ในวิลล่าเงียบมากหมิงซีไม่เห็นแม่บ้าน ปกติ เวลานี้แม่บ้านยังไม่พักผ่อนเลยเธอขึ้นไปชั้นบน ผลักประตูและเข้าไปในห้อง เธออยากหากระเป๋าเดินทางของเธอในห้องไม่ได้รูดม่าน เวลานี้มีแสงจันทร์สาดเข้าหน้าต่าง เธอเลยไม่ได้เปิดไฟ เมื่อเธอเปิดประตูตู้เสื้อ เธอพบว่า กระเป๋าเดินทางที่เธอใส่เข้าในครั้งที่แล้วหายไป"คลิก--"มีคนเปิดไฟในห้องฟู่ซือเยี่ยนเดินมาหาหมิงซีทีละก้าว คิ้วอันหล่อของเขาเปื้อนไปด้วยความโกรธ "คุณกำลังมองหาอะไร"หมิงซีตกใจ เธอไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหนเขาอยู่ที่งานเลี้ยงวันเกิดของหลินเสวี่ยเวยไม่ใช่เหรอแต่ตอนนี้เขาอยู่ไหนก็ได้ มันไม่เกี่ยวเธอแล้วเธอถามชายคนนั้น "แม่บ้านอยู่ไหน"ฟู่ซือเยี่ยนไม่ตอบแต่ถามเธอกลับ"คุณกำลังมองหาอะไร""กระเป๋าเดินทางของฉัน"“จะไปจากนี่เหรอ”น้ำเสียงของเขาราวกับความสงบก่อนเกิดพายุซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผิดปกติหมิงซีถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วพูดอย่างเย็นชา " ฟู่ซือเยี่ยน คุณตัดสินใจได้ดีแล้วไม่ใช่เหรอ"สิ่งที่เขาพูดในงานวันเกิดของหลินเสวี่ยเวยก็เพียงพอที่ทำให้เธอเสียหน้าแล้วจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ เธอไม่ได้โง่ขนาดนั
หมิงซียังไม่ทันรู้ฟู่ซือเยี่ยนอยากทำอะไร ฟู่ซือเยี่ยนหยินก็เยาะเย้ย "ช่างมันเถอะ คุณไม่ต้องเลือก อะไรที่คนอื่นเคยใข้ ผมว่ามันสกปรก"ทันใดนั้นหมิงซีไม่เข้าใจฟู่ซือเยี่ยนหมายถึงอะไรฟู่ซือเยี่ยนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ขายาวของเขาที่อยู่ในกางเกงขายาวกางออกและคุมร่างกายเธอไว้ เขาโน้มตัวลงเล็กน้อย บีบคางของเธอ บังคับเธออ้าปากเพียงแวบเดียว หมิงซีก็รู้ชายคนนี้อยากทำอะไร และใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันทีเธอหนีไม่ได้ เธอจึงทำได้เพียงหลับตาให้แน่น เสียงของเธอสั่น “คุณ คุณบ้าไปแล้ว... คุณไปเลย”เขาหันใบหน้าของเธอให้ตรงเพื่อหามุมที่สะดวกเขา บีบคางอันบอบบางของเธอด้วยปลายนิ้ว ดึงเธอเข้าหาเขา แล้วพูดว่า "คุณเลือกไม่ได้"หมิงซีลืมตาขึ้นทันที เธอโกรธจนหน้าแดงเธอจ้องมองชายคนนี้ด้วยความโกรธ “ถ้าคุณกล้าทำฉัน ฉันจะให้คุณไร้ลูกสิ้นหลานแน่ ๆ ”เมื่อใกล้ชิดชายคนนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาของฟู่ซือเยี่ยนทำให้หมิงซีเกิดให้ความรู้สึกการกดขี่อย่างรุนแรง เขาเม้มริมฝีปาก และหัวเราะ ความชั่วร้ายในรอยยิ้มนั้นแทบจะล้นออกมา“ถ้าคุณไม่อยากเอาเด็กคนนี้ไว้ ตามสบายเลย”เพียงประโยคเดียวเธอก็ถูกยึดครองอย่างสมบูรณ์หมิงซีจะไม่เสี่ย
หลังจากที่ฟู่ซือเยี่ยนรับยากจากเพื่อน เขาก็ยัดยาสองสามเม็ดเข้าไปในปาก หยิบน้ำแร่ที่โจวมู่ส่งให้เขา แล้วกลืนยาลงไปกู้เหยียนโจวไม่รู้จะพูดอะไรดี เขาเห็นเพื่อนเขาจ้องมองไปที่ห้องผู้ป่วยตลอดเขาพยายามบอกเพื่อน "เมื่อแกมีอาการ พยายามห่างกับหมิงซีเลย ร่างกายเล็ก ๆ ของเธอรับแกไหวเหรอ ถ้าแกมีเวลานะ แกไปรักษาตัวแบบจริงจังเลย ไม่งั้น ถ้าแกคุมตัวไม่ได้ สร้างปัญหาอะไรไป แกจะเสียใจทีหลัง"กู้เหยียนโจวพูดอย่างคลุมเครือ เพราะโรคไบโพลาร์สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็ก ไม่ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะควบคุมตนเองได้มากแค่ไหน ก็มักจะมีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้โดยปกติแล้วเมื่อคุณเผชิญหน้ากับสิ่งที่คุณใส่ใจมากที่สุด การควบคุมตนเองของคุณจะพังทลายลงทันทีทีนี้ฟู่ซือเยี่ยนยอมจดจำคำพูดของเพื่อนไว้ในใจ เขาเม้มริมฝีปากแล้วตอบเพื่อนของเขา "ฉันรู้"กู้เหยียนโจวถามต่อ "แล้วคลิปที่เพิ่งโพสต์ในอินเทอร์เน็ต เห็นบอกว่าแกฉลองวันเกิดให้เสวี่ยเวย และพวกแกสองคนมีข่าวดีกัน มันเป็นเรื่องอะไรกัน"ฟู่ซือเยี่ยนยกเปลือกตาขึ้นและตอบอย่างเฉยเมยว่า "พวกนักข่าวเขียนมั่ว"“แล้วแกก็ปล่อยข่าวกระจายไปทั่วเหรอ แกไม่กลัวน้องหมิงซีเสียใจหรือไ
หมิงซีเขามันไร้สาระเธอจะกินหรือไม่กินก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าเธอไม่กิน เพียงแต่ว่า เขาอยู่ที่นี่ เธอกินไม่ลง"คุณออก--"ก่อนที่คำว่า 'ไป' จะเอ่ยออกมา ปากของหมิงซีก็ถูกอะไรยึดไว้"..."ริมฝีปากบางของเขากดลงบนริมฝีปากเธอเบา ๆ ราวกับว่าเขาได้พิจารณาถึงความเจ็บปวดในปากของเธอ เขาจึงลดความรุนแรงลงแต่ถึงแม้เขาทำอย่างนั้นแล้ว หมิงซีก็ยังรู้สึกรังเกียจเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องน้ำ เธอะบัดมือและทำโจ๊กหกใส่เขาฟู่ซือเยี่ยนถูกโจ๊กร้อนลวก หลังจากเขาปล่อยปาก เขาโกรธเมื่อหมิงซีคิดว่าเขาจะโกรธอีกครั้ง แต่เขากลับระงับความโกรธไว้ เปิดกล่องโจ๊กอีกกล่องหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "กินเลย ไม่งั้นผมจะป้อนคุณเหมือนเมื่อกี้"หมิงซี ไม่เข้าใจชายคนนั้นคิดจะทำอะไรอยู่ในสายตาของเธอ พฤติกรรมของเขาในปัจจุบันผิดปกติเอาล่ะ เธอกินเลยดีกว่าขอแค่เขาออกจากห้องนี้ ขอแค่เขาไม่แทงหัวใจของเธอละกันเธอก้มศีรษะลงแล้วค่อย ๆ เอาช้อนตักโจ๊กเข้าปากทีละช้อนตอนที่เธอกินข้าวเช้า ทรมานเธอมาก เพราะไม่รู้ว่าปากถลอกตรงไหน แค่สัมผัสก็รู้สึกเจ็บมากถ้าไม่ใช่เป็นเพราะฟู่ซือเยี่ยนอยู่ที่นี่ เธอค
ซูเนี่ยนคุมหัวของเธอไว้ มีสองสามคนรีบเข้ามาเตะเธออย่างบ้าคลั่งและตามอำเภอใจหลัง ท้อง และแขนของเธอโดนคนพวกนั้นทีบอย่างแรงผมของซู่เหนียนถูกคนเหล่านั้นดึงอย่างแรง และเธอก็ถูกคนพวกนั้นผลักลงกับพื้น เธอลุกตัวไม่ได้ ช่องปากของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นของโลหิต ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในอวัยวะภายในของเธอทำให้เธอหมดสติ และเธอก็พ่นเลือดออกมาเต็มคำหมัดและเท้าของคนเหล่านั้นราวกับสัตว์ร้ายที่กระหายเลือด เมื่อคนเหล่านั้นเห็นเลือด พวกเขาตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น และพวกเขาก็โจมตีหนักขึ้นเรื่อย ๆซูเนี่ยนขดตัวอยู่บนพื้น เธอพยายามกัดฟันและทนความเจ็บไว้ เพราะเธอไม่อยากร้องไห้เธออดไม่ได้ที่ต้องคิดว่า เมื่อวานในงานเลี้ยงของคนอื่น เธอยังด่าคนอ่นเป็นเมียน้อยที่หยิ่งผยอง แต่วันนี้เธอกลายเป็นเมียน้อยที่ทุกคนไล่ล่าแถมเธอยังเป็นหญิงชู้ประเภทที่ห่วยที่สุด ซึ่งเธอเองยังดูถูกตัวเองเลยเธอไม่สามารถหลบลู่จิ่งสิงได้ ดังนั้นเธอจึงต้องยอมรับความอัปยศอดสูที่เขานำมาให้เธอวินาทีนั้น เธอคิดอยู่ว่า ตายอย่างนี้ไปเลย ถ้าตายก็ไม่ต้องถูกคนอื่นล่ามโซ่ อย่างน้อย ตายแล้วมีความสุขมากกว่าการมีชีวิตอยู่ไม่รู้ใครดึงแขนที่เธอกุมหัวออก
ซูเนี่ยนเอนตัวลงบนที่นั่งของรถ เธอไร้เรี่ยวแรง เธอและไม่ตอบสนองใด ๆม่านตาของลู่จิ่งสิงหดตัวลงอย่างกะทันหัน และเขาหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่ง เขารีบขับรถไปที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดในโรงพยาบาลซูเนี่ยนนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด สติของเธอค่อย ๆ กลับมาการฉีดยาชาเฉพาะที่ยังไม่ได้ผล และเธอรู้สึกได้ชัดเจนว่าแพทย์ใช้แหนบหยิบเศษกระเบื้องออกจากบาดแผลทุกครั้งที่หยิบเศษนั้นออก อวัยวะภายในจะถูกดึง จนทำให้ซูเนี่ยนเจ็บปวดแสนสาหัสเธอพูดไม่ออก เธอรู้สึกร้อนบ้างหนาวบ้าง เหงื่อเย็นบนหน้าผากของเธอหยดลงมา ไหลเข้าบาดแผล เธอกำฝ่ามือแน่นเพราะความเค็มมีบาดแผลมากมายบนแผ่นหลังที่เรียบเนียนและขาวสะอาด หมอก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน เมื่อคุณหมอเห็นแผลของแผ่นหลังนั้น คุณหมอเองรู้วสึกเสียใจโดยเฉพาะใบหน้านั้น ร่องแหว่งทอดยาวจากโหนกแก้มถึงขมับซึ่งอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้ยาชาค่อย ๆ ออกฤทธิ์ ซูเนี่ยนมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอมีความรู้สึกแบบว่า เธอได้ย้อนเวลากลับสู่กลางฤดูร้อนตอนนั้นเธอยังคงเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนของพ่อแม่ มีเพื่อนสนิทที่แสนดีและมีผู้ชายที่รักเธออย่างสุดซึ้งผู้ชายที่จะเขินอายทุกครั้งที่มองเธอแวบ
ลู่จิ่งสิงหันกลับมา เขาเห็นคนที่เรียกเขาคือเฉินเจียวทันใดนั้นเขาจำได้ว่า เฉินเจียวไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ เขาดับก้นบุหรี่โดยไม่รู้ตัวแล้วทิ้งก้นบุรี่ไปเฉินเจียวการกระทำของเขา เธอรู้สึกโล่งใจทันทีเธอรู้เลยว่า ลู่จิ่งสิงจะไม่ตำหนิเธอ ต่อให้ธอจะฆ่าผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะจัดการเธอ“คุณมาที่นี่ทำไม” ลู่จิ่งสิงถามเฉินเจียวถือกระติกน้ำร้อนไว้ในมือแล้วพูดอย่างอ่อนโยน "จิ่งสิง ฉันเตรียมซุปให้คุณเป็นอาหารเช้า เป็นซุปทะเลของโปรดของคุรเลยนะ"ลู่จิ่งสิงรู้สึกซาบซึ้งมาก ในช่วงเวลาที่เขาได้รับทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมในต่างประเทศนั้น ซุปที่เฉินเจียวทำให้เขาเป็นความอบอุ่นเดียวที่ทำให้เขาสู้ชีวิตได้พวกเขามาที่ห้องอาหารของห้องวีไอพีแล้วนั่งลงเฉินเจียวเปิดฝา ตักซุปด้วยมือของเธอเองแล้วยื่นให้ลู่จิ่งสิงลู่จิ่งสิงรับชามไว้ เขาดื่มซุปให้หมดภายในเวลาอันสั้น“อร่อยไหมคะ รสชาติเหมือนเมื่อก่อนไหมคะ” เฉินเจียวถามเขาด้วยสายตาอ่อนหวาน สายตาอันอ่อนหวานนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้คำตอบ"อร่อย"เฉินเจียวตักให้เขาอีกหนึ่งชาม แต่เมื่อเธอยื่นให้เขา มือของเธอก็อ่อนลง น้ำซุปในชามนั้นหกออกมาหมด หลังมือข
เขาบีบนิ้วของตัวเอง " เจียวเจียว ครั้งที่แล้วผมเคยบอกคุณแล้วว่า ห้ามแตะต้องใบหน้าของซูเนี่ยน "ใบหน้าเฉินเจียวซีดลงทันทีลู่จิ่งสิงพูดต่อ "คุณไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้ ผมจะให้คนจัดการคนพวกนั้นเอง"นั่นหมายความว่า เขาจะไม่ปล่อยคนพวกนั้นเฉินเจียวโกรธมาก เธอกัดฟัน ถ้าลู่จิ่งสิงทำแบบนั้นจริง ๆ ต่อไปเธอจะเสียชื่อในครอบครัวของเธอเธอเป็นคนเรียกคนเหล่านั้นไปเธอพูดอย่างน้อยใจ"เมื่อวานฉันผิดเอง ฉันไม่ควรถูกคุณซูยั่วยุ ฉันควรห้ามพวกเขาไว้"ลู่จิ่งสิงถามอย่างไม่แสดงอารมณ์ "เธอพูดว่าอะไร"เฉินเจียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตอบอย่างไม่เต็มใจ "คุณสัญญากับฉันก่อน ถ้าคุณรู้เธอพูดอะไร คุณจะไม่โกรธ"“ครับ”“คุณซูบอกว่า ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอยากให้คุณช่วยตระกูลซู เธอไม่อยากนอนกับคุณเลย เธอเห็นหน้าคุณ เธอรู้สึกหมั่นไส้มาก โดยเฉพาะรอยแผลบนหลังของคุณเหมือนตะขาบ เธอคงฝันร้ายแม้จะมองแวบเดียว... "เฉินเจียวเห็นลู่จิ่งสิงเริ่มเโกรธเรื่อย ๆ และเธอตั้งใจพูดด้วยความโกรธ"จิ่งสิง ฉันโกรธมาก คุณหาสาวข้างนอก ฉันไม่ว่าอะไร แต่ถ้าผู้หญิงด่าคุณอย่างนี้ ฉันทนไม่ได้ค่ะ”คิ้วที่แข็งกระด้างของลู่จิ่งสิง แสดงถึงความโกรธ แล
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ