เมื่อเดินเข้าใกล้ระยะ 1 เมตร หล่อนย่อกายลงเดินด้วยเข่าเข้าไปด้านข้างเขา ฝ่ามือสั่นเล็กน้อยขณะค่อยๆ วางถาดเครื่องนวดกับพื้น ระยะที่ใกล้กันขนาดนี้ส่งผลให้หัวใจหล่อนเต้นรัวเร็ว ร้อนวูบวาบไปทั้งร่างกาย โดยเฉพาะที่ใบหน้า แต่ก็ต้องสะกดกลั้นไว้ให้ได้ เม้มริมฝีปากแน่น ผ่อนลมหายใจเบาๆ ค่อยๆ ชำเลืองมองเขาที่หันหน้าไปอีกทาง เพียงแค่เห็นด้านหลังตั้งแต่เรือนผมดำขลับตัดสั้นสะอาด ต้นคอแข็งแกร่ง บ่ากว้าง ไหล่หนา และแผ่นหลังมีกล้ามเนื้อ หัวใจหล่อนก็ยิ่งสั่น ทว่าไม่ใช่สั่นด้วยความกลัว แต่เป็นสั่นจากสัญชาตญาณที่ต่อยอดจากเมื่อคืน หล่อนอยากลูบไล้ผิวกายของเขา อยากบีบคลึงความเข้มแข็งตึงแน่นของมัดกล้าม อยาก... แตะริมฝีปากสัมผัส เฮือก... แต่ทุกความคิดต้องสะดุดลงเมื่อเขาขยับกาย เอื้อมดาวจ้องเขม็ง เตรียมตัวเตรียมใจหากเขาหันมา ทว่าเขายังนอนนิ่ง หล่อนเองเสียอีกที่ทั้งตื่น ทั้งสั่นไปทั่วร่าง หล่อนกลัวใจตัวเอง กลัวว่าหล่อนจะเป็นฝ่ายเสนอและเรียกร้องให้เขาช่วยกินหญ้าอ่อนต้นนี้ หากชีวิตที่เป็นอยู่ในขณะนี้แขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความหวาดหวั่น เกรงว่าสักวันคงต้องตกเป็นของเล่
เอื้อมดาวมองแผ่นหลังกว้างเปล่าเปลือย แม้สิ่งที่ตัดสินใจจะดูสิ้นคิดไร้ยางอายที่นำเสนอตัวเองให้เขา แต่หล่อนก็เลือกแล้วด้วยความเต็มใจของตัวเอง ไม่มีใครบังคับขืนใจให้หล่อนทำแบบนี้ จะมีสักกี่ครั้งที่คนอย่างหล่อนจะตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้ นอกจากถูกแม่สั่งการทุกอย่าง นี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวก็ได้ที่หล่อนเลือกด้วยตัวเอง “รอสักครู่นะคะ” หล่อนบอกเขาพร้อมนิ้วมือเคลื่อนแตะปมเชือกที่ผูกรัดตัวเสื้อ ค่อยๆ รูดออกจนสุดสาย ก่อนจะถอดเสื้อผ้าฝ้ายสีครีมออกจากตัว ตามด้วยปลดเชือกคาดผ้าซิ่นสีน้ำตาล ขยับตัวเพียงนิดผ้าซิ่นก็กองอยู่กับพื้น เอื้อมดาวพับเสื้อวางทบไว้บนผ้าซิ่นที่พับเรียบร้อย ดวงตาสวยหวานจับจ้องแต่เพียงแผ่นหลังกว้าง เม้มริมฝีปากเพียงนิดเพราะขณะนี้กายท่อนบนของหล่อนมีเพียงเสื้อชั้นในลูกไม้สีขาวดูบอบบางทว่ากลับทำหน้าที่โอบประคองความอวบอิ่มไว้ ส่วนกายท่อนล่าง บิกินีตัวจิ๋วก็แทบจะปิดบังอำพรางอะไรไม่ได้ และไม่นานทั้งคู่ก็คงหลุดออก หล่อนเอื้อมมือไปด้านหลัง นิ้วมือแตะที่ตะขอ ค่อยๆ ปลดออกจนเนื้อลูกไม้ล่นขึ้นเหนือเนินอวบ หล่อนห่อกายเข้าหากัน
อย่างนั้นเหรอ หล่อนอยากให้เขากินใช่ไหม ถึงได้เสนอตัวเชิญชวนมากมายอย่างนี้ ทั้งเนื้อตัวอวบอิ่มน่ากินน่าฟอนเฟ้น ทั้งกลิ่นหอมที่เขาแยกไม่ออกว่ามาจากกลิ่นน้ำมันหอมระเหย หรือมาจากตัวหล่อนกันแน่ รู้แต่ว่าทุกส่วนในร่างกายเขาตื่นไม่ยอมหลับ และไม่เป็นผลดีต่อเอื้อมดาวแน่ เพราะขืนอยู่นานกว่านี้ หล่อนต้องเป็นคนทำให้มันหลับ “ว่าไงเอื้อมดาว ไม่รู้หรือไงว่านวดแบบนี้สุดท้ายแล้วจะจบยังไง หืม...” เสียง ‘หืม’ นั่นคือเขาอยากรู้เหตุผลที่หล่อนทำตัวไร้ยางอายแบบนี้ใช่ไหม หล่อนอยากตอบออกไปแต่ไม่กล้า คำพูดเหล่านั้น หล่อนเคยแค่คิดแต่ไม่เคยเอ่ยออกไป แม้แต่พูดกับตัวเองก็ไม่เคย แล้วเขาจะให้หล่อนพูดได้อย่างไร “หืม... เอื้อมดาว ถ้าไม่บอก... ฉันจะกลับ” ดวงตาสวยหวานเปิดขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ เล่นเอาหัวใจแกร่งอ่อนยวบ เพราะหยาดน้ำเครือคลอในนั้นหมายความว่ายังไง หล่อนฝืนใจหรือว่าหล่อนเต็มใจ อย่างไหนกันที่เอื้อมดาวเป็น “จะบอกได้หรือยัง” เขาอยากรู้จนต้องถามหล่อนซ้ำ “หนู... หนูรู้ค่ะ” “รู้แล้วทำไมยังทำ ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ หรือเธอเห็นฉันชื่อ
“คุณปูรณ์ขา...” หล่อนเรียกพร้อมกับโถมกายไปกอดรัดแผ่นหลังของเขาเอาไว้ จะไม่ยอมให้เขาก้าวไปจากห้องนี้ทั้งที่เข้าใจหล่อนผิด หล่อนจะพูดทุกอย่างที่ใจคิด ในเมื่อห้องนี้มีแค่เขากับหล่อน แล้วหล่อนจะต้องอายจะต้องกลัวอะไรอีก ในเมื่อโลกสอนให้หล่อนเรียนรู้ที่จะเรียกร้องสิ่งที่ต้องการมาเป็นของตัวเอง วันนี้หล่อนก็จะเรียกร้องสิ่งที่หัวใจต้องการ เพราะหล่อนไม่มีทางรู้ได้เลยว่า วันอื่นๆ ที่จะมาถึง หล่อนจะปกป้องตัวเองไว้ได้ หรือจะมีใครมาปกป้องหล่อนอีก ปูรณ์อึ้งเมื่ออ้อมแขนเล็กกอดตวัดรัดเขาจากด้านหลังจนหน้าอกขนาดใหญ่ดุนดัน ยิ่งหล่อนสะอื้น เขาก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความอวบ และเขากำลังจะทนไม่ไหว หากเอื้อมดาวยังคลอเคลียกับเขาอยู่แบบนี้ ความอวบอิ่มหอมกรุ่นไปทั้งเนื้อทั้งตัวของหล่อน อาจทำให้เขาสติแตกและจัดการกับหล่อนตามแรงเร่งเร้าจากไอ้ดุ้นแข็ง ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขาเป็นคนทำลายหล่อนด้วยมือตัวเอง ซึ่งเขาจะไม่ทำ “ปล่อยฉันเอื้อมดาว ถ้าเธอไม่ปล่อยฉันไม่รับประกันว่าเธอจะอยู่รอดถึงพรุ่งนี้ เพราะเธออาจจะเดินไม่ไหวแล้วก็ได้” “หนูไม่ปล่อยค่ะ จนกว่าคุณปูรณ์จะเข้าใ
“คุณปูรณ์คะ ช่วยกินหนู หนูขอเป็นหญ้าอ่อนให้คุณปูรณ์กินนะคะ ไม่ว่าคุณปูรณ์จะกินหนูครั้งเดียวแล้วไม่กลับมากินอีก จะกินทิ้งกินขว้าง หรือจะทำยังไงกับหนูก็ตาม หนูก็เต็มใจค่ะ หนูอยากให้คุณปูรณ์ เพราะตั้งแต่วันนี้ไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หนูก็จะได้ชื่อว่ามอบความสาวให้กับผู้ชายที่หนูรักไปแล้ว หนูจะไม่เสียใจอะไรอีก” “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง เอื้อมดาว... ฮะ! เธอหมายความว่ายังไง ใครจะกินเธอต่อจากฉัน พูดมาเดี๋ยวนี้! ของที่ฉันกินแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้ใครกินอีก จำเอาไว้! และเธอเป็นของฉัน เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น!” แรงบีบที่ต้นแขนสร้างความเจ็บ แต่เอื้อมดาวกลับยิ้ม ‘เธอเป็นของฉัน’ นั่นหมายความว่าคุณปูรณ์เองก็หวงแหนหล่อน เขาจะปกป้องหล่อน “ค่ะ หนูเป็นของคุณปูรณ์ ของคุณปูรณ์คนเดียวเท่านั้น หนูจะไม่เป็นของใครอีก” เอื้อมดาวหลับตาพริ้มยามที่ท่อนแขนแกร่งตวัดรัดร่างของหล่อนแนบอกก่อนที่เขาจะโอบอุ้มหล่อนและเดินกลับไปยังทิศทางของที่นอนนุ่ม จากนั้นน้ำมันที่หกเลอะหน้าอกของหล่อนก็ได้ใช้งาน เมื่อฝ่ามือร้อนรุ่มหยาบใหญ่นั้นทาบทับลงมา “คุณปูรณ์...” เอื้อ
คำตอบของเอื้อมดาวทำให้ปูรณ์อึ้ง แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก แค่คำตอบธรรมดา ง่ายๆ ทั้งที่เป็นคำพูดของเขาเองแท้ๆ แต่เขากลับตื่นตัว น้ำเสียง ใบหน้า และลมแผ่วเบาจากปาก เอื้อมดาวยั่วเขาอีกแล้ว ยั่วจนเขาแทบขาดสติ “คุณปูรณ์คะ หนูพูดอะไรผิด” นิ้วมือเรียวสวยแตะที่ข้างแก้มของเขา ดวงตาใสซื่อกับคำถามบ้องแบ๊ว... นี่เอื้อมดาวอยากยั่วให้เขาตายเลยใช่ไหม “ไม่ผิด เธอพูดไม่ผิด แต่... เธอยั่ว” “หนูยั่ว... อุ้ย!” นั่นล่ะ เสียงอุทานเบาๆ จากนั้นเอื้อมดาวก็ต้องรับบทลงโทษจากเขา ปูรณ์สอดลิ้นจ้วงลึกตามใจปรารถนาแต่ยังคอยผ่อนรอดูว่าเอื้อมดาวจะหายใจมั้ย และเมื่อลมหายใจแผ่วๆ ปะทะปลายจมูก รอยยิ้มจึงเกิดขึ้นบนใบหน้าคมคร้าม ทั้งที่ริมฝีปากยังบดเบียด เอื้อมดาวหลับตาพริ้มผ่อนปรนลมหายใจตามที่เขาบอก หล่อนได้กลิ่นมิ้นท์เจือกลิ่นบุหรี่จางๆ กลิ่นของเขา กลิ่นที่ทำให้หล่อนตื่นตัวไปกับปลายลิ้นสัมผัส ลิ้นร้อนตวัดรัดรึงลิ้นน้อยๆ ของหล่อน ดูดดึงราวจะพาลิ้นไปจากปาก และจู่ๆ ก็ปล่อย ให้หล่อนเป็นฝ่ายผวาสอดลิ้นจ้วงเข้าหาเขาบ้าง
เอื้อมดาวบิดกายไปมาคล้ายกำลังอยู่ในเรือช่วงฤดูมรสุม เขากำลังทำให้หล่อนสำลักความซ่านเสียวจนหัวหมุน “คุณปูรณ์... อื้อ... คุณปูรณ์ขา...” เอื้อมดาวยังคงครวญครางไม่ได้ศัพท์ เพราะความร้อนวูบวาบจากฝ่ามือของเขาแตะต้องลงที่ส่วนใด หล่อนก็ผวาเข้าหาเขาทั้งตัว และตอนนี้คุณปูรณ์กำลังทำให้หล่อนสั่นเป็นเจ้าเข้า เมื่อฝ่ามือร้อนๆ ของเขากำลังไต่สำรวจดอกไม้งามที่ให้ความรู้สึกร้อนผ่าวจนหล่อนอยากจะอ้าขาออกกว้างๆ เพื่อให้ความร้อนได้ผ่อนบรรเทาด้วยแรงลมพัดผ่าน ความสากร้อนที่รู้ว่าเป็นฝ่ามือของผู้ชาย ค่อยๆ ลูบไล้ต่ำลงมาเบื้องล่าง เอื้อมดาวรู้สึกคล้ายลมหายใจจะติดขัด จนหล่อนต้องผ่อนลมหายใจกระหืดกระหอบด้วยความเสียว เมื่อรับรู้ว่านิ้วมือของเขาแตะไปตามขอบบิกินีตัวจิ๋ว หล่อนก็ต้องสะท้านแอ่นกายเข้าหา อยากให้เขากระชากสิ่งขวางกั้นนี้ออกให้สิ้น อย่าได้มีอะไรมากั้นกลางระหว่างเขากับหล่อนเลย แต่เขาไม่ได้กำจัดมันทิ้ง นิ้วมือสากๆ นั้นลากอยู่บนลวดลายอ่อนโยน เสียดสีปลายนิ้วกับความอ่อนนุ่มของหล่อน “อา... คุณปูรณ์ขา...” เขาทำเหมือนลูบไล้ หยอกเย้า และพร้อมจะก
“อืม... หวาน... เอื้อมจ๋า... หวานเหลือเกิน” ปูรณ์ตวัดปลายลิ้นร้อนตักตวงน้ำหวานกลืนกิน น้ำหวานของเอื้อมดาวช่าง ‘หวาน’ และ ‘หอม’ อย่างที่คาดเดาไว้จริงๆ และแหล่งผลิตก็สวยสดหมดจด จนเขาอยากแยงลิ้นเข้าไปควานหาครั้งแล้วครั้งเล่า อยากเซาะลิ้นเข้าไปตามรอยแยกของกลีบดอกไม้ที่แย้มออกจากกันเพียงน้อยเพราะปลายลิ้นเขาสอดแทรกไม่มีหยุด เขาดูดดื่มกลืนกินความหวาน สูดดมความหอม ยิ่งดูดดื่มก็ยิ่งเมามัน อยากกิน อยากชิมให้อิ่ม และยิ่งได้ยินเสียงครางกระเส่าของเอื้อมดาว เขายิ่งเพิ่มความเร็วของปลายลิ้น กวาดต้อน ตวัดระริก โบกสะบัดลิ้นร้อนสอดใส่ไม่ว่าจะเป็นซ้ายขวาหรือแม้แต่ข้างบนข้างล่าง ปลายลิ้นร้อนก็ส่งเข้าไปชอนชิม เพราะเสียงครวญครางราวจะขาดใจที่ได้ยิน ไม่ต่างจากตัวเร่งเร้าให้เขาต้องไปให้เร็วกว่าเดิม “อา... อา... คุณปูรณ์... อื้อ... คุณปูรณ์... ซี้ด... โอว...” เอื้อมดาวร่ำร้องไม่ขาดปากเพราะหล่อนไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้ เมื่อทุกสัมผัสจากปลายลิ้นสร้างความร้อนรุ่มแต่เพลิดเพลินเหมือนว่าหล่อนกำลังล่องลอยขึ้นไปในอากาศ เพราะสะโพกหล่อนแอ่นร่อนไม่ติดพื้น
คุณปูรณ์พาหล่อนก้าวเดินเข้ากระโจม ด้านในนั้นมีเตียงนอนสีขาวสะอาดตาถูกจัดเตรียมไว้ไม่ต่างจากที่หล่อนเคยเห็นตอนส่งตัวน้ำว้าเข้าหอ หมอนสองใบวางเคียงกัน บนเตียงมีกลีบกุหลาบสีชมพูตกแต่งเป็นรูปหัวใจจนทั่วทั้งห้องมีแต่กลิ่นกุหลาบ เจ้าบ่าวหล่อที่สุด ค่อยๆ วางหล่อนบนที่นอนก่อนที่เขาจะทาบทับลงมา และทำท่าจะ... “คุณปูรณ์คะ... แขกยังอยู่เลยนะคะ” หล่อนเอียงหน้าหลบจมูกโด่งที่ซุกไซ้ซอกคอ “อยู่แล้วยังไง เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเข้าหอ ใครๆ เขาก็รู้ว่าจะทำอะไรกัน” จมูกโด่งซุกไซ้ข้างแก้ม ใบหู ไรผม ต้นคอ พร้อมริมฝีปากพูดแนบชิดจนหล่อนเริ่มหายใจติดขัด คุณปูรณ์กำลังปลุกอารมณ์หล่อน และหล่อนก็ร้อนง่ายเหลือเกิน “วันนี้เอื้อมเป็นของฉันจริงๆ แล้วนะ และฉันก็เป็นของเอื้อม เป็นของเอื้อมคนเดียวตลอดไป เข้าหอกันนะทูนหัว ไม่เช้าไม่ออก” ปูรณ์ยิ้มกับเจ้าของใบหน้าสวยที่ส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้ เพราะแปลว่าหล่อนยินยอม ริมฝีปากอุ่นจัดทาบลงบนกลีบปากบอบบางก่อนจะละเลียดปลายลิ้นเข้าชอนชิมความหวาน จากนั้นก็ไม่มีพื้นที่ใดทั่วทั้งร่างกายของเอื้อมดาวที่ร
สายตาร้อนแรงราวกับเป็นเอื้อมดาวคนละคนมองตรงไปยังกายแกร่งที่เดินไปนั่งพิงแผ่นหลังหน้าก้อนฟางอัดแน่นจนเป็นโซฟาตัวยาวบุเบาะนวมนุ่ม ดวงตาคมเข้มจ้องมองมาที่หล่อน มือก็สาวความแข็งแกร่งรอคอย เอื้อมดาวรู้หน้าที่ดี หล่อนคลานเข้าหา ลีลาไม่ต่างจากนางแมวยั่วสวาท ตาก็จองมองสิ่งนั้น สิ่งที่จะเติมเต็มความร้อนรุ่มรุนแรงของหล่อนให้บรรเทา สิ่งที่จะสอดแทรกสู่ร่างกายและทำให้หล่อนไม่ทรมาน แต่เมื่อมือน้อยๆ ไขว่คว้าได้ คุณปูรณ์กลับรั้งร่างหล่อนขึ้นมาจูบ “คุณปูรณ์ขา... ซี้ด... ขอหนูนะคะ หนูอยากได้ ซี้ด... ขอหนู... คุณปูรณ์ขา...” “อืม... ใจเย็นๆ นะเอื้อมจ๋า... ฉันยังเล็มหญ้าอ่อนไม่อิ่มเลย” เอื้อมดาวมองเขาฉงน เขาจะกินหล่อนต่อ... ยังไง และเขาก็บอกวิธีการกิน แต่หล่อนไม่กล้า แม้จะอยากจนกอหญ้าเต้นระริกคันยิบ “มาเถอะเอื้อมจ๋า... เอามาให้ฉันกิน” “มัน... เอ่อ... จะดีเหรอคะ หนู...” “เอื้อมรู้ว่ามันจะดี มาเถอะ ฉันหิว...” คำว่า ‘หิว’ มาพร้อมกับคุณปูรณ์แหงนศีรษะพาดไว้ที่เบาะนุ่ม ปลายลิ้นที่แลบออกมาส่ายร่อนอยู่เหนือริมฝีปาก
สิ่งแรกที่เห็นคือเขายิ้มกว้าง ดวงตาคมเข้มมีแววสนุกเหล่ตาไปข้างซ้ายข้างขวาคล้ายจะให้หล่อนมองตาม และสิ่งที่เห็นก็ทำให้หล่อนตื่นตะลึง มือป้องปิดริมฝีปากที่พร้อมจะเปล่งเสียงร้องไห้โฮ เพราะทั่วบริเวณคือสถานที่จัดงานแต่งงานขนาดย่อมท่ามกลางบรรยากาศของโรงนา มีเวทีขนาดเล็กอยู่สุดทางเดิน มีภาพของหล่อนกับเขาในหลากอิริยาบถประดับไปทั่ว “อยู่ที่นี่ด้วยกันนะเอื้อม อ้อมกอดนี้และหัวใจดวงนี้เป็นของเอื้อมจริงๆ” “คุณปูรณ์ล้อหนูเล่นหรือเปล่าคะ หรือหนูฝัน” เอื้อมดาวขยับยุกยิกเหมือนจะหยิกตัวเอง ทำให้ปูรณ์ยิ่งขำ เขากอดรัดร่างหอมกรุ่นแน่นขึ้น จดจมูกที่หน้าผากและเรือนผมนุ่ม อยากกอดรัดหล่อนแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ไม่อยากให้เอื้อมดาวห่างหายไปไหน ช่วงเวลาเกือบ 1 เดือนที่มีร่างเล็กๆ นี้นอนแนบข้าง ไม่เคยมีค่ำคืนใดที่ว่างเว้น เรียกได้ว่าแค่ขอให้มีโอกาส เขาก็พร้อมจะพาเอื้อมดาวโลดแล่น และเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่หล่อนขอไปหาฟ้ารุ่งที่ร้าน เขาก็แทบจะขาดใจ แล้วเดือนหน้าหล่อนต้องไปเรียน เขาไม่ต้องตามไปเฝ้ากันเลยเหรอ เวลานี้เขารู้แล้วว่าความรักมันมีอานุภาพร้า
แม่เปิดปากเล่าเรื่องราวที่ทำให้พ่อลาออกจากงานที่ฟาร์มแล้วมาเปิดร้านวัสดุการเกษตร เพียงเพราะเพื่อนนินทาว่าพ่อเลี้ยงแม่เหมือนเมียเก็บ วันวันอยู่แต่ไร่แต่ฟาร์ม เพราะว่าแม่อายุห่างจากพ่อมาก แม่จึงร่ำร้องให้พ่อตามใจ เพราะอยากประกาศให้เพื่อนฝูงรู้กันให้ทั่วว่าแม่เป็นเมียของพ่อ เป็นเจ้าของร้านค้า โดยที่แม่ไม่คำนึงถึงความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน “พ่อรักแม่มากเลยนะคะ” “ใช่ พ่อรักแม่มาก แต่แม่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง” “คะ...” “เพราะเอื้อมไงละ เอื้อมทำให้แม่เห็นว่าพ่อรักแม่มากแค่ไหน” เอื้อมดาวพยักหน้ารับทั้งน้ำตา “ตอนนั้นแม่เพิ่งสิบแปด ยังเด็กมาก มีลูกก็ไม่อยากจะเลี้ยงด้วยซ้ำ อยากแต่งตัวสวยๆ อยากให้คนมองอย่างชื่นชม แต่เอื้อมไม่เหมือนแม่นะ เอื้อมเป็นผู้ใหญ่กว่าแม่มาก เอื้อมเข้มแข็งและแม่มั่นใจว่าเอื้อมจะทำได้ดีกว่าแม่ ที่สำคัญคุณปูรณ์เขาไม่ได้เห็นเอื้อมเป็นเมียเก็บ เชื่อแม่” .. เอื้อมดาวกลับเข้ามาที่ฟาร์มช่วงบ่าย แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านพัก คนงานก็มาบอกว่าคุณปูรณ์ให้หล่อนไปพบที่โรงนาหลังเก่าที่กำลังปรับปรุงไว้ส
แกร๊ก... ฟ้ารุ่งผินมองคนที่เปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะหันไปสนใจเครื่องประทินผิวหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หล่อนต้องรีบแต่งหน้าให้เสร็จเร็วไว เพราะใกล้เวลาเปิดร้านเต็มที ทว่าคนที่เดินเข้ามาแล้วไม่พูดอะไรก็ทำให้ฟ้ารุ่งหงุดหงิด “แกจะพูดอะไรก็พูดมา ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังแกทั้งวันหรอกนะ” คำพูดห้วนจากน้ำเสียงหวานๆ ของแม่ทำให้เอื้อมดาวเม้มริมฝีปากแน่น ขอบตาร้อนผ่าว คงไม่มีวันที่จะพูดจาดีๆ กันอีกแล้ว แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาเกือบเดือน จนแน่ใจว่าไอ้เสี่ยโบ้จะไม่มาวุ่นวายกับแม่กับหล่อนอีก คุณปูรณ์จึงอนุญาตให้แม่กลับมาดูแลร้านได้ และคุณปูรณ์ก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับแม่ เขาแค่ยั่วหล่อนเล่น แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนกับแม่ก็ยังเหมือนคนแปลกหน้ากันอยู่ดี หรืออาจเรียกได้ว่าตั้งแต่วันนั้นก็แทบเป็นคนไม่รู้จัก เพราะแม่ไม่เคยพูดกับหล่อนอีกเลย แต่หล่อนล่ะ หล่อนจะทนอยู่ในสภาพแบบนี้ได้เหรอ อยู่แบบไม่มีแม่ แม้แม่จะไม่เห็นว่าหล่อนเป็นลูก แต่แม่ก็เป็นแม่ของหล่อนเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ “แม่ยังโกรธหนูอยู่เหรอคะ” ฟ้ารุ่งชะงักมือท
เอื้อมดาวล่องลอยไปกับความปรารถนาเพราะทุกจุดสัมผัสบนร่างกายถูกจู่โจมพร้อมๆ กัน จนหล่อนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายยิ่งบดเบียดเสียดสีดอกไม้งามที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำหวานกับความแข็งแกร่งของเขา จนในที่สุด ทุกอย่างก็ถูกสอดใส่ ทั้งๆ ที่หล่อนและเขายังสวมใส่เสื้อผ้าครบ นั่นทำให้เอื้อมดาวได้อีกประสบการณ์ความเสียวที่เพียงแหวกช่องทาง ทุกอย่างก็สอดใส่เข้าหากันได้ “อ่ะ...” หล่อนชะงักร่าง เพราะสิ่งที่หล่อนนั่งทับให้สอดแทรกเข้าสู่ร่างกาย ใหญ่จนหล่อนไม่กล้าทิ้งตัวนั่งลงไปตรงๆ “เจ็บเหรอ” “ไม่ค่ะ หนู... หนูแค่ตกใจ... เอ่อ... คุณปูรณ์ใหญ่” หล่อนตอบแต่เขากลับหัวเราะ “คุณปูรณ์หัวเราะอะไรคะ” “ก็หัวเราะคนพูดตรง” “เอ่อ... ไม่ดีเหรอคะ หนู... ไม่ควรพูดเหรอคะ” “ไม่ใช่ไม่ควร ควรมากเลยละ เพราะยิ่งพูด... ฉันก็ยิ่งแข็ง” “ว้าย! คุณปูรณ์...” เอื้อมดาวผวาเพราะสิ่งที่แข็งเด้งสวนขึ้นมาพร้อมกับฝ่ามือแกร่งที่ขยับโขยกสะโพกของหล่อนเร็วรี่ จนเสียงร้องตกใจกลายเป็นเสียงครวญครางไม่ขาดปาก จากนั้นเสียงของเขาเสียงของหล่อนก็สอดประสาน เ
ดวงตาคมเข้มกร้าวขึ้นทันทีที่ไอ้เสี่ยโบ้พูดจบ ทว่าแววตาก็ต้องอ่อนลงเมื่อฝ่ามือนุ่มนิ่มของใครบางคนเอื้อมมากระชับที่ต้นแขน “หือ...” เขาทำเสียงน้อยๆ ในลำคอ เชิงถามว่าหล่อนต้องการอะไร “เขาหมายความว่าอะไรคะ” น้ำเสียงกระซิบแผ่วเบาทำให้ปูรณ์ต้องกระชับฝ่ามือนุ่ม บีบเบาๆ ให้คลายความกังวล “ไม่มีอะไร เอื้อมออกไปข้างนอกก่อนนะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” เขาตอบเสียงนุ่มแผ่วเบา ก่อนจะเรียกเป้ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มาพาเอื้อมดาวออกไปก่อน “จะรีบไปไหนล่ะครับดอกเบี้ย ยังไม่ได้เก็บสักดอก” ทว่าคำพูดของไอ้เสี่ยโบ้กลับทำให้เอื้อมดาวชะงักหันมองตื่นตะลึง ก่อนจะได้ยินเสียงแม่กรีดร้องคร่ำครวญ แต่หล่อนก็ได้สติเมื่อฝ่ามืออบอุ่นบีบกระชับ ม่านน้ำตาที่ก่อเกิดทำให้เห็นทุกสิ่งรางเลือนแต่กลับเห็นแววอ่อนโยนจากดวงตาคมเข้มชัด “ออกไปก่อนนะเอื้อม เชื่อฉัน” “แต่แม่...” “ไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น ทางนี้ฉันจัดการเอง” เอื้อมดาวพยักหน้าทั้งที่สั่นสะอื้น แต่แค่หล่อนลุกขึ้น เหล่าบอดี้การ์ดของไอ้เสี่ยโบ้ก็เข้ามาล้อมจน
สิ่งที่ปูรณ์ให้นทีไปทำก็คือ ให้ทนายเข้ามาดูแลเรื่องการโอนโฉนดที่ดินและบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของเขา เพราะตอนที่ฟ้ารุ่งมาอ้างว่าจะนำเงินไปปรับปรุงร้าน เขาให้ทนายทำเป็นสัญญาขายฝากเอาไว้ แล้วหล่อนไม่สนใจสิ่งใดมากกว่าได้เงินครบตามที่ต้องการหรือเปล่า ดังนั้นการลงชื่อในเอกสารทุกแผ่น จึงไม่ใช่สิ่งที่ฟ้ารุ่งจะสนใจ แน่นอนว่าเอกสารเหล่านั้นมีใบมอบอำนาจให้ทนายดำเนินการแทนฟ้ารุ่งได้ทุกอย่าง ซึ่งเขาไม่เคยอยากให้เป็นแบบนี้ แต่ต้องกันเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นป่านนี้บ้านพร้อมที่ดินผืนนี้คงกลายเป็นของไอ้เสี่ยโบ้ไปแล้ว ตอนนั้นเขาถือว่าทำเพราะต้องการรักษาทรัพย์สินของพิภพไว้ให้ลูกสาว ส่วนเป้ยนั้นเขาให้ไปส่งข่าวให้ไอ้เสี่ยโบ้รู้ว่าเขาแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่เข้ามาบริหารงานที่ร้านนวดแทนฟ้ารุ่ง เพราะเขาซื้อกิจการต่อจากฟ้ารุ่งแล้ว ดังนั้นฟ้ารุ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาบ้านและที่ดินผืนนี้ไปใช้หนี้เสี่ยโบ้อีก และคำสั่งของเขา ส่งผลให้ร้านนวดของฟ้ารุ่งมีแขกมาเยี่ยมเยือนในทันที “ผมได้ข่าวว่าคุณปูรณ์มาเทคโอเวอร์ร้านนวดของฟ้ารุ่ง” ปูรณ์มองผู้ชายวัย 30 กว่า แต่งกายด้วย
เอื้อมดาวมองสำรวจใบหน้าของคนหล่อ ค่อยๆ แตะนิ้วมือที่แนวคิ้วเข้ม เปลือกตาของเขาที่หลับพริ้ม สันจมูกโด่ง และลงมาถึงริมฝีปาก ทุกสิ่งจริงจนหล่อนต้องหลับตาส่ายหน้า ขอให้เมื่อหล่อนลืมตาอีกครั้งนี่จะไม่เป็นเพียงความฝัน ทั้งหมดที่หล่อนเห็นและจับต้องได้อยู่ขณะนี้คือความจริง “อุ้ย!” สิ่งที่ยืนยันได้ไม่ใช่ตาหล่อนที่เห็น แต่เป็นริมฝีปากร้อนผ่าวอ้าอมปลายนิ้วของหล่อนเอาไว้ และเมื่อหล่อนลืมตามอง คุณปูรณ์ก็ตอกย้ำความจริงด้วยการรั้งศีรษะหล่อนเข้าหาและมอบความรุมร้อนแนบริมฝีปากของหล่อน จูบเร่าร้อนแต่หวานที่สุดละเลียดไล้อยู่บนกลีบปากหวาน จนหล่อนมึนงงสับสนจนต้องโอบท่อนแขนรอบลำคอของเขา คุณปูรณ์ทำให้หล่อนล่องลอยราวกำลังไต่ขึ้นสวรรค์ ร่างกายของหล่อนบางเบา มีแต่แสงสีขาวรายล้อม ความสุขกำลังก่อตัว ความทุกข์ที่หล่อนคิดว่ามากมายพลันสลายไปไม่หลงเหลือ อา... ร่างกายหล่อนเบาหวิว ก่อนจะนอนราบบนที่นอนนุ่ม โดยมีเขาทาบทับ “คุณปูรณ์...” “หืม... ว่าไง” ชื่อของเขาเปล่งออกจากปาก หล่อนเห็นเขาฟอนเฟ้นเต้าอวบอัด ที่หล่อนไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าหลุ