แชร์

บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (2/4)

ผู้เขียน: ไฉ่เลี่ยงหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-05 19:21:39

“แต่ข้ากลับคิดว่าสิ่งที่คุณหนูซิวทำไม่เหมาะสมเท่าใดนัก เป็นสตรีไปอยู่ท่ามกลางบุรุษมากมายเช่นนั้นมองอย่างไรก็ไม่เหมาะสม”

            “ที่เจ้ากล่าวก็ไม่ผิด”

            “พอได้ยินเจ้ากล่าวเช่นนี้แล้วข้าก็เพิ่งนึกออกว่าก่อนหน้าที่จะมาที่ร้านแห่งนี้ ได้ยินบุรุษสองคนที่ดูเหมือนจะไม่ใช่บัณฑิตเตรียมสอบแต่เป็นคุณชายผู้หนึ่งกล่าวชักชวนกันไปอ่านตำราโดยไม่เสียเงิน หวังจะได้ใกล้ชิดและเกี้ยวพาคุณหนูซิว”

            “อืม ไม่เหมาะสมจริง ๆ นั่นแหละ”

            คำกล่าวของชาวบ้านวัยกลางคนกลุ่มนั้นทำให้ฟ่านซีอิ๋งที่ลอบฟังอยู่พยักหน้าพลางลอบเคี้ยวฟันอย่างรู้สึกหงุดหงิดเมื่อบุรุษที่นางตั้งใจมาหมายตา ถูกคุณหนูซิวแย่งตัวไปจนหมด

            ‘ดูแล้ววันนี้คงไม่ได้เรื่อง กลับจวนก่อนก็แล้วกัน” นางดึงผ้าคลุมขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างก่อนจะทอดถอนใจแล้ววางก้อนตำลึงสีเงินลงบนโต๊ะก่อนจะออกจากโรงเตี๊ยมไป

            “รบกวนพวกท่านส่งคนไปแจ้งซูฉีให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ ว่าข้าเดินทางกลับจวนแล้ว”

            “ขอรับคุณหนู” เมื่อผู้คุ้มกันแซ่อินรับคำ นางก็เดินกลับไปยังจุดที่สั่งให้คนขับรถม้าจอดรอเพื่อกลับจวนฟ่าน

            ‘เอาไว้ค่อยหาโอกาสมาใหม่’ นางไม่ยอมแพ้เรื่องของพี่ชายหรอก ในเมื่อมันมีคำว่า ‘ประหาร’ ทั้งตระกูลเป็นเดิมพัน

            วันนี้อากาศช่างแปลกประหลาดยิ่งนักที่จู่ ๆ ก็ร้อนขึ้นมาเสียได้ทั้งที่ก่อนหน้านี้กำลังเข้าสู่หน้าหนาว นางที่นอนไม่หลับจึงออกมานั่งที่ตั่งบริเวณชานเรือนด้านข้างเพื่อรับลม

            กร๊อบ! เสียงกิ่งไม้หักเพราะโดนเหยียบทำให้นางสะดุ้งสุดตัวก่อนจะเอ่ยปากถามออกไป

            “นั่นใครน่ะ!”

            “ขออภัยที่ทำให้เจ้าตกใจ เป็นพี่เอง”

            “พี่ซืออี้ เหตุใดถึงเป็นท่าน”

            “ขออภัยวันนี้อากาศร้อนนัก พี่จึงออกมาเดินรับลม มิคิดว่ายามค่ำคืนเส้นทางในจวนฟ่านจะทำให้พี่หลงมาที่เรือนเจ้าได้”

            “พบเจอกันครานี้ อาภรณ์ท่านก็ยังหลุดลุ่ยเช่นเดิมนะเจ้าคะ”

            “ขออภัยวันนี้มันร้อนเสียจริง” กล่าวจบก็จับอาภรณ์ที่แหวกออกกว้างกระพือเล็กน้อยเพื่อทำให้เย็นลง แต่ภาพแผงกายกำยำที่ปรากฏให้เห็นยามที่เขาขยับมือกลับทำให้ดวงหน้าหวานเห่อร้อนขึ้น

            ‘พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่’ เหตุใดถึงทำท่าทางเช่นนั้น สายตาของนางยิ่งไม่รักดีอยู่ด้วย คราก่อนเพราะรอบกายมืดมิดนางจึงไม่ได้เห็นชัดเต็มสองตาเท่าวันนี้

            “พี่ซืออี้เอาพัดหรือไม่ ข้าจะไปหยิบให้” นางกล่าวก่อนจะรีบลุกจากตั่งด้วยท่าทีร้อนรน

            “ไม่ต้อง” คังซืออี้ดึงรั้งข้อมือกลมกลึงเอาไว้เป็นเหตุให้นางไม่ทันตั้งตัวจนเซคล้ายจะล้มลง เขาจึงรีบวาดแขนเพื่อประคองนาง

            “ขออภัยเจ้าค่ะ” นางตอบอย่างละล่ำละลัก

            “มิเป็นไร ว่าแต่อกพี่แน่นดีหรือไม่” เขาเอ่ยถาม มุมปากยกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่

            “แน่นสู้มือดีเจ้าค่ะ เอ่อ...ขออภัยเจ้าค่ะ” ฟ่านซีอิ๋งรีบดึงมือออกพลางทำหน้าเลิ่กลั่ก

            ‘ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ เป็นอาภรณ์ท่านแหวกกว้างเกินไปต่างหาก’ เมื่อครู่ตอนที่เสียหลักมือของนางวางทาบลงบนอกเปลือยเปล่าของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะวางมือลงบนแผงอกที่แน่นไปด้วยมัดกล้ามนางจึงเผลอกดและบีบเล็กน้อยตามประสาสตรีผู้อยากรู้อยากเห็น

            “หากเจ้าชอบพี่จะมาให้เจ้าจับเช่นนี้บ่อย ๆ ดีหรือไม่” แววตาพราวระยับแฝงล้อเลียนของเขาทำให้นางรู้สึกอับอายยิ่งนัก

            ตู้ม! เสียงบางอย่างดังขึ้นในหัวนางก่อนที่ดวงหน้าหวานจะแดงก่ำลามไปถึงใบหูและลำคอ

            “พี่ซืออี้ได้โปรดอย่าล้อเลียนข้าเจ้าค่ะ” นางก้มหน้าหลบสายตาของเขา

            “เอาล่ะ พี่ไม่หยอกเย้าเจ้าแล้ว รีบเข้าเรือนเถิด ดึกดื่นยุงหรือแมลงมากนัก ประเดี๋ยวจะถูกกัดเอา”

            “เช่นนั้นข้าขอตัวเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็รีบวิ่งเข้าเรือนตนเองอย่างไม่รักษากิริยา

            “ฝันดีนะซีอิ๋ง” ชินอ๋องซื่อจื่อหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเรือนรับรองของตน

            แม้อากาศจะร้อนแต่คืนนี้เขาคงจะนอนหลับฝันดี เพราะได้มาล่อลวงน้องสาวสหาย ช่างเป็นการลงมือที่คุ้มค่าเสียจริง

            ด้านคุณหนูฟ่านที่หนีความอับอายเข้ามาในห้องของตนด้วยหัวใจที่เต้นระรัวกว่าจะพยายามควบคุมสติของตนได้ นางก็ใช้เวลาพักใหญ่

            “ชินอ๋องซื่อจื่อผู้นี้ช่างอันตรายเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่คุณหนูในเมืองหลวงจะพากันหลงใหลและปรารถนาจะเป็นพระชายาของเขา” เสน่ห์ของเขามันยากจะต้านทานนี่เอง ขนาดนางยังเผลอไปจับและบีบแผงอกของเขาเลย

            “แต่เอ๊ะ! เขาบอกว่าเขาหลงทาง แล้วเช่นนี้จะกลับเรือนถูกหรือไม่” นางกำลังผุดลุกขึ้นยืนตั้งใจจะไปช่วยเหลือเขา แต่เมื่อคิดถึงความอับอายก่อนหน้านี้ นางก็เปลี่ยนใจนั่งลงบนเตียงเช่นเดิม

            “ช่างเถิด ประเดี๋ยวก็คงมีบ่าวไพร่หรือผู้คุ้มกันที่มาเดินตรวจพบเข้าแล้วพากลับเรือนรับรองเอง” นางถอดรองเท้าแล้วล้มตัวลงนอน

            ‘แต่เมื่อครู่มันน่าอับอายมากจริง ๆ หากพบหน้ากันครั้งต่อไปนางจะต้องทำหน้าเช่นไรกัน’ มือเรียวดึงผ้าห่มมาปิดหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึงเรื่องราวน่าอับอาย

            ภาพของคุณหนูฟ่านและท่านอ๋องน้อยเมื่อครู่ทำให้บรรดาองครักษ์เงาได้แต่ทอดถอนใจพลางนึกขบขันกับแผนการล่อลวงสตรีของผู้เป็นนาย

            ‘ข้าว่าคุณหนูฟ่านคงหนีไม่พ้นตำแหน่งพระชายาชินอ๋องซื่อจื่อแล้ว’ หลงทางที่ใดกัน ท่านอ๋องน้อยจงใจสวมอาภรณ์บางเบามาล่อลวงคุณหนูฟ่านยามค่ำคืน

            ‘พวกเจ้าหุบปาก! หากอยากสนทนากันให้ออกไปสนทนากันไกล ๆ’ เป็นพี่ใหญ่อย่างจือไห่กล่าว มานินทาเจ้านายใกล้เรือนคุณหนูฟ่านเช่นนี้ เกิดคุณชายฟ่านมาได้ยินเข้า ท่านอ๋องน้อยจะลำบากเอา

            เมื่อโดนพี่ใหญ่ไล่ องครักษ์เงาแซ่จือก็รีบเร้นกายหายไป ทิ้งให้จือไห่ทอดถอนใจกับสารพัดแผนล่อลวงสตรีของท่านอ๋องน้อย

            เช้าวันต่อมานางก็มารับสำรับพร้อมหน้าบิดามารดา พี่ชายและสหายของพี่ชาย เมื่อเห็นท่าทางปกติไม่มีสายตาล้อเลียนของเขานางจึงเบาใจและลดความกังวลลง

            “เป็นอันใดไป เหตุใดถึงถอนหายใจเสียงดังเช่นนั้น หรืออยากกินปลาแต่ขี้เกียจเลาะก้าง บอกพี่ได้ พี่จะทำให้” คังซืออี้ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของนางเอ่ยถามเสียงเบา เพื่อไม่ให้รบกวนท่านพ่อที่กำลังสนทนากับพี่ใหญ่อยู่

            “ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ

            “นี่ปลาของเจ้า” เขาคีบปลาที่เลาะก้างเรียบร้อยวางในชามข้าวของนาง

            “ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางก้มหน้าเล็กน้อยคล้ายยังเขินอายเรื่องที่ตนเองทำลงไปเมื่อคืน

            “ซืออี้ เจ้าแย่งหน้าที่ข้า” หน้าที่ช่วยคีบอาหารให้น้องสาวที่แขนสั้นกว่า เป็นของพี่ชายเช่นเขามาตั้งแต่เด็ก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (3/4)

    “ซืออี้ เจ้าแย่งหน้าที่ข้า” หน้าที่ช่วยคีบอาหารให้น้องสาวที่แขนสั้นกว่า เป็นของพี่ชายเช่นเขามาตั้งแต่เด็ก “เจ้าอย่าได้ถือสา” เขากล่าวก่อนจะคีบหมูใส่จานให้นางอีก “แต่ข้าถือสา ข้าหวงน้อง” “ไห่ถิงเจ้าควรทำใจให้คุ้นชินเอาไว้ อีกหน่อยถึงคราวนางออกเรือนเจ้าจะได้ทำใจได้” “คงอีกนานหลายปี กว่านางจะได้ออกเรือน แต่หากไม่ออกเรือนไปก็ไม่เป็นไร ข้ามีสำนักคุ้มภัยใหญ่โต เหตุใดจะเลี้ยงน้องสาวเพียงคนเดียวไม่ได้” “หลายปีอันใดกัน น้องสาวเจ้าหน้าตาหรือก็งดงามคล้ายคลึงข้า เหตุใดถึงจะได้ออกเรือนช้า” เป็นฟ่านฮูหยินกล่าว พลางส่งสายตาดุให้บุตรชาย “เอ่อ...นางไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ใด แล้วจะต้องตาบุรุษได้อย่างไรขอรับ” ฟ่านไห่ถิงบอกเสียงอ่อน “เรื่องนั้นอย่าได้ห่วง มารดาของเจ้าตอบรับเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงของเจิ้งโหวให้น้องเจ้าเรียบร้อยแล้ว เห็นว่านอกจากจะมีคุณหนูคุณชายเข้าร่วมแล้ว เจิ้งโหวที่เดิมทีเป็นคนชอบวาดภาพ ต่อโคลงกลอนอยู่แล้วจึงเชิญเหล่าบัณฑิตเข้าร่วมมากมาย” “แต่ซีซี นางไม่ชอบไปที่คนมากเช่นนั้นนะขอรับท่านแม่”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (4/4)

    “กิ่งไม้เกี่ยวอันใด เหตุใดถึงเลือดไหลมากเช่นนี้” “คงเป็นเพราะพี่เลือดลมดีกระมัง” เขายิ้มพลางนึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เป็นเพราะเจ้าจือหม่านั่นแหละที่เอาเลือดไก่ราดอาภรณ์เพิ่ม บอกว่าจะสามารถเรียกความเห็นใจจากสตรีได้มาก แคว้ก...สิ้นวาจาของเขา นางก็รีบฉีกชายอาภรณ์ชุดนอนตัวในแล้วมาช่วยพันแผลห้ามเลือดให้เขาก่อน เมื่อเห็นว่าแท้จริงนางสวมใส่เพียงชุดนอนตัวใน เขาก็หันไปส่งสายตาดุ แผ่รังสีอำมหิตใส่ความมืดที่ว่างเปล่าด้านหลัง ชิ้ง! ‘รีบไสหัวออกไปให้ห่างเรือนของนางเดี๋ยวนี้’ แต่พอหันกลับมามองสตรีที่กำลังใช้ผ้าซับเลือดให้ นัยน์ตาคมดุนั่นก็อ่อนโยนลง “เข้าไปในเรือนของข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ” “อืม” เขาตอบรับพลางแสร้งทำเหมือนไร้เรี่ยวแรงหวังให้นางช่วยประคอง “มาเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยประคอง” เมื่อเรือนร่างนุ่มนิ่มเข้าประคองมุมปากหยักยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ขอบคุณ” เขาเอ่ยหลังจากนั่งลงบนตั่งที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงในห้องนาง “ท่านช่วยถอดอาภรณ์ให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าจะได้ตรวจดูว่ามีแผลตรงที่ใดอีกหรือไม่”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (1/4)

    7ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ หลังจากผ่านพ้นพิธีปักปิ่น งานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงแรกที่นางตอบรับเทียบเชิญมาร่วมงาน ส่วนหนึ่งก็เพราะมีจุดประสงค์ในการมาผูกมิตรสร้างสัมพันธ์กับบุรุษ เพื่อใช้เปลี่ยนใจพี่ใหญ่ “ไม่ต้องห่วง พี่จะคอยอยู่ใกล้ ๆ เจ้า” คังซืออี้ที่เห็นนางชะงักฝีเท้า ไม่เดินตามมารดาเข้าไปเอ่ยวาจาปลอบประโลม เมื่อวานสหายของเขาก็ก่นด่าถึงสาเหตุที่ทำให้จวนฟ่านไม่ค่อยพาคุณหนูฟ่านไปร่วมงานเลี้ยงที่ใดบ่อยครั้งนัก คนพวกนั้นก็ปากไม่ดีเสียจริง กล้าดีอย่างไรเอาเด็กน้อยไปเปรียบเทียบกับบุรุษที่โตกว่ามาก “นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยง จึงรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง” “อยากจับมือพี่เข้าไปในงานหรือไม่” เขาแบมือออกคล้ายกับพร้อมให้นางจับ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” นางไม่อยากถูกคุณหนูที่ชื่นชอบเขาดักทุบหัว “เช่นนั้นก็รีบเข้าไปในงานเถิด” “ท่านอย่าเพิ่งรีบเข้างานนะเจ้าคะ รอให้ข้ากับท่านแม่เข้าไปก่อน” “ขอรับ ๆ คุณหนูฟ่าน” แม้จะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างแต่เขาก็ตามใจนาง เมื่อเห็นนางรีบก้าวเท้าเดินเข้างา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (2/4)

    “ยามปกติที่ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยง บรรดาฮูหยินมักจะพาบุตรสาวเข้าร่วมด้วย ส่วนหนึ่งก็เพื่ออยากให้ผู้คนรู้จัก แต่ลึก ๆ แล้วฮูหยินเหล่านั้นกลับมีจุดประสงค์คืออยากให้บุตรสาวต้องตาบุรุษที่เพียบพร้อมด้วยชาติตระกูล หากโชคดีอาจจะได้เป็นพระชายาของไท่จื่อหรือองค์ชายสักพระองค์” บุรุษผู้นั้นยังคงเอ่ยวาจาต่อ “...” “แต่เหตุใดจวนฟ่านที่มีบุตรสาวเช่นกัน ก่อนหน้านี้ฟ่านฮูหยินถึงไม่เคยพาเข้าร่วมงานเลี้ยง” “เพราะข้าขี้ริ้วขี้เหร่อย่างไรเจ้าคะ ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่จึงไม่อยากให้ข้าเสียใจยามถูกผู้อื่นดูแคลน ฮึก!” สิ้นเสียงเอ่ยน้ำตาของสตรีที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็หยดใส่มือของนางที่กุมกันแน่นคล้ายสะกดกลั้นอารมณ์ “เจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใด” “ที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโต ข้ามักจะถูกญาติพี่น้องและคนรอบตัวเอ่ยวาจาเปรียบเทียบกับท่านแม่และพี่ใหญ่ ฮึก! ว่าข้าเป็นอีกาในฝูงหงส์บ้าง เป็นเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงบ้าง ฮึก! หน้าตาถึงได้ขี้ริ้วขี้เหร่ผิดแผกจากมารดาที่เป็นถึงหญิงงามอันดับหนึ่ง ขนาดพี่ใหญ่ที่เป็นบุรุษยังงดงามกว่าข้านัก เพราะถูกดูแคลนเช่นนี้นับสิบปี ทำให้ควา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (3/4)

    “มีกฎข้อใดห้ามไว้ว่าบุรุษสตรีที่อายุแตกต่างกันห้ามคบหากันเป็นสหาย” นางเลียนแบบวาจาและท่าทางของเขา “ดูเหมือนข้าจะโดนหญิงงามยอกย้อนเข้าให้แล้ว” “ตั้งแต่เกิดมาข้าก็ถูกดูแคลนจนไม่กล้าออกไปสู้หน้าใคร จึงไร้สหายร่วมทุกข์ร่วมสุข แต่หากท่านไม่อยากเป็นสหายของข้าก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจดี” รอยยิ้มบนดวงหน้าหวานเลือนหาย ก่อนที่นางจะก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วช้อนตามองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนระคนตัดพ้อ “เฮ้อ! เอาเถิด ข้าจะเป็นสหายกับเจ้าก็ได้” สุดท้ายแล้วเขาก็อดทนต่อสายตาของนางไม่ได้ “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านช่างมีจิตเมตตาต่อข้ายิ่ง เช่นนั้นต่อจากนี้ท่านเรียกข้าซีอิ๋งเถิด” ฟ่านซีอิ๋งดีใจจนลืมตัวคว้ามือบุรุษมากุมแล้วกล่าวขอบคุณ “อะ...อืม” แม้ใบหน้าของโจวคุนต๋าจะราบเรียบแต่ทว่าใบหูที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร และโชคดีที่นางไม่ได้สังเกตเห็น “ขออภัยเจ้าค่ะที่ข้าลืมตัว” นางรีบปล่อยมือเมื่อเห็นใบหน้าของเขาไร้รอยยิ้ม “อยากกินขนมเพิ่มอีกหรือไม่ข้าจะไปเอามาให้” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (4/4)

    “ซีอิ๋งเราไปกันเถิด” คังซืออี้ไม่แม้แต่จะปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะจับมือของสตรีตัวน้อยแล้วรั้งให้เดินจากไปด้วยกัน ‘พี่ซืออี้กำลังโกรธเคืองซิวลู่หลินหรือถึงได้เมินเฉย หรือแท้จริงมันไม่ได้เป็นไปตามที่นางฝันตั้งแต่แรกกันแน่’ ทีเรื่องฟ่านไห่ถิงเป็นต้วนซิ่ว นางอยากให้เป็นเพียงความฝันกลับกลายเป็นจริงซะได้ “ลู่หลิน” ซิวซือเย่กระตุกชายอาภรณ์น้องสาวเพื่อเรียกสติ “พี่ใหญ่” สีหน้าที่ย่ำแย่เมื่อครู่ถูกเก็บซ่อนไว้เรียบร้อย แต่มือใต้อาภรณ์ยังคงกำแน่น “อย่าได้หลุดกิริยาเช่นเมื่อครู่นี้ออกมา” ในนามผู้สืบทอดตระกูลซิว เขาต้องตักเตือนเพื่อไม่ให้น้องสาวทำเรื่องจนเกิดข่าวลือเสื่อมเสีย “เจ้าค่ะพี่ใหญ่” ซิวเมิ่งหยวนกล่าวพลางปรายตามองน้องสาวก่อนจะเดินจากไป แต่เมื่อนึกบทสนทนาของบรรดาฮูหยินพวกนั้น มือเรียวกำเข้าหากันแน่นกว่าเดิม เห็นทีว่าบุรุษเปลี่ยนไปเมื่อเห็นคนงามจะเป็นเรื่องจริง แม้แต่พี่ชายของนางก็ยังเข้าข้างมัน ด้านคังซืออี้ที่รู้สึกหงุดหงิดอยู่แล้วเรื่องที่มีบุรุษพยายามจะเข้าหาสตรีตัวน้อยของเขา กลับต้องมีโทสะเพิ่มข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 8 ให้พี่ช่วยปลอบประโลม (1/4)

    8ให้พี่ช่วยปลอบประโลม เรื่องราวที่เกิดขึ้นถูกถ่ายทอดจากปากของคังซืออี้ให้ฟ่านไห่ถิงฟังจนหมดสิ้น ทำให้นางต้องถูกพี่ใหญ่เรียกมาอบรม ‘ที่แท้เลี้ยงบะหมี่เนื้อข้าเพื่อเป็นการลูบหลังก่อนจะตบหัวข้าด้วยการมาฟ้องพี่ใหญ่’ ฟ่านซีอิ๋งคิดพลางเม้มปากอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม มีอย่างที่ใดรายงานหมดว่ามีบุรุษใดเข้ามาสนทนากับนางบ้าง “พี่คิดถูกจริง ๆ ที่ให้ซืออี้ไปร่วมงานเลี้ยงกับเจ้าด้วย มิเช่นนั้นพี่ก็คงไม่ทราบว่ายามนี้น้องสาวพี่เป็นที่ต้องตาต้องใจของบุรุษมากมาย” ‘รวมทั้งสหายผู้นี้ของเจ้าด้วย’ ชินอ๋องซื่อจื่อกล่าวในใจแต่ไม่คิดจะเอ่ยออกมาให้สหายรู้ตัว และที่เขาต้องเล่าเรื่องที่บุรุษพวกนั้นพยายามเข้าหานาง เพราะเขาจะได้ใช้ฟ่านไห่ถิงช่วยกีดกันบุรุษอื่นไม่ให้มายุ่งกับสตรีที่เขาพึงใจ “พี่ซืออี้ก็กล่าวเกินไปเจ้าค่ะ กับซิวซือเย่ ข้าแทบไม่ได้สนทนาด้วยนะเจ้าคะ” แค่หน้านางก็แทบจะไม่อยากมองแล้ว “แล้วบัณฑิตผู้นั้นเล่า” “ข้าเพียงสนทนากับเขาถูกคอ ยามนี้เขาจึงกลายเป็นสหายของข้าแล้วเจ้าค่ะ” “เจ้ามองเขาเป็นสหาย แล้วบุรุษผู้นั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 8 ให้พี่ช่วยปลอบประโลม (2/4)

    “ทำท่าทางเช่นนี้กำลังคิดแผนการอันใดอยู่หรือไม่” เป็นคังซืออี้รู้สึกหมั่นเขี้ยวเป็นอย่างมากจึงเอื้อมมือไปบีบแก้มเนียนที่พองจนใบหน้านางยับยู่ “โอ๊ย! ข้าเจ็บนะเจ้าคะ” นางส่งเสียงร้องเกินจริงเพื่อให้เขาสงสารจะได้รีบปล่อยมือ “เจ็บมากหรือไม่ พี่ขอโทษ” เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แล้วเปลี่ยนมาใช้นิ้วลูบไล้แก้มของนางคล้ายปลอบประโลม “ไม่มากเจ้าค่ะ” สัมผัสของเขาทำให้หัวใจของนางเต้นระรัวอีกแล้ว “เจ็บไม่มากก็คือเจ็บอยู่ เช่นนั้นพี่จะช่วยปลอบประโลมให้เจ้า” กล่าวจบเขาก็ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนนางสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ก่อนที่เขาจะเป่าลมอุ่น ๆ ตรงที่แก้มนางสลับกับใช้นิ้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา การกระทำของเขาทำให้นางตัวแข็งทื่อไปในทันทีเพราะไม่กล้าขยับตัวก่อนจะเอ่ยปากห้ามปราม “พะ พี่ซืออี้ ข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ” จะถอยหนีก็ไม่ได้ เนื่องจากด้านหลังเป็นโต๊ะตัวใหญ่ “ดูสิ พี่คงทำให้เจ้าเจ็บไม่น้อย แก้มแดงเชียว” กล่าวจบเขาก็เป่าพลางใช้นิ้วลูบไล้แก้มอีกข้างของนาง “ข้าไม่ได้เจ็บอันใดเจ้าค่ะ” นางรวบรวมแรงแล้วใช้สอง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11

บทล่าสุด

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : โปรดปรานจนวาระสุดท้าย (จบบริบูรณ์)

    โปรดปรานจนวาระสุดท้าย เวลาผ่านไปนานถึงยี่สิบห้าหนาว ฮ่องเต้คังเฟยหลงในวัยสี่สิบเจ็ด ป่วยและจากไปด้วยโรคประจำตัว แม้ในวังหลังจะมีสนมมากมาย แต่ทว่าฮ่องเต้กลับมีโอรสและธิดากับฮองเฮาเพียงสามพระองค์โดยสนมทุกคนจะถูกบังคับให้ดื่มน้ำแกงไร้บุตรก่อนที่จะเข้าถวายการรับใช้ ซึ่งฮ่องเต้จะเป็นผู้ยืนดูความเรียบร้อยด้วยตนเอง แม้จะมีฎีกาคัดค้านเรื่องนี้จากขุนนางมากมาย แต่ทว่าขุนนางเหล่านั้นก็จะโดนฮ่องเต้กล่าวหาว่ามักใหญ่ใฝ่สูงหวังอยากเป็นพระอัยกาของฮ่องเต้พระองค์ถัดไปทั้งคิดจะกลืนกินราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าโต้แย้งพระประสงค์ของฮ่องเต้ด้วยกลัวว่าจะต้องโทษกบฏ องค์ไท่จื่อที่ได้รับการแต่งตั้งจึงเป็นองค์ชายใหญ่ ส่วนองค์ชายรองก็รับหน้าที่ส่งเสริมพี่ชายโดยได้รับตำแหน่งอ๋อง และองค์หญิงก็ได้แต่งกับท่านราชบุตรเขยซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ทั้งสามพี่น้องรักใคร่เกื้อกูลกันเนื่องจากประสูติจากครรภ์ของฮองเฮา “ชินอ๋องซื่อจื่อแจ้งว่ายามได้รับทราบข่าวของพระองค์ ชินอ๋องและพระชายารีบเร่งเดินทางออกจากเมืองจิ่นเฟิงเพคะ” “อืม...แต่เจิ้นคงรอพวกเขาไม่ไหวหรอก อย่างไรฝากขอโทษพวกเขาด้ว

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (4/4)

    “อืม” คังซืออี้หน้าตึงไม่ค่อยพอใจอยู่บ้างที่เห็นพระชายาของตนส่งยิ้มให้โอรสสวรรค์ “ซีถิง อากลับก่อนนะ เอาไว้วันหน้าอาจะนำของเล่นมามอบให้” “พ่ะย่ะค่ะ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวตอบรับเสียงอ่อน “ฟู่กงกง ส่งเสด็จฮ่องเต้” “เชิญพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่กงกงรีบมาทำหน้าที่ พลางคิดว่าคงจะมีแต่ตำหนักนี้กระมังที่ให้ขันทีเป็นคนออกไปส่งฮ่องเต้ที่หน้าตำหนักหาใช่เจ้าของตำหนัก คล้อยหลังโอรสสวรรค์แล้ว พระชายาฟ่านก็หันหน้ามาจ้องหนึ่งบุรุษ หนึ่งเด็กน้อยที่หน้าตาคล้ายคลึงกันยิ่งนัก ไหนจะท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยแล้วช้อนตาขึ้นมองเพื่อเรียกร้องความน่าสงสารนั่นอีก ‘สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน’ นางเกือบเผลอยิ้มออกมาก่อนจะแสร้งทำหน้าเคร่งขรึม “ท่านแม่ขอรับ เรื่องนี้เป็นท่านพ่อที่ผิดนะขอรับ ลูกเพียงแต่น้อยใจ...” “บิดาเจ้าเพียงห่วงใยมารดา จึงไม่อยากให้เจ้าไปรบกวน พ่อผิดที่ใด” “หยุดเอ่ยวาจาเลยเจ้าค่ะ นับตั้งแต่นี้ชินอ๋องและชินอ๋องซื่อจื่อจะต้องย้ายไปอยู่เรือนท้ายตำหนักและถูกกักบริเวณเป็นเวลาสามวันห้ามก้าวเท้าออกจากเรือนท้

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (3/4)

    “ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านอามาเป็นสามีใหม่ของมารดาข้าเถิด ข้ายินดีจะเรียกท่านว่าบิดาอย่างไม่อิดออด” “หน๊อย! เจ้าเด็กนี่ เฟยหลงเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” ชินอ๋องร้องโวยวายเมื่อถูกน้องชายจับตัวไว้หวังช่วยเหลือเจ้าเด็กมากมารยา “ท่านพี่ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ซีถิงยังเยาว์วัยนักท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย” “ท่านพ่อคนใหม่ ช่วยข้าด้วยขอรับ เห็นหรือไม่ บิดาคนเก่าของข้าใจร้ายเพียงใด” ท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยพลางตอบเสียงอ่อน ทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูได้ไม่อยาก แต่ยกเว้นบุรุษที่เจ้ามารยาไม่แพ้กันเช่นชินอ๋อง “หยุดเอ่ยเรียกผู้อื่นว่าบิดาได้แล้ว มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า” คังซืออี้รู้สึกอยากลงโทษบุตรชายก็คราวนี้ จะมารยาเรียกร้องความสนใจเช่นไรเขาไม่นึกถือสา แต่หากคิดจะหาบุรุษมาให้ชายาของเขา เขามีหรือจะยอม “จะลงโทษซีถิงด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ฟ่านซีอิ๋งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง นางถูกสาวใช้คนสนิทปลุกให้ตื่นหวังให้มาห้ามทัพระหว่างบุรุษทั้งสอง ด้วยกลัวว่าท่านอ๋องน้อยจะถูกลงโทษเพราะไปยั่วโทสะบิดาเข้า เรื่องที่แตะเกล็ดมังกรย้อนของชินอ๋องผู้นี้เห

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (2/4)

    “ท่านอ๋องสั่งไว้ว่าไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนขอรับ” “บังอาจ! พวกเจ้าไม่เห็นข้าเป็นนายหรือ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวยืนกอดอกจ้องทหารยามด้วยสายตาดุ แต่ในสายตาผู้อื่นกลับดูน่ารักไปเสียได้ “ย่อมเห็นขอรับจึงไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อยต้องถูกท่านอ๋องลงโทษที่ขัดคำสั่ง” “ปล่อย...” ชินอ๋องซื่อจื่อตัวน้อยยังส่งเสียงร้องโวยวายไม่ทันจบก็ถูกบุรุษตัวโตปิดปากแล้วอุ้มให้ออกห่างจากเรือน “ชายาข้ากำลังพักผ่อน เจ้าอย่าได้ส่งเสียงรบกวนนาง” เรียกได้ว่าเพิ่งได้นอนเมื่อตะวันฉายแสงจะดีกว่า ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาทั้งรักและโปรดปรานนางยิ่งนัก ทันทีที่ร่างเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เจ้าตัวน้อยก็กอดอกแล้วต่อว่าผู้เป็นบิดาทันที “ท่านพ่อใจร้าย ไม่ยอมให้ข้าเจอท่านแม่เลย” “ซีถิง เจ้าโตแล้ว เป็นบุรุษจะทำตัวเป็นลูกแง่เกาะติดมารดาตลอดไปไม่ได้ ในภายหน้าเจ้าจะได้เป็นชินอ๋องที่น่าเกรงขาม เห็นหรือไม่ บิดาทำไปเพื่อฝึกฝนเจ้า” คังซืออี้กล่าวพลางตีหน้าเคร่งขรึมหวังหลอกล่อบุตรชายให้หลงเชื่อ ทั้งที่จริงแล้วยามเดินทางเขาไม่ได้ใกล้ชิดนางดั่งใจต้องการ

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : หาคนรักให้มารดา (1/4)

    หาคนรักให้มารดา เสียงร้องโวยวายของเจ้าก้อนแป้งวัยห้าหนาวดังลั่นเรือนพร้อมเจ้าตัวที่กำลังดีดดิ้นและพยายามช่วยเหลือตนเองจากการถูกหิ้วคอเสื้อจากทางด้านหลัง “ท่านพ่อ ปล่อยข้านะขอรับ ข้าจะไปหาท่านแม่” เด็กน้อยเอื้อมแขนสั้น ๆ ของตนพยายามแกะมือที่จับยึดคออาภรณ์ของเขา “ท่านแม่เจ้ากำลังพักผ่อนให้คลายจากความเหน็ดเหนื่อยเจ้าอย่าได้ไปรบกวน” “นี่มันยามโหย่ว (17.00-18.59) แล้วนะขอรับ” “แล้วอย่างไร มีกฎข้อใดไม่ให้ชายาข้าพักผ่อนในยามโหย่ว (17.00-18.59)” “ก็มันใกล้จะมืดค่ำแล้วขอรับ” ประเดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วยามก็ต้องเตรียมตัวเข้านอนอีก “เจ้ายังเด็กนัก บิดาจึงไม่อาจบอกได้ว่าแท้จริงยามค่ำคืนคนที่เติบโตแล้ว ไม่ต้องเข้านอนก็ได้” “ท่านพ่อกำลังโกหกข้า อีกอย่างหากท่านแม่ทราบว่าข้ากำลังร้องเรียกหา ท่านแม่หรือจะเมินเฉย” “ที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด ด้วยเหตุนี้พ่อจึงได้พาเจ้ากลับมาที่เรือนแยก แม่นม จือไห่ จือซวน จือหม่า จือหมิง” “เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ” คนที่รออยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาพลางโค้งตัวรอรับคำส

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (5/5)

    “ในเมื่อพี่ตกลงกราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้าแล้ว ชั่วชีวิตไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขพี่ย่อมมีเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียวในเรือนหลัง หากเจ้าลองสังเกตดี ๆ เจ้าจะพบว่านอกจากบิดาของพี่จะมีฮูหยินเพียงคนเดียวแล้ว สหายของพี่ที่เป็นถึงชินอ๋อง ก็ยังแต่งพระชายาคือน้องสาวของพี่เพียงคนเดียว ไร้อนุฯ หรือสาวใช้อุ่นเตียง บ่งบอกว่าพวกเราคนตระกูลฟ่านต้องการมีรักเดียวชั่วชีวิต” “นี่ท่าน!” หูเซียงเฟยตกใจยิ่งนัก มิคิดว่าเขาจะคิดเช่นนั้นมาโดยตลอด “เช่นนั้นเจ้าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องข้อเสนอนั่นอีกเลย ในเมื่อการกราบไหว้ฟ้าดินของเราเกิดขึ้นเพราะความเต็มใจ” สิ้นเสียงเขาก็เชยคางมนขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาจงใจทำให้นางคุ้นเคยกับสัมผัสของเขาจึงทำเพียงกินเต้าหู้นางเล็ก ๆ น้อย ๆ ลิ้นร้อนลิ้มรสความหวานจากโพรงปากนุ่ม ลิ้นเรียวเล็กของนางพยายามตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งทำให้เข้าปรารถนาอยากจะกดนางลงบนเตียงแล้วทำให้นางกลายเป็นฮูหยินของเขาเต็มตัว “เซียงเซียง เจ้าหวานเหลือเกิน” เขากล่าวพลางจ้องมองนางด้ว

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (4/5)

    “ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” นางถามไถ่เขาเช่นนี้ทุกวัน นางช่างเป็นสตรีที่น่าอิจฉา ครอบครัวของสามีดีกับนางเหลือเกิน สามีหรือก็ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นบุรุษมักมากพร้อมรับสตรีเข้าเรือนมากมาย ทำให้นางยิ่งสำนึกในบุญคุณของเขา จึงพยายามปรนนิบัติดูแลเขาให้ดีที่สุด “เหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง” “เช่นนั้นไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนกินข้าวดีหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่ล่ะ อาบน้ำร้อนทุกวันไม่ดีกับร่างกายกระมัง เจ้ากินข้าวก่อนเถิด วันนี้พี่มีงานมากมายจึงมาบอกเจ้าว่าอย่ารอพี่เข้านอน เพราะพี่อาจจะนอนที่ห้องหนังสือเลย” “เจ้าค่ะ” ฮูหยินน้อยจวนฟ่านคล้ายจะรู้สึกผิดหวัง นางก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อซ่อนแววตาเสียใจ “เช่นนั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ” เขากล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่มีท่าทางหยอกเย้าหรือกินเต้าหู้นางเช่นทุกวัน” ‘เขาโกรธอันใดข้าหรือไม่’ ‘หรือเขาเบื่อหน่ายข้าแล้ว จึงพยายามหลีกเลี่ยงเช่นนี้’ หูเซียงเฟยไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดถึงรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นท่าทางเมินเฉยของเขา ในเมื่อเขาบอกว่าอาจจะไม่กลับมา นางจึงถ

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (3/5)

    “แต่หากเจ้าไม่อยาก...” เขากำลังจะบอกว่าไม่อยากฝืนใจนาง เขามีเวลาเป็นปีที่จะยั่วยวนจนนางหลวมตัวหลวมใจยินดีที่จะเป็นฟ่านฮูหยินตลอดไป “ท่านได้โปรดชี้แนะข้าด้วย” นางรีบกล่าวคล้ายกลัวเขาเข้าใจผิด ที่เขายอมรับข้อเสนอตบแต่งนางเป็นฮูหยินเอกนับว่ามีพระคุณกับนางยิ่งนัก “หากพี่สอน เจ้าจะหาว่าพี่หน้าไม่อายหรือไม่” “ไม่ว่าเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นลองสัมผัสมันดูหรือไม่ ทำความคุ้นเคยกับมันก่อน” น้ำเสียงที่แฝงด้วยยั่วเย้าและแววตาที่ล่อลวงทำให้นางหลวมตัวพยักหน้าตอบรับด้วยใจหนึ่งก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น แม้ก่อนออกเรือนมารดาจะนำหนังสือปกขาวที่เคยได้รับมามอบให้ แต่ทว่านางลองศึกษาแล้วยังไม่กระจ่างเท่าใด ทราบแต่เพียงว่าครั้งแรกจะเจ็บมากเท่านั้น “เจ้าค่ะ” นางตอบรับด้วยสีหน้าเขินอาย แต่ก็ยอมเอื้อมมือไปจับเจ้าสิ่งนั้นที่คล้ายผงกหัวเรียกนางอยู่ “เป็นอย่างไรบ้าง” “มันเหมือนมีชีวิตเลยนะเจ้าคะ” “เพราะมันปรารถนาอยากจะปลดปล่อยอย่างไรเล่า” “แล้วยามที่มันแข็งขึงเช่นนี้ ท่านปวดหรือไม่เจ้าคะ”

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (2/5)

    ‘หากเจ้ายอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ข้าฟังตามจริง ข้าอาจจะตบแต่งกับเจ้าตามข้อตกลงก็ได้’ ‘เช่นนั้นเราเปลี่ยนที่สนทนาได้หรือไม่เจ้าคะ’ ‘ย่อมได้’ เขากล่าวพลางวางตะเกียบลง ‘ท่านกินให้อิ่มก่อนก็ได้เจ้าค่ะ ข้ารอได้’ อย่างไรกลับไปก็โดนหาเรื่องอยู่แล้ว หากนางจะกลับช้าอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ‘เช่นนั้นก็รอข้า’ ‘เจ้าค่ะ’ หลังจากย้ายที่สนทนาแล้วนางก็เล่าเรื่องราวที่ตนต้องเข้าร่วมการคัดเลือกนางสนมของฮ่องเต้ ซึ่งพี่สาวที่เข้าเกณฑ์จะต้องเข้าร่วมเช่นกันกับฮูหยินรองที่ยามนี้ทำตัวเช่นฮูหยินเอกกดขี่นางและมารดา พยายามหาบุรุษมีตำหนิมาแต่งกับนางเพื่อจะได้ตัดคู่แข่งในการคัดเลือกนางสนมออกไป ซึ่งตัวหูเซียงเฟยที่ไม่ได้อยากเป็นสนมของฮ่องเต้ จึงคิดเลือกบุรุษสักคนด้วยความคิดที่ว่าหากต้องพลีกายให้กับใครสักคน นางขอเป็นคนเลือกเอง ทว่าสถานที่เลือกบุรุษของนางกลับเป็นร้านบะหมี่ข้างทาง ไม่ใช่โรงเตี๊ยมที่คุณชายมักจะไปนั่งจิบชา ซึ่งนางให้เหตุผลว่าที่มาเลือกบุรุษในที่นี่ก็เพราะ ในสายตานางบะหมี่ร้านนี้รสเลิศกว่าอาหารในโรงเตี๊ยม แต่กลับถ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status