“อัยย์ครับ อัยย์”
“คุณชาน์ เช้าแล้วเหรอคะ” ไอรดาปรือตามองในขณะที่ตัวเองยังซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ครับเช้าแล้วผมต้องไปประชุม คุณลุกไหวไหมครับ” เมื่อคืนกว่าเขากับเธอจะหมดแรงก็ถึงสวรรค์กันมารู้กี่รอบต่อกี่รอบ ปิญชาน์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอรดาจะเป็นผู้หญิงที่อึดและเร่าร้อนถึงเพียงนี้ และเขาก็ตามหาผู้หญิงแบบนี้มานานผู้หญิงสวยดูเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่เรื่องบนเตียงนั้นเด็ดจนเขาอยากจะเก็บเธอไว้แบบนี้ตลอดไป
“คิดว่าไหวค่ะ แต่ตอนนี้อัยย์ยังไม่อยากลุกค่ะ”
“ให้ผมสั่งอาหารเช้ามาให้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“คุณจะนอนทั้งวันไม่ได้นะครับอัยย์”
“อัยย์ไม่ได้จะนอนทั้งวันสักหน่อย สายๆ อัยย์ก็จะออกไปหาอะไรกินเอง คุณรีบไปเถอะค่ะ”
“วันนี้จะไปเที่ยวไหนบ้างครับ”
“คงไม่มีแรงออกไปเที่ยวแล้วคุณทำอัยย์หมดแรง”
“ก็คุณอยากน่ารักทำไมล่ะ”
“ความผิดของอัยย์ที่ไหน คุณหื่นเองต่างหาก”
“ถ้างั้นขอคนหื่นหอมให้ชื่นใจก่อนไปประชุมได้ไหม” ปิญชาน์นั่งบนเตียงแล้วกดจูบไปบนขมับของไอรดาอย่างรักใคร่
“เดี๋ยวประชุมสายนะคะไปเถอะค่ะ”
“ขอจูบได้ไหมจะได้มีแรงประชุมทั้งวัน”
“อย่าเลยอัยย์ยังไม่ได้แปรงฟัน”
“งั้นติดไว้ก่อนเย็นนี้ค่อยทบต้นทบดอก”
“ไม่พูดด้วยแล้วคุณรีบไปเถอะ อัยย์จะนอนต่อ”
“โอเค ผมไปก็ได้คุณอย่าลืมตื่นมาทานข้าวนะครับ”
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เรื่องกินสำหรับอัยย์แล้วเรื่องใหญ่มาก”
“อย่าลืมกินเยอะๆ นะครับจะได้มีแรง” ชายหนุ่มพูดกลั้วเสียงหัวเราะก่อนจะรีบออกไปจากห้องนอนก่อนที่จะห้ามใจไม่ไหวจับคนขี้เซากดลงบนที่นอนอีกครั้ง
ปิญชาน์กลับมาที่ห้องพักของตัวเองแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะลงไปประชุมวิชาการซึ่งวันนี้เป็นการประชุมวันสุดท้ายและในตอนเย็นจะมีการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้น ซึ่งเขาคิดว่าคงจะไม่เข้าร่วมเพราะไม่อยากเสียเวลาที่จะอยู่กับไอรดา
ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนการประชุมจะเริ่มชายหนุ่มจึงรีบตรงไปยังห้องอาหารของโรงแรมเพราะเมื่อคืนเข้าใช้พลังงานไปมาก ถ้าเช้านี้ไม่ได้ทานอะไรคงเข้าประชุมไม่รู้เรื่องแน่ๆ
บริเวณห้องอาหารในเวลาสายแบบนี้ผู้คนค่อนข้างบางตาเพราะส่วนใหญ่นั้นทานเรียบร้อยและเข้าประชุมกันแล้ว เนื่องจากเป็นวันธรรมดานักท่องเที่ยวคนอื่นเลยมีไม่มากเท่าไหร่
“พี่หมอชาน์คะ ทางนี้ค่ะ” เสียงใสที่เรียกทำให้ปิญชาน์หันไปตามเสียงเขายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังเรียกนั้นเป็นใคร”
“น้องพั้นซ์ มาประชุมกับเขาด้วยเหรอครับ”
“ค่ะ พั้นซ์เพิ่งมาเมื่อวานค่ะ พอดีวันแรกมีเคสที่โรงพยาบาลค่ะ เมื่อวานตอนเย็นพี่หมอที่หน้าโรงแรมว่าจะเข้าไปทักและชวนไปหาอะไรทานแต่พอคุยกับเพื่อเสร็จหันมาอีกทีพี่หมอก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ค่ะ”
“อ๋อ เมื่อวานพี่ออกไปกับเพื่อนครับพอดีว่าเขาพักอยู่อีกที่”
“แล้วเย็นนี้มีงานเลี้ยงพี่หมอจะมาด้วยไหมคะ”
“พี่ยังไม่แน่ใจเลยครับ ถ้ามาก็อาจจะอยู่ได้ไม่นาน”
“จะไปหาเพื่อนอีกเหรอคะ พั้นช์ว่าคงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแล้วมั้งคะ พามาแนะนำให้น้องรู้จักบ้างสิคะ”
“เพื่อนจริงๆ ครับ”
“พูดแบบนี้ก็เลยอดลุ้นเลย เมื่อไหร่พี่หมอจะหาแฟนสักทีคะ น้องละเบื่อพ่อกับแม่มากที่พยายามจับคู่เราอยู่นั่นแหละ”
“พั้นช์ก็รีบหาแฟนสิครับ ท่านจะได้ไม่จับคู่เรา”
“พี่ก็พูดเหมือนว่าแฟนมันหาง่ายนะคะ อาชีพอย่างเราไม่ค่อยมีเวลาด้วยสิ ถ้ามีแฟนพั้นช์ก็กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ”
“งั้นก็หาแฟนเป็นหมอสิ”
“พูดเหมือนคุณแม่เลยค่ะว่าให้หาแฟนอาชีพเดียวกัน แต่พั้นช์ว่ามันน่าเบื่อนะคะ ถ้าพั้นช์จะมีแฟนก็อยากได้แฟนที่ไม่ใช่หมอค่ะ อยากได้คนที่มีเวลาให้เรามากๆ”
“นั่นสินะ เราไม่ค่อยมีเวลาก็ต้องหาคนที่มีเวลามากๆ มันจะได้บาลานซ์กัน”
“แล้วเพื่อนพี่หมอล่ะคะทำงานอะไร”
“พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันไม่เคยถามเขาสักที”
คำตอบของหมอรุ่นพี่ทำให้พัณณ์ชิตาค่อนข้างจะแปลกใจว่ารุ่นพี่ของเธอคนนี้คบกับเพื่อนในลักษณะไหน
“ใกล้เวลาเริ่มประชุมแล้วล่ะพั้นช์ พี่ว่าเรารีบไปกันดีกว่านะ” ปิญชาน์รีบตัดบทเพราะไม่อยากให้คุณหมอรุ่นน้องถามอะไรมากไปกว่านี้เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลย ครั้นจะไปถามสารัชว่าเธอเป็นใคร ทำงานอะไรก็กลัวว่าจะทำให้เธอเดือดร้อน
การประชุมวันสุดท้ายค่อนข้างเข้มข้นช่วงเวลาพักกลางวันปิญชาน์ก็ยังมีข้อสงสัยที่จะถามอาจารย์หมอเขาจึงไม่ได้กลับไปทานอาหารกลางวันกับไอรดา เขาใช้โทรศัพท์อีกเครื่องไลน์ไปถามเธอว่าทานข้าวหรือยัง พอเธอตอบมาว่าทานแล้วเขาก็พูดคุยกับเพื่อนและอาจารย์หมอต่อจนถึงเวลาประชุมในภาคบ่าย
ออกจากห้องประชุมก็รีบตรงดิ่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะอยากจะไปหาไอรดาที่บ้านพักก่อนจะกลับมาที่งานเลี้ยงให้ทันเวลา
“พี่หมอจะรีบไปไหนคะ งานเริ่มตั้งหนึ่งทุ่ม นี่ยังไม่หกโมงเลยค่ะ” พัณณ์ชนิตาทักทายเขาที่หน้าลิฟต์
“ว่าจะแวะไปหาเพื่อนหน่อยครับ”
“ชวนเธอมาด้วยสิคะ พั้นช์อยากรู้จักค่ะ”
“เธอไม่ค่อยสะดวกครับ เอาไว้ถ้าเธอสะดวกพี่จะแนะนำให้พั้นช์รู้จักเป็นคนแรกเลยนะครับ”
“พั้นช์จะรอต้อนรับพี่สะใภ้นะคะ”
“ครับ พี่ไปก่อนนะเจอกันในงานนะครับ”
ปิญชาน์มาถึงบ้านพักก็เป็นเวลาที่ไอรดากลับมาจากข้างนอกพอดี
“คุณชาน์ กินเค้กด้วยกันไหมอัยย์ซื้อมาหลายชิ้นเลย” ไอรดาชูถึงเค้กในมือที่เธอซื้อจากคาแฟ่แห่งหนึ่งกลับมาด้วย เพราะนั่งดื่มกาแฟและทานที่ร้านแล้วถูกใจกับรสชาติจึงซื้อกลับมาด้วย
“ขอบคุณครับ อัยย์กินข้าวเย็นหรือยัง” ปิญชาน์เดินตามเธอเข้ามานั่งในห้องรับแขกโดยมีเจ้าของบ้านนั่งลงข้างๆ
“ยังเลยค่ะ อัยย์เพิ่งกินข้าวกลางวันไปตอนบ่ายสองเองค่ะ คุณล่ะคะจะอยู่ทานด้วยกันไหม”
“ผมต้องไปงานเลี้ยงตอนหนึ่งทุ่มครับ ขอโทษนะครับที่อยู่ทานด้วยไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แต่ผมรีบกลับมานะครับ พรุ่งนี้เราไปเที่ยวด้วยกันดีไหมผมประชุมเสร็จแล้ว”
“อัยย์นึกว่าประชุมเสร็จคุณจะรีบกลับไปทำงานต่อเสียอีก”
“ผมว่างอีกหนึ่งวันครับ คุณล่ะครับวางแผนจะมาเที่ยวที่นี่อีกกี่วัน”
“ถ้าตามแพลนก็จะอยู่จนถึงวันมะรืนค่ะ”
“ลางานมาเหรอครับ”
“ค่ะ อัยย์ลางานไปฮันนีมูน”
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อัยย์ดีใจที่รู้เรื่องของเขาก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ คุณชาน์คะ อัยย์ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ครับ”
“คุณว่าถ้าอัยย์ไม่รู้ความจริง เขาจะนอนกับอัยย์ จะทำเหมือนผู้ชายทำกับผู้หญิงไหมคะ”
“ผมตอบแทนเขาไม่ได้ แต่ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชายตราบใดที่เข้ายังมีไอ้นั่นอยู่เขาก็ทำแบบนั้นกับผู้หญิงได้ครับ”
“ขนลุกเลยค่ะ” ไอรดาคิดแล้วก็ขนลุกซึ่งถ้าหากคืนนั้นเธอไม่รู้เรื่องของเขาเธอก็คงได้กลายเป็นภรรยาของผู้ชายที่เป็นภรรยาของคนอื่น
“อัยย์โชคดีที่รู้เรื่องนี้ก่อนเพราะมีอีกหลายคนที่ไม่รู้เลยว่าสามีตัวเองนั้นนอนได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิง” เพราะลักษณะงานที่ทำอยู่เลยพอจะรู้เรื่องภายในครอบครัวของคนไข้อยู่มาก แต่ก็เล่าอะไรให้เธอฟังมากไม่ได้เนื่องจากว่ามันผิดจรรยาบรรณ
“คิดแบบนี้อัยย์ก็สบายใจค่ะ”
“เราอย่าพูดถึงเรื่องของเขาอีกเลยพูดเรื่องของเราดีกว่า”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่เราจะคบกันไงครับ ผมอยากฟังคำตอบชัดๆ อีกครั้ง”
คุณหมอหนุ่มขยับมาประชิดแล้วกับไอรดาไว้ในอ้อมกอดของตนเอง ใบหน้าหล่ออยู่ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นบนแก้มเนียน
“ขออัยย์คิดอีกนิดได้ไหม”
“ผมจะมาฟังคำตอบคืนนี้นะครับ”
“แต่คุณจะไปงานเลี้ยงนี่คะ”
“ผมจะรีบกลับมา”
“อย่าหมดสนุกเพราะต้องรีบมาหาอัยย์เลยค่ะ เอาเป็นว่างานเลิกค่อยมาหาอัยย์ก็ได้ แต่ถ้ามันดึกเกินไปคุณก็นอนพักที่โรงแรมก่อน ตอนเช้าเราค่อยคุยกันก็ได้”
“ถ้าไม่ได้คุยคงนอนไม่หลับอีกแน่นๆ เอาเป็นว่าดึกแค่ไหนผมก็จะมาหาคุณ”
“ถ้าคุณยืนยันแบบนั้นอัยย์ก็จะรอค่ะ”
“ผมไปล่ะนะ”
“ค่ะ ขอให้สนุกนะคะ”
เขาบอกจะไปแต่ยังนั่งนิ่งจนไอรดาชักสงสัย
“ทำไมไม่ลุกล่ะคะ”
“อยากให้อัยย์หอมแก้มก่อนไป”
จริงๆ แล้วเขาอยากจะจูบเธอมากกว่าแต่ก็กลัวว่าถ้าจูบแล้วจะไม่ได้ออกไปจากบ้านพักแน่ๆ เพราะทุกครั้งที่อยู่ใกล้ไอรดาเขาก็มักจะคุมตัวเองไม่อยู่
ไอรดายิ้มก่อนจะกดจมูกไปบนแก้มของเขาทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา
“รู้สึกดีจังที่มีคนหอมแก้มก่อนออกจากบ้าน” ปิญชาน์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินออกจากบ้านตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมในเวลาหนึ่งทุ่มพอดี
ไอรดาสั่งอาหารเย็นมาทานระหว่างนั้นสริตาก็โทรศัพท์มาคุยด้วย “อัยย์พรุ่งนี้บ่ายริตาโดยยกเลิกเคส เราไปหาข้าวกินแล้วไปดูหนังกันสักเรื่องดีไหม อัยย์กลับมาจากปราณบุรีหรือยัง” “ยังเลย” “เหรอ งั้นริตาขับรถไปหาอัยย์ที่นั่นดีไหมจะได้หาอาหารทะเลอร่อยๆ กิน” “อยากกินอะไรเดี๋ยวอัยย์ซื้อไปให้ที่ห้องก็ได้ วันมะรืนต้องทำงานไม่ใช่เหรอ” “จริงสิ ลืมเลย งั้นอัยย์ซื้อปูนึ่งกับกุ้งเผามาด้วยนะอ้อ อย่าลืมหมึกไข่นึ่งมะนาวร้านเดิมที่เราไปกินด้วย” “ได้สิ เขาขนมหม้อแกงไหม” “ไม่ล่ะ กินทีไรหยุดปากไม่ได้ทุกทีขี้เกียจต้องมาออกกำลังกาย อัยย์ล่ะไปที่นั่นเจอหนุ่มๆ บ้างไหมหรือว่าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง” “ก็พอเจอบ้าง” “เจอแล้วมีใครถูกใจบ้างไหมล่ะ บอกก่อนเลยนะครั้งนี้ต้องดูดีเลย ทั้งหน้าตา นิสัย อาชีพการงานจะได้ไม่ต้องเสียใจอีก” สริตาเตือนสติเพื่อนรัก “ดูขนานนั้นเลยเหรอ อัยย์ว่าเอาแค่ถูกใจอย่างเดียวก็ได้แล้วมั้งริตา” “มันก็ได้อยู่หรอกนะอัยย์ แต่ริตากลัวว่าคุณยายนวลแขจะไม่ถูกใจกับอัยย์ด้วยน่ะสิ อัย
ปิญชาน์ดึงร่างไอรดาเข้ามาจนชิด มือรั้งท้ายทอยบังคับศีรษะทุยให้เงยหน้าขึ้น ปากหยักได้รูปปิดลงบนปากนุ่ม ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าหาเรียวลิ้นเล็ก ดูดดื่มความหวานอย่างหิวกระหาย ไอรดาทรงตัวแทบไม่อยู่สองแขนยกขึ้นคล้องไปยังลำคอแกร่งอย่างหลงลืมตัว จากคิดว่าจะแกล้งหยอกไอรดาแต่กลายเป็นว่ายิ่งได้ใกล้ชิดมากเท่าไหร่ก็เหมือนจมดิ่งลงไปในกองเพลิงจนถอนตัวไม่ขึ้น “คุณชาน์ ปล่อยอัยย์เถอะคะ” “ผมคิดถึงคุณทั้งวันจะให้ปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ” “แต่อัยย์หนาวแล้วนะคะ คุณบอกเองว่าเดี๋ยวจะไม่สบาย” “เดี๋ยวก็อุ่นเองเชื่อผมสิ” เสียงกระซิบแหบพร่า ฟังดูเหมือนกับชายหนุ่มคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ เธอรู้ว่าเขาดื่มไปมากแค่ไหนรู้แต่ร่างกายที่เบียดเสียดอยู่ตอนนี้นั้นมันร้อนรุ่มกว่าทุกครั้ง “คุณชาน์คุณจะทำอะไร” “ก็ทำให้คุณหายหนาวไงครับ”พูดพลางคว้าเอวคอดและดึงเข้าหาตนเองให้ชิดมากยิ่งขึ้น จนหญิงสาวรู้สึกว่าตอนนี้หน้าท้องของเธอกำลังถูกบางอย่างที่แข็งร้อนดุนดันชายหนุ่มบีบคลึงสะโพกกลมกลึงริมฝีปากบดจูบเคล้าเคลียจนไอรดาอ่อนราวขี้ผึ้งรนไฟ “อื้อ”
ไอรดาอาบน้ำไปด้วยใช้ความคิดไปด้วยจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เขามายืนอยู่ด้านหลังเธอแล้ว “ผมช่วยอาบไหมอัยย์” “คุณชาน์เข้ามาได้ยังไงคะ” “ก็ห้องน้ำตัวล็อกมันเสีย” เขาตอบขณะที่เข้ามายืนประชิด สาวตาจ้องไปที่เรือนร่างที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ราวกับเธอเป็นภาพศิลปะที่หาดูยาก “คุณชาน์อย่างจ้องอัยย์แบบนั้นสิคะ” พูดพลางเอาสองมือปิดส่วนสงวนทั้งบนทั้งล่าง “จะปิดทำผมเห็นมาทั้งตัวแล้ว ให้ผมช่วยอาบนะ จะได้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวก็สบายหรอก” “แต่อัยย์อาบเองได้” “อย่าห้ามเลยผมอยากทำนะครับอัยย์” แล้วคนมีวาทะศิลป์ก็ทำให้หญิงสาวยอมอีกจนได้ ฝ่ามือร้อนลูบไปตามผิวเนียนอย่างแผ่วเบาในขณะที่ไอรดาได้แต่ยื่นนิ่งมองทุกการกระทำของเข้าด้วยหัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุ ร่างกายเธอเสียวซ่านไปกับสัมผัสที่เขาลากผ่าน ใบหน้าสวยหวานแดงซ่านเมื่อเห็นว่าตอนนี้ร่างกายของชายหนุ่มนั้นมันขยายใหญ่จนดูน่าเกรงขาม หญิงสาวลำคอแห้งผากเมื่อคิดว่าความเป็นชายของเขานั้นต่างจากที่เธอเคยเห็นทั้งขนาดและความยาวและไม่คิดเลยว่าทุกครั้งที่เข้าไปในตัวเธอนั้นมันสร้างความสุขได้มากม
ปิญชาน์เช็ดตัวให้คนที่นอนหมดแรงจนสะอาดเอี่ยมจากนั้นตัวเองก็รีบอาบน้ำและกลับมานอนกอดร่างที่เปลือยเปล่า ให้ศีรษะของเธอหนุนบนท่อนแขน มือใหญ่โอบเอวเธอไว้อย่างหวงแหน ก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงไอรดากระซิบบอกรักนั่นยิ่งทำให้เขานอนหลับอย่างมีความสุข แต่แล้วทุกอย่างก็เหมือนจะกลายเป็นเพียงความฝันเมื่อตื่นเช้ามาเขาเจอโน้ตที่หญิงสาวเขียนทิ้งไว้พร้อมกับเช็คเงินสดหนึ่งแสนบาท ‘ขอบคุณที่เข้ามาทำให้อัยย์มีความสุข ขอบคุณที่มาเติมเต็มนะคะ แต่ระหว่างเรามันเป็นไปได้ยาก อัยย์ไม่ใช่คนตัวเปล่า ถึงจะหย่าแล้วแต่สถานะทางสังคมก็ยังต้องดำเนินต่อ ขอโทษที่ไม่กล้าพูดกับคุณตรงๆ หวังว่าคุณจะให้อภัยนะคะ รักคุณนะ....อัยย์’ ปิญชาน์ทั้งโกรธทั้งโมโหที่เธอทิ้งเขาไปแบบนี้ แม้จะดีใจกับคำบอกรัก แต่สิ่งที่เธอทำนั้นเขาคิดว่ามันมากเกินไป เธอทำราวกับว่าเขาเป็นผู้ชายขายตัว ชายหนุ่มรีบสวมเสื้อผ้าและกลับไปเก็บของที่โรงแรม ระหว่างทางที่ขับรถกลับก็พยายามจะติดต่อกับหญิงสาว อยากจะคุยกับเธอให้รู้เรื่องแต่เธอคงจะบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของ
วันนี้อติรุจน์มารับไอรดาที่คอนโดตั้งแต่เช้าจากนั้นก็นัดแนะคำพูดให้ตรงกัน ก่อนจะเอาของฝากไปให้ที่บ้านบิดามารดาของชายหนุ่ม ทั้งสองแสดงว่าเป็นคู่ที่รักกันมากจนผู้ใหญ่ทั้งสองคนต่างยิ้มและรอคอยที่จะอุ้มหลาน ไอรดาได้แต่ยิ้มรับเพราะเรื่องนี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นและเธอก็ไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด แต่ที่หนักใจก็ตอนที่กำลังไปยังบ้านสวนของคุณยายนวลแข ไอรดากลัวว่าจะโดนคุณยายจับได้ “เมื่อกี้เรายังผ่านมาได้ พี่ว่าอัยย์อย่ากังวลไปเลยนะ” อติรุจน์เห็นหญิงสาวเอาแต่เงียบก็พูดปลอบใจ “ก็อัยย์กลัวนี่คะพี่ติ ถ้าคุณยายถามอะไรพี่ติเป็นคนตอบได้ไหม ส่วนอัยย์จะไปคุยกับคุณลุงคุณป้า” “ได้สิ อัยย์แค่นั้นยิ้มก็พอ เรื่องที่เหลือพี่จัดการเอง” พอลงจากรถเด็กรับใช้คนสนิทของคุณยายก็รีบเข้ามารับถุงของฝากขึ้นไปบนบ้านเรือนไทยก่อนที่ไอรดาและสามีจะเดินตามไปขึ้น “สวัสดีค่ะคุณยาย” ไอรดาเข้าไปกอดอย่างประจบ “สวัสดีครับคุณยาย ผมซื้อพวกวิตามินแล้วก็ผ้าพันคอสวยๆ มาฝากคุณยายกับป้าอรด้วยนะครับ ส่วนของลุงนุกับพี่ณัฐผมก็ซื้อกระเป๋าหนังอย่างดีกับน้ำหอมมาฝาก”
ไอรดากลับมาทำงานได้สามวันแล้วทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีใครสงสัยเรื่องทริปฮันนีมูน และตอนนี้เธอรับเวรเพิ่มมากขึ้นเพราะคุณหมอที่แผนกนั้นลาคลอดไปหนึ่งคน “หมออัยย์คะ คืนนี้เวร counsult ของหมอปิ่นหมออัยย์รับแทนใช่ไหมคะ” ศศิมลหัวหน้าพยาบาลเดินมาถามขณะที่ไอรดากำลังนั่งพักอยู่ในห้องตรวจ “ค่ะพี่ศิ อัยย์ไม่รู้ว่าเวรห้องคลอดหมออะไรคะ” “หมอปิญชาน์ค่ะ” “หมอปิญชาน์ ชื่อแปลกจังนะคะ อัยย์เพิ่งเคยได้ยิน” “หมอปิญชาน์หรือที่ทุกคนเรียกว่าหมอชาน์เป็นหมอประจำของที่นี่ค่ะ แต่ช่วงที่หมออัยย์มาทำงานแรกๆ ท่านถูกดึงตัวไปช่วยงานที่โรงพยาบาลอีกสาขาหนึ่ง เพิ่งจะมากลับมาที่นี่ได้สองอาทิตย์เองค่ะ” “อ๋อ ถึงว่าอัยย์ไม่เคยได้ยินชื่อเลย” “พี่ศิขอบอกก่อนเลยนะคะว่าหมออัยย์ห้ามตกหลุมรักเด็ดขาด” “ทำไมอัยย์ต้องตกหลุมรักเขาล่ะคะ อัยย์แต่งงานแล้วนะคะพี่ศิลืมไปหรือเปล่า” “พี่ศิก็แต่งงานแล้วยังแอบหลงรักหมอชาน์เลยค่ะ คนอะไรก็ไม่รู้ทั้งหล่อ ทั้งใจดีและสุภาพมากใครได้เป็นแฟนคงโชคดี” “คุณสมบัติครบขนาดนั้นป่านนี้เขาคงมีแฟนไป
วันนี้ไอรดามีนัดกับหมอปิญชาน์ที่คลินิกแต่เธอไปอยากจะไปคุยกับเขาเท่าไหร่เพราะไม่มีอะไรจะต้องทำความเข้าใจกันอีก แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะไปหาเธอที่ห้องตรวจซึ่งถ้าเขาทำแบบนั้นจริงๆ เธอก็ไม่รู้จะตอบคนอื่นว่ายังไง “ริตาว่าไปคุยให้รู้เรื่องก็ดีเหมือนกันนะอัยย์” “แต่อัยย์ไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว” “มันจะเลี่ยงได้เหรออัยย์ อย่าลืมนะว่าทำงานที่เดียวกันแล้วหมอสูติฯ กับหมอเด็กยังไงก็ได้ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว” “อัยย์ไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา”“อัยย์ยังรักเขาใช่ไหม”“แต่อัยย์กำลังพยายามเลิกรักเขาอยู่นะ”“ไม่จำเป็นจะต้องเลิกรักเลยนี่ ถ้าเป็นคุณหมอปิญชาน์คุณยายคงไม่ว่าอะไรหรอก ทั้งหน้าตาและอาชีพการงานไม่มีอะไรน้อยหน้าพี่ติเลย”“อัยย์ไม่ได้กังวลเรื่องนี้ แต่เพราะทุกคนที่โรงพยาบาลรู้ว่าอัยย์แต่งงานแล้ว ถ้าอัยย์กับเขาจะคบกันก็คงมีแต่คนนินทา”“ลองคุยกับเขาดูสิว่าจะเอายังไง จะรับได้ไหมถ้ามีคนรู้แล้วเอาไปนินทา”“อัยย์กลัวคำตอบ”“แต่ถ้าไม่คุยกับเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดยังไง ถ้าเขาแคร์กับเรื่องนี้อัยย์ถอยออกมา เจ็บตอนนี้ยังดีกว่าคิดไปเองแล้วมาเสียใจทีหลังนะ” สริตาเตือน
ปิญชาน์เดินมาจนชิดดันให้ไอรดาหลังชนกับประตูห้องแล้วกักเธอไว้ด้วยสองแขน“หมอชาน์คะ เปิดประตูให้อัยย์หน่อยได้ไหมคะ” ไอรดาเริ่มอ้อน“ชอบจังเวลาที่คุณเรียกผมด้วยเสียงแบบนี้ แต่ผมว่าคุณพลาดแล้วล่ะ ตอนแรกผมแค่คิดจะจูบแล้วปล่อยคุณไปแต่เสียงหวานๆ ของคุณมันทำให้น้องชายผมตื่นแล้วคุณก็รู้นะครับว่าต้องรับผิดชอบยังไง”“ปล่อยนะอัยย์กลับไปเถอะค่ะ นะยังไงอัยย์ก็ไม่หนีคุณไปไหนอยู่แล้ว อัยย์ยังต้องพึ่งพาคุณเรื่องคุณยาย”“อัยย์ก็รู้ว่าตอนนี้ผมทรมานแค่ไหน นะครับอัยย์ คุณไม่คิดถึงผมบ้างเหรอ ไหนคุณบอกว่ารักผม แล้วทำไมต้องทำท่าทางรังเกียจแบบนี้ด้วย”“อัยย์ได้รังเกียจคุณนะคะ”“คุณกลัวอะไร” ปิญชาน์ถามขณะที่ยังคงกักตัวเธอไว้อย่างเดิม“คุณตรวจเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”“โธ่ เรื่องนี้เอง ผมปริ้นผลเลือดเตรียมให้คุณดูแล้ว แต่ไม่รู้เอาไปเก็บไว้ที่ไหน ผมไม่มีโรคติดต่ออย่างที่คุณกังวลหรอกครับอัยย์ ผมไม่เคยมั่วกับใคร ไม่เคยสดกับใครนอกจากคุณ”คำพ
ไอรดาคุกเข่าลงตรงหน้าคนรัก ใบหน้าสวยเงยขึ้นสบตาคมปลาบหญิงสาวส่งยิ้มยั่วยวนก่อนจะยื่นมือมาสัมผัสกับความเป็นชายที่แข็งตระหง่านอยู่ตรงหน้า“อื้อ อัยย์”เพียงมือเล็กสัมผัสกายความเป็นชายปิญชาน์ก็ครางสะท้าน ไอรดาส่งลิ้นร้อนสัมผัสส่วนปลายอย่างแผ่วเบา ไล้วนส่วนหัวหยักแล้วลากปลายลิ้นเปียกชื้นลงมายังส่วนโคนหยอกเย้ากับก้อนกลมที่กดเกร็งเธอรู้ว่าจุดไหนของร่างกายที่เป็นศูนย์รวมเส้นประสาทและจะทำให้เขาเสียวซ่าน ยิ่งได้ยินเสียงแหบพร่าครางฮึมฮัมอยู่ในลำคอก็ยิ่งได้ใจ เรียวปากเล็กขบเม้มเรื่อยๆ จากโคนถึงปลาย ก่อนจะตวัดปลายลิ้นรอบรอยหยัก มือใหญ่ลูบศีรษะและกดเบาๆ ให้เรียวปากเล็กกลืนกินกายแกร่งอย่างที่เขาเคยจินตนาการถึง“เยี่ยมที่สุด สุดยอดที่รัก...” ปิญชาน์เอ่ยชมด้วยเสียงแหบพร่า ใบหน้าแหงนขึ้นสูดปากด้วยความเสียวกระสันเมื่อภรรยาสาวปรนเปรอให้เขาอย่างถึงใจ ปลานลิ้นเลียวนส่วนปลายก่อนจะดูดเข้าปากเล็กจนแก้มตอบ ปิญชาน์สั่นสะท้านไปทั่วร่างจนทนแทบไม่ไหว ชายหนุ่มดึงคนรักให้ลุกขึ้นแล้วประกบจูบที่กลีบปากนุ่มอย่างเร่าร้อน ความเสียวที่เธอมอบให้มันอัดแน่นจนแทบจะระเบิดเขาพลิกให้ไอรดาหันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ จับ
หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วไอรดาก็เก็บของใช้มาอยู่กับปิญชาน์ที่คอนโด ระหว่างนี้เรือนหอก็เริ่มสร้างตามแบบที่ทั้งสองคนช่วยกันเลือก ถ้าทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงจะเสร็จก่อนวันแต่งงานประมาณหนึ่งเดือน หมอปิญชาน์อัปเดตภาพทะเบียนสมรสลงในโซเซียลทำให้ทุกคนรับรู้ว่าเขากับหมอไอรดาไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานหรือคนที่กำลังดูใจกันอยู่ แต่สถานะของทั้งสองคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการตัดโอกาสคนที่จะข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนทั้งสองได้เป็นอย่างดี ทั้งชีวิตส่วนตัวและเรื่องการของทั้งสองอยู่ในจังหวะที่ลงตัวมาก ทุกวันทั้งสองจะไปทำงานพร้อม พอตอนเย็นไอรดาก็จะมาส่งหมอปิญชาน์ที่คลินิก ส่วนตัวเองก็จะนั่งอ่านหนังสือรอหรือบางครั้งก็กลับมาที่คอนโดก่อนแล้วจึงขับรถไปรับเขาอีกครั้งในเวลาที่คลิกนิกปิดแล้ว ปกติแล้ววันเสาร์ช่วงบ่ายวันเสาร์แบบนี้จะเป็นเวลาพักของทั้งสองคุณหมอ บางครั้งทั้งสองคนก็พากันออกไปซื้อของ ไปเดินเล่นหรือไม่ก็ไปดูหนังด้วยกันสักเรื่องแต่วันนี้ปิญชาน์ต้องไปให้คำปรึกษาเรื่องการมีบุตรยากกับเพื่อนของพี่สาว ไอรดาจึงอยู่ที่คอนโดเพียงคนเดียว หลังจากทานอาหารค่ำแบบง่า
ไอรดากับปิญชาน์มาถึงบ้านสวนก่อนเที่ยงเล็กน้อยเพราะทั้งสองคนต้องไปราวน์คนไข้ก่อนจะออกเดินทาง “สวัสดีครับคุณยาย ผมไม่มาหาคุณยายนานเลย คุณยายสบายดีไหมครับ” หมอปิญชาน์เข้าไปสวัสดีคุณยายอย่างประจบ “สบายดีจ้ะ ยายว่าตอนนี้ยายแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ ยายเดินออกกำลังกายรอบบ้านทุกวันเลย” คุณยายนวลแขรีบอวดคุณหมอคนโปรด “ดีเลยครับ ผมเสียอีกที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย” “งานหนักล่ะสิ ดูหมอผอมไปนะ ทั้งหมอชาน์และหนูอัยย์เลย ยายว่าสองคนทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า หาเวลาพักผ่อนบ้างเดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหวเอานะ” คุณยายบอกกับทั้งสองคนด้วยความเป็นห่วง “งานอัยย์ไม่หนักเท่าไร่หรอกค่ะ หมอชาน์หนักกว่าอัยย์เยอะเลยค่ะ ทั้งงานที่โรงพยาบาลและที่คลินิก” “ขยันจริงๆ แล้ววันหยุดแทนที่จะพัก ก็พากันมาซะไกลเลย” “ก็อัยย์คิดถึงคุณยายนี่คะ” “ยายก็คิดถึงหนู นี่ลุงกับป้าก็บ่นคิดถึงหนูเหมือนกัน เห็นว่าหยุดยาวคราวหน้าจะให้เจ้าณัฐไปรับมานอนที่บ้านสักคืน” “คุณยายขาอัยย์ขอไปหาคุณลุงกับคุณป้าก่อนนะคะ หมอชาน์คุยกับคุณยายนะคะ เดี๋ยวอัยย์มาค่ะ
เริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับความสนิทสนมของหมอปิญชาน์กับหมอไอรดาว่าทั้งสองคนจะสนิทกันมากว่าแค่เพื่อร่วมงานธรรมดา เพราะนอกจากทั้งสองมักจะนั่งดื่มกาแฟด้วยกันแล้วบางครั้งถ้าโทรตามหมอปิญชาน์มาทำคลอดหรือมาผ่าตัดในเวลากลางคืน หมอปิญชาน์ก็มักจะมาพร้อมกับหมอไอรดาแม้ว่าเวรของทั้งสองจะตรงกันแต่มันก็ผิดสังเกตอยู่ดี เรื่องนี้ไอรดาเองก็ได้ยินเข้าหูมาอยู่บ้างสำหรับเธอแล้วมันได้มีผลกระทบอะไรเลยเพราะความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอ เนื่องจากเสียงที่ได้ยินส่วนใหญ่จะออกไปแนวประมาณว่าทำไมหมอปิญชาน์ถึงเลือกคบกับหมอไอรดาที่เพิ่งหย่ากับสามีแทนที่คนหล่อๆ โปรไฟล์ดีอย่างเขาน่าจะมองหาหมอที่ทั้งสาวทั้งสวยอย่างหมอน้ำฟ้าลูกสาวคนเล็กของอาจารย์หมอประทีปซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาล หลายคนมองออกว่าคุณหมอน้ำฟ้านั้นมีความสนใจคุณหมอปิญชาน์อยู่ประมาณหนึ่งเพียงแต่เธอไม่กล้าออกตัวเพราะคิดว่ายังไงคุณหมอหนุ่มก็คงจะไม่มองใครที่ไหนเนื่องจากตอนนี้เธอเป็นคุณหมอคนเดียวที่ยังโสดอยู่ แต่ความสวยและความโสดก็ได้ทำให้คุณหมอปิญชาน์หันมาสนใจเธอเลยสักนิดเพราะคุณหมอหนุ่มไม่เหลือที่ว่างในหัวใจให้ใครอี
วันนี้การประชุมค่อนข้างน่าเบื่อเพราะเป็นการนำเสนอข้อมูลทางสถิติซึ่งยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ไอรดานั้นง่วงจนตาแทบจะปิดเนื่องจากเมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนก็เกือบจะตีสาม ถึงแม้จะเคยอยู่เวรทำงานยาวถึง 48 ชั่วโมงมาแล้วแต่มันต่างกันอย่างชิ้นเชิง “หมออัยย์ ง่วงไหมคะ” “ค่ะ หมอพั้นช์ล่ะคะ” “ง่วงมากค่ะ เมื่อคืนพั้นช์กับหมอภพนั่งดื่มกันจนผับปิดแล้วยังไปเดินรับลมกันต่ออีก กว่าจะได้ขึ้นนอนก็เกือบจะตีสามเลยค่ะ” พัณณ์ชิตากระซิบเบาๆ “ถ้าบ่ายนี้ไม่ได้กาแฟคงนั่งหลับในห้องประชุมแน่ๆ” “กลางวันนี้ไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ ขากลับจะแวะซื้อกาแฟเข้ามาด้วยเลยดีไหมคะ เพราะกาแฟที่ห้องประชุมคงเอาไม่อยู่แน่นอนเลย” “ปกติเราก็ไปทานด้วยกันอยู่แล้วนี่คะ” “อัยย์หมายถึงออกไปทานข้างนอกโรงแรม พอดีหมอชาน์เขาจองร้านอาหารไว้” “ไม่ดีกว่าพั้นช์ไม่อยากเป็นก้างค่ะ เดี๋ยวพี่หมอจะมาว่าพั้นช์ทีหลัง” “แต่ร้านนี้อาหารอร่อยมากนะคะ ใครมาภูเก็ตต้องได้ไปทาน เราชวนหมอภพไปด้วยก็ได้นะคะ ไปหลายคนจะได้สั่งทานได้หลายอย่าง” “หมออัยย์ไม
ปิญชาน์และไอรดาเดินคุยกันต่ออีกไม่นานก็พากันกลับเข้ามายังโรงแรมอีกครั้ง ทั้งสองตรงไปยังห้องพักของไอรดาและช่วยกันเก็บเสื้อผ้าของเธอลงกระเป๋าเพื่อย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับเขาซึ่งอยู่สูงขึ้นไปอีกสองชั้น ไอรดายังไม่ทันได้เปิดกระเป๋าเพื่อเอาชุดมาแขวนก็ถูกคนตัวโตรวบกอดจนแทบหายใจไม่ออก และเมื่อเธอจะกำลังจะบอกให้เขาปล่อย ริมฝีปากสีสวยถูกประจบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ปลายลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้ามาด้วยอาการรีบร้อน ราวกับว่าถ้าเขาจูบเธอช้ากว่านี้เขาจะขาดใจลงตรงหน้า จูบที่คุ้นเคย กระตุ้นความปรารถนาของในกายให้ลุกโชน ไอรดาตอบรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ ปลายลิ้นร้อนสำรวจภายในอุ้งปากของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ“ผมคิดถึงคุณมากนะอัยย์ ผมขอโทษที่ไม่ค่อยมีเวลาให้คุณเลย แต่สามวันนี้ผมจะให้เวลาทุกวินาทีกับคุณนะครับอัยย์”“อัยย์ก็คิดถึงคุณค่ะ เรื่องเวลาอัยย์เข้าใจดีค่ะ”ในขณะที่ปากร้อนกำลังดื่มด่ำกับความหวานในโพรงปากนุ่ม มือใหญ่ก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรวดเร็ว จนที่สุดร่างกายสาวขาวเนียนก็เปลือยเปล่าสายตาของชายหนุ่ม ไฟแห่งตัณหาเริ่มปะทุขึ้น ปิญชาน์อุ้มคุณหมอสาวยังไปวางบ
ไอรดาใช้เวลานานกว่าจะพาตัวเองเดินขึ้นมายังห้องพัก และพอประตูห้องปิดลงหญิงสาวก็ฟุบใบหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ ความผิดหวังครั้งนี้มันมากเกินจะเก็บเอาไว้ได้ ไม่คิดเลยว่าตนเองจะถูกทิ้งเป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือน ความรู้สึกครั้งนี้มันหนักหนากว่าครั้งแรกเพราะเธอคิดว่าหมอปิญชาน์เป็นคนที่เข้าใจเธอและอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด เธอรักเขามากและคิดว่าเขาก็คงจะรักเธอมากเหมือนกัน แต่นั่นมันอาจจะเป็นเธอเองที่คิดเข้าข้างตนเองมากเกินไป ใครที่ไหนจะมาจริงจังกับแม่หม้ายอย่างเธอกัน คนที่เรียนเก่งทำงานเก่งแต่ทักษะการใช้ชีวิตแทบไม่มีอย่างเธอก็เหมาะสมแล้วที่โดนเขาหลอก จากนี้ไอรดาคิดว่าคงไม่รับใครเข้ามาในชีวิตอีกแล้ว เวลาที่เหลือจะทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ เวลาว่างก็ใช้ชีวิตให้มีความสุข เพราะยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครตายเพราะไม่มีคู่เลยสักคน แม้จะยังทำใจไม่ได้แต่ไอรดาก็ไม่อยากให้ความเสียใจมาส่งผลต่อร่างกาย หญิงสาวจึงอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะลงไปหาอะไรทาน พอทานอิ่มก็กลับขึ้นมาบนห้องแล้วเธอก็บังเอิญเจอกับคุณหมอสิรภพที่กำลังจะกลับขึ้นห้องพอดี “หมออัยย์ผมกำลังจะไปหาที่ห้องเล
เมื่อปัญหาทุกอย่างเคลียร์หมดแล้วไอรดาก็กลับมายิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง คุณหมอสาวตรวจคนไข้คนสุดท้ายของวันนี้เสร็จในเวลาเกือบจะสองทุ่มแต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด ถ้าไม่ถึงเวลาปิดแผนกเธอคงจะนั่งตรวจต่อไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน “หมออัยย์ค่ะ คนไข้หมดแล้วยังไม่รีบกลับเหรอคะ” นีรนุชเดินเข้ามายังห้องตรวจเห็นว่าคุณหมอยังไม่เตรียมตัวกลับก็ถามขึ้น “ค่ะพี่นุช เดี๋ยวอัยย์ก็กลับแล้วค่ะ” “ตั้งแต่เป็ดโสดอีกครั้งดูหมออัยย์มีความสุขมากนะคะ” “พี่นุชดูออกเลยเหรอคะ” “ใครก็ดูออกทั้งนั้นแหละค่ะ”“นี่อัยย์คิดว่าตัวเองเก็บอาการอยู่แล้วนะคะ”“พี่ไม่รู้ว่าหมออัยย์กับคุณติมีปัญหาอะไรกันถึงแม้จะแอบเสียใจที่หมออัยย์เลิกกับเขา แต่พอเห็นว่าหมอออัยย์มีความสุขแบบนี้พี่ก็ดีใจด้วยค่ะ” “ขอบคุณค่ะ อัยย์ก็มีความสุขจริงนั่นแหละค่ะ ส่วนเรื่องเลิกกันเพราะอะไรถ้าใครตาม ig พี่ติก็คงจะรู้เองล่ะคะ” ไอรดาไม่ได้บอกใครถึงเหตุผลที่ตนเองเลิกกับสามี เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แม้กระทั่งเรื่องที่เธอกับเขาหย่ากันเธอก็ไม่ได้เป็นคนป่าวประกาศแต่เป็นเขาเองที่
ไอรดาตัดสินใจพาครอบครัวของตนไปพบบิดามารดาของอติรุจน์ตามกำหนดเดิมเพราะอยากให้เรื่องทุกอย่างนั้นจบ เธอไม่อยากให้เรื่องมันคาราคาซังอยู่แบบนี้จากที่เห็นใจในความรักของอติรุจน์และพนาที่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะเรื่องที่เขาเอามาขู่เธอเมื่อวานนั้นมันน่าเกลียดจนเธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกต่อไปไม่ว่าสถานะไหนก็ตาม ความเป็นพี่เป็นน้องระหว่างเธอกับเขามันหมดลงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“สวัสดีค่ะ คุณยาย คุณอร คุณนุ เชิญด้านในก่อนนะคะ พวกเราดีใจที่ทุกคนแวะมาเยี่ยม” มารดาของอติรุจ์ออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น“บ้านน่าอยู่จังเลยนะคะ” อรอินเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกเอ่ยชม“ขอบคุณนะคะ คราวหน้าถ้ามากรุงเทพก็มาพักที่บ้านได้นะคะ เพราะพักที่บ้านตาติกับหนูอัยย์คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ที่นี่ห้องหับเยอะแยะเลยค่ะ”“พวกคงไม่รบกวนคุณรจนาหรอกค่ะ ที่แวะมานี่ก็แค่จะมาแจ้งข่าว”“แจ้งข่าวอะไรเหรอครับ” คุณวสันต์ถามอย่างสงสัยเพราะนึกไม่ออกว่าจะมีข่าวอะไรที่คุณยายนวลแขถึงมาแจ้งด้วยตนเองแบบนี้ “ฉันไม่อยากจะอ้อมค้อมให้เสียเวลาหรอกนะคะ เอาเป็นว่าที่พวกเรามาวันนี้ก็เพื่อจะเอาสินสอดและของหมั้น