เมื่อหมิงซีกำลังจะโทรครั้งที่สาม เธอก็หยุดชั่วคราวและเปลี่ยนส่งข้อความแทน“ที่รัก ที่รักยุ่งอยู่ไหมคะ”เธอไม่ค่อยเรียกฟู่ซือเยี่ยน ที่รักแต่ฟู่ซือเยี่ยนชอบที่เธอเรียกเขาแบบนี้หมิงซีรู้สึกว่า เมื่อคืนเธอกับเขาได้คุยกันอย่างเปิดเผย และพวกเขาสองคนได้ตกลงกัน เธอควรแสดงความจริงใจของเธอบ้างบางทีเขาอาจจะยุ่งอยู่ และเขาจะมีความสุขเมื่อได้อ่านข้อความนี้เธอส่งข้อความไปประมาณสามสิบนาที ฟู่ซือเยี่ยนก็ยังไม่ตอบกลับหมิงซีจะหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเป็นครั้งคราว เธอรู้สึกแย่มาก เวลานี้เธอจ้องมองโทรศัพท์อย่างเดียวในที่สุดโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและมีข้อความเข้ามาเธอรีบอ่าน แต่เป็นข้อความของซูเนี่ยน ซูเนี่ยนถามเธอว่า เธออยากออกไปดื่มข้างนอกไหมหมิงซีคิดว่าแทนที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างนี้ ควรออกไปนั่งสักพักจะดีกว่าหลังจากนัดเวลากันแล้ว หมิงซีก็ให้คนขับพาเธอไปที่นั่นพวกเธอนัดเจอกันที่คลับเจียงหนาน ที่นั่นเป็นคลับระดับไฮเอนด์ที่ที่เน้นความหรูหรา มีห้องส่วนตัวสำหรับดื่มชาและดื่มเหล้าหลังจากเข้ามาแล้ว สาว ๆ เลือกห้องส่วนตัวเล็ก ๆ หนึ่งห้อง คนหนึ่งดื่มชาและอีกคนดื่มเหล้าช่วงครึ่งเดือนนี้ ซูเนี
ในเวลานี้ ประตูของห้องส่วนตัวถูกผลักให้เปิดออก และพนักงานเสริฟผลักรถเข็นอาหารออกมาหมิงซีได้ยินเสียงอันละเอียดอ่อนของผู้หญิงคนหนึ่งอย่างชัดเจนและเธอก็คุ้นเคยกับเสียงนั้นมา นั่นคือเสียงของหลินเสวี่ยเวยโจวมู่ห้ามหมิงซี แต่ก็ไม่ทันแล้ว หมิงซีผลักประตูแล้วเดินเข้าไปนี่อาจเป็นห้องส่วนตัวที่หรูหราที่สุดในคลับเจียงหนานมีดอกไม้ราคาแพงทั้งชั้นบนและชั้นล่าง โคมไฟคริสตัล Swarovski ปกคลุมทั่วทั้งหลังคา และเสาทุกต้นติดด้วยทองคำเปลวแท้ งดงามและหรูหราอย่างมากหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ได้พิมย์ว่า "สุขสันต์วันเกิดเจ้าหญิงน้อย หลินเสวี่ยเวย "ขณะนี้ นางเอกคนนี้กำลังนั่งอยู่ตรงกลาง สวมชุดหรูหรา ประดับเพชร วันนี้เธอไม่ได้น่าสงสารอย่างเมื่อวาน ใบหน้าของเธอมีแต่รอยยิ้มอันภาคภูมิใจและมั่นใจทันใดนั้น ใบหน้าของหมิงซีก็ซีดลงอย่างมาก และเธอรู้สึกราวกับว่าพลังของเธอทั้งหมดถูกดูดออกห้องส่วนตัวเต็มไปด้วยความคึกคัก และไม่มีใครสังเกตเธอเข้าห้องเธอเห็นหลินเสวี่ยเวยคว้าแขนของฟู่ซือเยี่ยน เอาช้อนตักเค้กและป้อนเข้าปากด้วยมือของเธอเองคนรอบข้างมีชายคนหนึ่งพากันเอะอะโวยวาย "ป้อนแบบนี้ไม่สนุกเลย วันนี้คุณฟู่ตั้งใจ
เมื่อชายคนนั้นพูดแบบนี้ คนรอบข้างก็หัวเราะกันใหญ่มีอีกคนส่งเสียงด้วยว่า "ฉันด้วย"เพราะผู้หญิงคนนี้นน่ารักดี เธอดูดีกว่าพวกที่แต่งหน้าเป็นร้อยเท่าโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น รูม่านตามีสีเข้มและสว่าง เมื่อเธอมองดูผู้คน ทำให้ผู้คนรู้สึกเธอเชื่องมาก และเมื่อเธอยกหางตาขึ้น เธอดูมีเสน่ห์มากผู้หญิงคนนี้เป็นหญิงงามที่หาได้ยากมากคำพูดของคนเหล่านี้ไม่เป็นที่พอใจอย่างยิ่ง แต่ฟู่ซือเยี่ยนทำตัวเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขา และปล่อยให้พวกเขาดูถูกเธอซูเนี่ยนโกรธมากจนกำหมัดแน่น เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและอยากจะเทใส่คนเหล่านั้น แต่ข้อมือของเธอกลับถูกใครรัดไว้แน่น“คุณซู นี่เป็นสถานที่ที่คุณหาเรื่องได้เหรอ”เสียงที่คุ้นเคยและน่ากลัวนี้ทำให้ร่างกายของเธอสั่นเธอหันกลับมาและเห็นลู่จิ่งสิงกำลังหรี่ตามองเธอ ดวงตาของเขาสว่างกว่าของซาตานลู่จิ่งสิงบิดมือของเธอทันทีและลากเธอไปที่อื่น ซูเนี่ยนพยายามดิ้นรนเพื่อรอดตัว แต่แรงของเธอสู้ลู่จิ่งสิงไม่ได้มีคนรวยรุ่นที่สองคนหนึ่งรู้จักลู่จิ่งสิง และกเขารู้กะรว่าคู่หมั้นของเขาเป็นใคร เมื่อพวกเขาเห็นเขาลากคนที่ยื่นข้างผู้หญิงคนนี้ไปจากห้องอย่างโจ่งแจ้ง เขายิ่งคิดว
คุณลั่วพูดอย่างนั้น เขารู้สึกใจฝ่อเล็กน้อย เพราะเขารู้ผู้หญิงเมื่อกี้นี้ดีที่สุดจริง ๆ อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเห็นใครที่จะสวยได้เท่าเด็กผู้หญิงคนนั้นโดยไม่ต้องแต่งหน้าฟู่ซือเยี่ยนเหลือบมองคุณลั่วอย่างถ่อมตัวและพูดอย่างไร้ความรู้สึก "คุณแซ่ลั่วเหรอ"ทุกคนที่มางานวันเกิดของหลินเสวี่ยเวยต่างอยากตีสนิทกับคนของตระกูลฟู่ ดังนั้นเมื่อคุณลั่วได้ยินฟู่ซือเยี่ยนถึงเขาคนเดียว ตัวเขาเองรู้สึกตื่นเต้นมากจนแทบจะคุกเข่าลงต้องเป็นเพราะผมประจบสอพลอดีน่ะสิเขาก้มศีรษะด้วยความเคารพ "ผมนามสกุลลั่ว ผมชื่อลั่วเส้าชู พ่อของผมเป็นประธานของโรงงานผลิตเภสัชภัณฑ์"หลังจากพูดจบ เขายื่นมือออกอยากจับมือกับฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแสดงความเคารพฟู่ซือเยี่ยนยื่นมือออก แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็คว้าข้อมือของ ลั่วเส้าชูไว้แน่น และบิดมันอย่างแรงเสียงกระดูกดัง"เคล็ป--!"มีเสียงที่คมชัดและกระดูกของคุณลั่วหักทันทีลั่วเส้าชู ทรุดตัวลงบนพื้นโดยกุมมือที่ขาดของเขา กลิ้งตัวและคร่ำครวญฟู่ซือเยี่ยนก้าวไปข้างหน้า เหยียบมือที่หักของลั่วเส้าชูด้วยส้นเท้าของเขา และบดขยี้มันอย่างแรงเสียงกรีดร้องของลั่วเส้าชู โหยหวนมากจนทุกคนหวาดกลัว
หลังจากฟู่ซือเยี่ยจัดการชายคนนั้นเสร็จแล้ว เขาก็ก้าวเท้าและว่าเตรียมเดินออกไปแต่หลินเสวี่ยเวยรีบจับเขาไว้ เธอจับแขนของเขาอย่างอ่อนโยนและอ่อนแอ โน้มตัวไปข้างหน้าทั้งตัวแล้วกระซิบ " พี่อาเยี่ยน หนูรู้สึกเวียนหัวมาก... "เรื่องของลั่วเส้าชูในเมื่อกี้ทำให้บรรยากาศค่อนข้างอึดอัดเมื่อคนเห็นฉากนี้ก็เริ่มปลุกเร้าบรรยากาศและตะโกนว่า "จูบกันสิ"ประโยคนี้ทำให้คนในห้องคึกคักอีกครั้งทุกคนมารวมตัวกันและตะโกนว่า "จูบกัน จูบกัน"หลินเสวี่ยเวยดีใจมาก เพราะเธอชอบแบบนี้มากจุดประสงค์เดิมของเธอคือเพื่อยืนยันเรื่องอื้อฉาวบางส่วน เพราะตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงปัจจุบัน เธอเป็นคนเดียวที่ได้ถูกนินทาว่า เธอเป็นแฟนสาวคนเดียวของฟู่ซือเยี่ยน ซึ่งข่าวนี้สามารถนำผลประโยชน์มหาศาลให้กับเธอและตระกูลหลินบรรยากาศถึงจุดนี้แล้วหลินเสวี่ยเวยคิดว่า ฟู่ซือเยี่ยนจะไม่ทำให้เธอเสียหน้าแม้ว่าเป็นการสร้างภาพ แต่ก็ต้องทำเธอเหยียดหน้าของเธอเข้าไปใกล้กับใบหน้าของฟู่ซือเยี่ยน แต่เมื่อเธอเข้ามาใกล้มากขึ้น เธอเห็นเขาขมวดคิ้วและหันหน้าไปที่อื่นเขาพูดอย่างเย็นชา " เสวี่ยเวย พอเหอะ"วันนี้ตอนที่เขามาที่นี่ เขาไม่รู้เลยว่าเ
มีกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ในรถ เห็นได้ชัดว่า ฟู่หวายเซินเพิ่งดื่มเหล้าในเมื่อกี้ และตอนนี้เขากำลังเอนหลังที่เบาะรถและหลับตาพักผ่อนโทรศัพท์ส่งเสียงบี๊บซูเนี่ยนส่งข้อความมาถามหมิงซีถึงบ้านยังหมิงซีไม่อยากให้เพื่อนกังวล เธอจึงตอบ ถึงแล้วค่ะซูเนี่ยนส่งคลิปวิดีโอสั้น ๆ ให้เธอ เธอเปิดดูและเห็นว่า นี่เป็นวิดีโอหลังจากพวกเธอออกจากห้อง ในคลิปนั้น ฟู่ซือเยี่ยนถูกคนแกล้ง คนพวกนั้นให้เขาจูบหลินเสวี่ยเวยวิดีโอสั้นมากและจบลงอย่างกะทันหันเมื่อใบหน้าทั้งสองกำลังจะชิดกันซูเนี่ยน: เสี่ยวซี แกบอกฉันว่าพวกแกอยู่กันดี ๆ แกโกหกฉันหรือเปล่า แกเป็นเมียแต่งของเขา เขาจะทำอย่างนี้กับแกได้ยังไงหมิงซีดูหน้าปกของวิดีโอ ผู้ชายหล่อและผู้หญิงก็สวย สองคนนี้ยืนด้วยกัน ดูดีมากเลย"พราก-"น้ำตาหยดใหญ่หยดลงบนหน้าจอโทรศัพท์ เธอยกมือเช็ดน้ำตา และน้ำตาไหลลงต่อโทรศัพท์ก็ถูกน้ำปกคลุมในเวลาอันสั้นหมิงซีรู้สึกเจ็บหัวใจ และความเจ็บใจนั้นกลับพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องเธอไร้เดียงสาและโง่มากเธอชอบเชื่อเขาทุกครั้งที่เขาแสดความเมตตาต่อเธอเพียงนิดเดียวแล้วทำให้ตัวเองเป็นคนตลกอีกครั้งเธอจะไม่เชื่อคำสัญญาของเขาอีกเลย
ในวิลล่าเงียบมากหมิงซีไม่เห็นแม่บ้าน ปกติ เวลานี้แม่บ้านยังไม่พักผ่อนเลยเธอขึ้นไปชั้นบน ผลักประตูและเข้าไปในห้อง เธออยากหากระเป๋าเดินทางของเธอในห้องไม่ได้รูดม่าน เวลานี้มีแสงจันทร์สาดเข้าหน้าต่าง เธอเลยไม่ได้เปิดไฟ เมื่อเธอเปิดประตูตู้เสื้อ เธอพบว่า กระเป๋าเดินทางที่เธอใส่เข้าในครั้งที่แล้วหายไป"คลิก--"มีคนเปิดไฟในห้องฟู่ซือเยี่ยนเดินมาหาหมิงซีทีละก้าว คิ้วอันหล่อของเขาเปื้อนไปด้วยความโกรธ "คุณกำลังมองหาอะไร"หมิงซีตกใจ เธอไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหนเขาอยู่ที่งานเลี้ยงวันเกิดของหลินเสวี่ยเวยไม่ใช่เหรอแต่ตอนนี้เขาอยู่ไหนก็ได้ มันไม่เกี่ยวเธอแล้วเธอถามชายคนนั้น "แม่บ้านอยู่ไหน"ฟู่ซือเยี่ยนไม่ตอบแต่ถามเธอกลับ"คุณกำลังมองหาอะไร""กระเป๋าเดินทางของฉัน"“จะไปจากนี่เหรอ”น้ำเสียงของเขาราวกับความสงบก่อนเกิดพายุซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผิดปกติหมิงซีถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วพูดอย่างเย็นชา " ฟู่ซือเยี่ยน คุณตัดสินใจได้ดีแล้วไม่ใช่เหรอ"สิ่งที่เขาพูดในงานวันเกิดของหลินเสวี่ยเวยก็เพียงพอที่ทำให้เธอเสียหน้าแล้วจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ เธอไม่ได้โง่ขนาดนั
หมิงซียังไม่ทันรู้ฟู่ซือเยี่ยนอยากทำอะไร ฟู่ซือเยี่ยนหยินก็เยาะเย้ย "ช่างมันเถอะ คุณไม่ต้องเลือก อะไรที่คนอื่นเคยใข้ ผมว่ามันสกปรก"ทันใดนั้นหมิงซีไม่เข้าใจฟู่ซือเยี่ยนหมายถึงอะไรฟู่ซือเยี่ยนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ขายาวของเขาที่อยู่ในกางเกงขายาวกางออกและคุมร่างกายเธอไว้ เขาโน้มตัวลงเล็กน้อย บีบคางของเธอ บังคับเธออ้าปากเพียงแวบเดียว หมิงซีก็รู้ชายคนนี้อยากทำอะไร และใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันทีเธอหนีไม่ได้ เธอจึงทำได้เพียงหลับตาให้แน่น เสียงของเธอสั่น “คุณ คุณบ้าไปแล้ว... คุณไปเลย”เขาหันใบหน้าของเธอให้ตรงเพื่อหามุมที่สะดวกเขา บีบคางอันบอบบางของเธอด้วยปลายนิ้ว ดึงเธอเข้าหาเขา แล้วพูดว่า "คุณเลือกไม่ได้"หมิงซีลืมตาขึ้นทันที เธอโกรธจนหน้าแดงเธอจ้องมองชายคนนี้ด้วยความโกรธ “ถ้าคุณกล้าทำฉัน ฉันจะให้คุณไร้ลูกสิ้นหลานแน่ ๆ ”เมื่อใกล้ชิดชายคนนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาของฟู่ซือเยี่ยนทำให้หมิงซีเกิดให้ความรู้สึกการกดขี่อย่างรุนแรง เขาเม้มริมฝีปาก และหัวเราะ ความชั่วร้ายในรอยยิ้มนั้นแทบจะล้นออกมา“ถ้าคุณไม่อยากเอาเด็กคนนี้ไว้ ตามสบายเลย”เพียงประโยคเดียวเธอก็ถูกยึดครองอย่างสมบูรณ์หมิงซีจะไม่เสี่ย
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ