หลังออกจากอาคารฮุ่ยหยวนแล้ว ฟู่หยุนชิงก็เดินทางกลับที่พักทันทีพร้อมกับเอกสารและบทละครของเธอ อีกหนึ่งสัปดาห์จึงจะถึงวันเริ่มถ่ายทำ ฟู่หยุนชิงยังมีเวลาเตรียมตัวอีกมากโข กว่าที่ฟู่หยุนชิงจะกลับถึงห้องพักก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้วเนื่องจากรถติดมากในช่วงเย็น ดีที่สถานที่ถ่ายทำนั้นอยู่นอกเมืองไม่ห่างจากหอพักของเธอนัก เรื่องการเดินทางฟู่หยุนชิงจึงไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ฟู่หยุนชิงรีบอาบน้ำทาครีมก่อนจะเดินลมปราณสองสามรอบแล้วเข้านอนไปพร้อมรอยยิ้มสมใจที่วันนี้เธอสามารถทำได้ตามที่ตัวเองตั้งเป้าหมายเอาไว้ ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา ฟู่หยุนชิงทดลองการแสดงตามบทของตัวเองและท่องจำบทเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงในการถ่ายทำ กระทั่งถึงวันที่เธอจะต้องไปที่สตูดิโอนอกเมืองเป็นครั้งแรก ฟู่หยุนชิงตื่นตั้งแต่ตีสี่เช่นเคย อย่างไรเธอก็อยากไปถึงให้เร็วกว่าคนอื่นเพื่อที่จะมีเวลาเตรียมตัวเพิ่มขึ้นมาบ้าง ไม่ถึงแปดโมงเช้า ฟู่หยุนชิงก็มาถึงสตูดิโอที่เจ้าหน้าที่ประสานงานบอกเธอเอาไว้ ฟู่หยุนชิงมองดูหมายเลขสตูดิโอเสร็จก็เดินหาเพื่อจะไปนั่งพักที่ด้านหน้ารอทีมงานและนักแสดงคนอื่น ๆ
ในฉากที่สองฟู่หยุนชิงกับหยูเหมยต่างแสดงได้ดีด้วยกันทั้งคู่ ทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผู้กำกับเห็นว่าวันนี้หมดคิวของฟู่หยุนชิงแล้วจึงให้เธอกลับก่อนได้ พรุ่งนี้ผู้กำกับสั่งให้เธอมาเวลาเดิมเพื่อถ่ายทำฉากต่อไป ส่วนนักแสดงนำและนักแสดงคนอื่น ๆ ยังมีฉากที่จะต้องถ่ายจนถึงตอนค่ำ ฟู่หยุนชิงพยักหน้าพร้อมกับขอบคุณทุกคนที่ช่วยให้เธอแสดงผ่านไปได้ด้วยดีในวันนี้ หลังกล่าวลาแล้วเธอก็ให้ทีมงานพาไปเปลี่ยนชุดล้างหน้า ถอดผมปลอมออกให้หมดก่อนจะล้างหน้าทาครีมแล้วจึงถือกระเป๋าของเธอพร้อมบทเดินออกจากห้องไปพร้อมรอยยิ้มการค้า ดีที่วันนี้ฟู่หยุนชิงใส่กางเกงมาจึงทำให้เธอเดินเหินได้สะดวก ตอนที่เธอแสดงในฉากนั้นเธอก็ไม่ได้ลำบากกับการเดินในชุดโบราณเหมือนกับนักแสดงคนอื่น อาจจะด้วยความเคยชินมาตั้งแต่เด็กกระมัง กิริยามารยาทของเธอมันจึงฝังลึกไปถึงจิตวิญญาณเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงซื้ออาหารหน้าปากซอยก่อนจะกลับห้องพัก วันนี้เธอได้กินเพียงข้าวเที่ยงที่ทีมงานนำมาให้เท่านั้น ส่วนนักแสดงนำทั้งสองคนต่างมีผู้จัดการนำอาหารมาให้เป็นการส่วนตัว ฟู่หยุนชิงได้แต่คิดว่าการมีผู้จัดการนับว่าสะดวกสบายกว่าการที่เธ
กว่าที่ทีมงานจะเก็บของเสร็จก็เย็นมากแล้ว ผู้กำกับสั่งให้นักแสดงคนอื่น ๆ กลับบ้านได้เลย พรุ่งนี้ค่อยไปถ่ายต่อกันที่สตูดิโอ ส่วนฟู่หยุนชิงเองขอกลับไปที่สตูดิโอพร้อมกับทีมงาน โดยเธอให้เหตุผลว่าที่พักของเธอใกล้กับสตูดิโอมากกว่าที่นี่ ทีมงานและผู้กำกับเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีเสียอีกที่พวกเขาจะได้มีเพื่อนเดินทางกลับด้วยกันหลาย ๆ คน อีกอย่างวันนี้พวกเขายิ่งไม่เชื่อข่าวลือมากขึ้นไปอีกเกี่ยวกับฟู่หยุนชิงว่าเธอใช้เส้นสายถึงได้รับบทนี้ ในเมื่อทุกคนต่างเห็นกับตากันแล้วว่าเธอแสดงได้ดีมากเพียงใด อาจจะดียิ่งกว่านางเอกหน้าใหม่หลายคนเสียด้วยซ้ำไป ผู้กำกับเองยังคิดว่าบทนี้เขียนขึ้นมาเพื่อฟู่หยุนชิงโดยเฉพาะเสียอีก แต่นักเขียนบทกลับกล่าวว่าเขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนแล้วจะแต่งบทละครออกมาให้เหมือนการแสดงของฟู่หยุนชิงได้อย่างไร นั่นแหละจึงทำให้ผู้กำกับรู้ว่าฝีมือการแสดงของฟู่หยุนชิงคือของจริง เขาได้แต่คิดในใจว่าหากมีบทที่เหมาะสมกับฟู่หยุนชิง เขาจะไม่คัดเลือกนักแสดงเลย แต่จะเลือกฟู่หยุนชิงมาแสดงในทันที ฟู่หยุนชิงที่ไม่รู้ว่าทุกคนคิดอย่างไรกับตนเองก็มอบรอยยิ้มการค้าให้กับทีมงานหลังจากขึ้นรถตู้
เหอจิ้งเกาที่ได้พบฟู่หยุนชิงอีกครั้งได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เขาหันไปมองเลขาเพื่อสอบถามว่าเธอมาแสดงละครเรื่องนี้ได้ยังไง เลขาที่ทราบข้อมูลแต่แรกจึงบอกเพียงว่าเธอไปแคสติ้งละครตามระบบ เหอจิ้งเกาจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขารู้ดีว่าระบบของบริษัทเป็นอย่างไร ที่บริษัทในเครือของเขาจะไม่มีการใช้เส้นสายเด็ดขาดในการคัดเลือกนักแสดง เหอจิ้งเกาจ้องมองฉากที่ฟู่หยุนชิงกำลังจะแสดงตาเขม็ง เขาอยากรู้ว่าเธอมีความสามารถมากขนาดไหนกับฉากที่ต้องใช้อารมณ์เช่นนี้ หยูเหมยที่คอยสังเกตเหอจิ้งเกาอยู่ได้แต่อิจฉาฟู่หยุนชิงที่ได้รับความสนใจจากชายผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศคนนี้ ไม่นานนักผู้กำกับก็สั่งให้ฟู่หยุนชิงเริ่มแสดงได้เมื่อเห็นเธอพยักหน้าว่าเธอพร้อมแล้ว ฟู่หยุนชิงเริ่มต้นการแสดงด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมทั้งสายตาไม่พอใจซึ่งแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี จากนั้นเธอได้แต่พึมพำว่าทำไมเรื่องถึงกลายเป็นเช่นนี้ ทั้งที่เธอวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเธอเป็นคนส่งเสริมพวกเขาเสียอย่างนั้น หลังจากฟู่หยุนชิงพึมพำได้สักครู่ เธอก็ปัดกาน้ำชาตกแตกเสียงดังอย่างไม่กลัวว่าใครจะเข้ามา เพราะก่อนหน้
หยูเหมยเล่นฉากนี้อีกครั้งกลับผ่านไปได้ด้วยดี ผู้กำกับได้แต่พรูลมหายใจอย่างโล่งอก เขาสั่งปิดกองทันทีที่ถ่ายฉากนี้เสร็จ วันนี้เขาเหนื่อยกับการต่อว่านางเอกของเรื่องมากจริง ๆ เหอจิ้งเกาที่เห็นว่าผู้กำกับสั่งปิดกองแล้ว เขาก็นั่งรอคุยกับผู้กำกับ ผู้ช่วยผู้กำกับและนักเขียนบทก่อน อย่างไรเขาก็มาถึงที่นี่แล้ว เขาจึงต้องการทราบกำหนดการและความคืบหน้าของการถ่ายทำว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทีมงานพากันเก็บของประกอบฉากอย่างรวดเร็ว ส่วนหยูเหมยเองก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแกะผมออกแล้วถามผู้จัดการว่าคนพวกนั้นที่จะให้ทำร้ายฟู่หยุนชิงอยู่ที่ไหน ผู้จัดการบอกว่าพวกเขาไปรอที่ตรอกนั้นก่อนหน้าแล้ว ฟู่หยุนชิงที่เห็นว่าผู้กำกับสั่งปิดกองแล้วเธอก็เดินออกจากสตูดิโอตามทางเดิมที่เธอคุ้นเคย แต่ฟู่หยุนชิงไม่นึกเลยว่าจะพบกับผู้ชายตัวโตนับสิบคนมายืนขวางทางเดินของเธอ พวกเขาทำสีหน้าลามกใส่ฟู่หยุนชิงอีกด้วย ยิ่งทำให้ฟู่หยุนชิงนึกขยะแขยงในใจ สีหน้าของเธอนิ่งเรียบอย่างไม่เกรงกลัวอันตราย“พวกแกต้องการอะไร”“มีคนสั่งให้มาสั่งสอนเธอน่ะสิน้องสาว ว๊าวว เธอสวยจริง ๆ นะว่าไหมพวกเรา เสียดายที่ตอนนี้ยังไม่มืด ไม่อย่างนั้
ฟู่หยุนชิงซื้ออาหารก่อนเข้าห้องพักของเธอในวันนี้พร้อมรอยยิ้ม เธอรอพรุ่งนี้ก็จะรู้แล้วว่ารายได้ทั้งหมดจากละครเรื่องแรกที่เธอแสดงเป็นตัวร้ายนั้นจะได้มากแค่ไหน นับว่าเธอคิดไม่ผิดที่ยังคงทำอาชีพเดิมของร่างเดิมอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถสะสมเงินได้ไวเช่นนี้เป็นแน่ในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ฟู่หยุนชิงนั่งกินอาหารที่ซื้อกลับมาด้วยอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งสะสมลมปราณอย่างสบายใจ ที่คืนนี้เธออยากสะสมลมปราณก็เพราะตลอดหนึ่งเดือนในการถ่ายทำนั้น ฟู่หยุนชิงต้องถ่ายทำทุกวัน เธอยังต้องซักเสื้อผ้าในตอนกลางคืนแทนการซักในตอนกลางวันเนื่องจากไม่มีเวลานั่นเอง เธอจึงเลือกที่จะไม่สะสมลมปราณในช่วงที่การถ่ายทำยังไม่จบสิ้น อีกอย่างคือลมปราณธรรมชาติที่นี่มีจำนวนน้อยแสนน้อย ฟู่หยุนชิงจึงไม่คิดมากเรื่องการสะสมลมปราณมากนัก อย่างไรตอนนี้เธอก็มีลมปราณถึงขั้นสามอยู่แล้ว ช่วงสายวันต่อมาหลังจากฟู่หยุนชิงกินอาหารและซักผ้าเสร็จแล้ว เสียงเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฟู่หยุนชิงรีบไปดูว่าใช่ยอดเงินเข้าของละครที่เธอเล่นตามที่ทีมงานบอกเอาไว้หรือไม่ ฟู่หยุนชิงเปิดโ
เมื่อลิฟท์เปิดออก ฟู่หยุนชิงรีบเดินไปที่ป้ายบริษัทเจิ้งกั๋วทันที เธอสอบถามพนักงานต้อนรับของบริษัทเหมือนที่เคยทำ พนักงานพอรู้ว่าเธอมาคัดเลือกนักแสดงก็ส่งเอกสารให้เธอกรอกข้อมูลส่วนตัวเหมือนครั้งก่อน ฟู่หยุนชิงกรอกเอกสารไม่นานนักก็ส่งกลับให้พนักงาน พนักงานตรวจสอบสักครู่ก่อนจะบอกให้ฟู่หยุนชิงเดินไปที่หน้าห้องอีกด้านหนึ่งเพื่อรอการคัดเลือกตอนเก้าโมงเช้า ฟู่หยุนชิงมองไปตามมือที่พนักงานชี้บอกแล้วจึงขอตัวไปที่นั่นทันที เธอไม่รู้ว่าวันนี้จะมีคนมาคัดเลือกเยอะมากหรือไม่ แต่อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่ต้องเข้าคัดเลือกหรอกนะ ฟู่หยุนชิงเดินไปถึงที่นั่นแล้วจึงพบว่ามีนักแสดงมาถึงก่อนหน้าเธอแล้วเกือบสิบคน ดีที่เธอยังมาถึงในเวลาไม่สายมากเกินไปนัก เธอจำหวงเหมยหงที่เคยแสดงหนังกับเธอในครั้งก่อนได้ ฟู่หยุนชิงไม่คิดว่าหวงเหมยหงจะมาแคสติ้งบทนี้เช่นเดียวกับเธอ หวงเหมยหงที่เห็นฟู่หยุนชิงมาที่นี่เช่นกันก็ได้แต่เบ้ปากอย่างเหยียดหยาม เธอกล่าวกับฟู่หยุนชิงเหมือนกับตัวเองเหนือกว่าฟู่หยุนชิงมากมายนักด้านการแสดง“อย่างเธอยังกล้ามาแคสติ้งบทยาก ๆ แบบนี้ด้วยเหรอฟู่หยุนชิง อย่าคิดนะ
กรรมการเมื่อเห็นว่าฟู่หยุนชิงพร้อมแล้วจริง ๆ พวกเขาก็พยักหน้าให้เธอลองแสดงได้เลย พวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่านักแสดงหญิงคนนี้จะตีความบทบาทที่ได้รับออกมาได้ดีเพียงใด ฟู่หยุนชิงใช้บทที่ได้รับมาแทนกระบี่ จากนั้นเธอก็ร่ายรำกระบี่ไปตามที่ใจนึก ทุกท่วงท่าไม่มีผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย มันทั้งสวยงามและอ่อนช้อยมากจริง ๆ แถมในช่วงท้ายของการร่ายรำกระบี่ยังรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของการฟาดฟันกระบี่อีกด้วย หลังจบกระบวนท่าแล้ว ฟู่หยุนชิงก็คำนับคณะกรรมการทั้งสามคนและบอกว่าเธอตีความบทบาทการแสดงเป็นเช่นนี้ ไม่ทราบว่าคณะกรรมการคิดเห็นเช่นไร หรือมีสิ่งใดต้องปรับปรุงบ้างก็สามารถบอกเธอได้เลย กรรมการทั้งสามคนที่ยังคงตกตะลึงก็ได้สติขึ้นมาเมื่อฟู่หยุนชิงพูดสอบถามพวกเขานั่นเอง กรรมการทั้งสามต่างปรบมือให้ฟู่หยุนชิงอย่างถูกอกถูกใจ พวกเขาบอกฟู่หยุนชิงว่าไม่มีอะไรจะต้องปรับปรุงเลยแม้แต่น้อย และเธอแสดงได้ดีมาก
“ไม่ว่าลูกสาวหรือลูกชาย ผมก็ชอบทั้งนั้นที่รัก ขอบคุณนะครับที่ยอมเหนื่อยตั้งท้องให้ผมกับลูกได้มีลูกสาวอีกคน”“ใช่ครับ ๆ แม่เก่งที่ซู๊ดเลย หลังจากนี้ผมจะปกป้องน้องสาวเป็นอย่างดีนะครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นมั้ยครับพ่อ ผมบอกแล้วว่าต้องเป็นน้องสาว ฮิ ฮิ”“ครับผม ลูกชายพ่อเก่งมากเลย เราปล่อยให้แม่นอนพักผ่อนกันก่อนดีกว่า”“ที่รักนอนพักก่อนเถอะนะ รอให้ลูกตื่นก่อนคุณค่อยลุกมาให้นมก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ คุณกับลูกก็นอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวพอลูกสาวเราตื่นคงไม่ได้พักผ่อนกันแน่เลย ท่าทางลูกสาวคนจะซนกว่าพี่ชายน่าดู กว่าฉันจะคลอดได้เลยเสียเวลาไปเยอะ”“ฮ่า ฮ่า จริงเหรอที่รัก ไม่ต้องกังวลไป อย่างไรเสี่ยวหมิงน่าจะดูแลน้องได้นะ” เหอจิ้งเกาจูบหน้าผากภรรยาแล้วอุ้มเสี่ยวหมิงหอมแก้มแม่ให้นอนพักผ่อน ส่วนพวกเขาพ่อลูกก็เข้าไปนอนที่เต
หลังหนังจบ เหอจิ้งเกาเห็นว่าภรรยากับลูกชายง่วงมากแล้ว เขาจึงไม่ให้ทั้งสองคนให้สัมภาษณ์นักข่าวหรือพูดคุยกับแฟนคลับ ซึ่งเขาสั่งให้บอดี้การ์ดไปบอกแฟนคลับของฟู่หยุนชิงเอาไว้ก่อน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เข้าใจฟู่หยุนชิงผิดสัปดาห์ต่อมา รายได้ของหนังที่ฟู่หยุนชิงแสดงยังขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศเหมือนเคย ทำให้ผู้กำกับและทีมงานต่างดีใจที่หนังเรื่องนี้คนดูชอบและนักวิจารณ์ยังกล่าวถึงหนังไปในทางบวกแทบทุกคน เหล่าแฟนหนังยังอยากดูภาคสองของเรื่องนี้อีกต่างหาก เสียดายที่ฟู่หยุนชิงต้องหยุดถ่ายทำเพื่อเลี้ยงลูกก่อน ทำให้ผู้กำกับไม่อยากนำคนอื่นมาแสดงแทน เขาตั้งใจจะรอฟู่หยุนชิงคนเดียวห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ใกล้กำหนดคลอดของฟู่หยุนชิงเข้าไปทุกที เหอจิ้งเกาที่กลัวภรรยาจะคลอดก่อนกำหนดอีกจึงขอร้องให้ฟู่หยุนชิงไปพักที่ รพ.ก่อนสักสองสามวัน แน่นอนว่าพวกเขาพ่อลูกก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย&n
ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเคลียร์งานเสร็จในเดือนถัดมา ฟู่หยุนชิงก็จำเป็นต้องเข้าร่วมงานเปิดตัวหนังรอบปฐมทัศน์ เหอจิ้งเกาจึงพาเสี่ยวหมิงไปให้กำลังใจและคอยดูแลฟู่หยุนชิงด้วย เพราะตอนนี้ท้องของฟู่หยุนชิงเริ่มขยายใหญ่มากขึ้นเนื่องจากใกล้เข้าสู่เดือนที่สี่ของการตั้งครรภ์แล้ว ระหว่างทางที่กำลังจะไปยังโรงหนังในห้างสรรพสินค้าใหญ่ของเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงได้แต่บ่นว่าสามีห่วงมากเกินไป“ความจริงฉันมากับลูกก็ได้นะคะ มันทำให้คุณเสียเวลาทำงานไปด้วยโดยใช่เหตุ”“เฮ้อ ที่รัก ผมจะปล่อยให้คุณกับลูกมากันเองได้ยังไง ในเมื่องานนี้มีคนเข้าร่วมมากมาย หากใครชนท้องคุณเข้าจะทำยังไงล่ะที่รัก เชื่อผมเถอะ รับรองว่าผมไม่กวนตอนคุณอยู่บนเวทีแน่ที่รัก”“ใช่ครับแม่ ให้พ่อพามาดีแล้วครับ ผมเองก็เป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคนน่าจะเยอะมากจริง ๆ นะครับแม่”“เอาล่ะ ๆ ยังไงก็มากันแล้วนี่นะ แม่จะไม่บ่นแล้วก็ได้”
ระหว่างที่ฟู่หยุนชิงกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น เหอจิ้งเกาก็ให้ลูกน้องนำงานมาให้ทำที่บ้าน เพราะเขาอยากดูแลลูกกับภรรยาด้วยตัวเอง กระทั่งสามวันต่อมาที่เป็นวันนัดของหมอเพื่อตรวจครรภ์ของฟู่หยุนชิงมาถึง ทั้งสามคนต่างเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า หลังอาหารเช้าพวกเขาจึงออกจากบ้านเพื่อไปที่ รพ. ระหว่างนั่งรถอยู่นั้น ฟู่หยุนชิงก็คุยกับสามีเรื่องลูกคนที่สอง“คุณคะ ครั้งนี้เรามาลุ้นกันดีไหมคะว่าลูกจะเป็นชายหรือหญิง ฉันไม่อยากรู้ก่อนเหมือนตอนเสี่ยวหมิงน่ะค่ะ ดีไหมลูก”“ได้จ๊ะ ผมตามใจคุณอยู่แล้ว เรารอลุ้นก็สนุกดีเหมือนกันนะ”“ดีครับแม่ ผมอยากลุ้นว่าน้องของผมจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง อีกตั้งหลายเดือนกว่าที่แม่จะคลอดน้องอ่ะ ยังไงผมจะช่วยแม่ดูแลน้องหลังคลอดนะครับ”“ขอบใจมากจ๊ะลูก แล้วลูกอยากไปโรงเรียนตอนกี่ขวบ แม่เห็นส่วนใหญ่เด็กสามขวบก็เข้าเรียนอนุบาลกันแล้วนะ”
เมื่อพวกเขามาถึงร้านนาฬิกา พนักงานในร้านรีบออกมาต้อนรับฟู่หยุนชิงเช่นกันกับพนักงานร้านก่อนหน้านี้ พวกเขาได้รับข่าวมาก่อนหน้าจากร้านเสื้อผ้าแล้วว่าภรรยาของท่านประธานกับนายน้อยมาเดินเล่นที่นี่ ด้วยการข่าวอันฉับไว ทุกร้านในห้างจึงเตรียมพนักงานเอาไว้ต้อนรับกันแต่แรกแล้ว“ไม่ทราบว่าคุณมีนาฬิกาคู่รักหรือเปล่าคะ? กับนาฬิกาของเด็กขนาดเดียวกับแขนลูกชายของฉัน”“มีทั้งสอบแบบเลยค่ะ เชิญคุณลูกค้าตามดิฉันมาดูนาฬิกาคู่รักก่อนนะคะ พอดีเพิ่งมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน เผื่อว่าคุณลูกค้าถูกใจ” ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับคำและเดินตามพนักงานไปพร้อมอาหยงที่อุ้มเหอเสี่ยวหมิงอยู่ ส่วนอาเหว่ยก็เดินตามหลังฟู่หยุนชิงไปไม่ไกลเช่นกัน อาเหว่ยได้แต่คิดว่าตอนนี้ทั้งห้างคงรู้แล้วว่านายหญิงมา ดูจากการบริการที่รวดเร็วและไม่ถามที่มาที่ไปแบบนี้ นับว่าผู้จัดการห้างมีความสามารถไม่น้อยที่แจ้งข่าวให้ร้านต่าง ๆ ทราบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโม
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที
เหอจิ้งเกาใช้เวลาไม่นานในการซื้อของ เขาอยากรีบกลับไปทำอาหารให้ฟู่หยุนชิงจะแย่แล้ว บอดี้การ์ดเองก็รีบขับรถกลับบ้านให้เจ้านายตามที่พวกเขาเห็นว่าเจ้านายดูเร่งรีบไม่น้อย เมื่อถึงบ้านแล้ว เหอจิ้งเกาก็เห็นพ่อบ้านมายืนรออยู่แล้ว บอดี้การ์ดช่วยถือวัตถุดิบอาหารเข้าไปยังห้องครัวให้กับเหอจิ้งเกา เขาบอกพ่อบ้านว่ามื้อเย็นเขาจะทำอาหารเอง ให้แม่บ้านทำอาหารให้กับพวกบอดี้การ์ดกับพวกเขาก็พอ พ่อบ้านรับคำเหอจิ้งเกาแล้วเดินไปบอกกับแม่บ้านทั้งสองคนให้ไปทำอาหารที่ครัวของอีกตึกหนึ่งซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ คราแรกแม่บ้านทั้งสองคิดว่าเจ้านายไม่พอใจอาหารของพวกเธอก็พากันตกใจไม่น้อย แต่พอพ่อบ้านบอกว่าเจ้านายอยากทำอาหารให้นายหญิงด้วยตัวเองเท่านั้น พวกเธอจึงได้เบาใจลง พวกเธอไม่อยากหางานใหม่เพราะอายุที่มากแล้วและที่นี่ก็ให้ค่าตอบแทนสูงมากอย่างน่าตกใจแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการต้องพักที่นี่และทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ช่วยกันทั้งสี่คน  
หวงเหมยหงกับลี่ลี่ที่ถูกเหอจิ้งเกาจัดการไม่ให้มีงานในวงการก่อนหน้านี้พอได้ข่าวเรื่องเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ได้แต่คิดอิจฉาและแค้นใจที่เหอจิ้งเกาทำกับพวกเธอแบบนี้ ทั้งสองคนไม่อยากให้พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุขง่าย ๆ จึงได้จ้างโกสต์เพื่อแพร่ข่าวว่าฟู่หยุนชิงวางยาเหอจิ้งเกาจนต้องรับผิดชอบในปีนั้น แถมยังสร้างข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของฟู่หยุนชิงมากมายอีกด้วย เลขาที่ให้คนคอยติดตามข่าวอยู่ตลอดรู้ในทันทีที่มีข่าวแพร่ออกมา เขารีบแจ้งให้เจ้านายทราบอย่างเร่งด่วนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง“ให้คนสืบว่าใครเป็นคนทำ และปิดข่าวอย่าให้ฟู่หยุนชิงรู้ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายใจ”“ได้ครับเจ้านาย แล้วถ้ารู้ตัวคนทำแล้วจะให้ทำยังไงต่อไปดีครับ”“ค้นหาเรื่องราวของคนทำที่ทำเรื่องสกปรกออกมาให้หมด แล้วส่งให้สำนักข่าวทุกสำนัก รวมทั้งให้คนกระจายข่าวออกไปตามสื่อโซเชียลด้วย หลังจากได้หลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างข่าวเสีย
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เหอจิ้งเกาให้พ่อบ้านพาเขาไปดูห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เขากับฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิง พ่อบ้านรีบรับคำและเดินนำเจ้านายทั้งสามไปอย่างช้า ๆ เขารู้มาก่อนแล้วว่านายหญิงกำลังท้องอยู่จึงไม่กล้าเดินเร็วเกินไปนักด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะจับมือนายหญิงอยู่ก็เถอะ เขาก็ควรจะต้องระวังเอาไว้ให้มากจะดีที่สุด พ่อบ้านพาทุกคนไปดูห้องใหญ่ของเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก่อนที่ปีกซ้ายชั้นสองของบ้าน ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำกว้างขวางในตัว รวมทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินที่กว้างพอ ๆ กับห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำและมีประตูเปิดเข้าไปได้ อีกด้านหนึ่งของห้องมีระเบียงกว้าง โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ด้านหลังบ้านซึ่งมองเห็นทะเลสาบและสวนดอกไม้อยู่ ฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงที่เห็นทุกอย่างตามที่พ่อบ้านอธิบายก็พอใจมากกับห้องที่เขาเลือกให้เธอและเหอจิ้งเกา หลังจากที่สำรวจดูคร่าว ๆ แล้ว ฟู่หยุนชิงจึงบอกพ่อบ้า