พอดลฤดีกลับไปแล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ มีนาปอกผลไม้ใส่กล่องพลาสติกแช่ตู้เย็นไว้ จากนั้นก็กลับมานั่งเงียบ สายตามองระหว่างนฤดลกับมือถือสลับกันไปมา
“มีนา มาตรงนี้หน่อย”
“ค่ะ คุณดลมีอะไรจะใช้มีนาคะ” หญิงสาวรีบลุกมาหาเขาอย่างกระตือรือร้น
การได้อยู่กับเขาตามลำพังมันยากกว่าที่เธอคิดไว้มาก เธอทำตัวไม่ถูก กลัวจะทำให้เขารำคาญ ถ้าเขาไม่พอใจแล้วไล่เธอกลับก็คงไม่ดีแน่ๆ
“นั่งลงก่อน”
“ค่ะ”
“พี่ฤดีบอกว่าเธอจะมาดูแลฉันจนกว่าจะเปิดเทอมใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ปกติแล้วปิดเทอมที่ผ่านมาเธอทำอะไรบ้าง”
“ก็ช่วยแม่ขายของที่ร้านค่ะ”
“มาดูแลฉันแบบนี้แล้วตอนนี้ใครช่วยแม่ล่ะ”
“น้าศักดิ์ค่ะ”
“ขยายความหน่อยได้ไหม น้าศักดิ์เป็นใครมาจากไหน” แม้จะรู้จากพี่สาวมาบ้างแต่เขาก็อยากฟังจากปากของเจ้าตัวอีกครั้ง
“เรื่องมันยาวนะคะ”
“เธอก็เห็นว่าฉันมีเวลาว่างทั้งวัน เพราะฉะนั้นอยากเล่าอะไรก็เล่ามาเลย”
“คุณดลจะไม่รำคาญใช่ไหม”
“ถ้าฉันรำคาญฉันจะบอก โอเคไหม”
“โอเคค่ะ”
มีนาเล่าให้ชายหนุ่มฟังว่าตอนนี้ที่บ้านนอกจากจะมีเธอกับมารดาแล้วยังมีกิตติศักดิ์หรือน้าศักดิ์เข้ามาอยู่ด้วย ทำให้หญิงสาวค่อนข้างอึดอัดเพราะเขาเคยเมาแล้วเขาไปในห้องของเธอ อีกทั้งยังชอบมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เวลาที่เธอสวมกางเกงขาสั้น เรื่องนี้มีนาก็ย้ำกับชายหนุ่มว่าห้ามบอกใครโดยเฉพาะมารดาเพราะถ้ามารดาเธอรู้ก็อาจจะไล่เขาออกไปจากบ้าน
“เขายังไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม” นฤดลถามด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ เขาอาจจะแค่เมา และมีนาก็คงคิดมากไปเอง”
“เธอไม่ชอบเขา แต่ก็ไม่อยากให้เขาออกไปจากบ้านใช่ไหม”
“ค่ะ มีนาแค่ไม่ชอบ แต่ไม่ถึงกับเกลียดค่ะ เขาดีกับแม่นะคะ ตอนเช้าก็ตื่นตั้งแต่สี่ไปช่วยแม่ซื้อของในตลาด กลางวันก็ช่วยแม่ขายของ ล้างจาน เขาไม่เกี่ยงงานเลยค่ะ เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่แม่ยอมเปิดใจ มีนาเห็นแม่มีความสุขก็เลยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแม่”
“นี่เป็นเหตุผลที่เธออยากมาดูฉันหรือเปล่า เพราะจะได้ไม่ต้องอยู่ที่บ้าน”
“ไม่ใช่นะคะ มีนาอยากมาดูแลคุณดลจริงๆ นะคะ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมานอนที่นี่”
“แต่เธอก็เก็บของมาแล้ว”
“ค่ะมีมาเตรียมของมาสามวันก่อน ถ้าคุณดลยังไม่ได้กลับบ้านเร็วๆ นี้มีนาก็ไปเอาของที่บ้านมาเพิ่ม”
“ฉันไม่ทำให้เธอลำบากใช่ไหม”
“ไม่เลยค่ะ อยู่ที่นี่สบายกว่าอยู่ที่บ้านอีกค่ะ แอร์ก็เย็นกว่าที่ห้องของมีนาตั้งเยอะ แบบนี้ให้อยู่ตลอดเลยก็ยังได้ค่ะ”
“เธอพูดเหมือนกับฉันจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดอย่างนั้นแหละ หรือไม่อยากให้ฉันหาย”
“เปล่านะคะ มีนาไม่ได้คิดแบบนั้นก็แค่เปรียบเทียบเองค่ะว่าอยู่ที่นี่มีนาสบาย ไม่ได้ลำบากอะไรแล้วก็เต็มใจที่จะดูแลคุณดลนะคะ”
“งั้นก็ดี เดี๋ยวฉันจะนอนพักนะ เธออยากออกไปเดินเล่นหรือไปหาอะไรกินก็ได้นะ”
“งั้นมีนาขอลงไปซื้อขนมนะคะ คุณดลจะฝากเอาอะไรไหม หมอห้ามกินอะไรหรือเปล่า”
“เอากาแฟมาให้ได้ไหม”
“กินได้เหรอคะ แล้วถ้ากินกาแฟคุณดลจะได้นอนพักไหม จะนอนไม่หลับหรือเปล่า”
“ถ้าไม่ได้กินกาแฟฉันจะปวดหัว แต่กินไม่เยอะหรอกน่าแค่พอจิบๆ เอง”
“ก็ได้ค่ะ คุณดลกินกาแฟแบบไหน”
“อเมริกาโน่เย็น”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายของตนเองที่วางอยู่บนโซฟา
“มีนา เดี๋ยว”
“จะเอาอะไรเพิ่มคะ”
“เปิดลิ้นชักที่หัวเตียงให้หน่อย”
“ได้ค่ะ”
“เอาเงินในกระเป๋าไปซื้อนะ”
“คุณดลค่ะ แค่กาแฟเองมีนาเลี้ยงได้”
“ก็รู้ว่าแค่กาแฟ แต่ฉันไม่อยากเอาเปรียบเธอหรอกนะ อันที่จริงฉันควรให้ค่าจ้างเธอด้วยซ้ำที่มาดูแล”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณดลจ่ายค่าพยาบาลไปแล้ว และมีนาก็อาสามาเอง”
“เอาเงินในกระเป๋าไปสามพัน เอาไว้ซื้ออะไรกินช่วงที่อยู่ที่นี่ ถ้าไม่พอก็มาเอาเพิ่ม”
“เยอะจังค่ะ มีนากินหมดนั่นคงได้อ้วนกันพอดี”
“ฉันว่ากินอีกหลายพันเลยแหละกว่าเธอจะอ้วน เอาล่ะ อย่าพูดมากเลยรีบไปได้แล้ว”
“มีนาเอาไปสามพันตามที่คุณดลบอกนะคะ แต่มีนาจะจดไว้ว่าซื้ออะไรไปบ้าง”
“แล้วแต่เธอเลย” นฤดลไม่ห้ามเพราะดูแล้วมีนาก็คงไม่ยอมอะไรง่ายๆ เหมือนกัน
พอหญิงสาวเดินออกจากห้องไปแล้วเขาก็หลับตาลงอย่างอ่อนล้า นฤดลไม่เคยต้องอยู่นิ่งหลายๆ วันแบบนี้ เขารู้สึกเบื่ออยากกลับไปทำงาน แต่หมอก็ยังไม่อนุญาตให้กลับสักที
นฤดลไม่รู้ว่าตนเองหลับไปนานแค่ไหน เขารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็ตอนที่เสียงโทรศัพท์ของตนเองดังขึ้น เขากดรับสายและคุยกับเลขาอยู่นานก่อนจะวางสาย แล้วหันมาถามคนที่นั่งกินขนมอยู่บนโซฟา
“มีนา กลับมานานหรือยัง”
“ไม่ค่ะ ก่อนเสียงโทรศัพท์คุณดลจะดังไม่นานค่ะ คุณดลมียาก่อนอาหารนะคะ เดี๋ยวมีนาเอาให้”
“แล้วกาแฟฉันละ อย่าบอกนะว่าลืมซื้อมาให้”
“มาลืมหรอกค่ะ เดี๋ยวกินข้าวกลางวันเสร็จแล้วมีนาเอาให้นะคะ”
“แล้วเธอกินหรือยังล่ะ”
“มีนาไม่หิวค่ะ กินขนมไปแล้ว” มีนาพูดพลางส่งยาก่อนอาหารให้เขา
พยาบาลพิเศษเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร เขาถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม นฤดลเลยบอกให้เขาพาไปเข้าห้องน้ำก่อนจะทานอาหารกลางวัน
“เดี๋ยวบ่ายโมงคุณมีนาต้องไปเรียนทำแผลนะครับ” พยาบาลพิเศษบอกหญิงสาว ก่อนจะขอตัวออกไปรอข้างนอก
นฤดลนั่งทานอาอาหารเงียบๆ ขณะที่มีนาก็นั่งเล่นมือถือไปเรื่อย เขาเงยหน้าขึ้นมามองหลายครั้งก็เห็นหญิงสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหน้าจอจึงอดถามไม่ได้
“มีนา ดูอะไรอยู่เหรอ”
“มีนาดูซีรีส์ค่ะ”
“จอเล็กแบบนั้นสายตาไม่เสียเหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ มีนาไม่ได้ดูนานสักหน่อย คุณดลกินข้าวอิ่มแล้วเหรอคะ”
“อิ่มแล้ว”
“เอาผลไม้ไหมคะ เดี๋ยวมีนาเอาให้”
“ได้ เอากาแฟมาด้วยเลยนะ”
มีนาเอาผลไม้และกาแฟมาวางให้ชายหนุ่มแต่ยังไม่ทันจะเดินกลับไปเขาก็ชวนให้เธอทานผลไม้
“คุณดลกินเถอะค่ะ มีนาไม่อยากแย่งของคนไข่กิน”
“แย่งที่ไหนตั้งเยอะแยะ อ้อ แล้วเชอร์รี่น่ะ มีนากินได้เลยนะฉันไม่ชอบเลย”
“คุณดลจะไม่บอกใครใช่ไหมคะว่ามีแน่แย่งคุณดลกิน”
“แย่งที่ไหนฉันเป็นคนอนุญาต อยากกินอะไรก็กินได้เลยทุกอย่างในตู้เย็นนั่นแหละ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอก”
“มีนาไม่ตะกละขนาดกินของในตู้เย็นหมดหรอกนะคะ” หญิงสาวพูดพลางหยิบเชอร์รี่เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ชอบไหม”
“ค่ะ หวานอมเปรี้ยว คุณดลไม่ลองหน่อยเหรอคะ”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบผลไม้เปรี้ยว”
มีนาพยักหน้าเข้าใจเธอกำลังเรียนรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง เพราะเธอจะต้องอยู่กับแบบนี้ไปอีกสักพัก
“มีนาซื้อเค้กมาด้วยคุณดลกินไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ฉันอิ่มแล้ว ขอบใจนะ”
“เดี๋ยวมีนาจะเรียนทำแผลกับพี่พยาบาลนะคะ ถ้าคุณดลอยากเรียกใช้มีนาด่วนก็โทรหามีนาได้”
“ฉันยังไม่มีเบอร์โทรของเธอเลยนะมีนา”
“ส่งโทรศัพท์มาสิคะ เดี๋ยวมีนาเมมเบอร์ให้”
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่มีนาเข้ามาดูแลนฤดล ตอนนี้เธอสามารถทำแผลให้กับเขาได้โดยไม่ต้องให้พยาบาลคอยสอนแล้ว ถึงแม้จะทำช้าไปบ้างเพราะกลัวว่าเขาเจ็บ แต่นฤดลก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเห็นถึงความตั้งใจของหญิงสาว “คุณดลค่ะ บ่ายนี้มีนาขอไปเอาของที่บ้านนะคะ” “แล้วเธอไม่อยู่ตอนฉันทำกายภาพเหรอ แล้วฉันจะจับมือใคร” เพราะทุกครั้งที่นักกายภาพบำบัดเข้ามาบริหารร่างกายเขามักจะจับมือเธอไว้เสมอ ทั้งที่ไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่นฤดลก็อุ่นใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนคอยให้กำลังใจเขา “จับมือพี่พยาบาลไปก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวขากลับมีนาจะซื้อขนมมาฝาก” “ฉันไม่ใช่เด็กนะ” “แล้วคุณดลอยากกินอะไรล่ะคะ” “อยากกินราดหน้าฝีมือป้าแข ไปเอาที่บ้านให้หน่อยได้ไหม” “ได้ค่ะ คุณดลบอกป้าแขทำไว้รอได้เลยนะคะ เดี๋ยวมีนาไปเอาให้เอง ไม่น่าจะเกินห้าโมงเย็น” “แล้วจะไปยังไง” “นั่งรถเมล์ไปค่ะ” “ฉันว่ามันไม่สะดวกเลย เธอนั่งรถแท็กซี่ไปดีกว่าไหม ถ้านั่งรถเมล์แล้วต้องเดินเข้าซอยไปอีก บ้านฉันไม่ได้อยู่ต้นซอยนะ” “แต่ที่ปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์
มีนากลับมาถึงโรงพยาบาลก็ถึงเวลาอาหารเย็นของนฤดลพอดี หญิงสาวเตรียมราดหน้าใส่จานให้เขาและตัวเองก่อนจะลากโต๊ะคร่อมมาเตียงให้เขา ส่วนตัวเองก็มานั่งทานที่โต๊ะทานข้าว ระหว่างทานนฤดดลก็แอบมองหน้ามีนาไปด้วย เขารู้สึกว่ามีนามีอะไรบางอย่างในใจ แต่ไม่กล้าถามเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หลังจากทานอาหารพยาบาลมาเช็ดตัวและพาเข้าห้องน้ำอย่างเคย เพราะลำพังมีนาคนเดียวคงไม่สามารถพยุงเขาลงจากเตียงใต้ “ผมขอออกไปข้างนอกไปสุดอาการข้างนอกได้ไหมครับ” นฤดลถามพยาบาลหลังจากที่เขาเข้าห้องน้ำเสร็จและยังนั่งอยู่บนรถเข็น “ได้ครับ คุณดลจะไปไหนเดี๋ยวผมพาไปครับ” “ผมไม่อยากขึ้นไปที่สวนบนดาดฟ้า เขาให้ขึ้นไปใช่ไหมครับ” “ขึ้นได้ครับ” “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมให้มีนาพาไปเอง” “มีนา ว่าไงพาฉันขึ้นไปได้ไหม” “ได้ค่ะ บนนั้นสวยมากเลยค่ะ อากาศก็สดชื่นมากด้วย” “เคยขึ้นไปแล้วเหรอ” “ค่ะ มีนาขึ้นไปหลายครั้งแล้วตอนที่คุณดลให้พี่พยาบาลเช็ดตัว” “มีนา ถ้าไม่ไหวก็โทรลงมาตาพี่ได้นะ” “ค่ะพี่ก้อง”
หลังจากอยู่ที่โรงพยาบาลมาถึงสองเดือน เฝือกที่แขนและที่ขาก็ถูกถอดออกแต่ยังต้องใส่อุปกรณ์พยุงข้อเท้าไว้ พอนฤดลฝึกเดินด้วยไม้เท้าคล่อง หมอก็อนุญาตให้เขากลับบ้านได้ แต่แทนที่เขาจะกลับบ้านชายหนุ่มกลับตรงไปประชุมที่บริษัทก่อน ทำให้มีนาก็ต้องตามไปรอที่บริษัทด้วยเพราะหมอกำชับกับเธอมาว่าต้องคอยระวังไม่ให้ชายหนุ่มลงน้ำหนักที่เท้าซ้าย หญิงสาวจึงตามติดเขาตลอดเพราะกลัวเขาจะเผลอลงน้ำหนัก กว่านฤดลจะประชุมเสร็จมีนาก็นั่งสัปหงกไปแล้วหลายรอบ “มีนา” เสียงทุ้มเรียกคนที่กำลังหลับฝันดีอยู่บนโซฟา “ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ” “เสร็จแล้ว ดูท่าทางเธอจะง่วงมากเลยนะ ฉันบอกให้ไปรอที่บ้านก็ไม่เชื่อ” “ก็มีนามีหน้าที่ดูคุณดลจนกว่าจะหายสนิทนี่คะ แล้วคุณดลจะกลับบ้านเลยไหมหรือไปไหนต่อคะ” “ก็ต้องรีบกลับบ้านสิ ตอนนี้ฉันหิวมากคิดถึงกับข้าวฝีมือป้าแขด้วย” “เดินไหวไหมคะ” เพราะดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ชินกับไม้เท้าสักเท่าไหร่เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่พอเสนอให้ใช้รถเข็นนั่งชายหนุ่มก็ไม่ยอม “ไหวสิ แต่อาจช้าหน่อย มีนาเอาไอแพดกับแฟ้มที่วางบนโต๊ะมาด
กลับมาถึงบ้านหลังเล็กมีนาก็ช่วยนฤดลแกะอุปกรณ์ประคองข้อเท้าและผ้าที่พันไว้โดยรอบออกก่อนจะพาเขาเดินมาส่งที่หน้าห้องน้ำ โดยเธอเตรียมเก้าอี้และผ้าเช็ดตัวรอไว้แล้ว “คุณดลห้ามให้แผลโดนน้ำนะคะ” หญิงสาวย้ำกับเขาอีกครั้งเพราะตอนนี้แผลของชายหนุ่มใกล้จะหายดีแล้ว แต่หมอก็สั่งไว้ว่าห้ามโดนน้ำเด็ดขาด “มันจะโดนได้ยังไงก็เธอติดพลาสเตอร์กันน้ำไว้แล้ว แต่ถ้าน้ำเข้าไปในแผลมันก็เป็นความผิดของเธอนะมีนา” “แล้วคุณดลจะอาบทำไมล่ะคะ เช็ดตัวเอาก็ได้เดี๋ยวมีนาเช็ดให้เอง” “เช็ดตัวกับอาบน้ำมันสดชื่นต่างกันนะ ถ้าเธอมั่นใจว่าตัวเองปิดแผลอย่างดีก็ไม่เห็นต้องกังวล ออกไปรอฉันข้างนอกได้แล้วจะทำธุระส่วนตัวบ้าง”“มีนารอข้างนอก ถ้าคุณดลอยากได้อะไรก็ตะโกนเรียกนะคะ”“ไม่ต้องรอหรอก อีกครึ่งชั่วโมงค่อยเข้ามาประคองฉันก็ได้ เธอระหว่างรอเธอก็ไปอาบน้ำก่อน”“ได้ค่ะ” มีนารับคำก่อนจะกลับไปที่ห้องนอนของตนเอง จากนั้นก็รีบอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็วให้เร็วเพื่อจะมารับนฤดลออกจากห้องน้ำแต่ถึงแม้จะรีบยังไงก็ยังช้ากว่านฤดล เพราะตอนที่หญิงสาวเดินออกมาจากห้องนอนของตนเองนฤดลก็มานั่งอยู
มีนารีบขึ้นไปนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้หญิงสาวนอนไม่หลับถึงแม่ว่าเตียงนอนจะนุ่มและน่านอนกว่าโซฟาที่โรงพยาบาลหลายเท่า แต่เพราะเธอไม่ชินที่ต้องนอนคนเดียว เนื่องจากที่ผ่านมาสองเดือนเธอมีอีกคนหนึ่งนอนอยู่ด้วยในห้อง หญิงสาวจึงออกมาเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องของนฤดล พอเขาโทรหาเธอจึงรีบเปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ฝันดีนะมีนา” “ฝันดีค่ะคุณดล” ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีทั้งสองคนก็หลับลงอย่างง่ายดาย พอนอนได้สักพักมีนาก็ขยับเข้าหาความอบอุ่น จากที่นอนคนละด้านของเตียง ก็กลายเป็นว่าตอนนี้มีนาขยับมานอนซุกอยู่บนอกของเขา นฤดลรู้สึกตัวตื่นแต่เขาก็ไม่คิดจะปลุกให้เธอกลับไปนอนที่เดิม ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยากรบกวนคนที่กำลังนอนมีนารู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เช้า เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจเพราะตอนนี้ตนเองนั้นนอนอยู่บนหน้าอกของนฤดล แต่ยังโชคดีที่ไม่ใช่ข้างที่เขามีแผล หญิงสาวรีบขยับตัวออกอย่างเบาที่สุดเพราะกลัวว่าเขาจะตื่นมาเห็นว่าเธอกำลังกอดเขาอยู่หญิงสาวลงมาจากเตียงก่อนจะห่มผ้าให้เขา ส่วนตัวเองก็รีบกลับห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปที่บ้านหลังใหญ่เพื่
เช้านี้มีนาไม่ได้ทานอาหารในครัวเหมือนกับเมื่อวานเย็นคุณดวงกมลมองเธอเป็นเหมือนกับลูกหลานคนหนึ่ง ถึงแม้มีนาอยากจะนั่งทานในครัวมากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่กล้าขัดใจเจ้าของบ้าน “มีนาเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนหลับสบายไหม” “สบายค่ะพี่ฤดี เตียงที่นี่นุ่มกว่าโรงพยาบาลตั้งเยอะค่ะ” “แล้วดลล่ะเป็นไงบ้างได้กลับมานอนบ้านในรอบหลายเดือนเลยนะ” เพราะก่อนที่จะเกิดเรื่องนฤดลก็ขอย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดเพราะที่นั่นอยู่กึ่งกลางระหว่างบริษัทกับโรงเรียนที่ครอบครัวเป็นเจ้าของ “ก็ดีครับแม่ผมหลับยาวถึงเช้าเลย” “พ่อว่าดลรีบไปทำงานเกินไปหรือเปล่าเดินยังไม่คล่องเลยนะลูก” คุณประพันธ์พูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ไปประชุมและดูเอกสารนิดหน่อย” “มีนา ป้าฝากด้วยนะ” “ค่ะคุณป้า มีนาจะจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ” “ดีมากจ้ะมีนา” หลังทานอาหารเช้ามีนาก็นั่งรถตู้คันหรูออกจากบ้านโดยมีสมพงษ์สามีของชบาเป็นคนขับ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาถึงโรงเรียน “คุณดลให้ผมรอรับกลับหรือให้ผมกลับไปรอที่บ้านคร
เมื่อช่วยจนนฤดลได้ปลดปล่อยออกมาแล้วมีนาก็รีบลงจากเตียงของเขาและกลับมายังห้องของตนเอง หลังจากล้างมือที่เลอะไปด้วยคราบสีขาวขุ่นแล้วหญิงสาวก็ล้มตัวลงนอน แต่ใช่ว่าข่มตาหลับลงได้ เพราะภาพความใหญ่โตและใบหน้าของเขายามสุขสมยังคงติดอยู่ในความทรงจำ มีนาเข้าใจดีว่าเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ต้องปลดปล่อยและเขาก็นอนโรงพยาบาลมานานถึงสองเดือนพอถูกมือเธอกระตุ้นมันก็เลยตื่นตัว แต่สำหรับร่างกายของเธอตอนนี้ไม่ได้มีใครกระตุ้นเลยแต่กลับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะเป็นไข้ กว่าหญิงสาวจะข่มตาลงได้เกือบตีสี่ เช้านี้เธอจึงมีสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด “มีนา เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ ทำไม่เช้านี้ดูเหมือนยังง่วงอยู่” ดลฤดีถามหญิงสาวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว “ค่ะ เมื่อคืนมีนาฝันร้าย” มีนาตอบพลางหันไปมองต้นเหตุที่นั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ “วันนี้ดลไม่ต้องออกไปไหน มีนาจะแอบนอนกลางวันก็ได้นะ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ฤดี วันนี้มีนาว่าจะขออนุญาตกลับไปหาแม่สักหน่อย” “ดลมีอะไรจะต้องใช้งานหรือเปล่า” “ไม่มีครับ” “ขอบคุณค่ะคุณดล มีนาจะรับไป
มีนาทานอาหารเย็นกับมารดาที่ร้าน ก่อนจะเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านของนฤดล พอมาถึงเขาก็อาบน้ำและเข้าห้องนอนไปแล้ว หญิงสาวรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพื่อจะคุยกับเขาเรื่องไปเที่ยวกับเพื่อน แต่พอเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็พบว่าชายหนุ่มปิดไฟนอนแล้วเธอกลับมาที่ห้องของตนเองก่อนจะล้มตัวลงนอน ความง่วงที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อคืนบวกกับเสียงฝนที่กำลังตกทางด้านนอกทำให้มีนาหลับลงไปได้อย่างง่ายดายมีนานอนหลับไปไม่นานก็รู้สึกเหมือนมีคนเข้ามากอด หญิงสาวสะลึมสะลือแต่ยังไม่ลืมตาเพราะคิดว่าตนเองกลับมานอนที่บ้าน ซึ่งปกติแล้วถ้าฝนตกแบบนี้มารดามักจะเข้ามานอนด้วยอยู่เป็นประจำเนื่องจากเธอกลัวเสียงฟ้าร้อง“ขอบคุณนะคะแม่ ที่เข้ามานอนด้วย ถึงมีนาโตแล้วแต่มีนาก็ไม่ค่อยชอบเสียงฟ้าร้อง” หญิงสาวพูดเหมือนคนละเมอแต่พอนอนไปสักพักก็รู้สึกว่าคนที่มานอนข้างๆ กำลังลูบไล้ฝ่ามือไปตามลำตัวของตนซึ่งผิดไปจากมารดาที่จะเข้ามาแค่นอนกอดเพียงอย่างเดียวเท่านั้นมีนารีบลุกขึ้นเปิดไฟที่หัวเตียงแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้คนที่นอนกอดเธออยู่ไม่ใช่มารดาอย่างที่คิด“พี่ดล”“พี่เอง ขอโทษทีทำให้มีนาตกใจตื่น”“พี่เข้ามาได้ยังไง แล้วเข้ามา
“ไม่ค่ะ ยังไงพิมพ์ก็ไม่หย่า”“แต่ผมไม่อยากยื้ออีกต่อไปแล้วนะ คุณไม่มีความสุข ผมก็ไม่มีความสุข”“คุณจะรีบหย่าแล้วไปหาเด็กนั่นเหรอคะ เราคุยกันแล้วนี่ดลว่าเราจะแต่งงานกันสองปี ถึงตอนนั้นคุณค่อยมาคุยเรื่องหย่าดีกว่าไหมคะ”“ถ้าคุณไม่ยอมหย่าผมจะฟ้องหย่า”“คิดดีแล้วเหรอคะดล คุณจะเอาความสุขส่วนตัวมาแลกกับชื่อเสียงของครอบครัวเหรอคะ”“คุณคงคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแต่บางครั้งไพ่มันก็เปลี่ยนได้นะพิมพ์”“หมายความว่ายังไงคะ”“ผมมีหลักฐานที่จะฟ้องหย่าคุณได้ ถ้าคุณไม่ยอมจบแบบเงียบๆ”“ถ้าคุณคิดว่ามันคุ้มกับชื่อเสียงก็เอาสิคะ ถ้าคุณฟ้องหย่าพิมพ์ก็จะบอกเรื่องของคุณให้ทุกคนรู้ พิมพ์คงได้รับความเห็นใจมากๆ ใครจะคิดล่ะคะว่าคุณนฤดลที่แสนจะเพอร์เฟกต์จะมีอีหนูซ่อนไว้”“เรื่องแบบนี้ผู้ชายก็มีกันทั้งนั้น แต่ถ้าคนอื่นรู้ว่าคุณก็หนีสามีไปแต่งงานละ มันจะน่าสนใจกว่าไหม”“ดลหมายถึงอะไร” พิมพ์ปภัสเริ่มร้อนตัว“เรื่องที่คุณพาผู้ชายเข้ามาที่บ้าน ผมไม่ว่าอะไรเลยเพราะมันเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ที่คุณควงกันไปเที่ยวต่างประเทศแล้วไปแต่งงานที่นู่น คุณคิดเหรอว่ามันเป็นความลับ”“ดลพูดเรื่องอะไรคะ” พิมพ์ปภัสคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจ
ดลฤดีกลับมาถึงเมืองไทยก็รีบเข้าไปคุยเรื่องสำคัญกับมารดาทันทีโดยที่ยังไม่ทันจะเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บ“เรื่องด่วนอะไรกันหรือว่ามีนาเป็นอะไร” คุณดวงกมลถามลูกสาวขณะที่ถูกเร่งให้เดินเข้ามาในห้องทำงานของบิดาซึ่งตอนนี้เจ้าของห้องนั้นไปรดน้ำกล้วยไม้อยู่ที่เรือนเพาะชำ“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมีนาค่ะ มีนาสบายดีทุกอย่างไม่มีปัญหา”“แล้วมันเรื่องด่วนอะไรกันล่ะ”“แม่นั่งก่อนนะคะ”พอให้มารดานั่งและหายาดมมาไว้ใกล้ตัวแล้วก็รีบเล่าเรื่องที่ตัวเองไปเจอมา ทั้งเรื่องที่โรงแรมและเรื่องที่ร้านอาหารในเวกัส“ตาฝาดไปหรือเปล่าลูก เมื่อวานแม่ยังคุยกับน้องอยู่เลย น้องบอกว่าออกมาทานข้าวกับเมียเขา”“แต่ฤดีมีรูปนะคะ นี่ค่ะ” เธอส่งทั้งรูปทั้งคลิปให้มารดาดูซึ่งทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ก็ชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พิมพ์ปภัส“แม่ไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยัยไง ตอนแต่งงานก็เห็นว่ารักกันดี นี่ลูกชายแม่กำลังโดนหลอกใช่ไหม” หญิงสูงวัยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า“ฤดีว่าแม่ลองเรียกน้องเข้ามาที่บ้านดีไหม”“แม่ไม่อยากเห็นน้องต้องเสียใจอีกเลย เวรกรรมอะไรกันนะถึงได้มาเจอเรื่องแบบนี้”“แม่ไม่อยากให้น้องรู
มีนาเดินทางมาถึงอเมริกาได้หลายวันแล้ว หญิงสาวเข้าพักที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนสอนภาษา ส่วนดลฤดีนั้นพักที่โรงแรมใกล้ๆ เพราะอยากให้มีนาลองใช้ชีวิตคนเดียวระหว่างนี้เธอกับสามีก็ไปดูงานที่โรงเรียนซึ่งใช้เป็นต้นแบบในการจัดการเรียนการสอน ก่อนที่จะพากันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ“พี่วัฒน์คะ”“ครับ”“ฤดีว่าเห็นคนรู้จักนะคะ แต่พี่อย่าเพิ่งหันไปนะคะ นั่งนิ่งๆ ก่อนเดี๋ยวเขาจะรู้ตัวค่ะ”“ให้พี่นั่งนิ่งแล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนรู้จักของเราไหม” ธนวัฒน์ถามภรรยาอย่างไม่เข้าใจ เพราะถ้าเขาไม่หันไปดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนที่ตนเองรู้จักไหม“เชื่อฤดีนะคะ นั่งอยู่แบบนี้ก่อน” ดลฤดีบอกสามีจากนั้นเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นเหมือนกำลังถ่ายรูปของธนวัฒน์ แต่ทว่าเธอกำลังซูมกล้องไปไกลกว่านั้นหญิงสาวนึกขอบคุณโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่สามารถซูมได้มากจนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่เธอเห็นนั้นใช่คนที่เธอรู้จักไหมดลฤดีกดถ่ายรูป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายวิดีโอจนกระทั่งเธอคนนั้นเดินหายเข้าไปในลิฟต์“พี่วัฒน์ดูนี่นะคะ” เธอส่งโทรศัพท์ให้สามีดูภาพที่ตนเองถ่ายไว้“นี่มันน้องพิมพ์นี่ครับ ผมไม่รู้เลยว่าเธอมาเที่ยว
นฤดลแอบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอยากคุยกับเธอแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เขาคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมานานเกินครึ่งปีนั้นจะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อมีนาลดน้อยลงแต่มันกลับตรงกันข้ามเพราะเขายังรักและคิดถึงเธออาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อลองเปรียบเทียบกับครั้งที่ตัวเองตามหาพิมพ์ปภัสไม่เจอมันต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งๆ ที่ตนเองแต่งงานไปแล้วและควรมีความสุขกับคนรักที่รอคอย แต่ในทุกๆ วันในใจของเขายังคงนึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองมีความสุขกับมีนาอยู่ตลอด“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนมีนารอก่อนนะ”“ค่ะพี่ฤดี” มีนานั่งรอดลฤดีที่ห้องรับแขกขณะที่คนอื่นก็ต่างก็กลับห้องของตัวเองไปกันหมดแล้ว“มีนาสบายดีไหม” ในที่สุดเขาก็เปิดปากถาม“ค่ะ คุณดลล่ะคะ”“พี่สบายดี” เขายังแทนตัวเองเหมือนเดิมขณะที่อีกคนนั้นเปลี่ยนสรรพนามไป“แม่บอกว่าปิดเทอมใหญ่มีนาจะไปเรียนภาษาเหรอ” เขาพยายามจะชวนเธอคุย อย่างน้อยตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านของตนเองมันไม่ได้น่าเกลียดอะไรถ้าจะพูดคุยกันบ้าง“ค่ะ”“มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้นะ”“ขอบคุณค่ะ”“มีนายังโกรธพี่อยู่เหรอ”“เปล่าค่ะ”“แต่เหมือนมีนาไม่อยากคุยกับพี่เลยนะ” เพราะการถามคำตอบคำแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของหญิงสาวท
ทางด้านมีนาที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 3 หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจใครอื่น แม้จะมีคนเข้ามาจีบแต่มีนาก็ปิดตายหัวใจ เธอทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนักและวางแผนเอาไว้แล้วว่าถ้าเรียนจบจะเข้าไปช่วยคุณดลฤดีทำงานที่โรงเรียน ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนที่นฤดลบริหาร แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานในเมื่ออีกคนแต่งงานไปแล้วเรื่องราวของเธอกับเขาก็จบลงไปด้วย ไม่มีการติดต่อไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ทางไลน์หรือทางข้อความ เขาและเธอทำเหมือนอยู่กันคนละโลก แม้จะเจอกันก็แค่ทักทายตามมารยาทเท่านั้นใช่ว่ามีนาจะไม่เสียใจที่ถูกเขาหลอก แต่ชีวิตของเธอจะต้องก้าวไปข้างหน้าต่อ ถ้ามัวแต่ยึดติดกับเรื่องราวที่ผิดหวังในอดีตเธอก็คงหาความสุขให้กับตนเองไม่ได้ แม้จะรักเขามากแค่ไหน แต่ถ้ามันเจ็บเธอก็ต้องยอมตัดใจ หญิงสาวคิดได้แล้วว่าการอยู่โดยไม่มีคนรักมันไม่ได้เลวร้ายเลยสักนิดมีนายังคงไปมาหาสู่ที่บ้านหลังนั้นอยู่ตลอด เพราะเธอรักและเคารพทุกคนที่นั่น อีกอย่างตอนนี้นฤดลก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกกับภรรยาแล้ว เธอจึงไม่มีโอกาสได้เจอเขาบ่อยนัก“เรื่องฝึกงานมีนาตัดสินใจหรือยังว่าจะฝึกที่ไหน อาจารย์ว่ายังไงบ้าง” ดลฤดีถามขณ
งานแต่งงานของนฤดลถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่มาร่วมงานต่างพากันชื่นชมเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่าเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก “ดลคะ ยิ้มหน่อยสิคะ แขกมากันเยอะแล้วนะ” พิมพ์ปภัสบอกเจ้าบ่าวที่เอาแต่ทำหน้านิ่ง “ผมจะยิ้มก็ต่อเมื่อผมอยากยิ้ม คุณอย่ามาบังคับผม แค่เรื่องแต่งงานมันก็มากเกินไปแล้ว” “แต่วันนี้วันแต่งงานของเรานะคะ” “ผมว่ามันเป็นงานของคุณคนเดียวต่างหากล่ะ” นฤดลพูดพลางทำหน้าเบื่อโลกยิ่งกว่าเดิม “ดลคะ เราแต่งงานกันแล้วนะ พิมพ์ว่าดลเลิกคิดที่จะกลับไปหาเด็กมีนานั่นได้แล้ว” “ผมไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้น ผมก็แค่เบื่อที่จะต้องปั้นหน้าว่ามีความสุข” ที่เขาทำหน้าเบื่อก็เพราะไม่คิดว่างานแต่งของตนจะจัดใหญ่แบบนี้ “อดทนอีกนิดสิคะ เดี๋ยวก็ถึงเวลาเข้าหอแล้ว พิมพ์รับรองว่าดลจะมีความสุขและลืมผู้หญิงทุกคนอย่างแน่นอน” พิมพ์ปภัสกล่าวอย่างมั่นใจ เธอจะต้องทำให้นฤดลลืมผู้หญิงที่ชื่อมีนาให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะถึงกำหนดที่เขากับเธอตกลงกันไว้ “ผมบอกเหรอครับว่าจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ” “ดลค่ะ คุณเป็นผู้ชายนะ จะอดทนได้แค่ไหนกั
ความรู้สึกหวงแหนและหลงใหลผสมปนเปกันไปหมด นฤดลมองหน้าอกอวบอิ่มและกลีบกุหลาบสีสวยสลับกันไปมาพลางกลืนน้ำลายลงคอ มีนาเห็นสายตาของเขาแล้วก็รู้สึกร้อนไปทั้งร่างกาย ตาคู่สวยสำรวจไปตามแผงอกและกล้ามท้องก่อนจะมองต่ำลงไปยังสัดส่วนความเป็นชายที่แข็งตระหง่าน สัดส่วนที่มอบความสุขให้เธอมาหลายครั้ง ตอนนี้ร่างกายหญิงสาวกำลังต้องการให้เขามาเติมเต็มอย่างห้ามไม่อยู่นฤดลก้มลงไปจูบกับเธออีกครั้ง จูบครั้งนี้ของเขามันอ่อนหวานและเรียกร้องจนมีนารู้สึกว่าเขากลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง หญิงสาวตอบกลับไปอย่างเร่าร้อนสร้างความพอใจจนเขาครางต่ำอยู่ในลำคอ“มีนา อย่าลืมพี่นะ อย่าลืมว่าเรามีความสุขมากแค่ไหน”เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากร้อนต่ำลงไปเรื่อยๆ จนมาถึงความอวบอิ่มตรงหน้าสองมือกอบกุมเคล้นคลึง ก่อนจะส่งลิ้นไปสัมผัสปทุมถันที่แข็งเป็นไตชูชัน มีนาผวาร่างแอ่นโค้งเข้าหาปากร้อนให้เขาได้ดูดกินอย่างไม่มีหวงห้ามนฤดลขบเม้มดูดกลืนความอวบอิ่มตรงหน้าสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่ปรานี ข้างหนึ่งตวัดลิ้นรัวเร็ว อีกข้างก็ใช้ปลายนิ้วปลุกเร้าไปบนเม็ดทับทิมสีสวยอย่างไม่มีพักชายหนุ่มใช้เขาดันเรียว
มีนาเปิดประตูห้องเขาไปเธอหวังว่าจะเห็นเขารออยู่ แต่ทั้งห้องก็ว่างเปล่า หญิงสาวเข้าไปในห้องนอนเก็บของใช้เคยลืมทิ้งไว้ลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่าคงไม่มาที่นี่อีกแล้วและไม่อยากเจอกับนฤดลอีกต่อไป พอตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรของตนเองทิ้งไว้ที่นี่แล้วเธอก็เปิดประตูห้องเพื่อจะกลับ แต่เปิดประตูออกก็เจอกับนฤดลที่เพิ่งมาถึง “มีนา จะไปไหน” “ก็กลับสิคะ พี่ดลนัดแล้วไม่ตรงเวลาเอง” “เดี๋ยวสิ เราต้องคุยกันนะมีนา” “มีอะไรต้องคุยล่ะคะ พี่กำลังจะแต่งงานก็ไม่ควรติดต่อกับมีนาอีก” “รอพี่ได้ไหมมีนา พี่ของเวลาเคลียร์ตัวเองก่อน” “มันไม่มีอะไรต้องเคลียร์แล้วค่ะ ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วพี่กำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้น ส่วนมีนาก็แค่นางบำเรอของพี่ ตอนนี้ตัวจริงของพี่กลับมาแล้ว พี่ก็ควรปล่อยให้มีนาออกไปจากชีวิตพี่”“แต่พี่รักมีนานะครับ” นฤดลเดินมาขวางแล้วกอดเธอไว้แน่น“คำว่ารักใครก็พูดได้ค่ะ มีนาดูที่การกระทำ ปล่อยมีนาไปเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดกับเขาทั้งน้ำตาขณะที่เขาก็กอดเธอแรงมากขึ้น“สัญญาได้ไหมว่าจะรอพี่”“เพื่ออะไรล่ะคะ จะให้มีนารอคนที
เปิดเทอมมาสองสัปดาห์แล้วมีนายังไม่มีโอกาสเข้าไปที่บ้านของนฤดลเลยสักครั้งเพราะเธอทั้งเรียนและทำกิจกรรมรับน้องเนื่องจากรุ่นพี่ปีสี่นั้นออกไปฝึกสอนนอกมหาวิทยาลัยกันหมด แต่เธอยังโทรหาเขาทุกวันคุยกับเขาก่อนนอนทุกคืนอย่างเคย “แม่คะ บ่ายนี้มีนาขอไปบ้านคุณท่านได้ไหมคะแม่” “ได้จ้ะ แล้วจะไปค้างที่นั่นไหม” “คงไม่ค่ะแม่ ตอนนี้คุณท่านน่าจะหายดีแล้ว” “ถ้าไม่ค้างก็อย่ากลับดึกมากนะ แม่เป็นห่วง” “ค่ะแม่” หญิงสาวรีบล้างจานที่ยังเหลืออยู่ไม่กี่ใบจนเสร็จจากนั้นก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะนั่งแท็กซี่เพื่อตรงไปยังบ้านของคนรัก ซึ่งเธอรู้ดีว่าบ่ายวันเสาร์แบบนี้เขาไม่ออกไปไหน มีนาเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจเพราะปกติแล้ววันเสาร์แบบนี้สมาชิกในบ้านจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่วันนี้ที่บ้านดูเงียบมาก ก่อนจะมาที่นี่เธอไม่ได้ถามนฤดลว่าเขาอยู่บ้านหรือเปล่าเพราะอยากทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอแปลกใจเสียเองเพราะมาแล้วไม่เจอใคร “สวัสดีค่ะป้าแข พี่ชบา” หญิงสาวเดินเข้ามาถึงในครัวแล้วกล่าวทักทายทั้งสองคนพร้อมท