกินเธอนึกถึงบอดี้
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเหอจิ้งเการู้สึกได้ว่าตัวเองร่างกายเปลือยเปล่าก็ได้แต่นึกถึงวิธีการช่วยของเขาเมื่อคืนนี้ เธอรู้ดีว่าเขาทะนุถนอมเธอมากขนาดไหน ทำให้เช้านี้เธอไม่ถึงกับเจ็บมากมายนักกับครั้งแรกของเธอ เหอจิ้งเการู้สึกว่าคนในอ้อมแขนตื่นแล้วเขาจึงลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองเธอด้วยตาเป็นประกาย เมื่อคืนนี้จะบอกว่าเขาช่วยเธอด้วยความเต็มใจก็ไม่ผิดนัก เขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะบริสุทธิ์อยู่จริง ๆ จนกระทั่งเมื่อคืนนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นของเขาคนเดียว ทำให้เหอจิ้งเกายิ่งรู้สึกหวงคนตัวเล็กในอ้อมแขนมากขึ้นไปอีก ฟู่หยุนชิงเงยหน้าขึ้นมองเหอจิ้งเกา พอเธอเห็นว่าเขาตื่นแล้วจึงได้แต่ดิ้นอยากออกจากอ้อมแขนของเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ใช่ว่าเธอไม่อาย แต่เพราะเป็นเขาคนที่เธอเชื่อใจ ฟู่หยุนชิงจึงได้ปล่อยตัวให้เขาอย่างเต็มใจเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้ฟู่หยุนชิงต้องตื่นจากฝันแล้ว เธอไม่กล้าคิดว่าจะได้อะไรจากเรื่องนี้
คนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมเห็นฟู่หยุนชิงลุกจากโต๊ะจึงรีบตามเธอไปที่หน้าห้องน้ำทันที ส่วนเหอจิ้งเกาที่เดินมาหาฟู่หยุนชิงจากโต๊ะแล้วไม่เจอก็ได้แต่ร้อนรนและสอบถามคนในโต๊ะว่าฟู่หยุนชิงไปไหน พอรู้ว่าเธอไปที่ห้องน้ำ เขาและบอดี้การ์ดก็รีบตามไปทันที ระหว่างทางเหอจิ้งเกายังบอกให้บอดี้การ์ดเรียกบอดี้การ์ดที่รออยู่ฟร้อนหน้าโรงแรมจองห้องสวีทที่ดีที่สุดเอาไว้ก่อน เมื่อเหอจิ้งเกาไปถึงหน้าห้องน้ำหญิงเขาก็เห็นคนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมกำลังยื้อยุดอยู่กับฟู่หยุนชิง ฟู่หยุนชิงที่ถูกฤทธิ์ยาจนไร้เรี่ยวแรงได้แต่ฝืนตัวต่อสู้กับชายแปลกหน้าที่อยู่ ๆ ก็มาจับแขนของเธอแล้วบอกว่าจะพาเธอไปหาหมอ ฟู่หยุนชิงมองหน้าชายร่างใหญ่ที่กำลังดึงแขนเธออยู่มีหรือจะเชื่อ เธอจำได้ว่าชายคนนี้เป็นคนของผู้ร่วมทุนร่างท้วมที่กระซิบกันตอนเธอไปแนะนำตัว ฟู่หยุนชิงรู้ได้ทันทีว่าคงเป็นชายคนนั้นที่สั่งคนของเขาวางยาเธอ เธอพยายามกัดฟันต่อสู้กับชายร่างใหญ่เพื่อจะสลัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม ฟู่หยุนชิงมีใจต่อสู้แต่กลับไร้เรี่ยวแรง
วันต่อมาฟู่หยุนชิงทานอาหารเช้าและเที่ยงตรงเวลา ก่อนที่เธอจะเริ่มแต่งตัวหลังจากทานอาหารเที่ยงไปได้สองชั่วโมง ฟู่หยุนชิงไม่อยากเร่งรีบมากเกินไป การที่เธอจะไปถึงงานสายสักหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะนี่เป็นเพียงงานเลี้ยงของทีมงานเท่านั้น เธอไม่คิดที่จะไปเลียแข้งเลียขาใครแต่แรก อย่างไรการทำงานของเธอแต่ละงานจะต้องได้มาด้วยความสามารถของตัวเองมากกว่าการได้รับบทมาด้วยหนทางอื่น กว่าที่ฟู่หยุนชิงจะแต่งตัว แต่งหน้าและทำผมเสร็จก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว ฟู่หยุนชิงไม่ลืมที่จะถ่ายรูปตัวเองแล้วโพสต์ลงเว่ยป๋อพร้อมกับข้อความว่าเธอกำลังจะเดินทางไปงานเลี้ยงให้กับเหล่าผู้ติดตามได้ดู หลังปิดเว่ยป๋อแล้ว ฟู่หยุนชิงสำรวจของในกระเป๋าสีขาวของเธอว่าลืมอะไรหรือไม่ เมื่อพบว่าเธอไม่ลืมสิ่งใดแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ออกจากห้องเพื่อไปหาแท็กซี่ที่ป้ายรถเมล์เช่นเคย ฟู่หยุนชิงรออยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มีแท็กซี่ว่างผ่านมาพอดี เธอเดินไปโบกแท็กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทาง ก่อนจะเข้าไป
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฟู่หยุนชิงได้รับโทรศัพท์จากทีมงานเพื่อแจ้งสถานที่เลี้ยงฉลองรายได้หนังที่ตอนนี้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศแล้วด้วยรายได้มากกว่าห้าร้อยล้านเหรียญ ฟู่หยุนชิงที่ทราบว่ารายได้หนังที่เธอแสดงได้มากถึงขนาดนี้ก็ถึงกับเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ฟัง ทีมงานได้แต่เตือนฟู่หยุนชิงว่าอย่าลืมเวลานัดงานเลี้ยงซึ่งจะถูกจัดขึ้นในวันมะรืนนี้ที่โรงแรมกลางเมืองอีกเช่นเคย ฟู่หยุนชิงตอบรับคำเชิญและบอกว่าไปถึงแล้วเธอจะโทรหาทีมงานเอง หลังนัดแนะกันแล้วทั้งคู่ต่างวางสายไป ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ฟู่หยุนชิงไม่ได้ตามข่าวเรื่องหนังของตัวเองมากนัก มีเพียงเหล่าแฟนคลับที่บอกเธอว่ารายได้เปิดตัวหนังวันแรกก็เกือบหนึ่งร้อยล้านเหรียญแล้ว ฟู่หยุนชิงจึงไม่ได้ตามต่อว่าหนังของเธอจะมีรายได้เพิ่มอีกมากแค่ไหนภายในหนึ่งสัปดาห์ ฟู่หยุนชิงมัวแต่สนุกอยู่กับการฝึกฝนร่างกายของเธอให้แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าตอนที่ไปติดเกาะร้าง เธอรู้ดีว่าร่างเดิมไม่ชอบออกกำลังกายจึงทำให้ร่างกายนี้อ่อนแอไม่น้อย แน่นอนว่าระหว่
หลังอาหารเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงนำถุงต่าง ๆ ที่ได้รับจากแฟนคลับมาเปิดดู เธอยังถ่ายรูปการ์ดและสิ่งของที่แฟนคลับให้มาเอาไว้ทุกอันก่อนจะโพสต์รูปทั้งหมดลงในหน้าหลักเว่ยป๋อของเธอพร้อมคำขอบคุณอีกครั้ง ฟู่หยุนชิงไล่ดูรูปภาพที่เหล่าแฟนคลับแชร์มาให้เธอในเว่ยป๋อ เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะถ่ายภาพแทบจะทุกมุมตอนเธออยู่บนเวทีและด้านล่างหลังจากหนังฉายจบจนกระทั่งเธอได้ถ่ายรูปกับพวกเขาทุกคน ชาวเน็ตที่ไม่ได้ไปในเว่ยป๋อก็ได้แต่ชื่นชมฟู่หยุนชิงมากยิ่งขึ้นไปอีกที่เธอเป็นกันเองกับเหล่าแฟนคลับ ไม่เหมือนกับนักแสดงคนอื่นที่ต้องให้บอดี้การ์ดหรือทีมงานคอยกันเหล่าแฟนคลับเอาไว้ พวกเขาจะทำแค่ยื่นมือมาให้ลายเซ็นหรือทำเพียงแค่ยืนโพสต์ท่าให้แฟนคลับถ่ายรูปเท่านั้น แต่ในรูปที่แฟนคลับที่ไปงานเมื่อวานนี้นั้น มีรูปคู่ระหว่างฟู่หยุนชิงกับทุกคนที่ไปอย่างครบถ้วน ไม่ตกหล่นแม้แต่คนเดียว ทำเอาคนอื่น ๆ ได้แต่อิจฉาที่พวกเขาได้ใกล้ชิดกับฟู่หยุนชิงตัวจริง
สองชั่วโมงต่อมาหลังจากการฉายหนังจบลง เหล่านักข่าวและอินฟลูเอ็นเซอร์ทั้งหลายต่างปรบมือให้กับนักแสดงและทีมงานอย่างล้มหลาม พวกเขาดูหนังเรื่องนี้ซึ่งทั้งนักแสดงและผู้กำกับต่างทำออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ เพราะส่วนใหญ่แล้วหนังบู๊พีเรียดส่วนมากมักจะทำได้ไม่เหมือนจริงถึงขนาดนี้ ยิ่งฉากต่อสู้ของฟู่หยุนชิงด้วยแล้ว ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสมแล้วที่เหอจิ้งเกากับผู้กำกับจะชื่นชมเธอมากตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ดูหนังเต็มเรื่องเสียอีก นักข่าวต่างอยากสัมภาษณ์ฟู่หยุนชิงกันทั้งนั้น พวกเขาขอทีมงานซึ่งทางทีมงานเองก็อนุญาตให้สัมภาษณ์ได้หลังจากทุกคนออกจากโรงหนังไปที่สถานที่ที่จัดเตรียมการสัมภาษณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เหล่าแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเองก็เตรียมตัวรอฟู่หยุนชิงอยู่บริเวณที่พวกเขาเห็นทีมงานจัดเตรียมพื้นที่เพื่อให้สัมภาษณ์เช่นกัน พวกเขาอยากใกล้ชิดกับนักแสดงที่พวกเขาชื่นชอบมากขึ้นเท่านั้นจึงได้อดทนรอกันอยู่เช่นนี้ ส่วนแฟนคลับของนักแสดงคนอื่นท