“เอ้อ...ผมหมายถึงมาเรียสอาจต้องการเวลาในการเยียวยาความรู้สึกนานกว่าหนึ่งสัปดาห์”
“ฉันคงอยู่นานกว่านั้นไม่ได้หรอกค่ะ คือ...ฉันมีภาระต้องส่งเงินกลับไปให้ทางบ้าน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ เบน ถ้าฉันจะมีเวลาอยู่ดูแลน้องชายของคุณได้ไม่นาน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
ชายหนุ่มจับมือเรียวบางมากุมไว้ หญิงสาวเผลอบีบมือแกร่งของเขาเบา ๆ ในช่วงจังหวะที่เครื่อง บินตกหลุมอากาศเล็ก ๆ เบนทำให้เธอหายใจติดขัดเพราะยิ่งอยู่ใกล้ ๆ ก็ยิ่งร้อนข้างในอย่างบอกไม่ถูก เขาตัวโตกว่าเธอมากและใบหน้าที่ยิ่งกว่าหลุดออกมาจากเบ้าหลอมเดียวกับมาเรียสก็ทำให้เธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์ฝัน
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่กำจายมาจากตัวเขาเหมือนเกรปฟรุต บางเบาแต่ก็บ่งบอกความเป็นชาย ใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ เขาทำให้เธอตัวแข็งเหมือนขนมผิงเลยทีเดียว
“ไม่ว่าคุณจะอยู่กับเรานานแค่ไหน แต่อย่างน้อยที่สุดคุณก็กำลังจะไปถึงที่นั่นแล้ว”
น้ำเสียงนั้นเยือกเย็น หนุ่มนอร์วีเจียนสูดกลิ่นไอจากเส้นผมยาวดำขลับราวกับจะซึมซับทุกอย่างไว้ ทุกอย่างที่เป็นพลอยพิชญา จดจำเอาไว้ทั้งร่างกายและวิญญาณของเธอ
ในที่สุดหญิงสาวก็เดินทางมาถึงที่อยู่ของ เบน คริสเตียนเซน หลังเดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตและต้องเดินทางออกไปสู่เขตแดนของทะเลนอร์วีเจียนจนถึงหมู่เกาะโลโฟเตนซึ่งอยู่ไกลขึ้นไปทางเหนือของนอร์เวย์ มันดูคล้ายโลกที่แปลกแยก เต็มไปด้วยโขดหินขรุขระเรียงต่อกันเป็นลูกโซ่ทำให้รู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย
ทว่าเมื่อไปถึงเกาะสกรูวา พลอยพิชญาก็ได้เห็นภาพอันตระการตาของท้องทะเลและเกาะแก่งซึ่งรุ่มรวยด้วยความงามตามธรรมชาติ ที่ซึ่งท้องน้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มจัดตัดกับผืนน้ำสีเทอร์ควอยซ์ซึ่งเต็มไปด้วยแก่งหินบนที่ราบรอบเกาะ
เบน พาเธอไปถึงที่อยู่ของเขาซึ่งเป็นบ้านสองชั้นสีขาวริมหาด มันไม่ใช่บ้านหรูหราแต่ได้รับการตกแต่งแบบเรียบ ๆ แต่ดูดี และมีสีสันเล็กน้อยด้วยสนามหญ้าหน้าบ้าน ชายสองคนที่ติดตามเขาและเธอมาจากเมืองไทยช่วยกันหอบหิ้วสัมภาระซึ่งมีเพียงกระเป๋าของพลอยพิชญาแค่สองใบเท่านั้นก่อนนั่งเรือเล็กแล่นห่างออกไปจากหาดทรายที่มีเพียงบ้านสองชั้นอันโดดเดี่ยว
“เบนคะ...เอ้อ..”
หญิงสาวหันไปทางชายหนุ่มที่เดินลิ่วไปหยุดตรงหน้าระเบียงบ้าน ที่นั่นหญิงร่างสูงผอม ผมสีบลอนด์เงินและหน้าตากร้านแดดทำให้คาดเดาอายุว่าน่าจะอยู่ที่ราว ๆ สามสิบห้าอยู่ในชุดกระโปรงสีมอ ๆ ยืนรอรับกระเป๋า ทว่าเบนกลับวางมันลงแล้วกล่าวว่า
“ขอบใจมากนะ ออรูร่า...แต่วันนี้เธอไม่ต้องอยู่เฝ้าที่นี่หรอก ฉันให้เธอกลับบ้านได้”
หญิงคนนั้นเหลือบมองข้ามไหล่ของร่างสูงไปยังหญิงสาวร่างเล็กผิวขาวในชุดกระโปรงสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตก่อนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“ค่ะ...เบน แล้วจะให้ฉันมาอีกเมื่อไหร่คะ?”
“ฉันจะบอกเธอเอง”
เบนตอบสั้น ๆ ก่อนหญิงคนนั้นจะปลีกตัวกลับไป ชายหนุ่มก้มลงหยิบกระเป๋าและหันกลับมาทางพลอยพิชญาอีกครั้ง
“ออรูร่าเป็นคนที่คอยดูแลบ้านหลังนี้ตอนผมไม่อยู่ เธออยู่ไกลจากที่นี่ไปอีกฝั่งของเกาะ สามีของเธอเป็นชาวประมง...เข้ามาข้างในเถอะ”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก พลอยพิชญามองไปรอบ ๆ อย่างตื่นใจ เธอไม่เคยเห็นทัศนียภาพที่ไหนสวยเท่ากับที่นี่ ดูลี้ลับคล้ายดินแดนมหัศจรรย์ที่ถูกแอบซ่อนไว้ที่โพ้นทะเล
หญิงสาวสูดลมหายใจลึกก่อนเดินตามร่างสูงเข้าไปในบ้านซึ่งการตกแต่งภายในก็ดูเรียบ ๆ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นสีขาวกลมกลืนกับพื้นไม้และผนังสีครีม
“ห้องของมาเรียส...อยู่ชั้นบน”
เขาวางกระเป๋าลงและหันมาบอก ร่างเล็กบอบบางก้าวขึ้นบันไดซึ่งทอดตัวขึ้นไปสู่ชั้นสอง
“นั่น...ห้องของเขา”
เสียงกังวานชัดถ้อยดังอยู่เบื้องหลังนำทางให้เธอผลักบานประตูของห้องที่อยู่สุดทางเดินเข้าไปด้านใน แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าหวานกลับจางหาย เรื่องที่เธอเตรียมไว้เพื่อบอกกับคนที่ตั้งใจมาพบก็สูญสลายไปด้วย เพราะภายในนั้นมีเพียงเตียงว่างเปล่าและเก้าอี้หนึ่งตัว
“เบน!”
หญิงสาวหันมาทางชายหนุ่มที่ปิดประตูลงกลอนพอดี ใบหน้าคร้ามคมจับจ้องมายังเธอ แต่ไม่หลงเหลือคราบของความอบอุ่นอีกต่อไป
“เบน...นี่มันหมายความว่ายังไง ไหนคุณบอกว่ามาเรียสอยู่ที่นี่”
พลอยพิชญาถามทว่ากลับเห็นแค่รอยยิ้มยกขึ้นบนมุมปากหยัก“ใช่...มาเรียส เคย อยู่ที่ห้องนี้ ผมไม่ได้โกหกคุณสักหน่อย พลอยพิชญา”“คุณกำลังเล่นตลกอะไรอยู่คะ เบน...คุณก็เห็นว่าห้องนี้ไม่มีใคร บอกฉันมาเถอะค่ะว่ามาเรียสอยู่ที่ไหนกันแน่”“ผมไม่ได้เล่นตลก ที่ผมพาคุณมาที่นี่ก็เพื่อให้คุณได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับน้องชายของผม!”น้ำเสียงลุ่มลึกนั้นแปรเปลี่ยนเป็นหน่วงหนัก ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาใกล้จนพลอยพิชญาถอยหลังไปติดผนัง“เบน...ความจริงเกี่ยวกับมาเรียส มันคืออะไรกันคะ”หญิงสาวเสียงสั่น ความกลัววิ่งพล่านตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงปลายเท้า เธอได้ยินเขาขบกรามดังกรอดก่อนกระชากแขนเรียวจนเซเข้าไปหาอกกว้าง“คุณไม่ควรตั้งคำถามนี้กับผม พลอยพิชญา! คุณแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริง ๆ ว่ามาเรียสน้องชายของผมไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว!”ทันทีที่เขาพูดจบพลอยพิชญาก็ถึงกับตาเบิกกว้าง เรียวปากอ้าค้างด้วยนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิด“ไม่จริง! “ ร่างบางส่ายหน้าและน้ำตาเริ่มริน “มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาถูกส่งกลับมารักษาตัวที่นี่”“นั่นเป็นสิ่งที่คุณคิด!”เบนเหวี่ยงร่างเล็กลงบนเตียง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโก
“พลอย...มีคนมาขอพบเธอแน่ะ เขารออยู่ในสวนข้างห้องอาหารของรีสอร์ทจ้ะ”เสียงที่ดังขึ้นทำให้ร่างเล็กบอบบางซึ่งอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟของห้องอาหารในรีสอร์ทหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาวางถาดในมือลง หญิงสาวเจ้าของใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกโด่งและริมฝีปากเป็นกระจับสีชมพูอ่อนภายใต้กรอบเรือนผมยาวดำขลับย่นคิ้วด้วยความประหลาดใจ“ใครน่ะ มิ้นท์...เขาบอกหรือเปล่าว่าชื่ออะไร?”พลอยพิชญาถามด้วยความสงสัยและเห็นมินตราเพื่อนของเธอทำหน้าครุ่นคิด“เขาแค่บอกว่าต้องการพบพนักงานเสิร์ฟที่ชื่อพลอยพิชญา และเขาจะขอคุยธุระด้วยไม่นาน อืม...แต่...เขาเป็นคนต่างชาติ หล่อมากเลยนะ”“ผู้ชายต่างชาติ...งั้นหรือ?”ร่างเล็กบอบบางรำพึงคำถามกับตัวเอง หญิงสาวหันไปยังห้องอาหารที่มีแขกนั่งบางตาก่อนบอกกับเพื่อนของเธอ“มินท์...ถ้าอย่างนั้นพลอยจะออกไปพบเขาก่อนก็แล้วกัน ทางนี้ฝากมิ้นท์แป๊บนึงนะ”“โอเคจ้ะ”มินตรารับปากก่อนที่พลอยพิชญาจะเดินออกไปทางประตูด้านหลังห้องอาหารที่มีทางเดินเล็ก ๆ ตรงไปยังสวนดอกไม้ของรีสอร์ท แสงจากโคมไฟในยามราตรีอาบไล้ไปทั่วพื้นหญ้าและและดงดอกไม้สีสันลานตาทั้งยังส่งกลิ่นหอมในยามค่ำคืน แสงสว่างทำให้เธอมองเห็
“นั่นไม่ใช่ปัญหา ผมบอกแล้วยังไงว่าจะทำทุกอย่างตามที่น้องชายของผมต้องการ ผมยินดีจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปประเทศของผมให้คุณทั้งหมด ถ้ามันจะช่วยให้มาเรียสพ้นจากอาการซึมเศร้าได้”ชายหนุมกล่าวขณะบีบมือบางไว้แน่น ใบหน้าคร้ามเข้มยังคงอยู่ใกล้หญิงสาวเสียจนเขาเองก็เห็นชัดว่าพลอยพิชญาเป็นผู้หญิงที่สวยมากแค่ไหน แต่ผู้หญิงยิ่งสวยก็ยิ่งอันตราย เบนคิดในใจกับความรู้สึกบางอย่างที่แล่นปรี่ขึ้นมา“ตกลงนะครับ”เขาเปลี่ยนจากกุมมือหญิงสาวเป็นจับไหล่ของเธอและจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลสวยใสคู่นั้น“พรุ่งนี้ผมจะให้คนมารับคุณไปสนามบิน คุณพักอยู่ที่พี.เค. อพาร์ตเม้นท์ ใกล้กับรีสอร์ตนี่ใช่ไหมครับ?”เบนทำให้เธอประหลาดใจอีกครั้ง เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่พัก เขาคงตั้งใจมาหาเธอตามความต้องการของมาเรียสจริง ๆ“ค่ะ...ค่ะ...เอ้อ คุณ...”“เรียกผมว่าเบนก็ได้ครับ คุณ...”“พลอยค่ะ”หญิงสาวหรุบเปลือกตาลงต่ำ เธอรู้สึกเขินอายที่อยู่ใกล้เขาจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อน เขาอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแล้ว มากจนเธอมีอาการสั่นสะท้านขึ้นมาเล็ก ๆ“ครับ...คุณพลอย”ร่างสูงพูดเสียงนุ่มก่อนค่อย ๆ ปล่อยมือเรียวบางอย
“ขอบใจมากนะ พลอย พลอยน่ะเป็นเพื่อนที่เข้าใจดี้เสมอ แม้แต่เรื่องวันนั้น ดี้ไม่รู้ว่าจะตอบแทนเพื่อนของดี้คนนี้ยังไงให้สมกับความดีของพลอย”“ไม่เป็นไรหรอกนะ พลอยขอให้ดี้มีความสุขมาก ๆ ก็แล้วกันนะจ๊ะ”พลอยพิชญาอวยพรเพื่อนที่เธอรักก่อนสัญญาณจะขาดหายไป หญิงสาวเก็บโทรศัพท์และเริ่มว้าวุ่นในหัวใจ พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไปนอร์เวย์ ถ้าได้เจอมาเรียสก็ยังนึกไม่ออกว่าจะบอกเขาเช่นไรว่าดารินมีแฟนใหม่และกำลังจะแต่งงานในเร็ววันนี้พลอยพิชญาคิดว่าคนของเบนที่มาหาเธอถึงอพาร์ตเม้นท์จะนำตั๋วเครื่องบินมาให้ แต่พวกเขากลับพาเธอไปยังสนามบินเพื่อที่หญิงสาวจะเห็นว่ามีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเตรียมพร้อมที่นั่นแล้ว เธอพากระเป๋าไปเพียงสองใบเพราะคิดว่าคงอยู่ที่นอร์เวย์เพียงไม่กี่วัน เธอยังคิดถึงเรื่องของดาริน ถ้าได้พบมาเรียสแล้วเธออาจบอกความจริงเพื่อให้เขาทำใจ ในเมื่อเวลานั้นก็ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว“สวัสดีครับ...คุณพลอย”ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาทักท่ามกลางบรรยากาศของสนามบินในช่วงเย็นย่ำสนธยาที่แสงสปอร์ตไลต์เริ่มสว่างจ้าไปรอบ ๆ พลอยพิชญาตกตะลึงไปชั่วขณะกับภาพของเบนซึ่งดูหล่อเหลาและสูงสง่าแม้อยู่ในชุดลำลอง เขาเหมือนมาเรียสมาก