ไม่เท่าไหร่คูมหมอก็มีเรื่องผู้หญิงซะแล้ว ฝากส่งกำลังใจให้หนูมีนของไรต์ด้วยนะคะ อิพี่จะทำยังไงน้าาา // ถ้าชื่นชอบฝาก กดหัวใจ ให้ไรต์ด้วยน้าา เก็บเข้าชั้นหนังสือไปด้วยค่าาา
"มีนกลับก่อนนะคะ พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ต้องไปทำ" มองออกว่าระหว่างพิชยะกับเจ้าของร้านสาวสวยไม่ได้รู้จักกันธรรมดาเลยไม่ต้องการให้พิชยะลำบากใจ อย่างไรเขาก็คงไม่ได้ตั้งใจจะพาเธอมาด้วยแต่แรกอีกอย่างเธอก็ไม่อยากถูกเปรียบเทียบกับใคร สภาพของเธอตอนนี้ต่อให้มองมาจากดาวอังคารก็ยังรู้ ไม่มีอะไรที่เธอเทียบกับริตาได้มนต์มีนาเตรียมจะหันหลังออกไปจากร้านแต่กลับถูกพิชยะคว้ามาที่ข้อมือ เขามองเธอเหมือนกำลังตำหนิอยู่กลาย ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับริตา"วันนี้ผมไม่สะดวก โทษทีนะมีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง"พิชยะจูงมือมนต์มีนาออกมาจากตรงนั้นทันที เขารู้ว่าวันนี้ริตาอยู่ที่ร้านแต่ที่ยังพาเธอมาเพราะหล่อนเป็นแค่คู่ขาบนเตียง ไม่ใช่คนที่เขาต้องมานั่งแคร์ความรู้สึกหรือต้องให้ความเกรงใจบริกรผายมือเชิญทั้งคู่ไปที่โต๊ะ ริตาเห็นแบบนั้นก็โกรธจนเนื้อเต้นตุบ ๆ อยู่ในอกแต่ก็ต้องทนข่มอารมณ์เพราะกลัวพิชยะจะไม่พอใจที่ผ่านมาเขาไม่เคยปฏิเสธคำเชิญของหล่อนหรือควงใครมาที่ร้านให้หล่อนต้องรู้สึกเสียหน้าแบบนี้มาก่อนนังเด็กไร้รสนิยมคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่!อาหารหลายอย่างทยอยมาเสิร์ฟหลังจากสั่งไปไม่นาน มนต์มีนาออกตัวแต่แรกว่าเธอไม่คุ้นเคยกั
ไม่นานพิชยะก็ขับรถพาเธอมาถึงศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจ เธอเดินตามเขาไปอย่างไม่รู้จุดหมาย กระทั่งเห็นพิชยะเดินเข้าไปในร้านเพชรเขามาทำอะไรกันนะ? หรือมาซื้อของพวกนี้ให้ผู้หญิง?อย่างนั้นเขาก็ไม่สมควรจะพาเธอมาด้วยไม่สิ เขาอาจจะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เลยจะให้มาช่วยเลือกละมั้งพิชยะบอกความต้องการของตนเองกับพนักงานขาย ไม่นานสร้อยเพชรเม็ดงามก็วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ใช้เวลาพินิจครู่เดียวก็หันมาขอความเห็นจากเธอ“เส้นนี้เป็นไง” เขาให้เธอดูสร้อยเพชรอีกเส้นที่มีดีไซน์หรูหราราคาเหยียบแสนได้ พนักงานขายได้อธิบายเพิ่มว่าสร้อยเส้นนี้เหมาะจะให้กับคนรัก หรือมอบเป็นของขวัญครบรอบวันแต่งงาน ยิ่งรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่มนต์มีนาก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่สมควรจะมาด้วย“มีนเลือกของพวกนี้ไม่เป็นหรอกค่ะ”“ไม่เห็นจำเป็นต้องดูเป็นเลย บอกมาว่าชอบหรือไม่ชอบก็พอ” ต่อให้เขาจะพูดแบบนี้ก็เถอะ เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าผู้หญิงคนนั้นของพิชยะมีรสนิยมแบบไหนแต่พอถูกอีกฝ่ายส่งแววตากดดันมองมาไม่หยุด แล้วยังมีสายตาของพนักงานร้านเพชรอีกหลายคู่ที่ต่างก็รอคอยคำตอบจากเธออยู่ สุดท้ายหญิงสาวเลยจำใจออกความเห็นไป“มีนว่าการที่เ
“จะเดินตามมาดี ๆ หรือจะให้อุ้มไปที่รถ” เสียงทุ้มต่ำดังไปถึงพนักงานในร้านเพชรทุกคนได้ยินกันชัดแจ๋วยิ่งคนพูดได้พิสูจน์ให้เธอเห็นแจ้งแดงชัดแล้วว่า…พิชยะเป็นคนที่พูดจริงทำจริงและไม่ให้เวลาเธอคิดทบทวนอีกต่างหาก มนต์มีนาจึงรีบตามชายหนุ่มออกไปอย่างด่วนจี๋รถสปอร์ตสมรรถนะสูงแล่นออกจากลานจอดรถของศูนย์การค้าชื่อดัง ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนนานทีเดียวเพราะเป็นเวลาหัวค่ำ พิชยะก็ขับรถพาเธอเลี้ยวเข้ามาในเขตรั้วของบ้านกิจธาดาวงศ์ ผ่านสนามหญ้าเขียวชอุ่มทอดยาวไปยังตัวบ้านเสาสูงสีขาวที่ออกแบบด้วยความประณีตแต่ก่อนที่หญิงสาวจะเปิดประตูลงจากรถ ชายหนุ่มก็พูดขึ้น“ที่พูดไปวันนั้นไปคิดมาหรือยัง”“อะไรเหรอคะ?” เธอหันไปมองเขา“ก็ที่บอกให้เตรียมรับมือไง” ประโยคนี้เองทำให้หญิงสาวรำลึกเรื่องในคืนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง“แล้วที่ต้องเตรียมรับมือมันหมายถึงว่าเฮียกำลังจะจีบมีนหรือเปล่าคะ?” ไม่รู้ไปกอบโกยเอาความใจกล้ามาจากไหน เธอถึงได้ถามพิชยะออกไปตามแต่ก็นั่นแหละ เธอดันปากไวถามเขาไปแล้ว“จีบ?” แม้ไฟในรถจะไม่ได้ส่องสว่างจนมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน แต่มนต์มีนาก็พอจะรู้ว่าเมื่อกี้นี้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะเธอผ่านรอยยิ้มนั้นนั่
เปิดประตูเข้ามาในห้องนอน มนต์มีนาก็หย่อนตัวลงนั่งกอดตัวเอง คิดไม่ตกว่าสิ่งที่พิชยะพูดนั้นออกมาจากใจจริง หรือเขาแค่หลอกล่อให้แมงเม่าปีกบางเช่นเธอหลงโบยบินเข้าไปในกองไฟทุกอย่างเหมือนกับความฝัน…พิชยะไม่เคยแสดงท่าทีอะไรกับเธอมาก่อน เขาคือลูกเจ้าของบ้าน เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิท ได้มาอาศัยอยู่ชายคาเดียวกันเพราะเธอนั้นไร้บ้านให้ซุกหัวนอนเฮ้อ…!! หญิงสาวถอนหายใจออกมาเหมือนคนแบกเอาความทุกข์ของคนทั้งโลกเอาไว้คนเดียวจนกว่าจะแน่ใจบางอย่างเธอจะบอกเรื่องในวันนี้ให้พิชชารู้ไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างพิชยะก็ขอให้เธอปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาเอาไว้ก่อน และเธอก็พอจะเดาเหตุผลได้เขาเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนควรอยู่ให้ห่าง พิชชาพูดกรอกหูเธออยู่ทุกวี่วันทว่าสิ่งหนึ่งที่เพื่อนของเธอไม่เคยรู้มาก่อนนั่นก็คือ…เธอแอบชอบพิชยะมานานแล้วเธอชอบเขาตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น…ความรักเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก รู้ว่าข้างหน้าคือเหวลึกแต่คนเราก็ยังเลือกจะไม่ถอยหลังกลับไปเจ้าของร่างบางนั่งมองหยาดหยดน้ำติ๋ง ๆ ลงจากขอบหลังคาห้องที่มีเม็ดฝนตกลงมาสลับกับกล่องกำมะหยี่สีแดงสด มันวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงตั้งแต่แรกจนตอนนี้มนต
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงจะฝ่าสายฝนออกไปหาความสุขข้างนอก กับผู้หญิงสักคนที่พร้อมจะปรนเปรอความใคร่ให้เขาพอใจทว่าค่ำคืนนี้จิตใจศัลยแพทย์หนุ่มกลับเอาแต่คิดถึงใบหน้าของคนที่อยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามร่างสูงยืนอยู่ใต้ฝักบัวชั่วครู่ รอจนอารมณ์กลับมาเยือกเย็นอีกครั้งจึงออกมา ชายหนุ่มเปลี่ยนมาสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงขายาวสีกรมสำหรับใส่อยู่บ้าน เตรียมลงไปทานมื้อค่ำบรรยากาศบนโต๊ะอาหารของบ้านกิจธาดาวงศ์ต่างไปจากตอนเช้า พิชชาจ้องพี่ตัวเองตั้งแต่หย่อนก้นลงนั่ง อดไม่ได้ที่จะถามถึงเรื่องวันนี้“ตกลงว่าทำไมหมอที่ตรวจให้มีนถึงเป็นเฮียได้อ่ะ” แม้จะรู้ว่ากำลังถูกน้องสาวสอบสวนอยู่ พิชยะก็ยังคงวางสีหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงพิรุธใด ๆ ออกมา“หมอที่นัดไว้ให้มีผ่าตัดด่วน ฉันเลยต้องรับหน้าที่ไปตรวจแทน” ยอมรับว่าเขาโกหกแต่แล้วยังไงล่ะ อย่างไรอาการเจ็บหน้าอกของมนต์มียาก็ได้รับการรักษาแล้ว ไม่ใช่หรือไง “แล้วทั้งโรง’บาลไม่มีหมอแล้วไง ทำไมเฮียต้องไปตรวจเองด้วยล่ะ” “ก็บังเอิญว่าฉันเป็นหมอที่เก่งไง ถ้าเธอไม่พอใจก็เชิญไปทำเรื่องขอเปลี่ยนหมอสิ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ตักอาหารเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย พิชชาอยากจะทำตาม
“ไปรอในห้องนะ” เธอมองตามเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินลิ่ว ๆ ไปไกลแล้ว ไม่กี่วันก่อนเขายังต่อว่าเรื่องที่เธอแอบเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว วันนี้ทำไมถึงอนุญาตให้เธอเข้าไปหรือว่า…ไม่มั้ง…พิชยะคงไม่มีความคิดจะเอาเปรียบอะไรเธอทั้งที่คิดว่าพิชชาก็อยู่ในบ้านด้วยหญิงสาวรีบลงไปหยิบกระปุกยาลดไข้แล้วกลับขึ้นมา ร่างบางยืนผ่อนลมหายใจเข้าออกอยู่หน้าห้องของชายหนุ่ม ทำใจอยู่นานก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูห้องเดินไม่กี่ก้าวเธอก็เห็นพิชยะนอนหลับตาเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง เขาสวมเพียงกางเกงสีเข้มทั้งที่ก่อนหน้านี้มีเสื้อผ้าครบทุกชิ้นปกติเธอไม่ได้ชอบมองของพวกนี้หรือมองดูผู้ชายแก้ผ้า แต่ตอนนี้เธอกลับห้ามสายตาตัวเองไม่ได้แผงอกขาว ๆ และกล้ามท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแม้จะอยู่ในท่านอน มันทำให้ใจเธอสั่นไม่น้อยเลย“มีนวางยาไว้ตรงนี้นะคะ” เธอวางกระปุกยาลงบนโต๊ะข้างเตียงนอนพร้อมกับแก้วน้ำ ไม่กล้ามองเรือนร่างกำยำ แล้วเตรียมจะหันหลังออกไปจากห้องในทันที ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกอีกฝ่ายคว้าเอาไว้“เดี๋ยว” ยามนี้เธอมองเขาด้วยสายตาระแวงจนพิชยะสังเกตเห็น“หยิบยากับแก้วน้ำให้หน่อยสิ” แม้ว่าเธอจะไม่ใช่หมอหรือมีความรู้ทางการแพทย์ แต
กลับถึงห้อง มนต์มีนาก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำโผไปที่อ่างล้างหน้า วักน้ำขึ้นลูบสองแก้ม แต่ความผ่าวร้อนที่ใบหน้ากลับไม่จางหายใต้แสงไฟสีนวล แก้มทั้งสองกลายเป็นสีระเรื่อเพราะพิษคำพูดของเขาผ่านมาหลายวัน หากแต่ทุกถ้อยคำและการกระทำของพิชยะในวันนั้นกลับยังก้องอยู่ในความรู้สึก ไม่อาจสลัดออกได้แม้วินาทีเดียว“เป็นอะไรหรือเปล่ามีน ช่วงนี้ใจลอยบ่อยนะ” เสียงของพิชชาทำให้มนต์มีนาหลุดออกจากภวังค์“เปล่า เรากำลังคิดอยู่ว่าจะไปฝึกงานที่ไหน”“แล้วบริษัทที่คิณแนะนำล่ะ” อคิณมีญาติเป็นเจ้าของบริษัทออกแบบมีชื่อเสียงพอสมควร เลยชักชวนให้มนต์มีนาไปฝึกงานที่นั่นจากที่อคิณเล่า บริษัทของญาติผู้นี้เน้นเปิดโอกาสให้นักศึกษาฝึกงานได้แสดงความสามารถ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องการ และทางนั้นก็ยินดีต้อนรับเด็กนักศึกษา“ก็กำลังคิดอยู่” สีหน้าของหญิงสาวไม่สู้ดีนักเมื่อพูดถึงเรื่องฝึกงาน“คิดอะไรอีก ดีจะตาย ไม่ต้องเหนื่อยหาที่ฝึกงานให้ยุ่งยาก ดูอย่างเราสิ ป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะไปฝึกงานที่ไหน” พิชชาพูดด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ เพราะเพื่อนในสาขาเดียวกันมีที่ฝึกงานกันหมดแล้ว แต่เธอยังหาที่ถูกใจไม่ได้นี่สิ เฮ้ออ!แม้พิชชาจะไม่ได้เรียนคณะสถาป
เขารับปากว่าช่วงนี้จะสอดส่องและดูแลพิชชาแทนพวกท่านเอง รวมถึงเพื่อนของพิชชาก็ด้วยสปอร์ตสีสีแดงฉูดฉาดแล่นออกจากมหาวิทยาลัยสู่ท้องถนนแต่ยังไปได้ไม่ไกลนัก พิชชากำลังจะทำตามแผนที่วางไว้ แต่ชายหนุ่มก็พูดขึ้นก่อน“วันเสาร์ว่างกันไหม พอดีที่โรง’ บาลมีกิจกรรมผู้ป่วยสูงอายุ เลยอยากได้อาสาสมัครไปช่วยงานหน่อย”“ว่าง แต่เฮียต้องมีค่าตอบแทนให้ฟินน์ด้วยนะ ชั่วโมงละห้าร้อยพอ”“ได้ แต่ฉันหักจากค่าขนมเธอนะ”“ไม่ได้นะเฮีย ทุกวันนี้ค่าขนมที่เฮียให้ก็จะไม่พอใช้อยู่แล้ว” คนเป็นน้องโวยวายขึ้นมา เพราะพิชชาตั้งใจว่าเดือนนี้จะเก็บเงินถอยกระเป๋าใบใหม่“แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้เฮียถามว่าว่างกันไหมเหรอ แปลว่าจะให้มีนไปด้วยเหรอ?”“อือ ขืนให้เธอไปคนเดียวมีหวังคนซุ่มซ่ามอย่างเธอคงทำถ้วยชามเขาแตกหมด เดี๋ยวเดือดร้อนฉันต้องซื้อให้เขาใหม่”“เฮียอ่ะ! ชิ!” พิชชาขึงตาใส่พี่ชายอย่างงอน ๆ แต่ก็เถียงไม่ออก เพราะเธอไม่ถนัดเรื่องพวกนี้อย่างที่เขาว่า ต่างจากมนต์มีนาที่ถนัดงานบ้านงานเรือนมากกว่าแต่ทำไมพิชยะถึงไม่ไปขอแรงจากบรรดาผู้หญิงในสต๊อกของตัวเองเหมือนทุกปี ช่วยงานเสร็จจะได้พากันไปกินข้าวต้มรอบดึกต่อ“งานเริ่มสิบโมง แต่ออกจากบ้านหก
คุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์หันไปมองหน้ากัน ไม่คาดคิดว่าจะเห็นคนอย่างเขายอมคุกเข่าให้กับผู้หญิง“อะไรที่อยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว วันนี้เฮียแค่จะบอกว่าเฮียรักมีนจริง ๆ นะ รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว ไม่ว่ามีนจะให้อภัยเฮียวันไหน เฮียก็จะรอ”“สักสิบปีรอได้ไหมคะ” เขาคำนวณในใจทันที ตอนนี้เขาอายุสามสิบสอง แปลว่าอีกสิบปีข้างหน้า เขาอายุสี่สิบสองวิจัยหนึ่งบอกว่าปัจจุบันนี้ผู้ชายอายุสี่สิบก็เริ่มมีปัญหานกเขาไม่ขัน ถ้าถึงตอนนั้นเขาจะยังทำเรื่องอย่างว่าได้อยู่ไหมนะไม่สิ คุณภาพมันจะเหลือเท่าไหร่ต่างหาก“ว่าไง ทำไมไม่รีบตอบหนูมีนไปล่ะ” เป็นคุณเพ็ญพิชย์เร่งเอาคำตอบจากลูกชายของตัวเองบ้าง จนในที่สุดเขาก็พูดคำนี้ออกมา“ได้ รอได้”“สิบปีนะคะ ระหว่างนี้ห้ามมาเข้าใกล้มีน” เขาพยักหน้า สิบปีก็สิบปีวะ ต่อไปนี้เขาคงต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่อีกสิบปีข้างหน้าน้องชายของเขาจะยังใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ“ระหว่างสิบปีนี้มีนจะไปอยู่อเมริกานะคะ”“ไปทำอะไร” ให้รอสิบปียังพอทน แต่ห่างกันสิบปี ใจขาดกันพอดีสิ“ไปเรียนต่อค่ะ แล้วก็จะทำงานอยู่ที่โน่น คุณมุกเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้” ทั้งที่คิดว่าเขากำลังจะได้อุ้มลูก
สามวันให้หลังพิชยะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ คนที่เสียสละทั้งเวลางานและเวลาส่วนตัวเป็นสารถีขับรถให้เขานั่งสบาย ๆ ก็ไม่พ้นคุณหมอธนาเพราะพิธาติดประชุมกับคณะผู้บริหาร“กลับบ้านได้แล้วไม่ดีใจเหรอวะ” ตั้งแต่เข้ามานั่งในรถเขาก็เห็นพิชยะทำหน้าเหมือนตูดลิง“แค่กลับบ้านมีอะไรให้ดีใจ” เป็นเมื่อก่อนก็ว่าไปอย่าง ที่พอเขากลับไปแล้วจะได้เจอมนต์มีนาอยู่ที่บ้านแต่ตอนนี้อย่าว่าแต่ได้เจอ เขาโทรไปหาเป็นร้อย ๆ ครั้งเธอก็ยอมไม่รับสายถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่มีทางที่เขาจะอยู่เฉยแบบนี้แน่ ต้องตามไปลงโทษกันบ้าง“ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะน้องมีนของกูยังไม่ยอมรับโทรศัพท์เหรอวะ เห้ยย อย่านะเว้ย กูพาเสยเสาไฟจริงด้วย เอาสิ” ธนาร้องโวยวายพร้อมกับข่มขู่ตอนที่พิชยะจะยกเท้าขึ้นมาประทุษร้ายที่ธนาพูดจาไม่เข้าหู แถมยังเรียกมนต์มีนาว่า ‘น้องมีนของกู’ อีก “แม้ระหว่างทางจะเกิดสงครามเล็ก ๆ ระหว่างเพื่อนจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง แต่ทั้งสองคนก็มาถึงบ้านกิจธาดาวงศ์ด้วยความปลอดภัยธนายังมีธุระที่อื่นต่อ พอเข้าไปทักทายคุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์ที่เพิ่งลงเครื่องมาหมาด ๆ ก็ขอตัวกลับทันที ตอนนี้ในที่โถงรับแขกจึงมีเพียงพ่อแม่ลูกนั่
ไม่รู้ว่าจะทนอดเปรี้ยวไว้กินหวานได้อีกนานอีกไหน“คุยกับมีนเหรอคะ?” มนต์มีนาเอียงคอถาม มองมาที่ชายหนุ่ม ความจริงหูของเธอได้ยินที่เขาพูดชัดทุกคำ แต่แกล้งทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟัง“ถ้าเฮียไม่คุยกับมีนแล้วจะให้เฮียคุยกับใคร”“ไม่รู้สิคะ คุยกับพยาบาลไหมล่ะคะ เดี๋ยวมีนไปตามมาให้สักสองสามคน” เรื่องที่พิชยะล้มงานวิวาห์กระจายไปทั่วโรงพยาบาล บรรดาพยาบาลต่างก็ดีใจที่เขากลับมาโสดอีกครั้งแต่พวกเธอก็ดีใจได้ไม่กี่วัน พิชยะก็ให้พิธาบอกกับทุกคนว่าผู้หญิงที่มาเยี่ยมเขาทุกวันคือคนที่เขารักและกำลังตามง้ออยู่ ทำเอาพยาบาลอกหักไปตาม ๆ กันทว่าก็ยังมีพยาบาลหลายคนที่ไม่ถือสาว่าศัลยแพทย์หนุ่มจะมีเจ้าของหัวใจแล้ว ยังแวะเวียนกันเอาของมาเยี่ยมจนหัวกระไดห้องนี้ไม่เคยแห้ง“หึงเหรอ” เขายิ้มที่มุมปาก พอใจที่เห็นความหึงหวงเป็นประกายอยู่ในแววตาของหญิงสาว“ใครหึง มีนไม่ได้หึงสักหน่อย” มนต์มีนาปอกแอปเปิลในมือต่อ ไม่สบสายตาคู่คม กลัวตัวเองจะเผยความรู้สึกนึกคิดออกไปแม้ว่าบาดแผลในใจจะได้รับการเยียวยาจนเกือบจะหายดีแล้วแต่เธอยังไม่สามารถกลับมาคืนดีกับเขาได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเธอยังอยากดูความจริงใจจากเขาอีกสหน่อยไม่สิ
กว่าสามสัปดาห์แล้วที่พิชยะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ‘วิวัฒเวช’ อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นตามลำดับจนใกล้จะหายดี เมื่อเช้าหมอแจ้งว่าอีกไม่เกินสองสามวันนี้เขาก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วมนต์มีนามาเยี่ยมชายหนุ่มทุกวัน แต่เธอไม่ได้อยู่นอนเฝ้าอย่างที่ควรจะเป็นเพราะยังต้องไปฝึกงาน ซึ่งตอนนี้การเป็นนักศึกษาฝึกงานของเธฮก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าเธอจะใจอ่อนให้พิชยะไปเยอะแล้วก็ตาม แต่ถ้าจะให้เธอทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แกรกก…ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา คนซึ่งกำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ที่หน้าต่างห้องรับอาการดี ๆ ของวันใหม่ แทบจะกระโจนขึ้นไปบนเตียงของโรงพยาบาล ก่อนจะทำทีว่าตนเองนอนหลับอยู่ถ้าคนที่เข้ามาเป็นมนต์มีนาอย่างที่ชายหนุ่มคิด เธอก็อาจจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา แต่บังเอิญว่าเป็นพิธากับธนา พวกเขาจึงรู้เท่าทัน“ลืมตาได้แล้ว พวกกูเอง” พอได้ยินเสียงของหมอธนาพิชยะก็ลืมตาขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์“มาทำไมนักหนาวะ ไม่มีการมีงานทำรึไง”“อ้าว! พูดแบบนี้ มึงหาว่าท่าน ผอ.ของกูอู้งานเหรอวะ” ธนานั่งลงที่โซฟาภายในห้องผู้ป่วยพิเศษ ไม่ใส่ใจกับคำพูดอ้อม ๆ ของพิชยะที่บ่งบ
พิชยะถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที โชคดีที่คมมีดไม่โดนจุดสำคัญตอนนี้เขาจึงปลอดภัยแล้วพิธากับธนารู้ว่าเพื่อนถูกแทงก็รีบมาที่ห้องฉุกเฉินทุกคนในแผนกต่างก็พากันตกใจที่เนื้อตัวของศัลยแพทย์หนุ่มเต็มไปด้วยเลือดไม่กี่วันก่อนพิชยะเพิ่งจะประกาศยกเลิกวิวาห์กลางคัน จนกลายเป็นหัวข้อหลักในวงสนทนาของบรรดาหมอและพยาบาลทั้งวอร์ด วันนี้เขากลับได้รับบาดเจ็บมาพ้นขีดอันตรายจวนจะเข้าวันที่สองแล้วแต่จนป่านนี้พิชยะก็ยังไม่ได้สติ มนต์มีนาเป็นห่วงเขามาก เธอไม่ยอมลุกไปไหนแม้ว่าพิธากับธนาจะหมุนเวียนกันมาเฝ้า เธอนั่งกุมมือเขาไว้ตลอดเวลา หวังเพียงให้เขาตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย แต่ร่างกายที่อ่อนเพลียจากการอดนอนทำให้หญิงสาวฟุบหลับไปมนต์มีนาจึงไม่เห็นตอนที่พิชยะลืมตาขึ้นมา และทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียง น้ำตาของลูกผู้ชายก็ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวตอนนี้เธอจะยอมยกโทษให้เขาหรือไม่นั้น ไม่สำคัญอีกต่อไป แค่เสี้ยวหนึ่งที่เธอเป็นห่วงเขา เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วมือเรียวยาวของชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับเข้าไปหาใบหน้าจิ้มลิ้ม ใบหน้าของคนที่เขาคิดถึงและโหยหามาตลอดนิ้วเรียวยาวนั่นค่อย ๆ วางลงบนพวงแก้มขาวเนียน หัวใจที่เ
วันต่อมา ทั้งวันมนต์มีนาไม่เห็นพิชยะมาที่บริษัทจึงคิดว่าเหตุการณ์วันก่อนคงทำให้เขาถอดใจไปแล้ว สุดสัปดาห์ทีไรบรรยากาศในการทำงานของพนักงานบริษัทตะวันฉายก็จะครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะบางคนวางแผนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับคนรัก บางคนก็วางแผนจะใช้เวลาในวันหยุดเสาร์อาทิตย์อยู่กับครอบครัว ถึงเวลาเลิกงานมนต์มีนาก็เดินออกมาที่ประตูฝั่งด้านหน้าของบริษัทหลังจากแน่ใจว่าพิชยะไม่ได้มาดักรอเจอเธอ วันนี้อาทิตย์กับมุกรินไม่ได้เข้าบริษัทเพราะมุกรินต้องไปตรวจครรภ์ตามนัด ส่วนเจนจิราขอลาหยุดหนึ่งวันเพราะต้องไปเฝ้าพี่สะใภ้ที่โรงพยาบาลแทนพี่ชาย ส่วนภูวเนศออกไปพบลูกค้าตั้งแต่เช้ายังไม่กลับเข้ามา วันนี้เธอเลยต้องนั่งรถประจำทางกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์คนเดียวเพราะเกศินีที่ชอบไปขลุกอยู่ที่ห้องเธอจนดึกดื่นแทบจะทุกวันขอลาไปทำธุระกับครอบครัวที่ต่างจังหวัด แต่พอเดินออกมาเธอก็พบว่ามีคนมายืนรออยู่ หญิงสาวกอบกำมือทั้งสองเข้าหากันเมื่อต้องการเรียกความเข้มแข็งให้ตัวเอง “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” “ถ้าคุณรสสราจะมาติดต่อเรื่องงานคุยกับพี่มุกโดยตรงได้เลยนะคะ ขอตัวค่ะ” “ไม่ต้องมาแกล้งโง่” ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยการด่าทอเอ่ยไล่หลังหญิงสาวอ
คนที่โง่มันคือเขาต่างหากเขาโง่ที่ไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรู้แม้กระทั่งว่าผู้หญิงที่เขาลงมือทำร้ายคือคนที่หัวใจของเขาต้องการชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา ทุกย่างก้าวของเขาหนักอึ้งไปด้วยความปวดใจจากการกระทำในวันวาน ไม่ว่าจะเหลียวมองไปทางไหนก็พบแต่ความสิ้นหวัง เห็นเพียงใบหน้าหมางเมินของมนต์มีนาที่ฉายวนซ้ำไปมาคำพูดเชือดเฉือนหัวใจมันยังดังก้องอยู่ภายในหัวของเขา ร่างสูงเดินออกไปจากตรงนั้นไม่ต่างจากคนไร้วิญญาณ ไหล่ที่เคยสง่าผ่าเผยกลับลู่ลงข้างกายอย่างสิ้นไร้ความหวังเขาจะทำอย่างไรดี เขาควรทำอย่างไรต่อถึงจะตามหัวใจของเขากลับคืนมาได้เมื่อหมดหนทางสุดท้ายคืนนั้นพิชยะก็ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากอาทิตย์ เจ้าของบริษัทตะวันฉายที่มนต์มีนาฝึกงานอยู่ โดยเขาได้นัดอีกฝ่ายออกมาเจอที่ไนต์คลับของพิธาทั้งสองนั่งพูดคุยกัน ตอนแรกอาทิตย์ปฏิเสธที่จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนนอก แต่พอเห็นว่าพิชยะสำนึกผิดจริง ๆ และต้องการจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น อาทิตย์ก็เกิดเห็นใจผู้ชายด้วยกันครั้งหนึ่งอาทิตย์ก็เคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่กับมุกริน เขาเลยเข้าใจความรู้สึกของพิชยะดี คนที่ต้องก
“พี่เจนไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมีนออกไปคุยกับเขาเอง”“เดี๋ยวก่อนมีน…” เจนจิรากลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเลยรีบตามหญิงสาวออกไป ตอนนั้นพิชยะกำลังจะเดินกลับไปที่รถ เขาเห็นมนต์มีนาจึงหน้าถอดสี“มีน…” ชายหนุ่มเดาได้ทันทีว่ามนต์มีนาอาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่เขากลับไม่ได้มีความกังวลหรือกลัวอะไร เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอยอมออกมาเจอเขา“เอาของพวกนี้กลับไปด้วยค่ะ มีนไม่ต้องการ” มนต์มีนาโยนของที่ถืออยู่ในมือลงพื้นราวกับว่าเป็นสิ่งของเน่าเสีย ชายหนุ่มได้แต่มองของที่หล่นกระจายอยู่ที่พื้นตรงหน้าของเขาด้วยความเจ็บปวด“เฮียยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว มีนให้โอกาสเฮียสักครั้งได้ไหม” นาทีนี้พิชยะแทบจะก้มศีรษะขอโอกาสจากเธอ ทว่าเขากลับได้รับเพียงคำพูดที่ไร้เยื่อใยกลับมา และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตะโกนออกมา แต่คำขอโทษที่มาจากข้างในก็ดังไปถึงความรู้สึกของมนต์มีนาอย่างไม่น่าเชื่ออานุภาพของมันทำให้ขาทั้งสองข้างที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดชะงัก แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับมามองเขา“มีนไม่มีโอกาสอะไรให้หรอกค่ะ ถ้าไม่อยากให้มีนเกลียดเฮียไปมากกว่านี้ก็อย่ามาให้มีนเห็นหน้าอีก แล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ เพราะทุกอย่
พิชยะขับรถมาที่โรงพยาบาลเพราะเขารู้ว่าตัวเองมีไข้สูง ตอนที่มาถึงเขาจึงถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินหมอและพยาบาลรีบเข้ามาตรวจอาการของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะให้ยาลดไข้ในทันทีชายหนุ่มนอนหลับไปครึ่งวัน ตื่นมาอีกทีเขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล“เป็นไงไอ้คนเก่ง ฟื้นแล้วเหรอมึง” ธนาทักเขาเป็นคนแรก ถ้ามาช้ากว่านี้สักครึ่งชั่วโมง พิชยะอาจจะถูกพิษไข้ที่สูงกว่าสี่สิบองศาเล่นงานจนไม่มีโอกาสได้ไปง้อเมียอีกแน่ ๆ“ไม่ต้องห่วงหรอก กูยังดวงแข็ง”“ปากดีขนาดนี้กูไม่น่าเช็ดตัวให้มึงเลย น่าจะปล่อยให้มึงหนาวตายไปซะ” ธนาพูดด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะหันไปเห็นว่าพิชชากำลังมองเขม่นมาที่ตัวเอง“แต่ก็เห็นแก่ที่มึงเคยเปิดเมมเบอร์เลาจน์ให้กู หนี้ชีวิตที่กูช่วยเช็ดตัวให้มึงกูไม่คิดก็ได้”“พร่ำอะไรของมึงวะ” พิธาที่ฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง เขาได้รับรายงานเรื่องที่พิชยะจัดการเรื่องผ่าตัดโดยไม่ผ่านระเบียบของโรงพยาบาลแล้ว“มึงมีอะไรจะพูดกับกูไหม”“ไม่มี แล้วแต่มึงจะพิจารณาเลย” ตอนที่ตัดสินใจทำลงไปเขาย่อมรู้ความผิดของตนเองและผลที่จะตามมาอยู่แล้วจึงไม่คิดจะอาศัยความเป็นเพื่อนขอให้พิธาผ่อนปรนโทษให้“งั้นกูหักเงินเดือนมึงทั้งเ