เช้าวันใหม่มีนาจัดของใช้ที่จำเป็นและเสื้อผ้าสำหรับนอนที่โรงพยาบาลลงกระเป๋าจากนั้นลงก็มานั่งรอที่หน้าร้าน ซึ่งตอนนี้มีลูกค้าขาประจำมานั่งทานตั้งแต่ร้านเปิดในเวลาเจ็ดโมงเช้า
“ไปดูแลคุณดลจริงๆ นะมีนา ไม่ใช่ว่าเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์นะลูก” มุกดาเตือนลูกสาวเพราะเข้าใจดีว่าเด็กวัยรุ่นมักจะติดโทรศัพท์และไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้าง
“แต่ถ้าคุณดลหลับ มีนาก็เล่นได้ใช่ไหมคะ”
“จ้ะ แล้วหนูเตรียมของไปค้างที่โรงพยาบาลกี่คืนล่ะลูก”
“พี่ฤดีบอกสามคืนค่ะ ถ้าต้องอยู่ต่อค่อยกลับมาเอาเพิ่มค่ะแม่”
“จ้ะลูก ถ้าหนูอยากได้อะไรเพิ่มก็โทรมาบอกนะเดี๋ยวแม่จะเอาไปให้ก็ได้”
“ค่ะแม่ มีนาไปก่อนนะคะ ตอนเย็นมีนาจะโทรหานะคะแม่” หญิงสาวรีบบอกมารดาเมื่อเห็นรถมาจอดที่หน้าร้าน
แต่หญิงสาวยังเดินมาไม่ถึงรถดลฤดีก็เปิดประตูลงมาก่อน
“สวัสดีค่ะพี่ฤดี” มีนายกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีจ้ะมีนา ไปรอบนรถเลยพี่ขอคุยกับแม่หนูสักหน่อย”
“ได้ค่ะพี่ฤดี”
พอมีนาขึ้นรถเรียบร้อยแล้วดลฤดีก็เดินมาหามุกดาที่กำลังคิดเงินลูกค้าคนหนึ่ง
“คุณฤดี สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะน้ามุกดา ลูกค้าเยอะแต่เช้าเลยนะคะ ถ้ามีนาไม่อยู่น้ามุกดาคงเหนื่อยมากขึ้น”
“ไม่หรอกคุณฤดี ลูกค้าจะเยอะแค่เช้า กลางวันเท่านั้นเองค่ะ ให้มีนาไปช่วยดูแลคุณดลดีกว่าค่ะ หรือถ้าคุณดลหายแล้วจะให้ไปช่วยงานที่บริษัทหรือที่โรงเรียนก็ได้นะคะ”
“น้ามุกดาคะ ไม่รู้ว่าฤดีคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนน้าไม่อยากให้มีนาอยู่ที่นี่”
“มีใครบ้างไม่อยากลูกสาวอยู่ด้วยนะคะคุณฤดี น้ากับมีนาอยู่ด้วยกันมาตลอด” พูดพลางหันไปมองสามีที่นั่งดูทีวีอยู่ในร้าน
“แต่ตอนนี้บางอย่างมันไม่เหมือนเดิมใช่ไหมคะ” ดลฤดีพอจะมองออกว่ามุกดากำลังรู้สึกอึดอัดกับอะไรบางอย่าง
“ค่ะ น้าเป็นห่วงมีนา”
“ฤดีกับแม่คุยกันแล้วนะคะ เราให้มีนาไปดูแลตาดลที่โรงพยาบาลก่อน พอเขาออกจากโรงพยาบาลก็ให้ตามไปดูแลที่บ้าน ถ้าน้าไม่ว่าอะไรให้มีนาไปอยู่ที่บ้านฤดีก็ได้นะคะ ที่นั่นยังมีห้องว่างอีกเยอะ”
“น้าคงไม่รบกวนมากขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ช่วงปิดเทอมก็พอ น้าว่าถ้าเปิดเทอมจะลองคุยกับมีนาให้ย้ายออกไปอยู่หอก่อน ไม่ใช่ว่าน้าเลือกผู้ชายมากกว่าลูกนะคะ แต่ถ้ามีนายังอยู่ที่นี่แล้วไล่เขาออกไป น้าก็กลัวเขาจะแค้นแล้วกลับมาทำอะไรเราสองแม่ลูก อีกอย่างเขาก็ช่วยงานที่ร้านได้ดี
“จะไปอยู่หอให้เสียเงินทำไมล่ะคะ ไปอยู่ที่บ้านฤดีก็ได้”
“น้าเกรงใจค่ะ”
“น้ามุกดาอย่าเกรงใจเลยนะคะ ดีเสียอีกมีนาไปอยู่ที่บ้าน ฤดีจะได้เรียกให้มาช่วยงานได้สะดวก”
“น้ายังไม่ได้คุยกับมีนาเลย”
“ถ้าน้าไม่ว่าอะไร ฤดีขอชวนมีนาเองนะคะ”
“ได้ค่ะ น้าตามใจลูก”
“น้ามุกดาค่ะ ฤดีขอถามอะไรหน่อยได้ไหม มันอาจจะเสียมารยาทไปสักหน่อย”
“ได้สิคะ คุณฤดีถามน้าได้ทุกเรื่องเลยค่ะ”
“พ่อเลี้ยงของมีนาเคยทำร้ายน้าฤดีกับมีนาไหมคะ”
“ไม่ค่ะ เขาไม่เคยทำร้ายเราสองคนแม่ลูก น้ากับเขารู้จักกันมานานแล้วแค่ แต่ก่อนเขาขับรถให้กับบริษัทหนึ่ง แต่มีปัญหากับเจ้านายก็เลยออกมาช่วยน้าขายของ”
ดลฤดีฟังแล้วก็โล่งใจที่อย่างน้อยผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่วางใจเสียทีเดียว มีนานั้นไม่ใช่เด็กสาวทั่วไป เพราะเธอมีทั้งใบหน้าและเรือนร่างที่ใครเห็นก็ต้องมองเหลียวหลัง
มีนาและดลฤดีมาถึงห้องพักพยาบาลเช็ดตัวชายหนุ่มเสร็จพอดี
“สวัสดีค่ะคุณดล” มีนายกมือไหว้
“นี่เอาจริงเหรอมีนา” นฤดลเห็นหญิงสาวถือกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาก็ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เมื่อวานเขาคิดว่าหญิงสาวพูดเล่นไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้เขาเครียด
“ค่ะ คุณดลไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจแล้วนะคะ”
“มีนานอนโรงพยาบาลมันไม่สนุกหรอกนะ น่าเบื่อจะตาย” นฤดลทำหน้าไม่ถูก ถ้าเขาให้เธออยู่ดูแล แล้วเธอต้องเช็ดตัวให้เขาเหมือนที่พยาบาลผู้ชายเพิ่งทำไปมันคงไม่ดีแน่ๆ
“มีนาเก็บของมาแล้วจะไล่น้องกลับเหรอดล”
“เปล่าครับ ผมก็แค่ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้นเอง ถ้าเกิดมานอนเฝ้าแล้วกลางคืนกลัวผีขึ้นมาละครับ”
“มีนาใช่เด็กนะคะที่จะกลัวผี ถ้ามีจริงเมื่อคืนคุณดลก็น่าจะโดนผีหลอกไปแล้วค่ะ”
“วันนี้พี่ไม่เข้ามาแล้วนะว่าจะไปดูโรงงานแล้วเข้าไปประชุมที่โรงเรียน เดี๋ยวช่วงบ่ายจะให้คนเอาเอกสารมาให้”
“ครับพี่”
“มีนาพี่ไปก่อนนะ มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดเลย ถ้าเขาดื้อมากก็จัดการได้เลย”
“ค่ะ แล้วมีนาต้องไปเรียนทำแผลตอนไหนคะ”
“พี่ไม่แน่ใจเหมือนกัน มีนาลองไปถามที่เคาน์เตอร์พยาบาลข้างนะละกัน”
“ได้ค่ะ งั้นมีนาขอไปถามก่อนนะคะ”
พอมีนาออกไปแล้วดลฤดีก็เดินเข้ามาคุยกับน้องชาย
“ดล ไม่อึดอัดใช่ไหม ถ้ามีนาจะมาอยู่ด้วย”
“ไม่หรอกครับพี่ พี่มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่ไม่อยากให้เรารังเกียจน้อง พี่อยากมีนาอยู่กับดลที่นี่แล้วถ้าออกจากโรงพยาบาลก็จะให้ตามไปดูแลอย่างน้อยก็จนกว่าจะเปิดเทอม”
“แม่เขาจะไม่ว่าเอาเหรอครับ”
“ไม่หรอก พี่คุยกับน้ามุกดาแล้ว ตอนนี้ที่บ้านของมีนา มีสามีของน้ามุกดาย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ก็เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”
“พี่กลัวว่าพ่อเลี้ยงจะทำอะไรมีนาใช่ไหมครับ”
“ก็ประมาณนั้น พี่คุยกับแม่แล้วว่าอยากจะให้มีนาไปอยู่ที่บ้านเรา ดลอย่าทำให้น้องรู้สึกอึดอัดนะ อย่างน้อยที่บ้านเราก็ปลอดภัยกว่า”
“ผมจะพยายามนะครับ แต่พี่ก็รู้ว่าผมขี้รำคาญและไม่ค่อยชอบให้ใครวุ่นวาย”
“พี่รู้ พี่ถึงบอกให้ดลใจเย็น อะไรที่ไม่ชอบก็บอกน้องไปตรงๆ อย่าเพิ่งดุ พี่เชื่อว่ามีนาเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย คงไม่ทำให้ดลอึดอัดมากหรอก”
“ครับพี่” นฤดลรับปากพี่สาวทั้งๆ ที่ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าตัวเองจะอยู่กับมีนาได้นานแค่ไหน เขากับพี่สาวต้องหยุดคุยกันก่อนเพราะมีนาเดินกลับเข้ามาพอดี
“มีนา พยาบาลว่ายังไงบ้าง”
“เขาบอกให้มีนาไปเรียนตอนบ่ายค่ะ ช่วงเช้าเขาไม่ว่าง แล้วพยาบาลพิเศษไปไหนแล้วล่ะคะคุณดล”
“ฉันให้เขาออกไปรอข้างนอก”
“เขาจะโกรธมีนาไหมคะ ที่มาแย่งงานเขา”
“ไม่หรอก ฉันยังจ้างเขาเหมือนเดิม แต่ให้เขารอที่หน้าเคาน์เตอร์ถ้าอยากให้เขาช่วยก็แค่กดออด”
“อ๋อ” มีนาพยักหน้าเข้าใจ
พอดลฤดีกลับไปแล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ มีนาปอกผลไม้ใส่กล่องพลาสติกแช่ตู้เย็นไว้ จากนั้นก็กลับมานั่งเงียบ สายตามองระหว่างนฤดลกับมือถือสลับกันไปมา “มีนา มาตรงนี้หน่อย” “ค่ะ คุณดลมีอะไรจะใช้มีนาคะ” หญิงสาวรีบลุกมาหาเขาอย่างกระตือรือร้น การได้อยู่กับเขาตามลำพังมันยากกว่าที่เธอคิดไว้มาก เธอทำตัวไม่ถูก กลัวจะทำให้เขารำคาญ ถ้าเขาไม่พอใจแล้วไล่เธอกลับก็คงไม่ดีแน่ๆ “นั่งลงก่อน” “ค่ะ” “พี่ฤดีบอกว่าเธอจะมาดูแลฉันจนกว่าจะเปิดเทอมใช่ไหม” “ค่ะ” “ปกติแล้วปิดเทอมที่ผ่านมาเธอทำอะไรบ้าง” “ก็ช่วยแม่ขายของที่ร้านค่ะ” “มาดูแลฉันแบบนี้แล้วตอนนี้ใครช่วยแม่ล่ะ” “น้าศักดิ์ค่ะ” “ขยายความหน่อยได้ไหม น้าศักดิ์เป็นใครมาจากไหน” แม้จะรู้จากพี่สาวมาบ้างแต่เขาก็อยากฟังจากปากของเจ้าตัวอีกครั้ง “เรื่องมันยาวนะคะ” “เธอก็เห็นว่าฉันมีเวลาว่างทั้งวัน เพราะฉะนั้นอยากเล่าอะไรก็เล่ามาเลย” “คุณดลจะไม่รำคาญใช่ไหม” “ถ้าฉันรำคาญฉันจะบอก โอเคไหม”
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่มีนาเข้ามาดูแลนฤดล ตอนนี้เธอสามารถทำแผลให้กับเขาได้โดยไม่ต้องให้พยาบาลคอยสอนแล้ว ถึงแม้จะทำช้าไปบ้างเพราะกลัวว่าเขาเจ็บ แต่นฤดลก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเห็นถึงความตั้งใจของหญิงสาว “คุณดลค่ะ บ่ายนี้มีนาขอไปเอาของที่บ้านนะคะ” “แล้วเธอไม่อยู่ตอนฉันทำกายภาพเหรอ แล้วฉันจะจับมือใคร” เพราะทุกครั้งที่นักกายภาพบำบัดเข้ามาบริหารร่างกายเขามักจะจับมือเธอไว้เสมอ ทั้งที่ไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่นฤดลก็อุ่นใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนคอยให้กำลังใจเขา “จับมือพี่พยาบาลไปก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวขากลับมีนาจะซื้อขนมมาฝาก” “ฉันไม่ใช่เด็กนะ” “แล้วคุณดลอยากกินอะไรล่ะคะ” “อยากกินราดหน้าฝีมือป้าแข ไปเอาที่บ้านให้หน่อยได้ไหม” “ได้ค่ะ คุณดลบอกป้าแขทำไว้รอได้เลยนะคะ เดี๋ยวมีนาไปเอาให้เอง ไม่น่าจะเกินห้าโมงเย็น” “แล้วจะไปยังไง” “นั่งรถเมล์ไปค่ะ” “ฉันว่ามันไม่สะดวกเลย เธอนั่งรถแท็กซี่ไปดีกว่าไหม ถ้านั่งรถเมล์แล้วต้องเดินเข้าซอยไปอีก บ้านฉันไม่ได้อยู่ต้นซอยนะ” “แต่ที่ปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์
มีนากลับมาถึงโรงพยาบาลก็ถึงเวลาอาหารเย็นของนฤดลพอดี หญิงสาวเตรียมราดหน้าใส่จานให้เขาและตัวเองก่อนจะลากโต๊ะคร่อมมาเตียงให้เขา ส่วนตัวเองก็มานั่งทานที่โต๊ะทานข้าว ระหว่างทานนฤดดลก็แอบมองหน้ามีนาไปด้วย เขารู้สึกว่ามีนามีอะไรบางอย่างในใจ แต่ไม่กล้าถามเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หลังจากทานอาหารพยาบาลมาเช็ดตัวและพาเข้าห้องน้ำอย่างเคย เพราะลำพังมีนาคนเดียวคงไม่สามารถพยุงเขาลงจากเตียงใต้ “ผมขอออกไปข้างนอกไปสุดอาการข้างนอกได้ไหมครับ” นฤดลถามพยาบาลหลังจากที่เขาเข้าห้องน้ำเสร็จและยังนั่งอยู่บนรถเข็น “ได้ครับ คุณดลจะไปไหนเดี๋ยวผมพาไปครับ” “ผมไม่อยากขึ้นไปที่สวนบนดาดฟ้า เขาให้ขึ้นไปใช่ไหมครับ” “ขึ้นได้ครับ” “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมให้มีนาพาไปเอง” “มีนา ว่าไงพาฉันขึ้นไปได้ไหม” “ได้ค่ะ บนนั้นสวยมากเลยค่ะ อากาศก็สดชื่นมากด้วย” “เคยขึ้นไปแล้วเหรอ” “ค่ะ มีนาขึ้นไปหลายครั้งแล้วตอนที่คุณดลให้พี่พยาบาลเช็ดตัว” “มีนา ถ้าไม่ไหวก็โทรลงมาตาพี่ได้นะ” “ค่ะพี่ก้อง”
หลังจากอยู่ที่โรงพยาบาลมาถึงสองเดือน เฝือกที่แขนและที่ขาก็ถูกถอดออกแต่ยังต้องใส่อุปกรณ์พยุงข้อเท้าไว้ พอนฤดลฝึกเดินด้วยไม้เท้าคล่อง หมอก็อนุญาตให้เขากลับบ้านได้ แต่แทนที่เขาจะกลับบ้านชายหนุ่มกลับตรงไปประชุมที่บริษัทก่อน ทำให้มีนาก็ต้องตามไปรอที่บริษัทด้วยเพราะหมอกำชับกับเธอมาว่าต้องคอยระวังไม่ให้ชายหนุ่มลงน้ำหนักที่เท้าซ้าย หญิงสาวจึงตามติดเขาตลอดเพราะกลัวเขาจะเผลอลงน้ำหนัก กว่านฤดลจะประชุมเสร็จมีนาก็นั่งสัปหงกไปแล้วหลายรอบ “มีนา” เสียงทุ้มเรียกคนที่กำลังหลับฝันดีอยู่บนโซฟา “ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ” “เสร็จแล้ว ดูท่าทางเธอจะง่วงมากเลยนะ ฉันบอกให้ไปรอที่บ้านก็ไม่เชื่อ” “ก็มีนามีหน้าที่ดูคุณดลจนกว่าจะหายสนิทนี่คะ แล้วคุณดลจะกลับบ้านเลยไหมหรือไปไหนต่อคะ” “ก็ต้องรีบกลับบ้านสิ ตอนนี้ฉันหิวมากคิดถึงกับข้าวฝีมือป้าแขด้วย” “เดินไหวไหมคะ” เพราะดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ชินกับไม้เท้าสักเท่าไหร่เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่พอเสนอให้ใช้รถเข็นนั่งชายหนุ่มก็ไม่ยอม “ไหวสิ แต่อาจช้าหน่อย มีนาเอาไอแพดกับแฟ้มที่วางบนโต๊ะมาด
กลับมาถึงบ้านหลังเล็กมีนาก็ช่วยนฤดลแกะอุปกรณ์ประคองข้อเท้าและผ้าที่พันไว้โดยรอบออกก่อนจะพาเขาเดินมาส่งที่หน้าห้องน้ำ โดยเธอเตรียมเก้าอี้และผ้าเช็ดตัวรอไว้แล้ว “คุณดลห้ามให้แผลโดนน้ำนะคะ” หญิงสาวย้ำกับเขาอีกครั้งเพราะตอนนี้แผลของชายหนุ่มใกล้จะหายดีแล้ว แต่หมอก็สั่งไว้ว่าห้ามโดนน้ำเด็ดขาด “มันจะโดนได้ยังไงก็เธอติดพลาสเตอร์กันน้ำไว้แล้ว แต่ถ้าน้ำเข้าไปในแผลมันก็เป็นความผิดของเธอนะมีนา” “แล้วคุณดลจะอาบทำไมล่ะคะ เช็ดตัวเอาก็ได้เดี๋ยวมีนาเช็ดให้เอง” “เช็ดตัวกับอาบน้ำมันสดชื่นต่างกันนะ ถ้าเธอมั่นใจว่าตัวเองปิดแผลอย่างดีก็ไม่เห็นต้องกังวล ออกไปรอฉันข้างนอกได้แล้วจะทำธุระส่วนตัวบ้าง”“มีนารอข้างนอก ถ้าคุณดลอยากได้อะไรก็ตะโกนเรียกนะคะ”“ไม่ต้องรอหรอก อีกครึ่งชั่วโมงค่อยเข้ามาประคองฉันก็ได้ เธอระหว่างรอเธอก็ไปอาบน้ำก่อน”“ได้ค่ะ” มีนารับคำก่อนจะกลับไปที่ห้องนอนของตนเอง จากนั้นก็รีบอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวอย่างรวดเร็วให้เร็วเพื่อจะมารับนฤดลออกจากห้องน้ำแต่ถึงแม้จะรีบยังไงก็ยังช้ากว่านฤดล เพราะตอนที่หญิงสาวเดินออกมาจากห้องนอนของตนเองนฤดลก็มานั่งอยู
มีนารีบขึ้นไปนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้หญิงสาวนอนไม่หลับถึงแม่ว่าเตียงนอนจะนุ่มและน่านอนกว่าโซฟาที่โรงพยาบาลหลายเท่า แต่เพราะเธอไม่ชินที่ต้องนอนคนเดียว เนื่องจากที่ผ่านมาสองเดือนเธอมีอีกคนหนึ่งนอนอยู่ด้วยในห้อง หญิงสาวจึงออกมาเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องของนฤดล พอเขาโทรหาเธอจึงรีบเปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ฝันดีนะมีนา” “ฝันดีค่ะคุณดล” ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีทั้งสองคนก็หลับลงอย่างง่ายดาย พอนอนได้สักพักมีนาก็ขยับเข้าหาความอบอุ่น จากที่นอนคนละด้านของเตียง ก็กลายเป็นว่าตอนนี้มีนาขยับมานอนซุกอยู่บนอกของเขา นฤดลรู้สึกตัวตื่นแต่เขาก็ไม่คิดจะปลุกให้เธอกลับไปนอนที่เดิม ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยากรบกวนคนที่กำลังนอนมีนารู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เช้า เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจเพราะตอนนี้ตนเองนั้นนอนอยู่บนหน้าอกของนฤดล แต่ยังโชคดีที่ไม่ใช่ข้างที่เขามีแผล หญิงสาวรีบขยับตัวออกอย่างเบาที่สุดเพราะกลัวว่าเขาจะตื่นมาเห็นว่าเธอกำลังกอดเขาอยู่หญิงสาวลงมาจากเตียงก่อนจะห่มผ้าให้เขา ส่วนตัวเองก็รีบกลับห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปที่บ้านหลังใหญ่เพื่
เช้านี้มีนาไม่ได้ทานอาหารในครัวเหมือนกับเมื่อวานเย็นคุณดวงกมลมองเธอเป็นเหมือนกับลูกหลานคนหนึ่ง ถึงแม้มีนาอยากจะนั่งทานในครัวมากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่กล้าขัดใจเจ้าของบ้าน “มีนาเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนหลับสบายไหม” “สบายค่ะพี่ฤดี เตียงที่นี่นุ่มกว่าโรงพยาบาลตั้งเยอะค่ะ” “แล้วดลล่ะเป็นไงบ้างได้กลับมานอนบ้านในรอบหลายเดือนเลยนะ” เพราะก่อนที่จะเกิดเรื่องนฤดลก็ขอย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดเพราะที่นั่นอยู่กึ่งกลางระหว่างบริษัทกับโรงเรียนที่ครอบครัวเป็นเจ้าของ “ก็ดีครับแม่ผมหลับยาวถึงเช้าเลย” “พ่อว่าดลรีบไปทำงานเกินไปหรือเปล่าเดินยังไม่คล่องเลยนะลูก” คุณประพันธ์พูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ไปประชุมและดูเอกสารนิดหน่อย” “มีนา ป้าฝากด้วยนะ” “ค่ะคุณป้า มีนาจะจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ” “ดีมากจ้ะมีนา” หลังทานอาหารเช้ามีนาก็นั่งรถตู้คันหรูออกจากบ้านโดยมีสมพงษ์สามีของชบาเป็นคนขับ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาถึงโรงเรียน “คุณดลให้ผมรอรับกลับหรือให้ผมกลับไปรอที่บ้านคร
เมื่อช่วยจนนฤดลได้ปลดปล่อยออกมาแล้วมีนาก็รีบลงจากเตียงของเขาและกลับมายังห้องของตนเอง หลังจากล้างมือที่เลอะไปด้วยคราบสีขาวขุ่นแล้วหญิงสาวก็ล้มตัวลงนอน แต่ใช่ว่าข่มตาหลับลงได้ เพราะภาพความใหญ่โตและใบหน้าของเขายามสุขสมยังคงติดอยู่ในความทรงจำ มีนาเข้าใจดีว่าเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ต้องปลดปล่อยและเขาก็นอนโรงพยาบาลมานานถึงสองเดือนพอถูกมือเธอกระตุ้นมันก็เลยตื่นตัว แต่สำหรับร่างกายของเธอตอนนี้ไม่ได้มีใครกระตุ้นเลยแต่กลับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะเป็นไข้ กว่าหญิงสาวจะข่มตาลงได้เกือบตีสี่ เช้านี้เธอจึงมีสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด “มีนา เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ ทำไม่เช้านี้ดูเหมือนยังง่วงอยู่” ดลฤดีถามหญิงสาวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว “ค่ะ เมื่อคืนมีนาฝันร้าย” มีนาตอบพลางหันไปมองต้นเหตุที่นั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ “วันนี้ดลไม่ต้องออกไปไหน มีนาจะแอบนอนกลางวันก็ได้นะ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ฤดี วันนี้มีนาว่าจะขออนุญาตกลับไปหาแม่สักหน่อย” “ดลมีอะไรจะต้องใช้งานหรือเปล่า” “ไม่มีครับ” “ขอบคุณค่ะคุณดล มีนาจะรับไป
“ไม่ค่ะ ยังไงพิมพ์ก็ไม่หย่า”“แต่ผมไม่อยากยื้ออีกต่อไปแล้วนะ คุณไม่มีความสุข ผมก็ไม่มีความสุข”“คุณจะรีบหย่าแล้วไปหาเด็กนั่นเหรอคะ เราคุยกันแล้วนี่ดลว่าเราจะแต่งงานกันสองปี ถึงตอนนั้นคุณค่อยมาคุยเรื่องหย่าดีกว่าไหมคะ”“ถ้าคุณไม่ยอมหย่าผมจะฟ้องหย่า”“คิดดีแล้วเหรอคะดล คุณจะเอาความสุขส่วนตัวมาแลกกับชื่อเสียงของครอบครัวเหรอคะ”“คุณคงคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแต่บางครั้งไพ่มันก็เปลี่ยนได้นะพิมพ์”“หมายความว่ายังไงคะ”“ผมมีหลักฐานที่จะฟ้องหย่าคุณได้ ถ้าคุณไม่ยอมจบแบบเงียบๆ”“ถ้าคุณคิดว่ามันคุ้มกับชื่อเสียงก็เอาสิคะ ถ้าคุณฟ้องหย่าพิมพ์ก็จะบอกเรื่องของคุณให้ทุกคนรู้ พิมพ์คงได้รับความเห็นใจมากๆ ใครจะคิดล่ะคะว่าคุณนฤดลที่แสนจะเพอร์เฟกต์จะมีอีหนูซ่อนไว้”“เรื่องแบบนี้ผู้ชายก็มีกันทั้งนั้น แต่ถ้าคนอื่นรู้ว่าคุณก็หนีสามีไปแต่งงานละ มันจะน่าสนใจกว่าไหม”“ดลหมายถึงอะไร” พิมพ์ปภัสเริ่มร้อนตัว“เรื่องที่คุณพาผู้ชายเข้ามาที่บ้าน ผมไม่ว่าอะไรเลยเพราะมันเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ที่คุณควงกันไปเที่ยวต่างประเทศแล้วไปแต่งงานที่นู่น คุณคิดเหรอว่ามันเป็นความลับ”“ดลพูดเรื่องอะไรคะ” พิมพ์ปภัสคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจ
ดลฤดีกลับมาถึงเมืองไทยก็รีบเข้าไปคุยเรื่องสำคัญกับมารดาทันทีโดยที่ยังไม่ทันจะเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บ“เรื่องด่วนอะไรกันหรือว่ามีนาเป็นอะไร” คุณดวงกมลถามลูกสาวขณะที่ถูกเร่งให้เดินเข้ามาในห้องทำงานของบิดาซึ่งตอนนี้เจ้าของห้องนั้นไปรดน้ำกล้วยไม้อยู่ที่เรือนเพาะชำ“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมีนาค่ะ มีนาสบายดีทุกอย่างไม่มีปัญหา”“แล้วมันเรื่องด่วนอะไรกันล่ะ”“แม่นั่งก่อนนะคะ”พอให้มารดานั่งและหายาดมมาไว้ใกล้ตัวแล้วก็รีบเล่าเรื่องที่ตัวเองไปเจอมา ทั้งเรื่องที่โรงแรมและเรื่องที่ร้านอาหารในเวกัส“ตาฝาดไปหรือเปล่าลูก เมื่อวานแม่ยังคุยกับน้องอยู่เลย น้องบอกว่าออกมาทานข้าวกับเมียเขา”“แต่ฤดีมีรูปนะคะ นี่ค่ะ” เธอส่งทั้งรูปทั้งคลิปให้มารดาดูซึ่งทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ก็ชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พิมพ์ปภัส“แม่ไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยัยไง ตอนแต่งงานก็เห็นว่ารักกันดี นี่ลูกชายแม่กำลังโดนหลอกใช่ไหม” หญิงสูงวัยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า“ฤดีว่าแม่ลองเรียกน้องเข้ามาที่บ้านดีไหม”“แม่ไม่อยากเห็นน้องต้องเสียใจอีกเลย เวรกรรมอะไรกันนะถึงได้มาเจอเรื่องแบบนี้”“แม่ไม่อยากให้น้องรู
มีนาเดินทางมาถึงอเมริกาได้หลายวันแล้ว หญิงสาวเข้าพักที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนสอนภาษา ส่วนดลฤดีนั้นพักที่โรงแรมใกล้ๆ เพราะอยากให้มีนาลองใช้ชีวิตคนเดียวระหว่างนี้เธอกับสามีก็ไปดูงานที่โรงเรียนซึ่งใช้เป็นต้นแบบในการจัดการเรียนการสอน ก่อนที่จะพากันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ“พี่วัฒน์คะ”“ครับ”“ฤดีว่าเห็นคนรู้จักนะคะ แต่พี่อย่าเพิ่งหันไปนะคะ นั่งนิ่งๆ ก่อนเดี๋ยวเขาจะรู้ตัวค่ะ”“ให้พี่นั่งนิ่งแล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนรู้จักของเราไหม” ธนวัฒน์ถามภรรยาอย่างไม่เข้าใจ เพราะถ้าเขาไม่หันไปดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนที่ตนเองรู้จักไหม“เชื่อฤดีนะคะ นั่งอยู่แบบนี้ก่อน” ดลฤดีบอกสามีจากนั้นเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นเหมือนกำลังถ่ายรูปของธนวัฒน์ แต่ทว่าเธอกำลังซูมกล้องไปไกลกว่านั้นหญิงสาวนึกขอบคุณโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่สามารถซูมได้มากจนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่เธอเห็นนั้นใช่คนที่เธอรู้จักไหมดลฤดีกดถ่ายรูป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายวิดีโอจนกระทั่งเธอคนนั้นเดินหายเข้าไปในลิฟต์“พี่วัฒน์ดูนี่นะคะ” เธอส่งโทรศัพท์ให้สามีดูภาพที่ตนเองถ่ายไว้“นี่มันน้องพิมพ์นี่ครับ ผมไม่รู้เลยว่าเธอมาเที่ยว
นฤดลแอบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอยากคุยกับเธอแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เขาคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมานานเกินครึ่งปีนั้นจะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อมีนาลดน้อยลงแต่มันกลับตรงกันข้ามเพราะเขายังรักและคิดถึงเธออาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อลองเปรียบเทียบกับครั้งที่ตัวเองตามหาพิมพ์ปภัสไม่เจอมันต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งๆ ที่ตนเองแต่งงานไปแล้วและควรมีความสุขกับคนรักที่รอคอย แต่ในทุกๆ วันในใจของเขายังคงนึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองมีความสุขกับมีนาอยู่ตลอด“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนมีนารอก่อนนะ”“ค่ะพี่ฤดี” มีนานั่งรอดลฤดีที่ห้องรับแขกขณะที่คนอื่นก็ต่างก็กลับห้องของตัวเองไปกันหมดแล้ว“มีนาสบายดีไหม” ในที่สุดเขาก็เปิดปากถาม“ค่ะ คุณดลล่ะคะ”“พี่สบายดี” เขายังแทนตัวเองเหมือนเดิมขณะที่อีกคนนั้นเปลี่ยนสรรพนามไป“แม่บอกว่าปิดเทอมใหญ่มีนาจะไปเรียนภาษาเหรอ” เขาพยายามจะชวนเธอคุย อย่างน้อยตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านของตนเองมันไม่ได้น่าเกลียดอะไรถ้าจะพูดคุยกันบ้าง“ค่ะ”“มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้นะ”“ขอบคุณค่ะ”“มีนายังโกรธพี่อยู่เหรอ”“เปล่าค่ะ”“แต่เหมือนมีนาไม่อยากคุยกับพี่เลยนะ” เพราะการถามคำตอบคำแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของหญิงสาวท
ทางด้านมีนาที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 3 หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจใครอื่น แม้จะมีคนเข้ามาจีบแต่มีนาก็ปิดตายหัวใจ เธอทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนักและวางแผนเอาไว้แล้วว่าถ้าเรียนจบจะเข้าไปช่วยคุณดลฤดีทำงานที่โรงเรียน ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนที่นฤดลบริหาร แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานในเมื่ออีกคนแต่งงานไปแล้วเรื่องราวของเธอกับเขาก็จบลงไปด้วย ไม่มีการติดต่อไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ทางไลน์หรือทางข้อความ เขาและเธอทำเหมือนอยู่กันคนละโลก แม้จะเจอกันก็แค่ทักทายตามมารยาทเท่านั้นใช่ว่ามีนาจะไม่เสียใจที่ถูกเขาหลอก แต่ชีวิตของเธอจะต้องก้าวไปข้างหน้าต่อ ถ้ามัวแต่ยึดติดกับเรื่องราวที่ผิดหวังในอดีตเธอก็คงหาความสุขให้กับตนเองไม่ได้ แม้จะรักเขามากแค่ไหน แต่ถ้ามันเจ็บเธอก็ต้องยอมตัดใจ หญิงสาวคิดได้แล้วว่าการอยู่โดยไม่มีคนรักมันไม่ได้เลวร้ายเลยสักนิดมีนายังคงไปมาหาสู่ที่บ้านหลังนั้นอยู่ตลอด เพราะเธอรักและเคารพทุกคนที่นั่น อีกอย่างตอนนี้นฤดลก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกกับภรรยาแล้ว เธอจึงไม่มีโอกาสได้เจอเขาบ่อยนัก“เรื่องฝึกงานมีนาตัดสินใจหรือยังว่าจะฝึกที่ไหน อาจารย์ว่ายังไงบ้าง” ดลฤดีถามขณ
งานแต่งงานของนฤดลถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่มาร่วมงานต่างพากันชื่นชมเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่าเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก “ดลคะ ยิ้มหน่อยสิคะ แขกมากันเยอะแล้วนะ” พิมพ์ปภัสบอกเจ้าบ่าวที่เอาแต่ทำหน้านิ่ง “ผมจะยิ้มก็ต่อเมื่อผมอยากยิ้ม คุณอย่ามาบังคับผม แค่เรื่องแต่งงานมันก็มากเกินไปแล้ว” “แต่วันนี้วันแต่งงานของเรานะคะ” “ผมว่ามันเป็นงานของคุณคนเดียวต่างหากล่ะ” นฤดลพูดพลางทำหน้าเบื่อโลกยิ่งกว่าเดิม “ดลคะ เราแต่งงานกันแล้วนะ พิมพ์ว่าดลเลิกคิดที่จะกลับไปหาเด็กมีนานั่นได้แล้ว” “ผมไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้น ผมก็แค่เบื่อที่จะต้องปั้นหน้าว่ามีความสุข” ที่เขาทำหน้าเบื่อก็เพราะไม่คิดว่างานแต่งของตนจะจัดใหญ่แบบนี้ “อดทนอีกนิดสิคะ เดี๋ยวก็ถึงเวลาเข้าหอแล้ว พิมพ์รับรองว่าดลจะมีความสุขและลืมผู้หญิงทุกคนอย่างแน่นอน” พิมพ์ปภัสกล่าวอย่างมั่นใจ เธอจะต้องทำให้นฤดลลืมผู้หญิงที่ชื่อมีนาให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะถึงกำหนดที่เขากับเธอตกลงกันไว้ “ผมบอกเหรอครับว่าจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ” “ดลค่ะ คุณเป็นผู้ชายนะ จะอดทนได้แค่ไหนกั
ความรู้สึกหวงแหนและหลงใหลผสมปนเปกันไปหมด นฤดลมองหน้าอกอวบอิ่มและกลีบกุหลาบสีสวยสลับกันไปมาพลางกลืนน้ำลายลงคอ มีนาเห็นสายตาของเขาแล้วก็รู้สึกร้อนไปทั้งร่างกาย ตาคู่สวยสำรวจไปตามแผงอกและกล้ามท้องก่อนจะมองต่ำลงไปยังสัดส่วนความเป็นชายที่แข็งตระหง่าน สัดส่วนที่มอบความสุขให้เธอมาหลายครั้ง ตอนนี้ร่างกายหญิงสาวกำลังต้องการให้เขามาเติมเต็มอย่างห้ามไม่อยู่นฤดลก้มลงไปจูบกับเธออีกครั้ง จูบครั้งนี้ของเขามันอ่อนหวานและเรียกร้องจนมีนารู้สึกว่าเขากลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง หญิงสาวตอบกลับไปอย่างเร่าร้อนสร้างความพอใจจนเขาครางต่ำอยู่ในลำคอ“มีนา อย่าลืมพี่นะ อย่าลืมว่าเรามีความสุขมากแค่ไหน”เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากร้อนต่ำลงไปเรื่อยๆ จนมาถึงความอวบอิ่มตรงหน้าสองมือกอบกุมเคล้นคลึง ก่อนจะส่งลิ้นไปสัมผัสปทุมถันที่แข็งเป็นไตชูชัน มีนาผวาร่างแอ่นโค้งเข้าหาปากร้อนให้เขาได้ดูดกินอย่างไม่มีหวงห้ามนฤดลขบเม้มดูดกลืนความอวบอิ่มตรงหน้าสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่ปรานี ข้างหนึ่งตวัดลิ้นรัวเร็ว อีกข้างก็ใช้ปลายนิ้วปลุกเร้าไปบนเม็ดทับทิมสีสวยอย่างไม่มีพักชายหนุ่มใช้เขาดันเรียว
มีนาเปิดประตูห้องเขาไปเธอหวังว่าจะเห็นเขารออยู่ แต่ทั้งห้องก็ว่างเปล่า หญิงสาวเข้าไปในห้องนอนเก็บของใช้เคยลืมทิ้งไว้ลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่าคงไม่มาที่นี่อีกแล้วและไม่อยากเจอกับนฤดลอีกต่อไป พอตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรของตนเองทิ้งไว้ที่นี่แล้วเธอก็เปิดประตูห้องเพื่อจะกลับ แต่เปิดประตูออกก็เจอกับนฤดลที่เพิ่งมาถึง “มีนา จะไปไหน” “ก็กลับสิคะ พี่ดลนัดแล้วไม่ตรงเวลาเอง” “เดี๋ยวสิ เราต้องคุยกันนะมีนา” “มีอะไรต้องคุยล่ะคะ พี่กำลังจะแต่งงานก็ไม่ควรติดต่อกับมีนาอีก” “รอพี่ได้ไหมมีนา พี่ของเวลาเคลียร์ตัวเองก่อน” “มันไม่มีอะไรต้องเคลียร์แล้วค่ะ ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วพี่กำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้น ส่วนมีนาก็แค่นางบำเรอของพี่ ตอนนี้ตัวจริงของพี่กลับมาแล้ว พี่ก็ควรปล่อยให้มีนาออกไปจากชีวิตพี่”“แต่พี่รักมีนานะครับ” นฤดลเดินมาขวางแล้วกอดเธอไว้แน่น“คำว่ารักใครก็พูดได้ค่ะ มีนาดูที่การกระทำ ปล่อยมีนาไปเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดกับเขาทั้งน้ำตาขณะที่เขาก็กอดเธอแรงมากขึ้น“สัญญาได้ไหมว่าจะรอพี่”“เพื่ออะไรล่ะคะ จะให้มีนารอคนที
เปิดเทอมมาสองสัปดาห์แล้วมีนายังไม่มีโอกาสเข้าไปที่บ้านของนฤดลเลยสักครั้งเพราะเธอทั้งเรียนและทำกิจกรรมรับน้องเนื่องจากรุ่นพี่ปีสี่นั้นออกไปฝึกสอนนอกมหาวิทยาลัยกันหมด แต่เธอยังโทรหาเขาทุกวันคุยกับเขาก่อนนอนทุกคืนอย่างเคย “แม่คะ บ่ายนี้มีนาขอไปบ้านคุณท่านได้ไหมคะแม่” “ได้จ้ะ แล้วจะไปค้างที่นั่นไหม” “คงไม่ค่ะแม่ ตอนนี้คุณท่านน่าจะหายดีแล้ว” “ถ้าไม่ค้างก็อย่ากลับดึกมากนะ แม่เป็นห่วง” “ค่ะแม่” หญิงสาวรีบล้างจานที่ยังเหลืออยู่ไม่กี่ใบจนเสร็จจากนั้นก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะนั่งแท็กซี่เพื่อตรงไปยังบ้านของคนรัก ซึ่งเธอรู้ดีว่าบ่ายวันเสาร์แบบนี้เขาไม่ออกไปไหน มีนาเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจเพราะปกติแล้ววันเสาร์แบบนี้สมาชิกในบ้านจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่วันนี้ที่บ้านดูเงียบมาก ก่อนจะมาที่นี่เธอไม่ได้ถามนฤดลว่าเขาอยู่บ้านหรือเปล่าเพราะอยากทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอแปลกใจเสียเองเพราะมาแล้วไม่เจอใคร “สวัสดีค่ะป้าแข พี่ชบา” หญิงสาวเดินเข้ามาถึงในครัวแล้วกล่าวทักทายทั้งสองคนพร้อมท