พลอยพิชญาถามทว่ากลับเห็นแค่รอยยิ้มยกขึ้นบนมุมปากหยัก
“ใช่...มาเรียส เคย อยู่ที่ห้องนี้ ผมไม่ได้โกหกคุณสักหน่อย พลอยพิชญา”
“คุณกำลังเล่นตลกอะไรอยู่คะ เบน...คุณก็เห็นว่าห้องนี้ไม่มีใคร บอกฉันมาเถอะค่ะว่ามาเรียสอยู่ที่ไหนกันแน่”
“ผมไม่ได้เล่นตลก ที่ผมพาคุณมาที่นี่ก็เพื่อให้คุณได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับน้องชายของผม!”
น้ำเสียงลุ่มลึกนั้นแปรเปลี่ยนเป็นหน่วงหนัก ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาใกล้จนพลอยพิชญาถอยหลังไปติดผนัง
“เบน...ความจริงเกี่ยวกับมาเรียส มันคืออะไรกันคะ”
หญิงสาวเสียงสั่น ความกลัววิ่งพล่านตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า เธอได้ยินเขาขบกรามดังกรอดก่อนกระชากแขนเรียวจนเซเข้าไปหาอกกว้าง
“คุณไม่ควรตั้งคำถามนี้กับผม พลอยพิชญา! คุณแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริง ๆ ว่ามาเรียสน้องชายของผมไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว!”
ทันทีที่เขาพูดจบพลอยพิชญาก็ถึงกับตาเบิกกว้าง เรียวปากอ้าค้างด้วยนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิด
“ไม่จริง! “ ร่างบางส่ายหน้าและน้ำตาเริ่มริน “มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาถูกส่งกลับมารักษาตัวที่นี่”
“นั่นเป็นสิ่งที่คุณคิด!”
เบนเหวี่ยงร่างเล็กลงบนเตียง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้นขณะชี้หน้าหญิงสาวซึ่งขยับลุกขึ้นนั่ง
“มาเรียสจะไม่เป็นอะไร เขาจะไม่บาดเจ็บอาการสาหัสและต้องตายถ้าคนที่ขับรถพาเขาไปคืนนั้นไม่ใช่คุณ!”
คำคาดโทษนั้นยิ่งกว่าดาบฟันลงกลางแสกหน้า พลอยพิชญาชาไปหมดทั้งตัวและรู้สึกแน่นในอกจนแทบอยากจะสำลัก ความกลัวและความเสียใจปนเปในความสับสน ถึงเวลานี้เธอจะแก้ตัวอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากต้องรับฟังเสียงคำรามของเทพบุตรที่กลายเป็นซาตานกำลังพิพากษาเธออยู่ตรงหน้า
“พลอยพิชญา...คุณคือฆาตกรที่ฆ่าน้องชายของผม ผมไม่เคยลืมและจดจำได้ดีในวันที่รับโทรศัพท์จากเมืองไทยแจ้งว่ามาเรียสประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักชนต้นไม้”
“เบน...”
บทที่ 3
พลอยพิชญาร้องไห้ เธอจ้องมองดวงตาสีน้ำเงินเข้มคลั่กด้วยโทสะที่ผลาญเผา
“เบน...อ๊ะ!”
หญิงสาวร้องเสียงดังเมื่อร่างสูงใหญ่โถมตัวลงมาและจับไหล่เธอไว้แน่น สันกรามของเขานูนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด เสียงที่กังวานออกจากปากเขาราวกลั่นมาจากความเจ็บปวด
“เขาบาดเจ็บสาหัสและถูกส่งตัวกลับมาเพื่อรับการรักษาที่นี่ แต่ก็สายไป ไม่มีใครช่วยน้องชายของผมได้แม้แต่แพทย์มือหนึ่งที่บินตรงมาจากอเมริกา ผมเกือบเป็นบ้าในวันที่ต้องมาร่วมพิธีศพและมองดูบาทหลวงฝังเขาบนเกาะนี้เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว”
ปีที่แล้ว...พลอยพิชญานิ่งอึ้ง ที่เธอสงสัยว่ามาเรียสหายไปและเธอก็ไม่ได้รับข่าวคราวใด ๆ จากเขาอีกเลยนับจากวันนั้น ทุกอย่างได้กระจ่างชัดแล้วในตอนนี้
“และสำหรับคุณ...พลอยพิชญา” ชายหนุ่มบีบไหล่บางจนเธอกระตุก
“คุณไปกับมาเรียสคืนนั้น รถคันนั้นที่เขานั่งไปเสียหลักพุ่งชนต้นไม้และคนขับ ก็คือคุณ!”
“โอ๊ย! เบน ฉันเจ็บนะคะ”
ดูเหมือนเสียงครางของหญิงสาวจะยิ่งยุให้ไฟแค้นในใจของเบนโหมไหม้มากขึ้น นัยน์ตาคู่นั้นดุดันน่ากลัวก่อนจะกดร่างเล็กบอบบางลงไปอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ของเขาบนเตียงหนา
“เบน...ฟังฉันก่อนค่ะ”
“ผมจะฟังตัวเองที่ได้ยินเสียงเจ็บปวดของมาเรียส เสียงนั้นที่คุณไม่เคยได้ยินตอนที่คุณกำลังมีความสุขโดยไม่รับรู้ความทุกข์ของคนอื่น ฆาตกรอย่างคุณไม่ควรมาลอยนวลอยู่อย่างนี้ ถ้าศาลไม่พิพากษาคนผิด ผมนี่แหละที่จะตัดสินชีวิตคุณเอง!”
“ไม่! ปล่อยฉันนะ!”
พลอยพิชญาบิดตัวสุดแรงและส่ายหน้าหลบแต่ไม่พ้นใบหน้าคร้ามคมที่ก้มลงมาและฉกลิ้นเข้าไปในกลีบปากสีชมพูเข้ม เขาไม่เพียงจาบจ้วงเธอด้วยปากแต่ยังกดร่างหนาลงมาจนหญิงสาวหายใจแทบไม่ออก
เธอจะทำอย่างไรดี...พลอยพิชญา หญิงสาวถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่เขาบดขยี้ริมฝีปากบางหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความกลัวทำให้เธอตีบตันไปหมด ดวงตาคู่สวยเหลือกขึ้นด้านบนเมื่อรู้สึกถึงความปวดแปลบวาบขึ้นบนริมฝีปาก
“อื้อ!” เสียงในลำคอนั้นไม่ดังพอให้เขาหยุดการกระทำดิบห่ามลงได้ เธอไม่ควรมาที่นี่ ไม่ควรหลงเชื่อใจเพียงเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนใกล้ชิดกับมาเรียส
“อย่า...เบน...อย่าค่ะ!”
พลอยพิชญารีบเอามือป้องบนใบหน้าเมื่อเขาถอนริมฝีปาก ร่างเล็กสั่นเทาทว่าเขาก็ยังแสดงความหยาบร้ายด้วยการกระชากข้อมือข้างนั้นออก
“คุณกลัวด้วยรึ พลอยพิชญา...ผมยังสงสัยว่าทำไมคนที่ต้องตายถึงไม่ใช่คุณ!”
“ได้โปรดเถอะค่ะ เบน...ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณต้องสูญเสียมาเรียส ฉันไม่ได้ข่าวเขาเลยหลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ฉันรู้ก็แต่ว่าเขาถูกส่งตัวกลับมารักษาที่นี่ แล้วหลังจากนั้น...”
“พลอย...มีคนมาขอพบเธอแน่ะ เขารออยู่ในสวนข้างห้องอาหารของรีสอร์ทจ้ะ”เสียงที่ดังขึ้นทำให้ร่างเล็กบอบบางซึ่งอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟของห้องอาหารในรีสอร์ทหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาวางถาดในมือลง หญิงสาวเจ้าของใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกโด่งและริมฝีปากเป็นกระจับสีชมพูอ่อนภายใต้กรอบเรือนผมยาวดำขลับย่นคิ้วด้วยความประหลาดใจ“ใครน่ะ มิ้นท์...เขาบอกหรือเปล่าว่าชื่ออะไร?”พลอยพิชญาถามด้วยความสงสัยและเห็นมินตราเพื่อนของเธอทำหน้าครุ่นคิด“เขาแค่บอกว่าต้องการพบพนักงานเสิร์ฟที่ชื่อพลอยพิชญา และเขาจะขอคุยธุระด้วยไม่นาน อืม...แต่...เขาเป็นคนต่างชาติ หล่อมากเลยนะ”“ผู้ชายต่างชาติ...งั้นหรือ?”ร่างเล็กบอบบางรำพึงคำถามกับตัวเอง หญิงสาวหันไปยังห้องอาหารที่มีแขกนั่งบางตาก่อนบอกกับเพื่อนของเธอ“มินท์...ถ้าอย่างนั้นพลอยจะออกไปพบเขาก่อนก็แล้วกัน ทางนี้ฝากมิ้นท์แป๊บนึงนะ”“โอเคจ้ะ”มินตรารับปากก่อนที่พลอยพิชญาจะเดินออกไปทางประตูด้านหลังห้องอาหารที่มีทางเดินเล็ก ๆ ตรงไปยังสวนดอกไม้ของรีสอร์ท แสงจากโคมไฟในยามราตรีอาบไล้ไปทั่วพื้นหญ้าและและดงดอกไม้สีสันลานตาทั้งยังส่งกลิ่นหอมในยามค่ำคืน แสงสว่างทำให้เธอมองเห็
“นั่นไม่ใช่ปัญหา ผมบอกแล้วยังไงว่าจะทำทุกอย่างตามที่น้องชายของผมต้องการ ผมยินดีจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปประเทศของผมให้คุณทั้งหมด ถ้ามันจะช่วยให้มาเรียสพ้นจากอาการซึมเศร้าได้”ชายหนุมกล่าวขณะบีบมือบางไว้แน่น ใบหน้าคร้ามเข้มยังคงอยู่ใกล้หญิงสาวเสียจนเขาเองก็เห็นชัดว่าพลอยพิชญาเป็นผู้หญิงที่สวยมากแค่ไหน แต่ผู้หญิงยิ่งสวยก็ยิ่งอันตราย เบนคิดในใจกับความรู้สึกบางอย่างที่แล่นปรี่ขึ้นมา“ตกลงนะครับ”เขาเปลี่ยนจากกุมมือหญิงสาวเป็นจับไหล่ของเธอและจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลสวยใสคู่นั้น“พรุ่งนี้ผมจะให้คนมารับคุณไปสนามบิน คุณพักอยู่ที่พี.เค. อพาร์ตเม้นท์ ใกล้กับรีสอร์ตนี่ใช่ไหมครับ?”เบนทำให้เธอประหลาดใจอีกครั้ง เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่พัก เขาคงตั้งใจมาหาเธอตามความต้องการของมาเรียสจริง ๆ“ค่ะ...ค่ะ...เอ้อ คุณ...”“เรียกผมว่าเบนก็ได้ครับ คุณ...”“พลอยค่ะ”หญิงสาวหรุบเปลือกตาลงต่ำ เธอรู้สึกเขินอายที่อยู่ใกล้เขาจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อน เขาอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแล้ว มากจนเธอมีอาการสั่นสะท้านขึ้นมาเล็ก ๆ“ครับ...คุณพลอย”ร่างสูงพูดเสียงนุ่มก่อนค่อย ๆ ปล่อยมือเรียวบางอย
“ขอบใจมากนะ พลอย พลอยน่ะเป็นเพื่อนที่เข้าใจดี้เสมอ แม้แต่เรื่องวันนั้น ดี้ไม่รู้ว่าจะตอบแทนเพื่อนของดี้คนนี้ยังไงให้สมกับความดีของพลอย”“ไม่เป็นไรหรอกนะ พลอยขอให้ดี้มีความสุขมาก ๆ ก็แล้วกันนะจ๊ะ”พลอยพิชญาอวยพรเพื่อนที่เธอรักก่อนสัญญาณจะขาดหายไป หญิงสาวเก็บโทรศัพท์และเริ่มว้าวุ่นในหัวใจ พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไปนอร์เวย์ ถ้าได้เจอมาเรียสก็ยังนึกไม่ออกว่าจะบอกเขาเช่นไรว่าดารินมีแฟนใหม่และกำลังจะแต่งงานในเร็ววันนี้พลอยพิชญาคิดว่าคนของเบนที่มาหาเธอถึงอพาร์ตเม้นท์จะนำตั๋วเครื่องบินมาให้ แต่พวกเขากลับพาเธอไปยังสนามบินเพื่อที่หญิงสาวจะเห็นว่ามีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเตรียมพร้อมที่นั่นแล้ว เธอพากระเป๋าไปเพียงสองใบเพราะคิดว่าคงอยู่ที่นอร์เวย์เพียงไม่กี่วัน เธอยังคิดถึงเรื่องของดาริน ถ้าได้พบมาเรียสแล้วเธออาจบอกความจริงเพื่อให้เขาทำใจ ในเมื่อเวลานั้นก็ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว“สวัสดีครับ...คุณพลอย”ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาทักท่ามกลางบรรยากาศของสนามบินในช่วงเย็นย่ำสนธยาที่แสงสปอร์ตไลต์เริ่มสว่างจ้าไปรอบ ๆ พลอยพิชญาตกตะลึงไปชั่วขณะกับภาพของเบนซึ่งดูหล่อเหลาและสูงสง่าแม้อยู่ในชุดลำลอง เขาเหมือนมาเรียสมาก
“เอ้อ...ผมหมายถึงมาเรียสอาจต้องการเวลาในการเยียวยาความรู้สึกนานกว่าหนึ่งสัปดาห์”“ฉันคงอยู่นานกว่านั้นไม่ได้หรอกค่ะ คือ...ฉันมีภาระต้องส่งเงินกลับไปให้ทางบ้าน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ เบน ถ้าฉันจะมีเวลาอยู่ดูแลน้องชายของคุณได้ไม่นาน”“ไม่เป็นไรหรอกครับ”ชายหนุ่มจับมือเรียวบางมากุมไว้ หญิงสาวเผลอบีบมือแกร่งของเขาเบา ๆ ในช่วงจังหวะที่เครื่อง บินตกหลุมอากาศเล็ก ๆ เบนทำให้เธอหายใจติดขัดเพราะยิ่งอยู่ใกล้ ๆ ก็ยิ่งร้อนข้างในอย่างบอกไม่ถูก เขาตัวโตกว่าเธอมากและใบหน้าที่ยิ่งกว่าหลุดออกมาจากเบ้าหลอมเดียวกับมาเรียสก็ทำให้เธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์ฝันกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่กำจายมาจากตัวเขาเหมือนเกรปฟรุต บางเบาแต่ก็บ่งบอกความเป็นชาย ใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ เขาทำให้เธอตัวแข็งเหมือนขนมผิงเลยทีเดียว“ไม่ว่าคุณจะอยู่กับเรานานแค่ไหน แต่อย่างน้อยที่สุดคุณก็กำลังจะไปถึงที่นั่นแล้ว”น้ำเสียงนั้นเยือกเย็น หนุ่มนอร์วีเจียนสูดกลิ่นไอจากเส้นผมยาวดำขลับราวกับจะซึมซับทุกอย่างไว้ ทุกอย่างที่เป็นพลอยพิชญา จดจำเอาไว้ทั้งร่างกายและวิญญาณของเธอในที่สุดหญิงสาวก็เดินทางมาถึงที่อยู่ของ เบน คริสเตียนเซน หลังเดินทางด้วยเครื่องบ