วันนี้ไอรดามีนัดกับหมอปิญชาน์ที่คลินิกแต่เธอไปอยากจะไปคุยกับเขาเท่าไหร่เพราะไม่มีอะไรจะต้องทำความเข้าใจกันอีก แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะไปหาเธอที่ห้องตรวจซึ่งถ้าเขาทำแบบนั้นจริงๆ เธอก็ไม่รู้จะตอบคนอื่นว่ายังไง “ริตาว่าไปคุยให้รู้เรื่องก็ดีเหมือนกันนะอัยย์” “แต่อัยย์ไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว” “มันจะเลี่ยงได้เหรออัยย์ อย่าลืมนะว่าทำงานที่เดียวกันแล้วหมอสูติฯ กับหมอเด็กยังไงก็ได้ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว” “อัยย์ไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา”“อัยย์ยังรักเขาใช่ไหม”“แต่อัยย์กำลังพยายามเลิกรักเขาอยู่นะ”“ไม่จำเป็นจะต้องเลิกรักเลยนี่ ถ้าเป็นคุณหมอปิญชาน์คุณยายคงไม่ว่าอะไรหรอก ทั้งหน้าตาและอาชีพการงานไม่มีอะไรน้อยหน้าพี่ติเลย”“อัยย์ไม่ได้กังวลเรื่องนี้ แต่เพราะทุกคนที่โรงพยาบาลรู้ว่าอัยย์แต่งงานแล้ว ถ้าอัยย์กับเขาจะคบกันก็คงมีแต่คนนินทา”“ลองคุยกับเขาดูสิว่าจะเอายังไง จะรับได้ไหมถ้ามีคนรู้แล้วเอาไปนินทา”“อัยย์กลัวคำตอบ”“แต่ถ้าไม่คุยกับเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดยังไง ถ้าเขาแคร์กับเรื่องนี้อัยย์ถอยออกมา เจ็บตอนนี้ยังดีกว่าคิดไปเองแล้วมาเสียใจทีหลังนะ” สริตาเตือน
ปิญชาน์เดินมาจนชิดดันให้ไอรดาหลังชนกับประตูห้องแล้วกักเธอไว้ด้วยสองแขน“หมอชาน์คะ เปิดประตูให้อัยย์หน่อยได้ไหมคะ” ไอรดาเริ่มอ้อน“ชอบจังเวลาที่คุณเรียกผมด้วยเสียงแบบนี้ แต่ผมว่าคุณพลาดแล้วล่ะ ตอนแรกผมแค่คิดจะจูบแล้วปล่อยคุณไปแต่เสียงหวานๆ ของคุณมันทำให้น้องชายผมตื่นแล้วคุณก็รู้นะครับว่าต้องรับผิดชอบยังไง”“ปล่อยนะอัยย์กลับไปเถอะค่ะ นะยังไงอัยย์ก็ไม่หนีคุณไปไหนอยู่แล้ว อัยย์ยังต้องพึ่งพาคุณเรื่องคุณยาย”“อัยย์ก็รู้ว่าตอนนี้ผมทรมานแค่ไหน นะครับอัยย์ คุณไม่คิดถึงผมบ้างเหรอ ไหนคุณบอกว่ารักผม แล้วทำไมต้องทำท่าทางรังเกียจแบบนี้ด้วย”“อัยย์ได้รังเกียจคุณนะคะ”“คุณกลัวอะไร” ปิญชาน์ถามขณะที่ยังคงกักตัวเธอไว้อย่างเดิม“คุณตรวจเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”“โธ่ เรื่องนี้เอง ผมปริ้นผลเลือดเตรียมให้คุณดูแล้ว แต่ไม่รู้เอาไปเก็บไว้ที่ไหน ผมไม่มีโรคติดต่ออย่างที่คุณกังวลหรอกครับอัยย์ ผมไม่เคยมั่วกับใคร ไม่เคยสดกับใครนอกจากคุณ”คำพ
“ให้ผมขับนะอัยย์ เดี๋ยวคุยก็สังเกตว่าผ่านอะไรบ้างขากลับจะได้กลับเองได้ หรือจะค้างกับผมก็ได้นะ พรุ่งนี้จะได้ไปพร้อมกัน” ไอรดาไม่ได้ตอบอะไรเพราะยิ่งพูดเขาก็ยิ่งรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่เห็นกับตาว่าเขาเป็นหมอเธอก็คงไม่เชื่อเพราะท่าทางของเขานั้นเจ้าชู้ชนิดที่หาตัวจับยาก “อัยย์ นั่งนิ่งเชียวง่วงเหรอ นอนก่อนก็ได้” “ถ้าอัยย์นอนแล้วจะกลับถูกได้ยังไงล่ะคะ” “ก็ไม่ต้องกลับไงครับ ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยก็ได้” “แค่ที่เราแอบคบกันก็รู้สึกผิดจนไม่กล้าสู้หน้าใครแล้ว นี่จะให้มาอยู่ด้วยอีกคงต้องย้ายที่ทำงานแล้วล่ะคะ”&n
ผลการผ่าตัดของคุณยายนวลแขเป็นที่น่าพอใจมาก หมอปิญชาน์และหมออีกท่านที่เข้าผ่าตัดด้วยสามารถเอาเซลล์มะเร็งและเลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณอุ้งเชิงกรานออกจนหมด เพราะคุณยายอายุมากแล้วแผนที่อาจารย์หมอสุชาติวางไว้ก็คือจะเอามดลูกของคุณยายออกด้วย และจากนั้นจะนัดตรวจอาการทุกหกเดือนเพื่อดูว่าเซลล์มะเร็งจะกลับมาอีกไหน เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่คุณยายนวลแขเลยต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานเป็นสัปดาห์ระหว่างนี้อติรุจน์ก็แวะมาเยี่ยมอยู่หลายครั้ง รวมถึงบิดามารดาของชายหนุ่มที่มาทีไรก็พูดถึงแต่เรื่องอยากอุ้มหลานทุกที “ผมชักเห็นใจยัยอัยย์แล้วล่ะครับยาย” “เห็นใจน้องเรื่องอะไร น้องเป็นอะไรเหรอเจ้าณัฐทำไมยายไม่รู้เรื่อง” “น้องไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับยาย แต่พ่อกับแม่สามีของยัยอัยย์ต่างหากละที่เป็นเอามาก มาทีไรพูดถึงแต่เรื่องหลาน น้องผมไม่ใช่แม่วัวนะครับที่นึกอยากจะให้ตกลูกตอนไหนก็ได้” “ตาณัฐทำไม่พูดน่าเกลียดแบบนั้น” อรอินปรามบุตรชาย แต่เธอก็แอบเห็นด้วยกับศุภณัฐ เพราะทุกครั้งที่สองสามีภรรยามาเยี่ยมก็เอาแต่พูดถึงเรื่องเดิมบางครั้งพวกเขาแทบไม่สนใจถามไถ่อาการของคนไข้เลยด้
เช้าวันเสาร์หมอปิญชาน์รีบราวน์คนไข้ตั้งแต่เช้าเพราะตอนสายๆ เขาจะตามไปส่งคุณยายนวลแขที่บ้านด้วย ชายหนุ่มฝากให้หมออีกคนช่วยราวน์คนไข้ตอนเย็นแทนเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับมาทันหรือเปล่า “อัยย์นั่งรถไปกับนายตินะ พี่จะขับรถให้พ่อส่วนคุณยายกับแม่ไปนั่งรถคุณหมอก็แล้วกัน” เพราะตกลงกันไม่ได้สักที่ศุภณัฐเลยสรุปให้เพราะถ้าอย่างนั้นคงไม่ต้องได้กลับบ้านกันพอดี “ดีเหมือนกัน แม่กับยายจะได้ถามหมอถึงการดูแลคุณยาย อีกอย่างนั่งรถแกทีไรมาเวียนหัวทุกทีขับรถไม่นิ่งเลย” “แหมๆ ทำมาเป็นว่าผมขับรถไม่นิ่งแล้วที่ขับพาคุณยายมาโรงพยาบาลนี่ใครกันล่ะแม่” “ก็ตอนนั้นมันมีตัวเลือกซะที่ไหนละ ขืนให้พ่อแกขับก็คงไม่ถึงโรงพยาบาลกันพอดี ขับช้าจนเต่าแซงแล้ว” “น่าเบื่อเนาะพ่อ ขับช้าก็บ่นขับไวก็บ่นเราไปกันก่อนดีว่านะพ่อ” “อือ ไปสิ หมอชาน์ครับผมฝากสองคนด้วยนะครับ” “ไม่ต้องห่วงครับลุงนุ เดี๋ยวผมพาไปส่งถึงที่หมาย” “แล้วเจอกันที่บ้านนะครับยาย” “จ้ะ อย่าขับให้มันเร็วมากล่ะ” “รู้แล้วครับยาย” “งั้นเราไปกันเถอะครับ เดี
“ขอบคุณนะคะ หมอชาน์ที่ให้อัยย์นั่งรถมาด้วย ถ้าเมื่อคืนคุณไม่ค้างที่บ้านคุณยายอัยย์ก็คงต้องนั่งรถตู้กลับมาเอง” “ผมต้องขอบคุณอัยย์ต่างห่างละครับที่ให้ผมได้ทำหน้าที่แฟน” “ไม่อยากคุยกับคุณเรื่องนี้แล้ว” “แต่ผมอยากคุยนี่ ผมได้ยินว่าอดีตสามีคุณจะไปเวียดนามเหรอครับ” “ค่ะ ใครบอกคุณคะ” “คุณยายครับ ท่านฝากให้ผมช่วยดูแลคุณด้วยนะอัยย์” “ทำไมคุณยายต้องฝากอัยย์ให้คุณดูแลด้วยล่ะคะ ฟังดูไม่มีเหตุผลเลย” “ผมบอกท่านเองว่างานเราคาบเกี่ยวกันถ้าผมทำคลอดคุณก็ต้องไปรับเด็กที่ห้องคลอด ถ้าผมผ่าตัดคุณก็ต้องไปรับเด็กที่ห้องผ่าตัด” “มันก็ไม่ทุกครั้งนี่คะ หมอเด็กไม่ได้มีแค่อัยย์คนเดียวสักหน่อย” “แต่เวรผมกับเวรของอัยย์มันตรงกันนะครับ ทั้งเวรตรวจผู้ป่วยนอกและเวร Counsult” “หมอชาน์แอบไปเปลี่ยนตารางเวรหรือเปล่าคะ” “ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง คุณลืมไปหรือเปล่าว่าผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นหมอก็วันที่เจอคุณในห้องผ่าตัดและตอนนั้นตารางเวรของหมออย่างพวกเราก็ออกแล้วนะครับ ผมว่าระหว่างเราน่ะพรหมลิขิตชัวร์ๆ ครับ”
ปิญชาน์กดจูบลงมาอีกครั้งอย่างเร่าร้อนขณะที่กายแกร่งยังคงถูกตอดรัดอยู่ในโพรงถ้ำ ถึงแม้จะเสียวจนแทบจะทนไม่ไหวแต่ก็อยากยืดเวลาแห่งความสุขอีกนิด“ดีไหมอัยย์ มีความสุขหรือเปล่า”เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เพราะความต้องการของตนเองยังไม่ถูกปลดปล่อย แต่ก็อยากจะให้เธอได้พักหายใจสักนิดก่อนที่เขาจะเริ่มบทรักอีกครั้ง“หมอชาน์ก็รู้ ไม่เห็นต้องถามเลย”หญิงสาวอายจนหน้าแดงกับคำถามที่เจ้าตัวนั้นก็คงจะรู้ดีกว่าใคร“พยักหน้าก็ได้ ผมอยากรู้ว่าคุณมีความสุขไหม”ปิญชาน์ถามขณะที่เขายังกดสะโพกวนในตัวของเธอไอรดาพยักหน้า ตาคู่สวยสบกับตาคมปราบ เธออยากให้เขารู้ว่าเธอนั้นมีความสุขมากแค่ไหนแต่ก็ยังไม่กล้าจะพูดกับเขาตรง“น่ารักมากอัยย์ของผม”มือใหญ่ดึงหมอนที่รองอยู่ใต้สะโพกของเธอออก จับให้หญิงสาวตะแคงหันหลังให้ตัวเอง จับขาข้างหนึ่งของเธอยกขึ้นเล็กน้อยสอดความแข็งร้อนเข้าไปยังช่องรักอันคับแคบลึกจนสุดโคน ก่อนจะขยับสะโพกเข้าออกเป็นจังหวะช้าๆ ขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นเต้าอวบ ปากร้อนจูบแผ่นหลังและลำคอจนขึ้นรอยรักสีกุหลาบ ทุกจังหวะที่เข้าออกหัวมังกรร้ายก็ครูดไปกับผนังอ่อนนุ่มจนไอรดาเสียวซ่านและกำลังจะถึงสวรรค์อีกครั้ง“อื
ศุภณัฐมาเที่ยวกลางคืนที่ผับของเพื่อนหลังจากที่ไม่ได้มานานเกือบสองเดือนเพราะยุ่งทั้งงานและเป็นห่วงคุณยายนวลแขจนไม่มีอารมณ์ออกมาเที่ยว “เฮ้ย ไอ้ณัฐออกจากถ้ำแล้วเหรอวะ” เพื่อนคนหนึ่งตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม “เออ กูไม่ได้มาเกือบสองเดือนทำไมร้านมึงดูแปลกๆ วะ” เขาถามปกรณ์เจ้าของร้านที่เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพราะสังเกตว่าในร้านมีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่เกือบเท่าตัว “ก็หุ้นส่วนคนใหม่ของกูเขาเป็นเกย์ ที่เห็นนั่นก็เพื่อนเขาทั้งนั้น” “อ้อ แต่ละคนนี่ดูไม่ออกเลย” “อือ กูก็ดูไม่ออกบางคนก็แต่งงานแล้วแต่หนีเมียมา” “เฮ้ยได้ไง ทำแบบนี้มันไม่ถูกนะ” “กูก็รู้ว่ามันถูกแต่เขาเป็นลูกค้า กูก็ต้องปิดเป็นความลับ” “น่าสงสารเมียเขานะ กูไม่ได้รังเกียจพวกเขาเลยนะแต่กูว่าที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง มันก็เหมือนกับผู้ชายมีชู้นั่นแหละ” “แต่ชูเขาเป็นผู้ชายไง เมียที่บ้านก็เลยจับไม่ได้ เดี๋ยวนี้โลกมันไปถึงไหนแล้วเรื่องแบบนี้ควรจะยอมรับกันได้สักทีจะได้ไม่มีใครต้องเจ็บปวด” “เฮ้อ นี่กะว่าจะออกม
ไอรดาคุกเข่าลงตรงหน้าคนรัก ใบหน้าสวยเงยขึ้นสบตาคมปลาบหญิงสาวส่งยิ้มยั่วยวนก่อนจะยื่นมือมาสัมผัสกับความเป็นชายที่แข็งตระหง่านอยู่ตรงหน้า“อื้อ อัยย์”เพียงมือเล็กสัมผัสกายความเป็นชายปิญชาน์ก็ครางสะท้าน ไอรดาส่งลิ้นร้อนสัมผัสส่วนปลายอย่างแผ่วเบา ไล้วนส่วนหัวหยักแล้วลากปลายลิ้นเปียกชื้นลงมายังส่วนโคนหยอกเย้ากับก้อนกลมที่กดเกร็งเธอรู้ว่าจุดไหนของร่างกายที่เป็นศูนย์รวมเส้นประสาทและจะทำให้เขาเสียวซ่าน ยิ่งได้ยินเสียงแหบพร่าครางฮึมฮัมอยู่ในลำคอก็ยิ่งได้ใจ เรียวปากเล็กขบเม้มเรื่อยๆ จากโคนถึงปลาย ก่อนจะตวัดปลายลิ้นรอบรอยหยัก มือใหญ่ลูบศีรษะและกดเบาๆ ให้เรียวปากเล็กกลืนกินกายแกร่งอย่างที่เขาเคยจินตนาการถึง“เยี่ยมที่สุด สุดยอดที่รัก...” ปิญชาน์เอ่ยชมด้วยเสียงแหบพร่า ใบหน้าแหงนขึ้นสูดปากด้วยความเสียวกระสันเมื่อภรรยาสาวปรนเปรอให้เขาอย่างถึงใจ ปลานลิ้นเลียวนส่วนปลายก่อนจะดูดเข้าปากเล็กจนแก้มตอบ ปิญชาน์สั่นสะท้านไปทั่วร่างจนทนแทบไม่ไหว ชายหนุ่มดึงคนรักให้ลุกขึ้นแล้วประกบจูบที่กลีบปากนุ่มอย่างเร่าร้อน ความเสียวที่เธอมอบให้มันอัดแน่นจนแทบจะระเบิดเขาพลิกให้ไอรดาหันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ จับ
หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วไอรดาก็เก็บของใช้มาอยู่กับปิญชาน์ที่คอนโด ระหว่างนี้เรือนหอก็เริ่มสร้างตามแบบที่ทั้งสองคนช่วยกันเลือก ถ้าทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงจะเสร็จก่อนวันแต่งงานประมาณหนึ่งเดือน หมอปิญชาน์อัปเดตภาพทะเบียนสมรสลงในโซเซียลทำให้ทุกคนรับรู้ว่าเขากับหมอไอรดาไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานหรือคนที่กำลังดูใจกันอยู่ แต่สถานะของทั้งสองคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการตัดโอกาสคนที่จะข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนทั้งสองได้เป็นอย่างดี ทั้งชีวิตส่วนตัวและเรื่องการของทั้งสองอยู่ในจังหวะที่ลงตัวมาก ทุกวันทั้งสองจะไปทำงานพร้อม พอตอนเย็นไอรดาก็จะมาส่งหมอปิญชาน์ที่คลินิก ส่วนตัวเองก็จะนั่งอ่านหนังสือรอหรือบางครั้งก็กลับมาที่คอนโดก่อนแล้วจึงขับรถไปรับเขาอีกครั้งในเวลาที่คลิกนิกปิดแล้ว ปกติแล้ววันเสาร์ช่วงบ่ายวันเสาร์แบบนี้จะเป็นเวลาพักของทั้งสองคุณหมอ บางครั้งทั้งสองคนก็พากันออกไปซื้อของ ไปเดินเล่นหรือไม่ก็ไปดูหนังด้วยกันสักเรื่องแต่วันนี้ปิญชาน์ต้องไปให้คำปรึกษาเรื่องการมีบุตรยากกับเพื่อนของพี่สาว ไอรดาจึงอยู่ที่คอนโดเพียงคนเดียว หลังจากทานอาหารค่ำแบบง่า
ไอรดากับปิญชาน์มาถึงบ้านสวนก่อนเที่ยงเล็กน้อยเพราะทั้งสองคนต้องไปราวน์คนไข้ก่อนจะออกเดินทาง “สวัสดีครับคุณยาย ผมไม่มาหาคุณยายนานเลย คุณยายสบายดีไหมครับ” หมอปิญชาน์เข้าไปสวัสดีคุณยายอย่างประจบ “สบายดีจ้ะ ยายว่าตอนนี้ยายแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ ยายเดินออกกำลังกายรอบบ้านทุกวันเลย” คุณยายนวลแขรีบอวดคุณหมอคนโปรด “ดีเลยครับ ผมเสียอีกที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย” “งานหนักล่ะสิ ดูหมอผอมไปนะ ทั้งหมอชาน์และหนูอัยย์เลย ยายว่าสองคนทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า หาเวลาพักผ่อนบ้างเดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหวเอานะ” คุณยายบอกกับทั้งสองคนด้วยความเป็นห่วง “งานอัยย์ไม่หนักเท่าไร่หรอกค่ะ หมอชาน์หนักกว่าอัยย์เยอะเลยค่ะ ทั้งงานที่โรงพยาบาลและที่คลินิก” “ขยันจริงๆ แล้ววันหยุดแทนที่จะพัก ก็พากันมาซะไกลเลย” “ก็อัยย์คิดถึงคุณยายนี่คะ” “ยายก็คิดถึงหนู นี่ลุงกับป้าก็บ่นคิดถึงหนูเหมือนกัน เห็นว่าหยุดยาวคราวหน้าจะให้เจ้าณัฐไปรับมานอนที่บ้านสักคืน” “คุณยายขาอัยย์ขอไปหาคุณลุงกับคุณป้าก่อนนะคะ หมอชาน์คุยกับคุณยายนะคะ เดี๋ยวอัยย์มาค่ะ
เริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับความสนิทสนมของหมอปิญชาน์กับหมอไอรดาว่าทั้งสองคนจะสนิทกันมากว่าแค่เพื่อร่วมงานธรรมดา เพราะนอกจากทั้งสองมักจะนั่งดื่มกาแฟด้วยกันแล้วบางครั้งถ้าโทรตามหมอปิญชาน์มาทำคลอดหรือมาผ่าตัดในเวลากลางคืน หมอปิญชาน์ก็มักจะมาพร้อมกับหมอไอรดาแม้ว่าเวรของทั้งสองจะตรงกันแต่มันก็ผิดสังเกตอยู่ดี เรื่องนี้ไอรดาเองก็ได้ยินเข้าหูมาอยู่บ้างสำหรับเธอแล้วมันได้มีผลกระทบอะไรเลยเพราะความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอ เนื่องจากเสียงที่ได้ยินส่วนใหญ่จะออกไปแนวประมาณว่าทำไมหมอปิญชาน์ถึงเลือกคบกับหมอไอรดาที่เพิ่งหย่ากับสามีแทนที่คนหล่อๆ โปรไฟล์ดีอย่างเขาน่าจะมองหาหมอที่ทั้งสาวทั้งสวยอย่างหมอน้ำฟ้าลูกสาวคนเล็กของอาจารย์หมอประทีปซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาล หลายคนมองออกว่าคุณหมอน้ำฟ้านั้นมีความสนใจคุณหมอปิญชาน์อยู่ประมาณหนึ่งเพียงแต่เธอไม่กล้าออกตัวเพราะคิดว่ายังไงคุณหมอหนุ่มก็คงจะไม่มองใครที่ไหนเนื่องจากตอนนี้เธอเป็นคุณหมอคนเดียวที่ยังโสดอยู่ แต่ความสวยและความโสดก็ได้ทำให้คุณหมอปิญชาน์หันมาสนใจเธอเลยสักนิดเพราะคุณหมอหนุ่มไม่เหลือที่ว่างในหัวใจให้ใครอี
วันนี้การประชุมค่อนข้างน่าเบื่อเพราะเป็นการนำเสนอข้อมูลทางสถิติซึ่งยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ไอรดานั้นง่วงจนตาแทบจะปิดเนื่องจากเมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนก็เกือบจะตีสาม ถึงแม้จะเคยอยู่เวรทำงานยาวถึง 48 ชั่วโมงมาแล้วแต่มันต่างกันอย่างชิ้นเชิง “หมออัยย์ ง่วงไหมคะ” “ค่ะ หมอพั้นช์ล่ะคะ” “ง่วงมากค่ะ เมื่อคืนพั้นช์กับหมอภพนั่งดื่มกันจนผับปิดแล้วยังไปเดินรับลมกันต่ออีก กว่าจะได้ขึ้นนอนก็เกือบจะตีสามเลยค่ะ” พัณณ์ชิตากระซิบเบาๆ “ถ้าบ่ายนี้ไม่ได้กาแฟคงนั่งหลับในห้องประชุมแน่ๆ” “กลางวันนี้ไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ ขากลับจะแวะซื้อกาแฟเข้ามาด้วยเลยดีไหมคะ เพราะกาแฟที่ห้องประชุมคงเอาไม่อยู่แน่นอนเลย” “ปกติเราก็ไปทานด้วยกันอยู่แล้วนี่คะ” “อัยย์หมายถึงออกไปทานข้างนอกโรงแรม พอดีหมอชาน์เขาจองร้านอาหารไว้” “ไม่ดีกว่าพั้นช์ไม่อยากเป็นก้างค่ะ เดี๋ยวพี่หมอจะมาว่าพั้นช์ทีหลัง” “แต่ร้านนี้อาหารอร่อยมากนะคะ ใครมาภูเก็ตต้องได้ไปทาน เราชวนหมอภพไปด้วยก็ได้นะคะ ไปหลายคนจะได้สั่งทานได้หลายอย่าง” “หมออัยย์ไม
ปิญชาน์และไอรดาเดินคุยกันต่ออีกไม่นานก็พากันกลับเข้ามายังโรงแรมอีกครั้ง ทั้งสองตรงไปยังห้องพักของไอรดาและช่วยกันเก็บเสื้อผ้าของเธอลงกระเป๋าเพื่อย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับเขาซึ่งอยู่สูงขึ้นไปอีกสองชั้น ไอรดายังไม่ทันได้เปิดกระเป๋าเพื่อเอาชุดมาแขวนก็ถูกคนตัวโตรวบกอดจนแทบหายใจไม่ออก และเมื่อเธอจะกำลังจะบอกให้เขาปล่อย ริมฝีปากสีสวยถูกประจบจูบลงมาอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ปลายลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้ามาด้วยอาการรีบร้อน ราวกับว่าถ้าเขาจูบเธอช้ากว่านี้เขาจะขาดใจลงตรงหน้า จูบที่คุ้นเคย กระตุ้นความปรารถนาของในกายให้ลุกโชน ไอรดาตอบรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ ปลายลิ้นร้อนสำรวจภายในอุ้งปากของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ“ผมคิดถึงคุณมากนะอัยย์ ผมขอโทษที่ไม่ค่อยมีเวลาให้คุณเลย แต่สามวันนี้ผมจะให้เวลาทุกวินาทีกับคุณนะครับอัยย์”“อัยย์ก็คิดถึงคุณค่ะ เรื่องเวลาอัยย์เข้าใจดีค่ะ”ในขณะที่ปากร้อนกำลังดื่มด่ำกับความหวานในโพรงปากนุ่ม มือใหญ่ก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างรวดเร็ว จนที่สุดร่างกายสาวขาวเนียนก็เปลือยเปล่าสายตาของชายหนุ่ม ไฟแห่งตัณหาเริ่มปะทุขึ้น ปิญชาน์อุ้มคุณหมอสาวยังไปวางบ
ไอรดาใช้เวลานานกว่าจะพาตัวเองเดินขึ้นมายังห้องพัก และพอประตูห้องปิดลงหญิงสาวก็ฟุบใบหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ ความผิดหวังครั้งนี้มันมากเกินจะเก็บเอาไว้ได้ ไม่คิดเลยว่าตนเองจะถูกทิ้งเป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือน ความรู้สึกครั้งนี้มันหนักหนากว่าครั้งแรกเพราะเธอคิดว่าหมอปิญชาน์เป็นคนที่เข้าใจเธอและอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด เธอรักเขามากและคิดว่าเขาก็คงจะรักเธอมากเหมือนกัน แต่นั่นมันอาจจะเป็นเธอเองที่คิดเข้าข้างตนเองมากเกินไป ใครที่ไหนจะมาจริงจังกับแม่หม้ายอย่างเธอกัน คนที่เรียนเก่งทำงานเก่งแต่ทักษะการใช้ชีวิตแทบไม่มีอย่างเธอก็เหมาะสมแล้วที่โดนเขาหลอก จากนี้ไอรดาคิดว่าคงไม่รับใครเข้ามาในชีวิตอีกแล้ว เวลาที่เหลือจะทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ เวลาว่างก็ใช้ชีวิตให้มีความสุข เพราะยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครตายเพราะไม่มีคู่เลยสักคน แม้จะยังทำใจไม่ได้แต่ไอรดาก็ไม่อยากให้ความเสียใจมาส่งผลต่อร่างกาย หญิงสาวจึงอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะลงไปหาอะไรทาน พอทานอิ่มก็กลับขึ้นมาบนห้องแล้วเธอก็บังเอิญเจอกับคุณหมอสิรภพที่กำลังจะกลับขึ้นห้องพอดี “หมออัยย์ผมกำลังจะไปหาที่ห้องเล
เมื่อปัญหาทุกอย่างเคลียร์หมดแล้วไอรดาก็กลับมายิ้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง คุณหมอสาวตรวจคนไข้คนสุดท้ายของวันนี้เสร็จในเวลาเกือบจะสองทุ่มแต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด ถ้าไม่ถึงเวลาปิดแผนกเธอคงจะนั่งตรวจต่อไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน “หมออัยย์ค่ะ คนไข้หมดแล้วยังไม่รีบกลับเหรอคะ” นีรนุชเดินเข้ามายังห้องตรวจเห็นว่าคุณหมอยังไม่เตรียมตัวกลับก็ถามขึ้น “ค่ะพี่นุช เดี๋ยวอัยย์ก็กลับแล้วค่ะ” “ตั้งแต่เป็ดโสดอีกครั้งดูหมออัยย์มีความสุขมากนะคะ” “พี่นุชดูออกเลยเหรอคะ” “ใครก็ดูออกทั้งนั้นแหละค่ะ”“นี่อัยย์คิดว่าตัวเองเก็บอาการอยู่แล้วนะคะ”“พี่ไม่รู้ว่าหมออัยย์กับคุณติมีปัญหาอะไรกันถึงแม้จะแอบเสียใจที่หมออัยย์เลิกกับเขา แต่พอเห็นว่าหมอออัยย์มีความสุขแบบนี้พี่ก็ดีใจด้วยค่ะ” “ขอบคุณค่ะ อัยย์ก็มีความสุขจริงนั่นแหละค่ะ ส่วนเรื่องเลิกกันเพราะอะไรถ้าใครตาม ig พี่ติก็คงจะรู้เองล่ะคะ” ไอรดาไม่ได้บอกใครถึงเหตุผลที่ตนเองเลิกกับสามี เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แม้กระทั่งเรื่องที่เธอกับเขาหย่ากันเธอก็ไม่ได้เป็นคนป่าวประกาศแต่เป็นเขาเองที่
ไอรดาตัดสินใจพาครอบครัวของตนไปพบบิดามารดาของอติรุจน์ตามกำหนดเดิมเพราะอยากให้เรื่องทุกอย่างนั้นจบ เธอไม่อยากให้เรื่องมันคาราคาซังอยู่แบบนี้จากที่เห็นใจในความรักของอติรุจน์และพนาที่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะเรื่องที่เขาเอามาขู่เธอเมื่อวานนั้นมันน่าเกลียดจนเธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกต่อไปไม่ว่าสถานะไหนก็ตาม ความเป็นพี่เป็นน้องระหว่างเธอกับเขามันหมดลงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว“สวัสดีค่ะ คุณยาย คุณอร คุณนุ เชิญด้านในก่อนนะคะ พวกเราดีใจที่ทุกคนแวะมาเยี่ยม” มารดาของอติรุจ์ออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น“บ้านน่าอยู่จังเลยนะคะ” อรอินเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกเอ่ยชม“ขอบคุณนะคะ คราวหน้าถ้ามากรุงเทพก็มาพักที่บ้านได้นะคะ เพราะพักที่บ้านตาติกับหนูอัยย์คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ที่นี่ห้องหับเยอะแยะเลยค่ะ”“พวกคงไม่รบกวนคุณรจนาหรอกค่ะ ที่แวะมานี่ก็แค่จะมาแจ้งข่าว”“แจ้งข่าวอะไรเหรอครับ” คุณวสันต์ถามอย่างสงสัยเพราะนึกไม่ออกว่าจะมีข่าวอะไรที่คุณยายนวลแขถึงมาแจ้งด้วยตนเองแบบนี้ “ฉันไม่อยากจะอ้อมค้อมให้เสียเวลาหรอกนะคะ เอาเป็นว่าที่พวกเรามาวันนี้ก็เพื่อจะเอาสินสอดและของหมั้น