Share

บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (1/4)

last update Last Updated: 2024-12-05 19:21:33

6

น่าอับอายยิ่งนัก

            กลับมาที่การเปิดให้อ่านตำราโดยไม่เสียเงินชั่วคราวของคุณหนูซิว สตรีผู้ถูกเล่าลือว่างดงามมีเมตตาแสร้งปาดน้ำตาที่มีอยู่เล็กน้อยออกก่อนจะฝืนยิ้มออกมา ท่าทางเช่นนี้ของหญิงงามมักจะทำให้บุรุษรู้สึกอยากปกป้อง

            “ตายจริง ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ ข้านี่มันใช้ไม่ได้ที่ละเลยท่าน”

            “ไม่เป็นไรขอรับคุณหนูซิว” หานจงเซ่อใบหูแดงเล็กน้อย

            “จะไม่เป็นไรได้อย่างไรเจ้าคะ ลี่มี่ไปเชิญท่านหมอมารักษาท่านบัณฑิตเถิด”

            “อย่าให้ถึงท่านหมอเลยขอรับ ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ” แม้จะรู้สึกอับอายต่อหน้าสตรีในดวงใจแต่เมื่อได้รับความห่วงใยจากนาง เขาก็รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว

            “เช่นนั้นให้ข้าทำแผลให้ดีหรือไม่เจ้าคะ อย่าปฏิเสธข้าเลยนะเจ้าคะ” นางก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคล้ายเว้าวอนทำให้บุรุษพยักหน้าตอบรับอย่างง่ายดาย

            “เช่นนั้นต้องรบกวนคุณหนูซิวแล้วขอรับ” เป็นหานจงเซ่อที่รู้สึกอิ่มเอมหัวใจยิ่งนัก

            “หากไม่มีเรื่องใดแล้วพี่กลับจวนก่อนนะ” ซิวเมิ่งหยวนที่เหนื่อยหน่ายกับงิ้วของน้องสาวกล่าวก่อนจะเดินแยกตัวไป

            ‘คลาดกันจนได้ แต่ไม่เป็นไร คงต้องใช้ข้ออ้างเรื่องม้าในการไปเยือนจวนฟ่านเสียแล้ว’ ซิวซือเย่คิดก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มอ่อนโยนเมื่อคิดถึงใบหน้าของคุณหนูใจดีผู้นั้น

            ส่วนคุณหนูซิวที่กำลังเล่นงิ้วเป็นสตรีจิตใจดี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีงามตามที่บิดามารดาสั่งสอนนั้น กำลังพยายามเก็บสีหน้าเบื่อหน่ายยามฟังบัณฑิตอ่อนแอกล่าวถึงตำราที่เขาชื่นชอบ

            เพราะหวังจะได้ใกล้ชิดบุรุษที่ตนพึงใจนางจึงใช้ข้ออ้างเรื่องที่เขาเคยช่วยเหลือนางหวังเข้าใกล้เขา แต่กลับไม่เป็นดังหวังเมื่อเขาเรียกทองจากนางถึงสองหีบเพื่อเป็นการตอบแทนที่เขาช่วยเหลือนางซึ่งเขาส่งคนไปรับมันจริง ๆ ทำให้นางต้องถูกบิดาสั่งงดเบี้ยหวัดนานถึงสองปี เป็นการลงโทษที่ทำจวนซิวต้องเสียทองคำไปโดยไร้ประโยชน์ถึงสองหีบ

            ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารไปอีกกำมือ[1]

            แม้จะถูกสั่งงดเบี้ยหวัดแต่ทว่าการสร้างเสียงเล่าลือให้ตนเองเป็นสตรีจิตใจดีมีเมตตาก็ยังต้องทำต่อไป เพราะแม้ไท่จื่อคังเฟยหลงจะไม่อยู่ที่เมืองหลวงนานนับปีแล้ว แต่ทว่านี่กลับเป็นโอกาสดีที่นางจะเร่งมือทำให้ตนเป็นพระชายาของชินอ๋องซื่อจื่อแทน

            พระชายาไท่จื่ออันใด นางไม่ได้อยากเป็น คนที่อยากเป็นคือบิดาของนางโน่นที่ทะเยอทะยานอยากเป็นพ่อตาของฮ่องเต้องค์ถัดไป ด้วยเหตุนั้นเองจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่นางต้องออกไปตั้งโรงทานตามที่ต่าง ๆ จนกว่าชื่อเสียงดีงามจะลอยไปเข้าหูไท่จื่อ แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่อยู่เมืองหลวงการกระทำของนางก็คล้ายว่าจะสูญเปล่า บิดาจึงไม่ให้การสนับสนุนอีก แต่กลับเป็นนางที่อยากทำต่อเพราะมันทำให้นางมีข้ออ้างออกมายืนตามข้างทางอย่างชอบธรรมเพื่อจะได้มีโอกาสได้พบเจอบุรุษในดวงใจของตน

            โชคดีที่ว่าแม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนเงินจากบิดาแล้ว แต่นางก็ยังมีตำราที่เคยช่วยซื้อมาจากร้านขายตำราซึ่งกำลังจะปิดร้านย้ายไปอยู่เมืองอื่นด้วยไม่มีเงินจ่ายหนี้และตอนนั้นที่นางช่วยซื้อก็เพราะมีคนกำลังมุงดูท่านลุงผู้นั้นด้วยความสงสาร นางจึงยอมจ่ายเงินซื้อตำราทั้งหมด นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเสียงเล่าลือถึงความงดงามและมีเมตตาของนาง

            เมื่อคิดออกว่าจะสร้างภาพลักษณ์ดีงามของตนเช่นไร นางก็ใช้ท่าทางน่าเอ็นดูของตนไปขอยืมพื้นที่ร้านที่ไม่มีคนเช่าเพื่อเปิดให้บัณฑิตเข้ามาอ่านตำราโดยไม่เสียเงิน ซึ่งเจ้าของพื้นที่ก็ตอบรับแต่มีข้อแม้ว่านางจะต้องสรรเสริญเยินยอความจิตใจดีของตนด้วย

            ส่วนเหตุใดเป้าหมายของนางถึงเป็นบัณฑิตน่ะหรือ?

            ก็เพราะคนพวกนี้อาจจะกลายเป็นขุนนางใหญ่โตให้นางได้ใช้ประโยชน์ในภายหน้าน่ะสิ

            “ขอบคุณคุณหนูซิวขอรับที่ช่วยทำแผลให้ข้าน้อย” เป็นเสียงของบุรุษตรงหน้าที่ดึงความคิดของนางกลับมา

            “ท่านบัณฑิตอย่าได้แทนตนเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ อีกไม่นานหากพวกท่านได้เป็นขุนนางใหญ่โต กลับเป็นข้าเสียอีกที่เป็นผู้น้อย”

            “คุณหนูซิวอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลยขอรับ หากวันหน้าพวกข้าได้เป็นขุนนาง ข้าย่อมรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่ท่านคอยให้ความช่วยเหลือพวกข้า”

            “ข้าเห็นด้วย ๆ” บัณฑิตอีกหลายคนที่เพิ่งมาหาอ่านตำราโดยไม่เสียเงินกล่าว

            “เช่นนั้นหากวันหน้าพวกท่านได้เป็นขุนนางข้าซิวลู่หลินคงต้องฝากตัวด้วยนะเจ้าคะ” นางย่อตัวแสดงความเคารพต่อบัณฑิตทั้งหลายอย่างนอบน้อมแต่ใบหน้าที่ก้มต่ำกลับซ่อนรอยยิ้มเอาไว้อย่างมิดชิด

            ‘เห็นหรือไม่ว่าวันหน้า ไม่ว่าข้าจะได้เป็นพระชายาของใคร ข้าย่อมเป็นสตรีในเรือนหลังที่สามารถสนับสนุนสวามีได้’

           

            ด้านคุณหนูฟ่านที่พาตนเองเข้าไปนั่งในโรงเตี๊ยมหนานเหิง หวังจะได้พบบุรุษรูปงามท่าทางลำบากหรือบัณฑิตตกยากสักคน นางจะได้เข้าไปตีสนิทแล้วผูกมิตรเป็นสหาย ยามพาเข้าใกล้พี่ใหญ่ เขาจะได้ไม่รู้ตัว

            โต๊ะที่นางเลือกนั่งเป็นโต๊ะในมุมอับสายตาเช่นเดิมเพื่อจะได้สะดวกต่อการกวาดสายตามองหาบุรุษให้พี่ใหญ่ อีกทั้งยังสามารถกวาดสายตามองลงไปยังด้านล่างได้อีกด้วย

            “จวนราชครูนี่สั่งสอนบุตรหลานได้ดีเสียจริงว่าหรือไม่”

            “เจ้าคงหมายถึงคุณหนูซิวที่ไปขอยืมพื้นที่เถ้าแก่เจียงเปิดให้บัณฑิตได้มาอ่านและยืมตำราโดยไม่เสียเงินใช่หรือไม่”

            “ถูกต้อง นางช่างมีวิธีการให้ที่แตกต่างกันออกไป”

            “ข้าก็คิดอยู่ว่าบัณฑิตพวกนั้นหายไปที่ใด ยามปกติมักจะรวมตัวกันมาอ่านตำราในโรงเตี๊ยมแห่งนี้”

            “ก็คงไปหาคุณหนูซิวกันหมด เพราะนอกจากที่นั่นจะมีตำราให้อ่านโดยไม่เสียเงิน ยังมีน้ำชาให้กินอีกด้วย”

            “อืม...มิแปลกใจที่บัณฑิตพวกนั้นไปอยู่ที่นั่นกันหมด”

            “แต่ข้ากลับคิดว่าสิ่งที่คุณหนูซิวทำไม่เหมาะสมเท่าใดนัก เป็นสตรีไปอยู่ท่ามกลางบุรุษมากมายเช่นนั้นมองอย่างไรก็ไม่เหมาะสม”

[1] นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์ที่ต้องการแล้วยังต้องสูญเสียอย่างอื่นไป

Related chapters

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (2/4)

    “แต่ข้ากลับคิดว่าสิ่งที่คุณหนูซิวทำไม่เหมาะสมเท่าใดนัก เป็นสตรีไปอยู่ท่ามกลางบุรุษมากมายเช่นนั้นมองอย่างไรก็ไม่เหมาะสม” “ที่เจ้ากล่าวก็ไม่ผิด” “พอได้ยินเจ้ากล่าวเช่นนี้แล้วข้าก็เพิ่งนึกออกว่าก่อนหน้าที่จะมาที่ร้านแห่งนี้ ได้ยินบุรุษสองคนที่ดูเหมือนจะไม่ใช่บัณฑิตเตรียมสอบแต่เป็นคุณชายผู้หนึ่งกล่าวชักชวนกันไปอ่านตำราโดยไม่เสียเงิน หวังจะได้ใกล้ชิดและเกี้ยวพาคุณหนูซิว” “อืม ไม่เหมาะสมจริง ๆ นั่นแหละ” คำกล่าวของชาวบ้านวัยกลางคนกลุ่มนั้นทำให้ฟ่านซีอิ๋งที่ลอบฟังอยู่พยักหน้าพลางลอบเคี้ยวฟันอย่างรู้สึกหงุดหงิดเมื่อบุรุษที่นางตั้งใจมาหมายตา ถูกคุณหนูซิวแย่งตัวไปจนหมด ‘ดูแล้ววันนี้คงไม่ได้เรื่อง กลับจวนก่อนก็แล้วกัน” นางดึงผ้าคลุมขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างก่อนจะทอดถอนใจแล้ววางก้อนตำลึงสีเงินลงบนโต๊ะก่อนจะออกจากโรงเตี๊ยมไป “รบกวนพวกท่านส่งคนไปแจ้งซูฉีให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ ว่าข้าเดินทางกลับจวนแล้ว” “ขอรับคุณหนู” เมื่อผู้คุ้มกันแซ่อินรับคำ นางก็เดินกลับไปยังจุดที่สั่งให้คนขับรถม้าจอดรอเพื่อกลับจวนฟ่าน ‘เอาไว้

    Last Updated : 2024-12-05
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (3/4)

    “ซืออี้ เจ้าแย่งหน้าที่ข้า” หน้าที่ช่วยคีบอาหารให้น้องสาวที่แขนสั้นกว่า เป็นของพี่ชายเช่นเขามาตั้งแต่เด็ก “เจ้าอย่าได้ถือสา” เขากล่าวก่อนจะคีบหมูใส่จานให้นางอีก “แต่ข้าถือสา ข้าหวงน้อง” “ไห่ถิงเจ้าควรทำใจให้คุ้นชินเอาไว้ อีกหน่อยถึงคราวนางออกเรือนเจ้าจะได้ทำใจได้” “คงอีกนานหลายปี กว่านางจะได้ออกเรือน แต่หากไม่ออกเรือนไปก็ไม่เป็นไร ข้ามีสำนักคุ้มภัยใหญ่โต เหตุใดจะเลี้ยงน้องสาวเพียงคนเดียวไม่ได้” “หลายปีอันใดกัน น้องสาวเจ้าหน้าตาหรือก็งดงามคล้ายคลึงข้า เหตุใดถึงจะได้ออกเรือนช้า” เป็นฟ่านฮูหยินกล่าว พลางส่งสายตาดุให้บุตรชาย “เอ่อ...นางไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ใด แล้วจะต้องตาบุรุษได้อย่างไรขอรับ” ฟ่านไห่ถิงบอกเสียงอ่อน “เรื่องนั้นอย่าได้ห่วง มารดาของเจ้าตอบรับเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงของเจิ้งโหวให้น้องเจ้าเรียบร้อยแล้ว เห็นว่านอกจากจะมีคุณหนูคุณชายเข้าร่วมแล้ว เจิ้งโหวที่เดิมทีเป็นคนชอบวาดภาพ ต่อโคลงกลอนอยู่แล้วจึงเชิญเหล่าบัณฑิตเข้าร่วมมากมาย” “แต่ซีซี นางไม่ชอบไปที่คนมากเช่นนั้นนะขอรับท่านแม่”

    Last Updated : 2024-12-06
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 6 น่าอับอายยิ่งนัก (4/4)

    “กิ่งไม้เกี่ยวอันใด เหตุใดถึงเลือดไหลมากเช่นนี้” “คงเป็นเพราะพี่เลือดลมดีกระมัง” เขายิ้มพลางนึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เป็นเพราะเจ้าจือหม่านั่นแหละที่เอาเลือดไก่ราดอาภรณ์เพิ่ม บอกว่าจะสามารถเรียกความเห็นใจจากสตรีได้มาก แคว้ก...สิ้นวาจาของเขา นางก็รีบฉีกชายอาภรณ์ชุดนอนตัวในแล้วมาช่วยพันแผลห้ามเลือดให้เขาก่อน เมื่อเห็นว่าแท้จริงนางสวมใส่เพียงชุดนอนตัวใน เขาก็หันไปส่งสายตาดุ แผ่รังสีอำมหิตใส่ความมืดที่ว่างเปล่าด้านหลัง ชิ้ง! ‘รีบไสหัวออกไปให้ห่างเรือนของนางเดี๋ยวนี้’ แต่พอหันกลับมามองสตรีที่กำลังใช้ผ้าซับเลือดให้ นัยน์ตาคมดุนั่นก็อ่อนโยนลง “เข้าไปในเรือนของข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ” “อืม” เขาตอบรับพลางแสร้งทำเหมือนไร้เรี่ยวแรงหวังให้นางช่วยประคอง “มาเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยประคอง” เมื่อเรือนร่างนุ่มนิ่มเข้าประคองมุมปากหยักยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ขอบคุณ” เขาเอ่ยหลังจากนั่งลงบนตั่งที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงในห้องนาง “ท่านช่วยถอดอาภรณ์ให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าจะได้ตรวจดูว่ามีแผลตรงที่ใดอีกหรือไม่”

    Last Updated : 2024-12-06
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (1/4)

    7ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ หลังจากผ่านพ้นพิธีปักปิ่น งานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงแรกที่นางตอบรับเทียบเชิญมาร่วมงาน ส่วนหนึ่งก็เพราะมีจุดประสงค์ในการมาผูกมิตรสร้างสัมพันธ์กับบุรุษ เพื่อใช้เปลี่ยนใจพี่ใหญ่ “ไม่ต้องห่วง พี่จะคอยอยู่ใกล้ ๆ เจ้า” คังซืออี้ที่เห็นนางชะงักฝีเท้า ไม่เดินตามมารดาเข้าไปเอ่ยวาจาปลอบประโลม เมื่อวานสหายของเขาก็ก่นด่าถึงสาเหตุที่ทำให้จวนฟ่านไม่ค่อยพาคุณหนูฟ่านไปร่วมงานเลี้ยงที่ใดบ่อยครั้งนัก คนพวกนั้นก็ปากไม่ดีเสียจริง กล้าดีอย่างไรเอาเด็กน้อยไปเปรียบเทียบกับบุรุษที่โตกว่ามาก “นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยง จึงรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง” “อยากจับมือพี่เข้าไปในงานหรือไม่” เขาแบมือออกคล้ายกับพร้อมให้นางจับ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” นางไม่อยากถูกคุณหนูที่ชื่นชอบเขาดักทุบหัว “เช่นนั้นก็รีบเข้าไปในงานเถิด” “ท่านอย่าเพิ่งรีบเข้างานนะเจ้าคะ รอให้ข้ากับท่านแม่เข้าไปก่อน” “ขอรับ ๆ คุณหนูฟ่าน” แม้จะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างแต่เขาก็ตามใจนาง เมื่อเห็นนางรีบก้าวเท้าเดินเข้างา

    Last Updated : 2024-12-09
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (2/4)

    “ยามปกติที่ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยง บรรดาฮูหยินมักจะพาบุตรสาวเข้าร่วมด้วย ส่วนหนึ่งก็เพื่ออยากให้ผู้คนรู้จัก แต่ลึก ๆ แล้วฮูหยินเหล่านั้นกลับมีจุดประสงค์คืออยากให้บุตรสาวต้องตาบุรุษที่เพียบพร้อมด้วยชาติตระกูล หากโชคดีอาจจะได้เป็นพระชายาของไท่จื่อหรือองค์ชายสักพระองค์” บุรุษผู้นั้นยังคงเอ่ยวาจาต่อ “...” “แต่เหตุใดจวนฟ่านที่มีบุตรสาวเช่นกัน ก่อนหน้านี้ฟ่านฮูหยินถึงไม่เคยพาเข้าร่วมงานเลี้ยง” “เพราะข้าขี้ริ้วขี้เหร่อย่างไรเจ้าคะ ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่จึงไม่อยากให้ข้าเสียใจยามถูกผู้อื่นดูแคลน ฮึก!” สิ้นเสียงเอ่ยน้ำตาของสตรีที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็หยดใส่มือของนางที่กุมกันแน่นคล้ายสะกดกลั้นอารมณ์ “เจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใด” “ที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโต ข้ามักจะถูกญาติพี่น้องและคนรอบตัวเอ่ยวาจาเปรียบเทียบกับท่านแม่และพี่ใหญ่ ฮึก! ว่าข้าเป็นอีกาในฝูงหงส์บ้าง เป็นเด็กถูกเก็บมาเลี้ยงบ้าง ฮึก! หน้าตาถึงได้ขี้ริ้วขี้เหร่ผิดแผกจากมารดาที่เป็นถึงหญิงงามอันดับหนึ่ง ขนาดพี่ใหญ่ที่เป็นบุรุษยังงดงามกว่าข้านัก เพราะถูกดูแคลนเช่นนี้นับสิบปี ทำให้ควา

    Last Updated : 2024-12-09
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (3/4)

    “มีกฎข้อใดห้ามไว้ว่าบุรุษสตรีที่อายุแตกต่างกันห้ามคบหากันเป็นสหาย” นางเลียนแบบวาจาและท่าทางของเขา “ดูเหมือนข้าจะโดนหญิงงามยอกย้อนเข้าให้แล้ว” “ตั้งแต่เกิดมาข้าก็ถูกดูแคลนจนไม่กล้าออกไปสู้หน้าใคร จึงไร้สหายร่วมทุกข์ร่วมสุข แต่หากท่านไม่อยากเป็นสหายของข้าก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจดี” รอยยิ้มบนดวงหน้าหวานเลือนหาย ก่อนที่นางจะก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วช้อนตามองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนระคนตัดพ้อ “เฮ้อ! เอาเถิด ข้าจะเป็นสหายกับเจ้าก็ได้” สุดท้ายแล้วเขาก็อดทนต่อสายตาของนางไม่ได้ “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านช่างมีจิตเมตตาต่อข้ายิ่ง เช่นนั้นต่อจากนี้ท่านเรียกข้าซีอิ๋งเถิด” ฟ่านซีอิ๋งดีใจจนลืมตัวคว้ามือบุรุษมากุมแล้วกล่าวขอบคุณ “อะ...อืม” แม้ใบหน้าของโจวคุนต๋าจะราบเรียบแต่ทว่าใบหูที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร และโชคดีที่นางไม่ได้สังเกตเห็น “ขออภัยเจ้าค่ะที่ข้าลืมตัว” นางรีบปล่อยมือเมื่อเห็นใบหน้าของเขาไร้รอยยิ้ม “อยากกินขนมเพิ่มอีกหรือไม่ข้าจะไปเอามาให้” “ขอบคุณเจ้าค่ะ ห

    Last Updated : 2024-12-11
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 7 ชินอ๋องซื่อจื่อมีโทสะ (4/4)

    “ซีอิ๋งเราไปกันเถิด” คังซืออี้ไม่แม้แต่จะปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะจับมือของสตรีตัวน้อยแล้วรั้งให้เดินจากไปด้วยกัน ‘พี่ซืออี้กำลังโกรธเคืองซิวลู่หลินหรือถึงได้เมินเฉย หรือแท้จริงมันไม่ได้เป็นไปตามที่นางฝันตั้งแต่แรกกันแน่’ ทีเรื่องฟ่านไห่ถิงเป็นต้วนซิ่ว นางอยากให้เป็นเพียงความฝันกลับกลายเป็นจริงซะได้ “ลู่หลิน” ซิวซือเย่กระตุกชายอาภรณ์น้องสาวเพื่อเรียกสติ “พี่ใหญ่” สีหน้าที่ย่ำแย่เมื่อครู่ถูกเก็บซ่อนไว้เรียบร้อย แต่มือใต้อาภรณ์ยังคงกำแน่น “อย่าได้หลุดกิริยาเช่นเมื่อครู่นี้ออกมา” ในนามผู้สืบทอดตระกูลซิว เขาต้องตักเตือนเพื่อไม่ให้น้องสาวทำเรื่องจนเกิดข่าวลือเสื่อมเสีย “เจ้าค่ะพี่ใหญ่” ซิวเมิ่งหยวนกล่าวพลางปรายตามองน้องสาวก่อนจะเดินจากไป แต่เมื่อนึกบทสนทนาของบรรดาฮูหยินพวกนั้น มือเรียวกำเข้าหากันแน่นกว่าเดิม เห็นทีว่าบุรุษเปลี่ยนไปเมื่อเห็นคนงามจะเป็นเรื่องจริง แม้แต่พี่ชายของนางก็ยังเข้าข้างมัน ด้านคังซืออี้ที่รู้สึกหงุดหงิดอยู่แล้วเรื่องที่มีบุรุษพยายามจะเข้าหาสตรีตัวน้อยของเขา กลับต้องมีโทสะเพิ่มข

    Last Updated : 2024-12-11
  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   บทที่ 8 ให้พี่ช่วยปลอบประโลม (1/4)

    8ให้พี่ช่วยปลอบประโลม เรื่องราวที่เกิดขึ้นถูกถ่ายทอดจากปากของคังซืออี้ให้ฟ่านไห่ถิงฟังจนหมดสิ้น ทำให้นางต้องถูกพี่ใหญ่เรียกมาอบรม ‘ที่แท้เลี้ยงบะหมี่เนื้อข้าเพื่อเป็นการลูบหลังก่อนจะตบหัวข้าด้วยการมาฟ้องพี่ใหญ่’ ฟ่านซีอิ๋งคิดพลางเม้มปากอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม มีอย่างที่ใดรายงานหมดว่ามีบุรุษใดเข้ามาสนทนากับนางบ้าง “พี่คิดถูกจริง ๆ ที่ให้ซืออี้ไปร่วมงานเลี้ยงกับเจ้าด้วย มิเช่นนั้นพี่ก็คงไม่ทราบว่ายามนี้น้องสาวพี่เป็นที่ต้องตาต้องใจของบุรุษมากมาย” ‘รวมทั้งสหายผู้นี้ของเจ้าด้วย’ ชินอ๋องซื่อจื่อกล่าวในใจแต่ไม่คิดจะเอ่ยออกมาให้สหายรู้ตัว และที่เขาต้องเล่าเรื่องที่บุรุษพวกนั้นพยายามเข้าหานาง เพราะเขาจะได้ใช้ฟ่านไห่ถิงช่วยกีดกันบุรุษอื่นไม่ให้มายุ่งกับสตรีที่เขาพึงใจ “พี่ซืออี้ก็กล่าวเกินไปเจ้าค่ะ กับซิวซือเย่ ข้าแทบไม่ได้สนทนาด้วยนะเจ้าคะ” แค่หน้านางก็แทบจะไม่อยากมองแล้ว “แล้วบัณฑิตผู้นั้นเล่า” “ข้าเพียงสนทนากับเขาถูกคอ ยามนี้เขาจึงกลายเป็นสหายของข้าแล้วเจ้าค่ะ” “เจ้ามองเขาเป็นสหาย แล้วบุรุษผู้นั้

    Last Updated : 2024-12-11

Latest chapter

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (5/5)

    “ในเมื่อพี่ตกลงกราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้าแล้ว ชั่วชีวิตไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขพี่ย่อมมีเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียวในเรือนหลัง หากเจ้าลองสังเกตดี ๆ เจ้าจะพบว่านอกจากบิดาของพี่จะมีฮูหยินเพียงคนเดียวแล้ว สหายของพี่ที่เป็นถึงชินอ๋อง ก็ยังแต่งพระชายาคือน้องสาวของพี่เพียงคนเดียว ไร้อนุฯ หรือสาวใช้อุ่นเตียง บ่งบอกว่าพวกเราคนตระกูลฟ่านต้องการมีรักเดียวชั่วชีวิต” “นี่ท่าน!” หูเซียงเฟยตกใจยิ่งนัก มิคิดว่าเขาจะคิดเช่นนั้นมาโดยตลอด “เช่นนั้นเจ้าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องข้อเสนอนั่นอีกเลย ในเมื่อการกราบไหว้ฟ้าดินของเราเกิดขึ้นเพราะความเต็มใจ” สิ้นเสียงเขาก็เชยคางมนขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาจงใจทำให้นางคุ้นเคยกับสัมผัสของเขาจึงทำเพียงกินเต้าหู้นางเล็ก ๆ น้อย ๆ ลิ้นร้อนลิ้มรสความหวานจากโพรงปากนุ่ม ลิ้นเรียวเล็กของนางพยายามตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งทำให้เข้าปรารถนาอยากจะกดนางลงบนเตียงแล้วทำให้นางกลายเป็นฮูหยินของเขาเต็มตัว “เซียงเซียง เจ้าหวานเหลือเกิน” เขากล่าวพลางจ้องมองนางด้ว

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (4/5)

    “ท่านพี่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” นางถามไถ่เขาเช่นนี้ทุกวัน นางช่างเป็นสตรีที่น่าอิจฉา ครอบครัวของสามีดีกับนางเหลือเกิน สามีหรือก็ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นบุรุษมักมากพร้อมรับสตรีเข้าเรือนมากมาย ทำให้นางยิ่งสำนึกในบุญคุณของเขา จึงพยายามปรนนิบัติดูแลเขาให้ดีที่สุด “เหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง” “เช่นนั้นไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนกินข้าวดีหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่ล่ะ อาบน้ำร้อนทุกวันไม่ดีกับร่างกายกระมัง เจ้ากินข้าวก่อนเถิด วันนี้พี่มีงานมากมายจึงมาบอกเจ้าว่าอย่ารอพี่เข้านอน เพราะพี่อาจจะนอนที่ห้องหนังสือเลย” “เจ้าค่ะ” ฮูหยินน้อยจวนฟ่านคล้ายจะรู้สึกผิดหวัง นางก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อซ่อนแววตาเสียใจ “เช่นนั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ” เขากล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่มีท่าทางหยอกเย้าหรือกินเต้าหู้นางเช่นทุกวัน” ‘เขาโกรธอันใดข้าหรือไม่’ ‘หรือเขาเบื่อหน่ายข้าแล้ว จึงพยายามหลีกเลี่ยงเช่นนี้’ หูเซียงเฟยไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดถึงรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นท่าทางเมินเฉยของเขา ในเมื่อเขาบอกว่าอาจจะไม่กลับมา นางจึงถ

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (3/5)

    “แต่หากเจ้าไม่อยาก...” เขากำลังจะบอกว่าไม่อยากฝืนใจนาง เขามีเวลาเป็นปีที่จะยั่วยวนจนนางหลวมตัวหลวมใจยินดีที่จะเป็นฟ่านฮูหยินตลอดไป “ท่านได้โปรดชี้แนะข้าด้วย” นางรีบกล่าวคล้ายกลัวเขาเข้าใจผิด ที่เขายอมรับข้อเสนอตบแต่งนางเป็นฮูหยินเอกนับว่ามีพระคุณกับนางยิ่งนัก “หากพี่สอน เจ้าจะหาว่าพี่หน้าไม่อายหรือไม่” “ไม่ว่าเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นลองสัมผัสมันดูหรือไม่ ทำความคุ้นเคยกับมันก่อน” น้ำเสียงที่แฝงด้วยยั่วเย้าและแววตาที่ล่อลวงทำให้นางหลวมตัวพยักหน้าตอบรับด้วยใจหนึ่งก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น แม้ก่อนออกเรือนมารดาจะนำหนังสือปกขาวที่เคยได้รับมามอบให้ แต่ทว่านางลองศึกษาแล้วยังไม่กระจ่างเท่าใด ทราบแต่เพียงว่าครั้งแรกจะเจ็บมากเท่านั้น “เจ้าค่ะ” นางตอบรับด้วยสีหน้าเขินอาย แต่ก็ยอมเอื้อมมือไปจับเจ้าสิ่งนั้นที่คล้ายผงกหัวเรียกนางอยู่ “เป็นอย่างไรบ้าง” “มันเหมือนมีชีวิตเลยนะเจ้าคะ” “เพราะมันปรารถนาอยากจะปลดปล่อยอย่างไรเล่า” “แล้วยามที่มันแข็งขึงเช่นนี้ ท่านปวดหรือไม่เจ้าคะ”

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (2/5)

    ‘หากเจ้ายอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ข้าฟังตามจริง ข้าอาจจะตบแต่งกับเจ้าตามข้อตกลงก็ได้’ ‘เช่นนั้นเราเปลี่ยนที่สนทนาได้หรือไม่เจ้าคะ’ ‘ย่อมได้’ เขากล่าวพลางวางตะเกียบลง ‘ท่านกินให้อิ่มก่อนก็ได้เจ้าค่ะ ข้ารอได้’ อย่างไรกลับไปก็โดนหาเรื่องอยู่แล้ว หากนางจะกลับช้าอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ‘เช่นนั้นก็รอข้า’ ‘เจ้าค่ะ’ หลังจากย้ายที่สนทนาแล้วนางก็เล่าเรื่องราวที่ตนต้องเข้าร่วมการคัดเลือกนางสนมของฮ่องเต้ ซึ่งพี่สาวที่เข้าเกณฑ์จะต้องเข้าร่วมเช่นกันกับฮูหยินรองที่ยามนี้ทำตัวเช่นฮูหยินเอกกดขี่นางและมารดา พยายามหาบุรุษมีตำหนิมาแต่งกับนางเพื่อจะได้ตัดคู่แข่งในการคัดเลือกนางสนมออกไป ซึ่งตัวหูเซียงเฟยที่ไม่ได้อยากเป็นสนมของฮ่องเต้ จึงคิดเลือกบุรุษสักคนด้วยความคิดที่ว่าหากต้องพลีกายให้กับใครสักคน นางขอเป็นคนเลือกเอง ทว่าสถานที่เลือกบุรุษของนางกลับเป็นร้านบะหมี่ข้างทาง ไม่ใช่โรงเตี๊ยมที่คุณชายมักจะไปนั่งจิบชา ซึ่งนางให้เหตุผลว่าที่มาเลือกบุรุษในที่นี่ก็เพราะ ในสายตานางบะหมี่ร้านนี้รสเลิศกว่าอาหารในโรงเตี๊ยม แต่กลับถ

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่    ตอนพิเศษ : การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง (1/5)

    การยั่วยวนฮูหยินของฟ่านไห่ถิง วันต่อมาฟ่านฮูหยินพาบุตรชายและแม่สื่อมาเยือน แน่นอนว่าพระชายาชินอ๋องที่ทราบถึงเรื่องราวโสมมในจวนโหวย่อมมาร่วมด้วย โดยชินอ๋องที่ได้ฟังพระชายาเล่าเรื่องการมาเยือนจวนโหวครั้งก่อนให้ฟังยังคงติดตามมาด้วยเพราะรู้สึกไม่พอใจกับความไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของอี๋เหนียงจวนโหว แน่นอนว่าผู้สูงศักดิ์ที่โอรสสวรรค์ยังต้องหยุดฟังมาเยือนถึงจวน ท่านโหวย่อมว่าง่ายและไม่ขัดข้องต่อความประสงค์ของฟ่านฮูหยินเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้นเจ็ดวันคุณหนูรองหูแต่งเข้าเป็นฮูหยินน้อยจวนฟ่าน ตามธรรมเนียมหากฝ่ายชายส่งสินสอดให้เท่าใด สินเดิมของสตรีต้องมากกว่าแม้สักเล็กน้อยก็ยังดี ทำให้อี๋เหนียงต้องกัดฟันขนข้าวของที่ซุกซ่อนไว้ ซึ่งเป็นสินเดิมของฮูหยินเอกมอบคืนไปพร้อมกับแช่งชักหักกระดูกคนจวนฟ่านที่กล้าดีส่งสินสอดมามากถึงยี่สิบหีบ ทำให้ตนต้องคืนสินเดิมที่ยักยอกไปทั้งหมด หลังจากนี้คงได้แต่สั่งริบเบี้ยหวัดของฮูหยินและอนุฯ ทั้งหลายเพื่อเติมเต็มสินเดิมเตรียมเอาไว้ให้บุตรสาว กล่าวถึงเรื่องราวหลังจากดื่มสุรามงคลของฟ่านไห่ถิงและฮูหยินน้อยจวนฟ่าน ซึ่งฟ่านไห่ถิง

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : ฟ่านไห่ถิงน่ะหรือจะแต่งงาน (5/5)

    “เจ้าน่ะหรือหูเซียงเฟย ท่านโหว นางคือคุณหนูรองหูตัวจริงใช่หรือไม่ ท่านไม่ได้กำลังหลอกลวงเบื้องสูงนำตัวแทนมาอีกใช่หรือไม่ บอกตามตรงเปิ่นหวางเฟยไม่ใคร่จะไว้ใจท่านโหวแล้ว” วาจาของพระชายาชินอ๋องทำให้หูโหวหน้าชา วันนี้เขาโดนพระชายาต่อว่าไปหลายเรื่องทีเดียว “เป็นหม่อมฉันหูเซียงเฟยจริง ๆ วันนี้พระชายาคงมาพบหม่อมฉันเพราะเรื่องคุณชายฟ่านใช่หรือไม่เจ้าคะ” “ย่อมใช่ แต่เพื่อยืนยันว่าเจ้าคือหูเซียงเฟยจริง ๆ เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ ว่าเจ้าเข้าไปสนทนากับพี่ชายข้าครั้งแรกเมื่อใด” “ที่ร้านบะหมี่เจ้าอร่อย ข้างทาง...” หูเซียงเฟยเล่าถึงที่ตั้งของร้านบะหมี่ที่ตนเดินเข้าไปยื่นข้อเสนอให้กับคุณชายฟ่าน หากพระชายาผู้นี้มาหานางถึงจวนได้ มิแคล้วก็คงพอจะทราบเรื่องข้อเสนอนั่นด้วยกระมัง “ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าคือหูเซียงเฟย สตรีที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ของข้า” คำเรียกขานตนเองอย่างถือตัวเปลี่ยนไป ทำให้ท่านโหวเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของบุตรสาวคนรองที่อยู่นอกสายตามาโดยตลอด “เพคะ” “ที่จวนโหวมีสวนพอให้เปิ่นหวางเฟยพาว่าที่พี่สะใภ้ไปเดินเล่นได้หรือไม่ท่

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : ฟ่านไห่ถิงน่ะหรือจะแต่งงาน (4/5)

    “เปิ่นหวางเฟยต้องขออภัยอี๋เหนียงจริง ๆ ที่ไม่เข้าใจกฏเกณฑ์ของจวนโหว ที่แท้ท่านโหวใจกว้างยกอี๋เหนียงให้มีเกียรติเทียบเท่าฮูหยินเอก เรื่องนี้ทำให้เปิ่นหวางเฟยเปิดหูเปิดตายิ่งนัก ดี ๆ ที่ได้รู้เช่นนี้ วันหน้าหากท่านอ๋องคิดจะรับพระชายารอง เปิ่นหวางเฟยคงต้องคิดไตร่ตรองให้หนักมิเช่นนั้น พระชายารองคงขึ้นมาเหยียบหัวเปิ่นหวางเฟยเล่นเช่นที่อี๋เหนียงทำเป็นแน่” “พระชายาได้โปรดให้อภัยอี๋เหนียงของกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านไม่ค่อยรู้ความ จึงอาจเอ่ยวาจาที่ไม่ทันได้คิดไปบ้าง” “ที่แท้ท่านโหวก็รักใคร่อี๋เหนียงมากถึงเพียงนี้ เปิ่นหวางเฟยเข้าใจแล้ว ลุกขึ้นมานั่งสนทนากันดี ๆ เถิด” “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” “ขอบพระทัยเพคะ” “แล้วฮูหยินเอกไปที่ใดหรือท่านโหว เหตุใดนางถึงไม่มาต้อนรับเปิ่นหวางเฟย” “นาง เอ่อ...” หูโหวไม่รู้จะเอ่ยวาจาอย่างไร จะบอกว่าเขาลงโทษฮูหยินเอกด้วยความผิดเล็ก ๆ อย่างเช่นการไม่อบรมสาวใช้ในจวนให้ดีเพื่อเอาใจอี๋เหนียงของตนก็ไม่ได้ เช่นนั้นเรื่องราวในจวนเขาคงถูกเล่าขานหากพระชายาชินอ๋องผู้นี้เป็นคนปา

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : ฟ่านไห่ถิงน่ะหรือจะแต่งงาน (3/5)

    “แล้วเจ้าก็ไตร่ตรองดูเถิดว่าจะบอกมารดาเช่นใดจึงจะเหมาะสม” “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แท่งหยกของท่านคล้ายจะเรียกหาข้าแล้ว เช่นนี้ ข้าไม่เกรงใจท่านแล้วนะเจ้าคะ” กล่าวจบนางก็ล้วงมือเข้าไปในอาภรณ์ของเขาอย่างรวดเร็ว “อ๊า...ซีอิ๋ง” ชินอ๋องซื่อจื่อครวญคราง ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อชายาตัวน้อยอ้าปากครอบครองส่วนหัวของแท่งหยกมือเรียวก็กอบกุมสลับรูดขึ้นลง ยามนางดูกลืนส่วนหัวพลางโลมเลีย เขาแสดงสีหน้าสุขสมยิ่งนัก “ท่านต้องปลดปล่อยก่อนหนึ่งครั้งข้าถึงจะขึ้นควบขี่ให้นะเจ้าคะ” “ย่อมได้ ซีอิ๋ง อ๊า...เจ้าดียิ่งนัก” คังซืออี้จ้องมองการกระทำของนางด้วยแววตาลุ่มหลง เขาส่งเสียงร้องครวญครางสุขสมดังขึ้นยามนางขยับมือและโลมเลียให้เร็วขึ้น ก่อนจะปลดปล่อยธารน้ำสีขาวขุ่นในปากของนาง “ท่านนี่นะ ปลดปล่อยอยู่ทุกวัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เคยลดลงเลย” นางกล่าวก่อนจะแลบลิ้นเลียที่เปรอะเปื้อนรอบริมฝีปาก ท่าทางของนางช่างยั่วยวนให้เขาเขาปรารถนาอยากจะปลดปล่อยในกายนางอีกครั้ง ฟ่านซีอิ๋งไม่ปล่อยให้พระสวามีได้พัก นางรุกเร้าเขาอีกครั้งด้วยการ

  • พี่ชาย! ท่านกำลังล่อลวงข้าใช่หรือไม่   ตอนพิเศษ : ฟ่านไห่ถิงน่ะหรือจะแต่งงาน (2/5)

    “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดมากหรอกเจ้าค่ะ แต่หากท่านมีใจอยากช่วยไขข้อข้องใจ น้องย่อมยินดี” นางกล่าวพลางช่วยเขาปลดสายรัดเอวแล้วถอดอาภรณ์ตัวนอกออก “กล่าวมาเถิด ขอเพียงเจ้าเอ่ยถาม หากพี่สามารถหาคำตอบมาให้เจ้าได้ พี่ย่อมลงแรงเต็มที่” เมื่อถอดอาภรณ์เสร็จเขาจึงโอบเอวพระชายาของตนเดินไปที่เตียง “วันนี้ท่านแม่ร้อนใจนักจึงมาปรึกษาข้า เรื่องที่พี่ใหญ่จู่ ๆ ก็มาคุกเข่าขอร้องให้ท่านแม่ไปสู่ขอสตรีให้ ทั้งยังเร่งรีบจะเอาคำตอบเช้าวันพรุ่งนี้” “แท้จริงเรื่องนี้นั้น เป็นความลับของสหายพี่ หากพี่บอกเจ้าเรื่องนี้ เจ้ามีสิ่งใดมอบให้พี่เป็นการตอบแทน” “พรุ่งนี้ข้าจะทำขนมที่ท่านชื่นชอบให้เจ้าค่ะ” “ความลับของไห่ถิงมีค่าเพียงเท่านั้นเองหรือ” “เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะปรนนิบัติท่านอาบน้ำเจ้าค่ะ ท่านชอบให้ข้าถูหลังมิใช่หรือ” ถูไป ลูบไป ถูกใจเขายิ่งนัก “นั่นเจ้าย่อมต้องทำอยู่แล้ว สิ่งตอบแทนเจ้าไม่คุ้มค่าที่พี่ต้องหักหลังสหายบอกความลับสำคัญแก่เจ้าเลย” เมื่อได้ยินสวามีบอกนางจึงงัดไม้ตายที่เขายอมสยบทุกครั้ง “คืนนี้ข้าจะ

DMCA.com Protection Status