คำพูดคล้ายจะถูกดูดกลืนเข้าไปในลำคอเพราะไม่มีสักจุดที่ขี้ริ้ว ไม่ว่าจะเป็นคางมนที่น่าใช้นิ้วเชยขึ้นเพื่อรับจูบดูดดื่ม ปากอวบอิ่มที่ขยันทำปากเจ่อๆ เรียกร้องให้เขาบดความรุมร้อนลงไปหา จมูกโด่งน้อยๆ แต่พองาม จนเขาอยากจะคีบที่ปลายและขยี้เบาๆ อย่างมันเขี้ยว โดยเฉพาะดวงตากลมโตเต็มไปด้วยแววบ้องแบ๊ว และผิวละเอียดขาวอมชมพูน่าดมน่าลูบไล้ เพราะหล่อนได้ยีนจากทางแม่ซึ่งเป็นสาวญี่ปุ่นมาเต็มๆ
ทั้งหมดนั้นเร้าอารมณ์เขาชะมัด และทุกครั้งที่หางตาเหลือบมองเส้นผมดำยาวที่หล่อนรวบไว้เป็นหางม้าปัดป่ายไปตามเรือนร่างขณะก้าวเดิน จำเพาะที่ปลายเส้นผมนั้นละอยู่บริเวณบั้นเอว นั่นยิ่งทำให้จินตนาการของเขาเพริศแพร้ว คิดไปถึงยามหางม้านั้นถูกปลดออก ปล่อยปลายผมละกับสะโพก หรือเวลาที่เส้นผมนั้นกระจายเต็มปลอกหมอน เต็มที่นอน อืม... จะเซ็กซี่ได้แค่ไหน
ทั้งหมดเป็นสิ่งกระตุ้นให้เขาอยากรู้อยากลองว่าภายใต้ความบ้องแบ๊วนั้น หากหล่อนมาอยู่ใต้ร่างของเขา แววตานั้นจะมองเขาเช่นไร จะเปลี่ยนไปเป็นวาบหวามได้แค่ไหน โดยเฉพาะความอวบอิ่ม
อืม… หล่อนเป็นสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นขนานแท้ เพราะส่วนนูนนั้นเด่นเกินหน้าเกินตาสาวไทย นูนจนแทบจะทิ่มหน้าเขาทุกครั้งที่อยู่ใกล้
อืม… 36 หรือจะ 38
อืม… น่าจะพอดีมือ
“เฮ้ย! ไวทย์ แกทำอะไรวะ”
“ฮะ! เฮ้ย! เปล่า!” ไวทย์เสียงสูง พยายามนึกว่าเมื่อกี้เขาพูดอะไรอยู่
“แกทำ ก็แกทำมือแบบเนี้ย” ปัถย์ทำมือกะขนาดตาม ยิ้มเย้าเมื่อไวทย์ปฏิเสธเสียงแข็ง
“ข้าบอกว่าเปล่าก็เปล่าสิวะ”
“ปัถย์อย่าไปแกล้ง” ปูรณ์ห้ามปัถย์ หันไปพูดกับไวทย์ “พูดต่อสิไวทย์ ทำไมเอ็งถึงคิดว่าพี่เขยจะไม่ยกลูกสาวใส่พานให้เอ็ง”
“ก็อย่างยายหนูหน่อยหาสามีดีๆ ได้แน่ หรือถ้าพี่โน้ตอยากหาสามีให้ลูกสาว เขาก็มีลูกเพื่อน ลูกของลูกค้า พวกหนุ่มเซเลป ไฮโซทั้งหลายแหล่ตั้งมากนี่ครับ ผมไม่เห็นแรงจูงใจอะไรเลยที่พี่โน้ตจะเห็นดีเห็นงามกับพี่วิว”
“ที่นายพูดมามันก็ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจทั้งหมดหนิ เรื่องคนรวยเจอคนรวยพี่ยอมรับ แต่พี่เขยนาย เขาเป็นแบบนั้นเหรอ และถ้าเขารวยมากๆ อย่างที่นายบอก เขาก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหาคนรวยให้ลูกสาวนี่หว่า เพราะถ้าเป็นลูกสาวพี่ พี่หาคนดีว่ะ แล้วนายคิดว่านายเข้าคุณสมบัตินั้นหรือเปล่าล่ะ...”
“ไม่อ่ะพี่ปูรณ์ ยังไงผมก็ไม่เชื่อหรอก”
ปูรณ์ยิ้มกับคำตอบของไวทย์ แต่ปัถย์ยิ้มเยาะ
“ไม่เชื่อเอ็งก็คอยดู ถ้าเอ็งตกหลุมรักหนูหน่อยไปแล้ว เอ็งปีนขึ้นไม่ได้แน่ รักมันหนักอก หมดแรง”
“ข้าไม่เอาเด็กทำเมียหรอก”
ไวทย์มองสบสายตาเพื่อน หน้าเครียด ภาวนาอย่าให้สิ่งที่ปูรณ์กับปัถย์คิดเป็นจริงเลย แม้เขาจะพอใจกับรูปโฉมของหนูหน่อย แต่เขายังไม่อยากมีเมีย แถมเมียเด็ก เขายิ่งไม่อยาก บอกแล้วไม่ชอบของใหม่ เขาชอบของเคยมือของรู้งานมากกว่า
“จำคำพูดเอ็งไว้ไอ้หมอ ข้าจะคอยดู ใช่มั้ยพี่ปูรณ์”
ปูรณ์ไม่ตอบแต่ยิ้มกริ่ม ดวงตาคมเข้มมองไปนอกห้องกระจก ที่ตรงนั้นเจ๊แหม่มกำลังพูดคุยกับลูกค้ารุ่นเดอะอย่างออกรสชาติ
“ข้าชอบหญ้าแก่”
ไวทย์พูดกับปัถย์แต่เป็นปูรณ์ที่หันมาตอบ
“แต่นั่นไม่ใช่หญ้าแก่ นั่นไก่แก่แม่ปลาช่อน ข้าจอง”
“พี่ปูรณ์!!”
หนุ่มรุ่นน้องหัวเสียแต่ปูรณ์ยิ้มกริ่ม เพราะนั่นน่ะสเปคของเขา
.
.
“เด็กมันยั่วเลยหลวมตัวไปหน่อย… ผีซ้ำด้ามพลอย ถึงคราวมันต้องเปลืองตัว… เอิ้ก!”
เสียงเพลงกระท่อนกระแท่นเปล่งออกมาตามจำนวนดีกรีในกระแสเลือดของคนร้อง ทว่านั่นไม่ใช่ทั้งปูรณ์และปัถย์แต่ดันเป็นคนเจ้าปัญหาในค่ำคืนนี้ คนที่บอกว่าไม่เอาเด็ก แต่ดันร้องเพลงเด็กมันยั่วไม่หยุดตั้งแต่อยู่ในร้านจนปัถย์ขับรถพามาส่งที่บ้านพักท้ายฟาร์ม และปูรณ์ก็ขับรถของปัถย์ตามมา จนถึงเดี๋ยวนี้ไวทย์ก็ยังไม่หยุดร้อง
“เฮ้ย! ไวทย์ ถึงบ้านแล้วนะโว้ย! ข้าว่าเอ็งหยุดร้องก่อนดีมั้ย”
“หยุด! หยุดทำไมว่ะปัถย์ ถ้าดีก็ไม่ต้องหยุดสิวะ ร้องต่อ! เอ้า! ดนตรีมา! ... ผู้หมวดครับ หมวดจะทำไฉน เมื่อหมวดหิวข้าวตาลาย แต่ข้าวไม่มีสักทะนาน มีคนใจบุญเอาไข่มาตุ๋นใส่จาน ยกให้ถึงบ้าน หมวดคงไม่ขว้าง จานเสีย… ใช่มั้ยหมวด หมวดครับ หมวดจะกินมั้ยไข่อ่ะ เนื้อนมไข่ เชียวนะครับ โอโห… ใหญ่ขนาดนี้”
ไวทย์พูดกับปัถย์และร้องเพลงเสียงอ้อแอ้ ก่อนจะหันไปเรียกปูรณ์ว่าหมวด ทำมือทำไม้กะขนาดบางสิ่งที่มือขยำจนล้น นั่นทำให้ปูรณ์ส่ายหน้าในอาการเมาแล้วรั่วของไวทย์ แต่ปัถย์กลั้นขำไม่อยู่
ทั้งคู่พยายามประคองไวทย์ที่ร้องเพลงลั่นขึ้นมาถึงระเบียงหน้าบ้าน แต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อกจากด้านใน
“เอาไงดีพี่ปูรณ์ เรียกหนูหน่อยมั้ย ขืนปล่อยมันนอนตรงนี้ มีหวังยุงหามกันพอดี”
ปูรณ์มองหาทางเข้า จะดูว่ามีตรงไหนที่เขาจะแงะเข้าไปได้บ้าง แต่แสงไฟที่สว่างวาบและลอดออกมาจากซีกขวาของตัวบ้านก็ทำให้รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าหล่อ เพราะนั่นแสดงว่ามีใครบางคนตื่นแล้ว
“ไม่ต้องเรียกหรอก โน่น... ไฟเปิดแล้ว”
เพียงอึดใจแสงไฟก็สว่างทั่วบ้าน ตามมาด้วยม่านประตูที่ไหวเล็กน้อยเพราะคนด้านในคงจะส่องดูพวกเขา ก่อนเสียงถอดกลอนจะดังขึ้น ตามมาด้วยบานประตูที่ค่อยๆ เลื่อนออกอย่างเบามือ
“สวัสดีค่ะน้าปัถย์ ลุงปูรณ์” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กสาวหน้าแฉล้มเปล่งทักทายทันทีที่เห็นหน้ากันชัดๆ ทว่าคนถูกเรียกไม่ได้ยินดีสักนิด ปูรณ์เม้มปากหน้านิ่ง ส่วนปัถย์เปลี่ยนเป็นขรึมตามพี่ชาย คิดโกรธคนที่ทำให้หนูหน่อยเรียกพวกเขาแบบนี้ “ทำ… ทำไมอาไวทย์เมาแบบนี้ล่ะคะ” “ครายเมา… ม่ายเมาสักนิด แค่สนุกนิดหน่อย เอิ้ก! จริงมั้ยปัถย์ พี่ปูรณ์” คนปฏิเสธความเมาหันถามคนด้านข้างทั้งสอง ก่อนจะหันมองเจ้าของหน้าจิ้มลิ้มที่ยืนอยู่ด้านหน้า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดวาบบนใบหน้า สายตาไล่มองต่ำลงต่ำลงเรื่อยๆ จากใบหน้าสู่ปลายคาง สู่ทรวงอก และไปถึงหน้าท้อง จนหนูหน่อยสะท้านเฮือก ฝ่ามือกระชับสาบเสื้อคลุมชุดนอนเข้าหากันอัตโนมัติ ทั้งหมดนั้นปูรณ์กับปัถย์เห็น “อย่าเพิ่งถามเลย หนูหน่อยนำไปที่ห้องของนายไวทย์เถอะ ฉันกับนายปัถย์จะพาไปส่งถึงห้อง ไม่งั้นหนูหน่อยพาไปไม่ไหวแน่” “ค่ะ ลุงปูรณ์กับน้าปัถย์ ตามหนูหน่อยมาทางนี้นะคะ” หนูหน่อยหันหลังเดินนำไป จึงไม่ทันเห็นใบหน้าตึงๆ ของสุดหล่อสองพี่น้อง ต่างฝ่ายต่างคิดไปคนละอย่าง ปัถย์คิดหาทางแก้เ
หล่อนโชคดีที่พ่อแต่งงานกับอาวิว เพราะอาวิวเป็นแม่เลี้ยงที่ดีที่สุดในโลก แล้วเรื่องที่หล่อนจะมาอยู่กับหมอไวทย์ พ่อหล่อนดูราวจะไม่ทุกข์ร้อน มีแต่อาวิวที่สอนหล่อนสารพัด สอนให้หล่อนหวงเนื้อหวงตัว อย่ายอมให้ไวทย์ใกล้ชิดจนเกินงาม แต่อาวิวจะรู้บ้างไหมว่าหล่อนไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเขาสักครั้ง แต่ยิ่งเขาหมางเมิน หล่อนกลับอยากใกล้เขาให้มากที่สุด “หนูหน่อย ดูแลไวทย์ด้วยล่ะกัน” หนูหน่อยสะดุ้งเล็กน้อยตื่นจากภวังค์ ก่อนจะยิ้มหวานให้กับลุงและน้าของเพื่อน เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินจนไม่ทันมองว่าหมอไวทย์นอนที่เตียงกว้างเรียบร้อยแล้ว และสภาพของคนเมาก็ดูราวจะสิ้นฤทธิ์ “หนูหน่อยเช็ดตัวเป็นมั้ย” คำถามของปูรณ์ ทำให้ปัถย์และหนูหน่อยหันมองเขา ก่อนที่ปัถย์จะทำหน้าเฉยๆ นั่นคือหนูหน่อยจะต้องเป็นคนตอบคำถาม “ปะ… เป็นค่ะ” “อย่างนั้น อืม… เช็ดแค่หน้าพอนะ ให้มันสดชื่นหน่อยก็พอ ไม่ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามันล่ะ ให้มันนอนเหนียวตัวแบบนี้แหละ ดันดื่มไม่คิด ต่อไปมันจะได้จำ ไม่ระบายอารมณ์กับเหล้าอีก” “เออ… อาไวทย์มีเรื่องกลุ้มเหรอคะ” “
หนูหน่อยแตะฝ่ามือที่ประตูตู้เสื้อผ้าบิ้วอิน สูดลมหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้า หล่อนกำลังก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวของเขาอีกก้าว ห้องแต่งตัวของชายโสดไม่เหมือนอย่างที่หล่อนเคยคิดเอาไว้สักนิด เพราะคุณหมอไวทย์ค่อนข้างจะเรียบร้อยหรือนั่นอาจเพราะมีแม่บ้านมาคอยจัดเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้ก็เป็นไปได้ เสื้อผ้าถึงได้ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบไม่รกและล้นออกมาด้านนอกตู้ ตู้แรกเป็นเสื้อยืดสีขาวที่หล่อนเห็นเขาใส่เป็นเสื้อตัวในทุกวัน ด้านล่างเป็นกางเกงชั้นในและกางเกงบ๊อกเซอร์ซึ่งถูกพับเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ผิวแก้มร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงประโยชน์ใช้สอยของกางเกงเหล่านี้ จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องธรรมดา ใครๆ ก็สวมกางเกงในกันทั้งนั้น แต่หล่อนไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกางเกงในของผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยนี่นา เห็นใกล้ๆ จำนวนเป็นโหลแบบนี้ หล่อนจะไม่อายได้อย่างไร แต่ต้องสะกดใจ หล่อนต้องการเพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่จะซับน้ำได้เท่านั้น มือเปิดช่องลิ้นชักเหนือชั้นกางเกงใน เป็นไปได้ว่าช่องนี้อาจเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนุ่มขนาดเล็กเอาไว้เพราะว่าโซนนี้เป็นโซนชุดชั้นใน ทว่าเพียงลิ้นชัก
“อาไวทย์!” หนูหน่อยชักข้อมือออกแต่อาไวทย์ก็ยื้อไว้แน่นไม่ยอมปล่อย นั่นทำให้คำเตือนของอาวิวแวบเข้ามาในหัว หล่อนกำลังจะพลาด แต่หล่อนไม่ยอมแน่ “อาไวทย์ นี่หนูหน่อยนะคะ มองหน้าค่ะ มองหน้า!” หนูหน่อยเสียงดัง ชี้หน้าตัวเองให้ไวทย์มองหน้าหล่อนให้ชัดๆ “รู้น่า… ว่าหนูหน่อย นมโตขนาดนี้ใครจะไปลืมได้ เห็นใกล้ๆ แบบนี้ก็ยิ่งโต โตโต๊โต… โอ้โห… อยากจับจัง จะนุ่ม แน่น สู้มือขนาดไหน อูย... ถ้าได้ดูด ซี้ด... คงจะมันส์ลิ้น โอ้ว! บักแตงโม!” “อาไวทย์!” หนูหน่อยกอดอกตัวเองทันที เพราะอาไวทย์ของหล่อนน่าจะเมาได้ที่ ไม่งั้นคงไม่พูดทะลึ่ง ใช้น้ำเสียงกระเส่า ดวงตาหื่นกระหาย พร้อมแลบลิ้นออกมาเลียปากอย่างนั้นแน่ “อาไวทย์เมาแล้วก็นอนเถอะค่ะ หนูจะกลับห้องแล้ว” “ไม่ให้กลับ จะกลับได้ยังไง ยังยั่วไม่ขึ้นเลย” “อาไวทย์! พูดบ้าอะไร ใครไปทำแบบนั้นกัน อาไวทย์! ปล่อยหนู ว้าย!” หนูหน่อยร้องลั่นเมื่อข้อมือเล็กถูกกระชากเข้าใกล้จนร่างเต่งตึงไปทุกสัดส่วนถลาขึ้นไปเกยอยู่บนอกของเขา ความอวบนูนของหล่อนเสี
“อาไวทย์… อื้อ… อย่า…” แค่เขาละปากออก หล่อนก็รีบประท้วง เพราะฝ่ามือของไวทย์กำลังเคลื่อนสู่เป้าหมายใหม่ หนูหน่อยดิ้นรน หล่อนเหมือนคนจมน้ำ เหมือนคนเป็นไข้ ต้องได้รับการรักษา หนาวร้อนสลับกัน จนต้องบดเบียดร่างกายเสียดสีเขา แต่สำนึกก็รู้ว่าสิ่งนี้จะไปต่อไม่ได้เด็ดขาด หล่อนต้องหยุดเขา เดี๋ยวนี้! “อาไวทย์... อย่า... อย่าค่ะ...” “อย่าไม่ไหว หนูหน่อยหอมเหลือเกิน หอม… อืม… หอม... หอมไปทุกที่... อืม...” “อ่ะ! อาไวทย์ไม่นะคะ” หล่อนสะดุ้งเพราะจมูกโด่งสูดดมเนื้อกายหล่อนไปทุกที่ ก่อนจะครางฮือ “ อื้อ… อย่าขยำ อื้อ… อาไวทย์…” หนูหน่อยสะท้าน เบิกตากว้างมองเพดานห้อง ความตั้งใจของหล่อนพังทลาย กำปั้นที่จะทุบกลับกลายเป็นผ่อนคลายและขยุ้มเนื้อผ้าบริเวณหัวไหล่เขา หล่อนใกล้ไร้สติเพราะฝ่ามือใหญ่กอบกุมเต้าอวบทั้งสองข้าง บีบและคลึงเคล้นอย่างที่หล่อนไม่เคยทำกับตัวเองมาก่อน แต่เขากำลังทำ ฝ่ามือของผู้ชายที่หล่อนรักเขาเหลือเกินกำลังแตะต้องหล่อน เขาบีบเคล้นหยอกเย้าทำราวกับว่าเต้าอวบของหล่อนเป็นซาลาเปาให้ขยำขยี้
“อ่ะ! อาไวทย์ไม่นะคะ ไม่นะ… อา… อื้อ…” หนูหน่อยแอ่นอกขึ้นสูง แผ่นหลังลอยขึ้นจากที่นอนจนเขาแทรกฝ่ามือเข้ามาได้ ปากที่อ้าออกจะร้องประท้วงถูกทาบปิดด้วยความอ่อนหวาน หวานจนหล่อนสะท้าน แม้จะรับรู้ทุกขณะที่ฝ่ามือของเขาลากลงต่ำ แต่นั่นคือความเสียวที่หล่อนไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร “อื้อ…” ความอัดอั้นมากมายทว่าหล่อนกลับผ่านเสียงในลำคอได้เพียงเท่านั้น เพราะลิ้นร้อนอ่อนหวานที่แตะสัมผัสอยู่ไม่ปล่อยให้หล่อนได้พูดอะไรเลย หรือถ้าปากหล่อนว่างหล่อนก็คงจะครวญครางทุกสิ่งที่ใจคิดออกมา เพราะตอนนี้หล่อนเสียวเหลือเกิน เสียวจนไม่รู้ว่าความเสียวอย่างมากมายนี้จะไปสิ้นสุดลงที่จุดไหน สมองรับรู้เพียงสะท้านไปทั้งกาย จนหล่อนอยากกรีดร้อง อยากพ่นคำพูดแปลกๆ ตามใจนึกออกไป ทั้งที่หล่อนไม่เคยมีคำเหล่านั้นอยู่ในหัว ‘อาไวทย์ขา… ซี้ด… หนูหน่อยเสียว…’ สมองมึงงงมีแต่คำนี้วิ่งวนไปมา หล่อนอยากร่ำร้องคำนี้ อยากบอกเขาให้รู้ อยากบอกเขาว่าจูบที่ปาก สัมผัสที่เต้าอวบ แต่ส่งผลถึงเวิ้งน้ำกว้างไกลในร่างกายของหล่อน ที่จุดนั้นของหล่อนตอดรัดบีบแน่น ราวรอบางสิ่งบางอย่า
“อื้อ… อาไวทย์! อื้อ… ไม่… ไม่นะ… อื้อ… เสียว… โอว… หนูเสียว…” ฝ่ามืออุ่นจัดเคลื่อนไปบนสะโพกลูบไล้ความรุ่มร้อนส่งน้ำหนักลงไป นั่นกลับยิ่งทำให้หนูหน่อยสั่นไปทั้งร่าง เพราะฝ่ามือและปลายนิ้วเข้าใกล้จุดที่หล่อนต้องการได้รับการเติมเต็ม “อาไวทย์… อื้อ… อาไวทย์…” หล่อนทำได้เพียงร่ำร้องเรียกชื่อเขา หัวใจหวิวโหวงเพราะคาดเดาได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร ในเมื่อปลายลิ้นนั้นกระทำกับยอดอกของหล่อนมาแล้ว ต่อจากนี้ก็คงจะเป็นจุดนั้น ทว่าหล่อนกลับสะท้านไปทั้งร่างเมื่อปลายลิ้นร้อนจ้วงแทงลงไปในร่องสะดือพร้อมตวัดเลียไล้รัวเร็ว “อ๊ายยยยย...” หนูหน่อยกรีดร้องดิ้นพล่านเพราะความเสียดเสียวเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นจนหล่อนไม่รู้แล้วว่าจะมีสิ่งใดเสียวกว่านี้อีก แต่ ณ จุดนั้นก็ร่ำร้องอยากให้เขาไปหา สะโพกของหล่อนแอ่นเข้าหามือเขาอย่างไม่รู้ตัว ณ จุดนั้นราวเรามีเข็มนับสิบนับร้อยเล่มกระหน่ำใส่ กดย้ำย้ำให้หล่อนทั้งแสบทั้งคันจนต้องบดเบียดต้นขาเข้าหากันเพื่อบรรเทาอาการ ปากก็ร่ำร้องถึงความเสียดเสียวที่เขากระหน่ำใส่ร่างกายหล่อนไม่หยุด “ซี้ด... อื้อ... อา
ช่องทางด้านในเป็นความอัศจรรย์ครั้งแรกสำหรับหล่อน ไม่เคยรู้เลยว่ามันจะตอดรัดบีบรัดตัวตนได้มากขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่ายามที่ปลายลิ้นของเขาแตะสัมผัส จะสร้างความเสียดเสียวจนหล่อนครวญครางเป็นความน่าละอายได้ไม่หยุด และไม่รู้เลยว่า ‘ลิ้น’ จะให้ความรู้สึกได้ดีขนาดนี้ แต่ตอนนี้หล่อนรู้ทุกสิ่งแล้ว “อา… อาไวทย์ขา… ซี้ด… หนูหน่อยเสียว… อื้อ… อาไวทย์ขา… หนูหน่อยเสียว… ซี้ด… อ้า… อาไวทย์ทำอะไรหนูหน่อยเนี่ย โอย… เสียว… อื้อ…” เสียงร่ำร้องแว่วหวานดุจคนท่วมท้นในอารมณ์สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าให้กับไวทย์ ยิ่งหล่อนร่ำร้องมากเท่าไร นั่นก็ยิ่งเพิ่มความเสียดเสียวให้เขามากเท่านั้น ฝ่ามือช้อนใต้สะโพกยกบั้นท้ายให้ลอยสูง ปลดปล่อยดอกไม้งามเบ่งบานได้อย่างเต็มที่ และทันทีที่ดอกไม้ค่อยๆ แย้มบาน ไวทย์ก็ต้องตะลึง เพราะหนูหน่อยงดงามเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้จริงๆ ดอกไม้แสนงามดูบอบบาง น่ารัก น่าทะนุถนอม น่าสัมผัส จับจูบลูบคลำ ลงลิ้นเลียไล้และกระแทกกระทั้นด้วยความหนักหน่วงลงไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะยอดเกสรสีชมพูสดที่ถูกเคลือบไว้ด้วยความหยาดเยิ้ม เขาอดไม่ได้จะคิดไปถึงเม็ดทั
“หนูหน่อยมานี่สิ เห็นมั้ย นี่หัว นี่ตัว ลูกม้าอายุครรภ์สองเดือนเขาก็จะมีการสร้างกระดูกแล้วนะ เห็นโครงกระดูกมั้ย ตรงนี้หัวใจ เห็นมั้ย หัวใจเขาเต้น โอเค... หัวใจเต้นสมบูรณ์เลย มีอะไรจะถามมั้ย สงสัย…” เขาหันหน้ามองหล่อน ใกล้จนจมูกแทบชนแก้มจนหล่อนต้องขยับออก เพราะนอกจากหล่อนกับเขา ที่นี่ก็ยังมีคนงานของฟาร์มยืนอยู่ด้วย และสายตาของพวกเขาก็เหมือนจะล้อเลียนหล่อนอยู่ในที แต่เมื่อหล่อนขยับออก คิ้วเข้มก็เลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถามว่าหล่อนสงสัยอะไรไหม วินาทีนี้หล่อนอยากตีเขาสักป้าบ อาไวทย์ทำสีหน้าขี้ยั่วแบบนั้นเป็นตั้งแต่เมื่อไรกัน เมื่อวานตอนเช้ายังหน้าบึ้งใส่หล่อนอยู่แท้ๆ แต่เช้านี้ทั้งสายตา คำพูด กิริยาที่แสดงออกทั้งหมด นี่อาไวทย์ยั่วหล่อนเข้าแล้วใช่ไหม เขาเอาคืนหล่อนงั้นสิ “สรุปไม่สงสัยใช่มั้ย” อาไวทย์ชักมือออกจากก้นของแม่ม้า วางเครื่องตรวจลงในถาดรองเพื่อทำความสะอาด ปลดคลิปที่เสื้อเพื่อดึงถุงมือยาวออก หล่อนจึงต้องขยับเข้าไปช่วย “แล้วทำไมเราต้องทำอัลตร้าซาวด์แม่ม้าด้วยล่ะคะ” หล่อนถาม แน่นอนว่าเขายิ้มกรุ้มกริ่ม ส่วนห
“อาไวทย์พอค่ะ หยุดก่อน ซี้ด… พอ… หยุด… อื้อ… หนูหน่อยไม่ไหว ซี้ด… อื้อ… ไม่ไหว… อาไวทย์… อื้อ…” หนูหน่อยครวญครางในทุกจังหวะที่ดอกไม้บอบบางถูกรุกล้ำ ร่างของหล่อนเบาราวล่องลอยได้ หล่อนทั้งสุข เสียว อัดอั้นจนอยากจะกรีดร้องซ้ำๆ เพราะอาไวทย์ไม่ยอมหยุดเล่นลิ้น เสียงหล่อนร่ำร้องให้เขาหยุดไม่ต่างจากแรงกระตุ้นให้เขาไปต่อ และเมื่อความอัดอั้นทั้งหมดพังทลาย เสียงกรีดร้องแว่วหวานก็ดังขึ้นอีกครา ความซ่านเสียวพวยพุ่งกระจายไปทั้งร่าง ก่อนจะพุ่งตรงสู่กึ่งกลางกายตรงตำแหน่งของดอกไม้ที่ปลายลิ้นยังคงหยอกเย้ารัวเร็ว “อาไวทย์พอค่ะ ซี้ด… พอ… หนูหน่อยไม่ไหว ซี้ด… อื้อ… ไม่ไหว… อาไวทย์… อื้อ…” อีกครั้งที่หล่อนสั่งให้เขาหยุด แต่เขาหยุดไม่ได้ เขายังอยากกินหล่อนให้อิ่ม ไวทย์ยิ้มทั้งที่ริมฝีปากแนบชิดติดดอกไม้งาม เขาเข้าใจอาการที่หนูหน่อยเป็น หล่อนเสียวสุดกู่ แต่เขายังไม่อยากหยุด ยังมีอีกความเสียวที่เขาอยากให้หนูหน่อยสัมผัส ลิ้นร้อนแข็งแกร่งลากลงตามรอยแยกของกลีบดอก ก่อนจะเกร็งปลายลิ้นให้แข็ง สอดแทรกควงสว่านควานหาความหวานที่เอ่อออกมาจนชุ่ม และเพียงลิ้นร้อน
“อา… อาไวทย์ขา… ซี้ด… หนูหน่อยเสียวค่ะ อื้อ…” “ยังมีอีกหลายเสียว เสียวสนุก เสียวสุดยอด อาจะพาหนูหน่อยไปทุกที่ เริ่มล่ะนะ” “อื้อ…” หล่อนสะท้านเพราะริมฝีปากนั้นอ้าอมปลายยอดของหล่อนไว้ ดูดเบาๆ สลับกับอีกข้างที่ถูกปลายนิ้วแตะสัมผัสแผ่วๆ แตะๆ ติดๆ ห่างๆ ให้ความรับรู้ไม่ต่างจากอีกข้างที่ถูกริมฝีปากดูดดุน ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะคลุกเคล้าลงที่เต้าอวบทั้งสองข้างสลับกันไปมา ลากเคราสากเสียดสีจนหล่อนห่อไหล่ อาไวทย์เอื้อมมือปรับระดับน้ำจากฝักบัวให้เบาสุด หยาดน้ำที่ตกกระทบร่างกายเขากับหล่อนจึงเป็นเพียงละอองน้ำบางเบาพอให้ชุ่มฉ่ำกาย หากแต่เร่งเร้าความเร่าร้อนให้เพิ่มมากขึ้น ริมฝีปากของอาไวทย์ลากลงต่ำ จูบเบาๆ บนหน้าท้องจนหล่อนเกร็งไปทั้งร่าง มือจับราวเหล็กแน่น ผ่อนปรนลมหายใจออก หล่อนกำลังจะขาดใจเมื่อริมฝีปากของเขาพรมจูบไปทั่ว “อ้า… อาไวทย์ขา… อื้อ… อาไวทย์! อื้อ… เสียว… หนูหน่อยเสียว… อื้อ…” “หนูหน่อยหอม” “อื้อ… อาไวทย์!” ความเสียวจู่โจมหล่อนจนทนไม่ไหว ผ่อนลมหายใจยาว เมื่อริมฝีปากของเขาก
“อา… อาไวทย์ อาไวทย์พูดอะไรคะ” “อาไวทย์บอกว่า… อาไวทย์รักหนูหน่อย” “จะเป็นไปได้ยังไงคะ อาไวทย์เกลียดหนูหน่อยจะตาย อาไวทย์ไม่อยากให้หนูเข้าใกล้ อาไวทย์ไม่เต็มใจให้หนูมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ และอาไวทย์ก็…” คำพูดราวจะกลืนหายไปกับสายน้ำที่ตกกระทบใบหน้า เพราะดวงตาคู่คมที่มองมาคือหวานสุด ฝ่ามือของเขาประคองใบหน้าหล่อน จนความร้อนพลุ่งพล่าน นี่หล่อนกำลังฝันซ้อนฝันหรือเปล่า ความสุขที่ได้รับจากเขาเมื่อคืน และคำสารภาพรักในเวลานี้ จะเป็นไปได้ยังไงที่ ‘นายสัตวแพทย์ไวทย์’ จะมารักเด็กอายุ 18 ย่าง 19 อย่างหล่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ อาไวทย์ไม่เคยแสดงออกว่าชอบพอหล่อนด้วยซ้ำ คงมีเพียงครั้งแรกที่ได้พบกันเท่านั้น ครั้งที่ลูกนกตกจากรัง แค่นั้นที่ดวงตาอ่อนโยนปลอบประโลม นอกนั้นก็เป็นอย่างทุกวัน หล่อนคงฝันไปและหล่อนควรตื่นได้แล้ว หนูหน่อยหลับตา มือขวาเคลื่อนมาที่ต้นแขนซ้าย หนีบเนื้อเพียงนิดและหยิกอย่างแรง “โอ๊ย!!” เจ็บ! หล่อนเจ็บจนดวงตาเบิกกว้าง และก็ได้เห็นรอยยิ้มล้อเลียนของคนตรงหน้า “หนูหน่อยไม่ได้ฝันไปหรอก นี่อาไวทย์
หนูหน่อยสะดุ้งหันมองเขาก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำ เพราะน้ำตาจะร่วงและไม่กล้ามอง ก็ร่างแข็งแกร่งนั้นมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่ ส่วนท่อนบนมีหยาดน้ำพร่างพราว เขายังไม่ได้เช็ดตัว “บอกให้ไปอาบน้ำ” น้ำเสียงห้วนทำให้หนูหน่อยต้องช้อนตามอง เขาหมายความว่าอะไร ก็หล่อนกำลังจะไปอาบน้ำ “บอกให้ไปอาบน้ำ ได้ยินมั้ย” สายตาที่สื่อมาคือห้องน้ำของเขา หนูหน่อยส่ายหน้าดิก เขาเห็นหล่อนเป็นอะไร คิดว่าหล่อนไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไง หล่อนรีบเดินตรงไปที่ประตู จะไม่ฟังคำสั่งเขา ทว่าฝ่ามือแข็งที่คว้าท่อนแขนทำให้หล่อนต้องหยุดเดิน “ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันบอกให้ไปอาบน้ำ” “ไม่!” “ไม่อะไร ฉันสั่งและเธอต้องทำตาม” “ไม่! หนูหน่อยไม่ทำตาม ไม่ทำ!” หล่อนเสียงดัง ริมฝีปากสั่นระริก น้ำตาพรั่งพรู เขาทำร้ายหัวใจหล่อนมากเกินไป ‘รัก… รัก… หนูหน่อยรัก… รักอาไวทย์…’ แว่วเสียงหล่อนสารภาพว่า ‘รัก’ เขาดังซ้ำเข้ามาในความคิด เขารู้แล้วว่าหล่อนรักเขา เขาจึงทำกับหล่อนแบบนี้ใช่ไหม หล่
เสียงไก่ขันดังแว่วมาคือสัญญาณว่าหล่อนควรจะตื่นได้สักที แต่วันนี้หล่อนเหนื่อยจนไม่อยากตื่น หล่อนอยากนอนอยู่บนที่นอนนุ่มแบบนี้ แต่หากขืนหล่อนตื่นช้าและเข้าไปในฟาร์มสาย มีหวังอาไวทย์คงหน้าบูดใส่หล่อนทั้งวันแน่ หนูหน่อยนิ่วหน้า พ่นลมหายใจออกจากปากเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ทว่าห้องนอนของหล่อนมีบางสิ่งผิดปกติ แม้เตียงจะเหมือน ผ้าห่มเหมือน โต๊ะ ตู้เสื้อผ้าเหมือนกัน แต่… ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ห้องนอนของหล่อน โดยเฉพาะเสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังต่อเนื่อง ใครอาบ… ในเมื่อหล่อนยังนอนอยู่ที่นี่ ดวงตาสวยหวานเบิกกว้าง สติสตังพร่าเลือนกลับคืนมา รับรู้สัมผัสจากผ้าห่มนวมแนบกับเรือนร่างคือหล่อนไม่ได้ใส่อะไรเลย แต่นั่นไม่ชัดเท่าหล่อนเปิดออกดู แม้สำนึกจากร่างกายจะบอกว่าหล่อนไม่ได้บุบสลาย แต่สัมผัสครั้งแรกที่ถูกสอดแทรก… มือป้องปากกันเสียงอุทานจะหลุดรอด เมื่อเห็นจ้ำแดงกระจายมากมายบนเนินอก ทุกสิ่งที่เขาทำกับหล่อนวิ่งวนฉายอยู่ในหัวเป็นฉากๆ ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะมาจากหล่อนเต็มใจหรือถูกเขาล่อลวงหัวใจให้ถลำลึก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเกิดมากเกิดน้อย ไม่ว่าเขาจะสัมผัสหล่อนม
“อาไวทย์… อาไวทย์ขา… อื้อ… เสียว… หนูหน่อยเสียว… อาไวทย์ขา… อื้อ… อาไวทย์…” เสียงครางกระเส่าอ่อนแรงน่าสงสารทำให้ไวทย์ขยับกายขึ้นคร่อม เขาลูบเรือนผมที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศยามค่ำคืนไม่ได้ร้อนเลยสักนิด เปลือกตาสวยหลับพริ้ม ใบหน้าส่ายไปมา ริมฝีปากอ้าค้างผ่อนลมหายใจ และทรวงอกอวบก็สะท้านขึ้นลงอย่างเหนื่อยอ่อน “อาไวทย์ขา…” “ขา…” เสียงทุ้มที่ตอบกลับทำให้สติของหนูหน่อยกลับคืน หล่อนเปิดเปลือกตาอย่างเร็วก่อนจะเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของเขาลอยอยู่ตรงหน้า “ไง… เห็นผีเหรอ แต่ฉันเห็น… หมี... ตัวสีชมพู” “อาไวทย์… ปะ… ปล่อยหนูนะ!” แรงที่มีทั้งหมดแม้จะน้อยนิดแต่หนูหน่อยก็พยายามจะผลักเขาออก แต่คนที่หัวเราะในลำคอทั้งที่คร่อมร่างหล่อนเอาไว้กลับไม่สะเทือนเลย นั่นทำให้แรงสะอื้นฮึกฮักเริ่มก่อตัวขึ้นในอก หล่อนจะทำอะไรได้ในเวลานี้ เขา… แตะต้องหล่อนหมดแล้ว ไม่มีจุดใดไปไม่ถึง “ได้โปรด… ปล่อยหนูเถอะ อย่าทำกับหนูแบบนี้” “แบบนี้น่ะแบบไหน” “ก็… อาไวทย์!” หนูหน่อยปากคอสั่น เ
ช่องทางด้านในเป็นความอัศจรรย์ครั้งแรกสำหรับหล่อน ไม่เคยรู้เลยว่ามันจะตอดรัดบีบรัดตัวตนได้มากขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่ายามที่ปลายลิ้นของเขาแตะสัมผัส จะสร้างความเสียดเสียวจนหล่อนครวญครางเป็นความน่าละอายได้ไม่หยุด และไม่รู้เลยว่า ‘ลิ้น’ จะให้ความรู้สึกได้ดีขนาดนี้ แต่ตอนนี้หล่อนรู้ทุกสิ่งแล้ว “อา… อาไวทย์ขา… ซี้ด… หนูหน่อยเสียว… อื้อ… อาไวทย์ขา… หนูหน่อยเสียว… ซี้ด… อ้า… อาไวทย์ทำอะไรหนูหน่อยเนี่ย โอย… เสียว… อื้อ…” เสียงร่ำร้องแว่วหวานดุจคนท่วมท้นในอารมณ์สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าให้กับไวทย์ ยิ่งหล่อนร่ำร้องมากเท่าไร นั่นก็ยิ่งเพิ่มความเสียดเสียวให้เขามากเท่านั้น ฝ่ามือช้อนใต้สะโพกยกบั้นท้ายให้ลอยสูง ปลดปล่อยดอกไม้งามเบ่งบานได้อย่างเต็มที่ และทันทีที่ดอกไม้ค่อยๆ แย้มบาน ไวทย์ก็ต้องตะลึง เพราะหนูหน่อยงดงามเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้จริงๆ ดอกไม้แสนงามดูบอบบาง น่ารัก น่าทะนุถนอม น่าสัมผัส จับจูบลูบคลำ ลงลิ้นเลียไล้และกระแทกกระทั้นด้วยความหนักหน่วงลงไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะยอดเกสรสีชมพูสดที่ถูกเคลือบไว้ด้วยความหยาดเยิ้ม เขาอดไม่ได้จะคิดไปถึงเม็ดทั
“อื้อ… อาไวทย์! อื้อ… ไม่… ไม่นะ… อื้อ… เสียว… โอว… หนูเสียว…” ฝ่ามืออุ่นจัดเคลื่อนไปบนสะโพกลูบไล้ความรุ่มร้อนส่งน้ำหนักลงไป นั่นกลับยิ่งทำให้หนูหน่อยสั่นไปทั้งร่าง เพราะฝ่ามือและปลายนิ้วเข้าใกล้จุดที่หล่อนต้องการได้รับการเติมเต็ม “อาไวทย์… อื้อ… อาไวทย์…” หล่อนทำได้เพียงร่ำร้องเรียกชื่อเขา หัวใจหวิวโหวงเพราะคาดเดาได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร ในเมื่อปลายลิ้นนั้นกระทำกับยอดอกของหล่อนมาแล้ว ต่อจากนี้ก็คงจะเป็นจุดนั้น ทว่าหล่อนกลับสะท้านไปทั้งร่างเมื่อปลายลิ้นร้อนจ้วงแทงลงไปในร่องสะดือพร้อมตวัดเลียไล้รัวเร็ว “อ๊ายยยยย...” หนูหน่อยกรีดร้องดิ้นพล่านเพราะความเสียดเสียวเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นจนหล่อนไม่รู้แล้วว่าจะมีสิ่งใดเสียวกว่านี้อีก แต่ ณ จุดนั้นก็ร่ำร้องอยากให้เขาไปหา สะโพกของหล่อนแอ่นเข้าหามือเขาอย่างไม่รู้ตัว ณ จุดนั้นราวเรามีเข็มนับสิบนับร้อยเล่มกระหน่ำใส่ กดย้ำย้ำให้หล่อนทั้งแสบทั้งคันจนต้องบดเบียดต้นขาเข้าหากันเพื่อบรรเทาอาการ ปากก็ร่ำร้องถึงความเสียดเสียวที่เขากระหน่ำใส่ร่างกายหล่อนไม่หยุด “ซี้ด... อื้อ... อา