ดูแลเพื่อนน้องถึงในห้องเลยมั้ยคะคูมหมอออ
เขารับปากว่าช่วงนี้จะสอดส่องและดูแลพิชชาแทนพวกท่านเอง รวมถึงเพื่อนของพิชชาก็ด้วยสปอร์ตสีสีแดงฉูดฉาดแล่นออกจากมหาวิทยาลัยสู่ท้องถนนแต่ยังไปได้ไม่ไกลนัก พิชชากำลังจะทำตามแผนที่วางไว้ แต่ชายหนุ่มก็พูดขึ้นก่อน“วันเสาร์ว่างกันไหม พอดีที่โรง’ บาลมีกิจกรรมผู้ป่วยสูงอายุ เลยอยากได้อาสาสมัครไปช่วยงานหน่อย”“ว่าง แต่เฮียต้องมีค่าตอบแทนให้ฟินน์ด้วยนะ ชั่วโมงละห้าร้อยพอ”“ได้ แต่ฉันหักจากค่าขนมเธอนะ”“ไม่ได้นะเฮีย ทุกวันนี้ค่าขนมที่เฮียให้ก็จะไม่พอใช้อยู่แล้ว” คนเป็นน้องโวยวายขึ้นมา เพราะพิชชาตั้งใจว่าเดือนนี้จะเก็บเงินถอยกระเป๋าใบใหม่“แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้เฮียถามว่าว่างกันไหมเหรอ แปลว่าจะให้มีนไปด้วยเหรอ?”“อือ ขืนให้เธอไปคนเดียวมีหวังคนซุ่มซ่ามอย่างเธอคงทำถ้วยชามเขาแตกหมด เดี๋ยวเดือดร้อนฉันต้องซื้อให้เขาใหม่”“เฮียอ่ะ! ชิ!” พิชชาขึงตาใส่พี่ชายอย่างงอน ๆ แต่ก็เถียงไม่ออก เพราะเธอไม่ถนัดเรื่องพวกนี้อย่างที่เขาว่า ต่างจากมนต์มีนาที่ถนัดงานบ้านงานเรือนมากกว่าแต่ทำไมพิชยะถึงไม่ไปขอแรงจากบรรดาผู้หญิงในสต๊อกของตัวเองเหมือนทุกปี ช่วยงานเสร็จจะได้พากันไปกินข้าวต้มรอบดึกต่อ“งานเริ่มสิบโมง แต่ออกจากบ้านหก
“โทษทีนะ วันนี้ผมไม่มีอารมณ์”“ไม่มีอารมณ์หมายความว่าไงคะ” ริตานิ่วหน้า หลุบตาลงมองกึ่งกลางกายของคนพูด ท่อนลำอวบใหญ่พุ่งตระหง่านประกาศความต้องการ ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ทันจะเสร็จสมด้วยซ้ำอีกอย่างเขาก็ไม่ได้มาหาหล่อนนานแล้ว หนำซ้ำวันนี้ยังเป็นวันสำคัญ เขาจะหยุดให้ความสุขกับหล่อนดื้อ ๆ ได้ยังไงกันริตาได้แต่นั่งมองร่างสูงเปล่าเปลือยทั้งตัวลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่โดยไม่คิดจะตอบคำถาม ไม่สนใจอาการเกรี้ยวกราดของตัวเอง เดินเอาเงินจำนวนหนึ่งมาวางไว้ให้“ผมรีบออกมาเลยไม่ทันได้ซื้ออะไร อยากได้อะไรก็ไปซื้อเองแล้วกัน”“แต่ริตาไม่ได้ต้องการของขวัญนี่คะ ริตาต้องการให้คุณหมออยู่ด้วย” เริ่มแรกหล่อนก็ไม่ได้คิดจะจริงจังกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีสถานะแบบนี้แต่นานวันเข้าหล่อนกลับหลงรักเขาอย่างยากจะถอนตัวถึงแม้จะรู้ว่าพิชยะมีเจ้าของอยู่แล้ว หล่อนก็ไม่แคร์“บอกแล้วไงว่าวันนี้ผมไม่มีอารมณ์ เอาไว้วันหลังผมจะชดเชยให้” สิ้นคำสุดท้ายชายหนุ่มก็เดินออกไปจากห้อง ริตาเขวี้ยงหมอนกับผ้าห่มลงไปที่พื้น ทั้งเสียใจและเสียหน้าในคราวเดียวกันที่พิชยะหักหาญน้ำใจถึงขนาดนี้ศัลยแพทย์หนุ่มเดินตรงมาที่รถสปอร์ตคู่ใจ เปิดประต
‘ออกมานั่งดื่มกับพวกไอ้ธนานิดหน่อยกำลังจะกลับแล้วล่ะ’‘อ๋อ’ เพื่อนที่พิชยะจะไปนั่งดื่มด้วยมีแค่หมอพิธากับหมอธนาสองคน ซึ่งก่อนหน้านี้รสสราโทรไปถามหมอธนามาแล้ว เขาโกหกหล่อนอีกแล้ว…‘โอเคจอห์น รอแป๊ปนะ เดี๋ยวตามออกไป ฟัน พอดีว่าที่แผนกมีงานเลี้ยง ไว้โรสจะโทรไปใหม่นะ โรสรักฟันและคิดถึงฟันนะ’รสสราพูดกับใครสักคนด้วยภาษาอังกฤษ ก่อนจะรีบร้อนกดวางสายไปประโยคเดิม ๆ พวกนี้ตอกย้ำให้พิชยะรู้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ห่างกัน รสสราก็ยังเหมือนเดิม…ไม่เปลี่ยนรสสราเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนมัธยม ทั้งคู่คบหาดูใจกันก่อนไปเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศ ความสัมพันธ์หวานชื่นตในลอดมาด้วยความชอบที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสนิยม อาหารการกิน เสื้อผ้าของใช้ สถานที่เที่ยว แม้แต่เรื่องบนเตียงล้วนเข้ากันได้ดีเขามีความคิดเป็นของตัวเองวางเป้าหมายชีวิตไว้ชัดเจน รสสราก็เช่นกันตั้งแต่แรกจนตอนนี้ รสสราก็ยังเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่งในสายตาของเขาเสมอหล่อนคือผู้หญิงที่เขาอยากใช้ชีวิตด้วย มีลูกที่น่ารักด้วยกันสักคนสองปีก่อนในวันที่เขามั่นใจว่าจะสามารถดูแลผู้หญิงคนหนึ่งได้ ในวันที่คิดว่าพร้อมจะสร้างครอบครัวของตัวเองในคืนฉล
กลางดึกมนต์มีนารู้สึกกระหายน้ำจึงลงมาหยิบน้ำในครัว ทว่ากลิ่นหอมของขนมหวานที่ลอยออกมาจากกล่องสวยงามในตู้เย็น ชวนให้คนท้องว่างน้ำลายสอ เพราะยังไม่ได้ทานมื้อเย็นเมื่อเช้านี้พิชชาโทรสั่งขนมร้านโปรดเอาไว้ เธอจึงรู้ว่าใครเป็นเจ้าของหลังจากที่แยกกับพิชชาแล้ว มนต์มีนาก็ออกไปรอรถประจำทางเพราะต้องการประหยัดค่าโดยสาร กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบจะเป็นเวลาห้าทุ่มไปแล้ว ตอนนี้บ้านหลังใหญ่จึงเปิดไฟไว้ไม่กี่ดวงหญิงสาวแง้มฝากล่องสีทองออกเล็กน้อยก้มมองมาการองรสวานิลลาข้างใน อดใจไม่ไหวจึงหยิบขนมชิ้นหนึ่งส่งเข้าปากร่างเล็กยืนกัดกินทีละคำ ดื่มด่ำกับรสชาติกรอบนอกนุ่มในความเข้มข้นกลมกล่อมของวานิลลาซ่านซึมเข้าไปในลิ้น“อื้มม” มนต์มีนาครางออกมาเบา ๆ ร่างกายที่ตึงเครียดจากการนั่งรถประจำทางกว่าหนึ่งชั่วโมงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ขนมชิ้นเล็กช่วยบรรเทาความหิวไปได้หลายส่วน กำลังจะกัดกินมาการองอีกครึ่งชิ้นเข้าไป เธอก็รู้สึกถึงการมาของใครบางคนคนตัวเล็กสะดุ้ง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโจรที่ถูกเจ้าของบ้านจับได้คาหนังคาเขา ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด หันหน้าไปมองที่มาของเสียงฝีเท้าร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงช
มือเรียวยาวแตะลงไปที่พวงแก้มของหญิงสาว นิ้วลูบไล้ริมฝีปากบางเบา ๆ ดึงให้เธอหันมองมาที่เขาพลางนึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองต้องใช้มือปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ที่คั่งค้างแทนที่จะเป็นนิ้วมือเล็ก ๆ ไม่ก็เรียวปากจิ้มลิ้มนี้มนต์มีนาเงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาคู่คม เกิดความหลงมัวเมาในความดำมืดนั้น ฉุดให้เธอดำดิ่งลงไปในห้วงเหวลึก เวลาหยุดลงที่ตรงนั้น“ชอบจูบของฉันไม่ใช่เหรอ” เธอไม่ได้ให้คำตอบ แล้วเขาก็ไม่ได้แทนตัวเองว่า ‘เฮีย’ เหมือนหลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่แปลกที่ทุกถ้อยคำจากเขายังคงมีอิทธิพลต่อหัวใจของเธอไม่รอให้เธอเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา เพราะในเวลานี้พิชยะชอบจะได้ยินเสียงอื่นมากกว่าไม่กี่อึดใจมนต์มีนาก็ส่งเสียงครางต่ำในลำคอ เมื่อปากของเขาประกบลงบนปากเธอ บดเคล้าหนักหน่วงแต่ไม่รีบร้อนลิ้นอุ่นร้อนสอดเข้ามา มนต์มีนาลิ้มรสชาติของตัวเองที่หลงเหลือบนปลายลิ้นของเขา รสชาติที่ผสมกับรสเข้มข้นร้อนแรงของบรั่นดีสักยี่ห้อพิชยะถูกตามตัวไปโรงพยาบาลเพราะมีคนไข้ฉุกเฉินไม่ใช่เหรอ?แต่ทำไมถึงมีกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ติดตัวกลับมาจูบของพิชยะทำให้สมองเธอว่างเปล่า ชายหนุ่มช้อนร่างเล็กขึ้นไปที่เคาน์เตอร์ครัว จับให้ขาเรียวเล็กให้กอด
ที่แท้ตัวการที่ชักศึกเข้าบ้านก็คือไอ้เพื่อนตัวดีนี่เอง เมมเบอร์เลาจน์ที่เขาตั้งใจจะเปิดให้หมอธนาไปหาความสุขในวันหยุดที่จะถึงนี้สงสัยต้องยกเลิก“คุยอะไรกันอยู่วะ” เห็นทั้งสองคนซุบซิบกัน พิธาเลยหันมาถามเสียงเบาเพราะมีหมออาวุโสร่วมโต๊ะอยู่ด้วย“เรื่องผู้หญิง คนมีเมียแล้วอย่าง ผอ. ไม่ต้องมาสนใจพวกผมหรอก” พิธานึกหมั่นไส้หมอธนาที่ชอบประชดเขาด้วยเรื่องนี้ไม่จบไม่สิ้นแต่ตอนนี้เขาอยู่ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาล มีผู้หลักผู้ใหญ่อยู่หลายคน เรื่องสั่งสอนไอ้เพื่อนปากดี เอาไว้ทีหลังแล้วกันกิจกรรมส่งเสริมผู้ป่วยสูงอายุเสร็จสิ้นในครึ่งเช้าของวัน แม้ทุกคนจะดูเหนื่อยล้าหากก็มีความสุขกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมดี ๆ เพราะนอกจากจะได้ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีให้กับพวกคุณลุงคุณป้าแล้ว ทุกคนยังได้ทำหน้าที่เสมือนเป็นลูกหลานของผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนมีเงิน ลูกหลานยอมจ่ายค่ารักษาแพง ๆ เสียเงินจ้างพยาบาลคืนละหลายพันบาท เพื่อแลกกับการให้โรงพยาบาลดูแลคนในครอบครัวแทนพวกเขาผู้ป่วยบางรายเจ็บป่วยด้วยโรคที่จำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เพราะต้องอยู่ในความดูแลของหมอและพยาบาลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ซึ่งมีผู้ป
“คนเราก็ต้องมีซุ่มซ่ามบ้างแหละค่ะ” ยิ้มน้อย ๆ ผุดขึ้นบนมุมปากบางสีเรื่อ รู้สึกขายหน้าอย่างบอกไม่ถูกที่เกิดซุ่มซ่ามเพียงเพราะลนลานกลัวความแตก“ไม่ใช่ว่าอยากนั่งตักเหรอ” ไม่เพียงคำพูดเข้าข้างตัวเองศัลยแพทย์หนุ่มยังก้มลงไปแนบชิดที่ลำคอระหง ริมฝีปากหยักได้รูปขยับขึ้นลงเกือบจะขบเม้มเนื้ออ่อนตรงนั้น“เปล่านะคะ” เธอเอี้ยวคอออกห่าง ดวงตาสีรัตติกาลลึกล้ำจับจ้องใบหน้าหญิงสาว มือแข็งแรงจับคางร่างเล็กให้หันมองไปที่กระจกบนผนัง“แต่ตอนนี้มีนนั่งอยู่บนตัวเฮียนะ” หน้าร้อนวูบยิ่งกว่าเดิมเมื่อเธอเห็นเงาสะท้อนของตัวเองกับอีกฝ่ายในกระจกรางเลือน ร่างเล็กก่ายเกยอยู่บนตักของพิชยะ ทรวงอกกลมกลึงเกือบจะแนบไปกับแผงอกกว้าง ได้กลิ่นโคโลญจน์อ่อนจางลอยเข้าจมูก“มีนไม่ได้ตั้งใจนี่คะ ช่วยปล่อยด้วยค่ะ” มนต์มีนาร้องขอในขณะที่พยายามคุมสติ บังคับให้หัวใจหยุดเต้นแรงแต่การที่เธอตกอยู่สถานการณ์แบบนี้ก็ทำให้พิชยะลืมเรื่องที่คุยกันก่อนหน้าไปได้ ยื้อเวลาระหว่างที่พิชชายังไม่กลับมา“ตรงนี้ไม่ได้ให้ใครลงมานั่งเล่นแล้วจะลุกไปง่าย ๆ นะ” เขาหมายความอย่างที่พูด พิชชาต้องแอบออกไปไหนสักที่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจในตอนนี้ คือการที่เธ
“ตรวจคนไข้เสร็จแล้วเหรอคะ” พิชชามองพี่ชายตัวเองสลับกับเพื่อน หวังว่ามนต์มีนาจะช่วยแก้สถานการณ์เรียบร้อยแล้วมนต์มีนาลอบถอนหายใจที่พิชชาเข้ามาไม่ทันเห็นภาพเมื่อกี้ ในขณะที่พิชยะไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือดูเหมือนคนกลัวความผิด“ยัง กลับมาเอาเอกสาร ไปล่ะ อ้อ!แต่งตัวในห้องนั้นได้เลยนะ ถึงเวลาเดี๋ยวขึ้นมารับ” เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานสุ่มหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาแล้วออกจากห้องไปพิชชาถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ได้ถูกพิชยะถามอะไร แต่คนที่รู้สึกเหมือนตัวเองเกือบจะหายใจไม่ออก กลัวไปต่าง ๆ นานากลับเป็นมนต์มีนาเสียเองเธอไม่ได้อยากโกหกเพื่อนสักนิด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพิชยะในตอนนี้ก็เป็นเรื่องยากหากจะอธิบายให้ใครเข้าใจ เธอจึงอยากขอเวลาอีกหน่อยตลอดเวลาที่ผ่านมาพิชชาดีกับเธอมากและเป็นเพื่อนที่รักและคอยเป็นห่วงเป็นใยเธอกว่าใครแต่เธอก็ละอายหากจะบอกว่าเรื่องของหัวใจ ไม่สามารถบังคับให้มันรู้ว่าอะไรควรเดินเข้าหา หรือเอาตัวเองออกมาราวกับดวงตาของเธอได้บอดสนิท มองไม่เห็นอันตรายที่อยู่เบื้องหน้าห้องประชุมสัมมนาบนชั้นสิบห้าของโรงพยาบาล ‘วิวัฒเวช’ ค่ำนี้ครึกครื้นด้วยบุคลากรทางแพทย์ มีบทเพลงสากลขับกล่อมเมาความเนื่อยล้า
คุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์หันไปมองหน้ากัน ไม่คาดคิดว่าจะเห็นคนอย่างเขายอมคุกเข่าให้กับผู้หญิง“อะไรที่อยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว วันนี้เฮียแค่จะบอกว่าเฮียรักมีนจริง ๆ นะ รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว ไม่ว่ามีนจะให้อภัยเฮียวันไหน เฮียก็จะรอ”“สักสิบปีรอได้ไหมคะ” เขาคำนวณในใจทันที ตอนนี้เขาอายุสามสิบสอง แปลว่าอีกสิบปีข้างหน้า เขาอายุสี่สิบสองวิจัยหนึ่งบอกว่าปัจจุบันนี้ผู้ชายอายุสี่สิบก็เริ่มมีปัญหานกเขาไม่ขัน ถ้าถึงตอนนั้นเขาจะยังทำเรื่องอย่างว่าได้อยู่ไหมนะไม่สิ คุณภาพมันจะเหลือเท่าไหร่ต่างหาก“ว่าไง ทำไมไม่รีบตอบหนูมีนไปล่ะ” เป็นคุณเพ็ญพิชย์เร่งเอาคำตอบจากลูกชายของตัวเองบ้าง จนในที่สุดเขาก็พูดคำนี้ออกมา“ได้ รอได้”“สิบปีนะคะ ระหว่างนี้ห้ามมาเข้าใกล้มีน” เขาพยักหน้า สิบปีก็สิบปีวะ ต่อไปนี้เขาคงต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่อีกสิบปีข้างหน้าน้องชายของเขาจะยังใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ“ระหว่างสิบปีนี้มีนจะไปอยู่อเมริกานะคะ”“ไปทำอะไร” ให้รอสิบปียังพอทน แต่ห่างกันสิบปี ใจขาดกันพอดีสิ“ไปเรียนต่อค่ะ แล้วก็จะทำงานอยู่ที่โน่น คุณมุกเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้” ทั้งที่คิดว่าเขากำลังจะได้อุ้มลูก
สามวันให้หลังพิชยะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ คนที่เสียสละทั้งเวลางานและเวลาส่วนตัวเป็นสารถีขับรถให้เขานั่งสบาย ๆ ก็ไม่พ้นคุณหมอธนาเพราะพิธาติดประชุมกับคณะผู้บริหาร“กลับบ้านได้แล้วไม่ดีใจเหรอวะ” ตั้งแต่เข้ามานั่งในรถเขาก็เห็นพิชยะทำหน้าเหมือนตูดลิง“แค่กลับบ้านมีอะไรให้ดีใจ” เป็นเมื่อก่อนก็ว่าไปอย่าง ที่พอเขากลับไปแล้วจะได้เจอมนต์มีนาอยู่ที่บ้านแต่ตอนนี้อย่าว่าแต่ได้เจอ เขาโทรไปหาเป็นร้อย ๆ ครั้งเธอก็ยอมไม่รับสายถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่มีทางที่เขาจะอยู่เฉยแบบนี้แน่ ต้องตามไปลงโทษกันบ้าง“ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะน้องมีนของกูยังไม่ยอมรับโทรศัพท์เหรอวะ เห้ยย อย่านะเว้ย กูพาเสยเสาไฟจริงด้วย เอาสิ” ธนาร้องโวยวายพร้อมกับข่มขู่ตอนที่พิชยะจะยกเท้าขึ้นมาประทุษร้ายที่ธนาพูดจาไม่เข้าหู แถมยังเรียกมนต์มีนาว่า ‘น้องมีนของกู’ อีก “แม้ระหว่างทางจะเกิดสงครามเล็ก ๆ ระหว่างเพื่อนจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง แต่ทั้งสองคนก็มาถึงบ้านกิจธาดาวงศ์ด้วยความปลอดภัยธนายังมีธุระที่อื่นต่อ พอเข้าไปทักทายคุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์ที่เพิ่งลงเครื่องมาหมาด ๆ ก็ขอตัวกลับทันที ตอนนี้ในที่โถงรับแขกจึงมีเพียงพ่อแม่ลูกนั่
ไม่รู้ว่าจะทนอดเปรี้ยวไว้กินหวานได้อีกนานอีกไหน“คุยกับมีนเหรอคะ?” มนต์มีนาเอียงคอถาม มองมาที่ชายหนุ่ม ความจริงหูของเธอได้ยินที่เขาพูดชัดทุกคำ แต่แกล้งทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟัง“ถ้าเฮียไม่คุยกับมีนแล้วจะให้เฮียคุยกับใคร”“ไม่รู้สิคะ คุยกับพยาบาลไหมล่ะคะ เดี๋ยวมีนไปตามมาให้สักสองสามคน” เรื่องที่พิชยะล้มงานวิวาห์กระจายไปทั่วโรงพยาบาล บรรดาพยาบาลต่างก็ดีใจที่เขากลับมาโสดอีกครั้งแต่พวกเธอก็ดีใจได้ไม่กี่วัน พิชยะก็ให้พิธาบอกกับทุกคนว่าผู้หญิงที่มาเยี่ยมเขาทุกวันคือคนที่เขารักและกำลังตามง้ออยู่ ทำเอาพยาบาลอกหักไปตาม ๆ กันทว่าก็ยังมีพยาบาลหลายคนที่ไม่ถือสาว่าศัลยแพทย์หนุ่มจะมีเจ้าของหัวใจแล้ว ยังแวะเวียนกันเอาของมาเยี่ยมจนหัวกระไดห้องนี้ไม่เคยแห้ง“หึงเหรอ” เขายิ้มที่มุมปาก พอใจที่เห็นความหึงหวงเป็นประกายอยู่ในแววตาของหญิงสาว“ใครหึง มีนไม่ได้หึงสักหน่อย” มนต์มีนาปอกแอปเปิลในมือต่อ ไม่สบสายตาคู่คม กลัวตัวเองจะเผยความรู้สึกนึกคิดออกไปแม้ว่าบาดแผลในใจจะได้รับการเยียวยาจนเกือบจะหายดีแล้วแต่เธอยังไม่สามารถกลับมาคืนดีกับเขาได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเธอยังอยากดูความจริงใจจากเขาอีกสหน่อยไม่สิ
กว่าสามสัปดาห์แล้วที่พิชยะพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ‘วิวัฒเวช’ อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นตามลำดับจนใกล้จะหายดี เมื่อเช้าหมอแจ้งว่าอีกไม่เกินสองสามวันนี้เขาก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วมนต์มีนามาเยี่ยมชายหนุ่มทุกวัน แต่เธอไม่ได้อยู่นอนเฝ้าอย่างที่ควรจะเป็นเพราะยังต้องไปฝึกงาน ซึ่งตอนนี้การเป็นนักศึกษาฝึกงานของเธฮก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าเธอจะใจอ่อนให้พิชยะไปเยอะแล้วก็ตาม แต่ถ้าจะให้เธอทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แกรกก…ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามา คนซึ่งกำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ที่หน้าต่างห้องรับอาการดี ๆ ของวันใหม่ แทบจะกระโจนขึ้นไปบนเตียงของโรงพยาบาล ก่อนจะทำทีว่าตนเองนอนหลับอยู่ถ้าคนที่เข้ามาเป็นมนต์มีนาอย่างที่ชายหนุ่มคิด เธอก็อาจจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขา แต่บังเอิญว่าเป็นพิธากับธนา พวกเขาจึงรู้เท่าทัน“ลืมตาได้แล้ว พวกกูเอง” พอได้ยินเสียงของหมอธนาพิชยะก็ลืมตาขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์“มาทำไมนักหนาวะ ไม่มีการมีงานทำรึไง”“อ้าว! พูดแบบนี้ มึงหาว่าท่าน ผอ.ของกูอู้งานเหรอวะ” ธนานั่งลงที่โซฟาภายในห้องผู้ป่วยพิเศษ ไม่ใส่ใจกับคำพูดอ้อม ๆ ของพิชยะที่บ่งบ
พิชยะถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที โชคดีที่คมมีดไม่โดนจุดสำคัญตอนนี้เขาจึงปลอดภัยแล้วพิธากับธนารู้ว่าเพื่อนถูกแทงก็รีบมาที่ห้องฉุกเฉินทุกคนในแผนกต่างก็พากันตกใจที่เนื้อตัวของศัลยแพทย์หนุ่มเต็มไปด้วยเลือดไม่กี่วันก่อนพิชยะเพิ่งจะประกาศยกเลิกวิวาห์กลางคัน จนกลายเป็นหัวข้อหลักในวงสนทนาของบรรดาหมอและพยาบาลทั้งวอร์ด วันนี้เขากลับได้รับบาดเจ็บมาพ้นขีดอันตรายจวนจะเข้าวันที่สองแล้วแต่จนป่านนี้พิชยะก็ยังไม่ได้สติ มนต์มีนาเป็นห่วงเขามาก เธอไม่ยอมลุกไปไหนแม้ว่าพิธากับธนาจะหมุนเวียนกันมาเฝ้า เธอนั่งกุมมือเขาไว้ตลอดเวลา หวังเพียงให้เขาตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย แต่ร่างกายที่อ่อนเพลียจากการอดนอนทำให้หญิงสาวฟุบหลับไปมนต์มีนาจึงไม่เห็นตอนที่พิชยะลืมตาขึ้นมา และทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียง น้ำตาของลูกผู้ชายก็ซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวตอนนี้เธอจะยอมยกโทษให้เขาหรือไม่นั้น ไม่สำคัญอีกต่อไป แค่เสี้ยวหนึ่งที่เธอเป็นห่วงเขา เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วมือเรียวยาวของชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับเข้าไปหาใบหน้าจิ้มลิ้ม ใบหน้าของคนที่เขาคิดถึงและโหยหามาตลอดนิ้วเรียวยาวนั่นค่อย ๆ วางลงบนพวงแก้มขาวเนียน หัวใจที่เ
วันต่อมา ทั้งวันมนต์มีนาไม่เห็นพิชยะมาที่บริษัทจึงคิดว่าเหตุการณ์วันก่อนคงทำให้เขาถอดใจไปแล้ว สุดสัปดาห์ทีไรบรรยากาศในการทำงานของพนักงานบริษัทตะวันฉายก็จะครึกครื้นเป็นพิเศษ เพราะบางคนวางแผนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับคนรัก บางคนก็วางแผนจะใช้เวลาในวันหยุดเสาร์อาทิตย์อยู่กับครอบครัว ถึงเวลาเลิกงานมนต์มีนาก็เดินออกมาที่ประตูฝั่งด้านหน้าของบริษัทหลังจากแน่ใจว่าพิชยะไม่ได้มาดักรอเจอเธอ วันนี้อาทิตย์กับมุกรินไม่ได้เข้าบริษัทเพราะมุกรินต้องไปตรวจครรภ์ตามนัด ส่วนเจนจิราขอลาหยุดหนึ่งวันเพราะต้องไปเฝ้าพี่สะใภ้ที่โรงพยาบาลแทนพี่ชาย ส่วนภูวเนศออกไปพบลูกค้าตั้งแต่เช้ายังไม่กลับเข้ามา วันนี้เธอเลยต้องนั่งรถประจำทางกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์คนเดียวเพราะเกศินีที่ชอบไปขลุกอยู่ที่ห้องเธอจนดึกดื่นแทบจะทุกวันขอลาไปทำธุระกับครอบครัวที่ต่างจังหวัด แต่พอเดินออกมาเธอก็พบว่ามีคนมายืนรออยู่ หญิงสาวกอบกำมือทั้งสองเข้าหากันเมื่อต้องการเรียกความเข้มแข็งให้ตัวเอง “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” “ถ้าคุณรสสราจะมาติดต่อเรื่องงานคุยกับพี่มุกโดยตรงได้เลยนะคะ ขอตัวค่ะ” “ไม่ต้องมาแกล้งโง่” ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยการด่าทอเอ่ยไล่หลังหญิงสาวอ
คนที่โง่มันคือเขาต่างหากเขาโง่ที่ไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรู้แม้กระทั่งว่าผู้หญิงที่เขาลงมือทำร้ายคือคนที่หัวใจของเขาต้องการชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา ทุกย่างก้าวของเขาหนักอึ้งไปด้วยความปวดใจจากการกระทำในวันวาน ไม่ว่าจะเหลียวมองไปทางไหนก็พบแต่ความสิ้นหวัง เห็นเพียงใบหน้าหมางเมินของมนต์มีนาที่ฉายวนซ้ำไปมาคำพูดเชือดเฉือนหัวใจมันยังดังก้องอยู่ภายในหัวของเขา ร่างสูงเดินออกไปจากตรงนั้นไม่ต่างจากคนไร้วิญญาณ ไหล่ที่เคยสง่าผ่าเผยกลับลู่ลงข้างกายอย่างสิ้นไร้ความหวังเขาจะทำอย่างไรดี เขาควรทำอย่างไรต่อถึงจะตามหัวใจของเขากลับคืนมาได้เมื่อหมดหนทางสุดท้ายคืนนั้นพิชยะก็ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากอาทิตย์ เจ้าของบริษัทตะวันฉายที่มนต์มีนาฝึกงานอยู่ โดยเขาได้นัดอีกฝ่ายออกมาเจอที่ไนต์คลับของพิธาทั้งสองนั่งพูดคุยกัน ตอนแรกอาทิตย์ปฏิเสธที่จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนนอก แต่พอเห็นว่าพิชยะสำนึกผิดจริง ๆ และต้องการจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น อาทิตย์ก็เกิดเห็นใจผู้ชายด้วยกันครั้งหนึ่งอาทิตย์ก็เคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่กับมุกริน เขาเลยเข้าใจความรู้สึกของพิชยะดี คนที่ต้องก
“พี่เจนไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมีนออกไปคุยกับเขาเอง”“เดี๋ยวก่อนมีน…” เจนจิรากลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเลยรีบตามหญิงสาวออกไป ตอนนั้นพิชยะกำลังจะเดินกลับไปที่รถ เขาเห็นมนต์มีนาจึงหน้าถอดสี“มีน…” ชายหนุ่มเดาได้ทันทีว่ามนต์มีนาอาจจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่เขากลับไม่ได้มีความกังวลหรือกลัวอะไร เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอยอมออกมาเจอเขา“เอาของพวกนี้กลับไปด้วยค่ะ มีนไม่ต้องการ” มนต์มีนาโยนของที่ถืออยู่ในมือลงพื้นราวกับว่าเป็นสิ่งของเน่าเสีย ชายหนุ่มได้แต่มองของที่หล่นกระจายอยู่ที่พื้นตรงหน้าของเขาด้วยความเจ็บปวด“เฮียยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว มีนให้โอกาสเฮียสักครั้งได้ไหม” นาทีนี้พิชยะแทบจะก้มศีรษะขอโอกาสจากเธอ ทว่าเขากลับได้รับเพียงคำพูดที่ไร้เยื่อใยกลับมา และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตะโกนออกมา แต่คำขอโทษที่มาจากข้างในก็ดังไปถึงความรู้สึกของมนต์มีนาอย่างไม่น่าเชื่ออานุภาพของมันทำให้ขาทั้งสองข้างที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดชะงัก แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับมามองเขา“มีนไม่มีโอกาสอะไรให้หรอกค่ะ ถ้าไม่อยากให้มีนเกลียดเฮียไปมากกว่านี้ก็อย่ามาให้มีนเห็นหน้าอีก แล้วต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ เพราะทุกอย่
พิชยะขับรถมาที่โรงพยาบาลเพราะเขารู้ว่าตัวเองมีไข้สูง ตอนที่มาถึงเขาจึงถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินหมอและพยาบาลรีบเข้ามาตรวจอาการของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะให้ยาลดไข้ในทันทีชายหนุ่มนอนหลับไปครึ่งวัน ตื่นมาอีกทีเขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล“เป็นไงไอ้คนเก่ง ฟื้นแล้วเหรอมึง” ธนาทักเขาเป็นคนแรก ถ้ามาช้ากว่านี้สักครึ่งชั่วโมง พิชยะอาจจะถูกพิษไข้ที่สูงกว่าสี่สิบองศาเล่นงานจนไม่มีโอกาสได้ไปง้อเมียอีกแน่ ๆ“ไม่ต้องห่วงหรอก กูยังดวงแข็ง”“ปากดีขนาดนี้กูไม่น่าเช็ดตัวให้มึงเลย น่าจะปล่อยให้มึงหนาวตายไปซะ” ธนาพูดด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะหันไปเห็นว่าพิชชากำลังมองเขม่นมาที่ตัวเอง“แต่ก็เห็นแก่ที่มึงเคยเปิดเมมเบอร์เลาจน์ให้กู หนี้ชีวิตที่กูช่วยเช็ดตัวให้มึงกูไม่คิดก็ได้”“พร่ำอะไรของมึงวะ” พิธาที่ฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง เขาได้รับรายงานเรื่องที่พิชยะจัดการเรื่องผ่าตัดโดยไม่ผ่านระเบียบของโรงพยาบาลแล้ว“มึงมีอะไรจะพูดกับกูไหม”“ไม่มี แล้วแต่มึงจะพิจารณาเลย” ตอนที่ตัดสินใจทำลงไปเขาย่อมรู้ความผิดของตนเองและผลที่จะตามมาอยู่แล้วจึงไม่คิดจะอาศัยความเป็นเพื่อนขอให้พิธาผ่อนปรนโทษให้“งั้นกูหักเงินเดือนมึงทั้งเ