เช้านี้มีนาไม่ได้ทานอาหารในครัวเหมือนกับเมื่อวานเย็นคุณดวงกมลมองเธอเป็นเหมือนกับลูกหลานคนหนึ่ง ถึงแม้มีนาอยากจะนั่งทานในครัวมากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่กล้าขัดใจเจ้าของบ้าน
“มีนาเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนหลับสบายไหม”
“สบายค่ะพี่ฤดี เตียงที่นี่นุ่มกว่าโรงพยาบาลตั้งเยอะค่ะ”
“แล้วดลล่ะเป็นไงบ้างได้กลับมานอนบ้านในรอบหลายเดือนเลยนะ” เพราะก่อนที่จะเกิดเรื่องนฤดลก็ขอย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดเพราะที่นั่นอยู่กึ่งกลางระหว่างบริษัทกับโรงเรียนที่ครอบครัวเป็นเจ้าของ
“ก็ดีครับแม่ผมหลับยาวถึงเช้าเลย”
“พ่อว่าดลรีบไปทำงานเกินไปหรือเปล่าเดินยังไม่คล่องเลยนะลูก” คุณประพันธ์พูดด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ไปประชุมและดูเอกสารนิดหน่อย”
“มีนา ป้าฝากด้วยนะ”
“ค่ะคุณป้า มีนาจะจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ”
“ดีมากจ้ะมีนา”
หลังทานอาหารเช้ามีนาก็นั่งรถตู้คันหรูออกจากบ้านโดยมีสมพงษ์สามีของชบาเป็นคนขับ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาถึงโรงเรียน
“คุณดลให้ผมรอรับกลับหรือให้ผมกลับไปรอที่บ้านครับ”
“กลับไปรอที่บ้านก็ได้ สักบ่ายสองค่อยออกมารับ แต่ถ้าฉันจะกลับก่อนจะให้มีนาโทรไปบอก”
“ครับคุณดล”
ตลอดทั้งวันมีนาตามติดนฤดลยิ่งกว่าเงาตามตัว แต่เขากลับไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่หันมาเห็นว่าเธอยังอยู่ข้างเขา
“มีนา เหนื่อยไหม”
“ไม่ค่ะ มีนาไม่ได้อะไรเลย แค่ตามคุณดลเท่านั้นเอง คุณดลล่ะเหนื่อยไหม มีนาว่าวันนี้คุณเดินเยอะไปแล้วนะคะ”
“แต่ฉันก็ใช้ไม้เท้าเก่งขึ้นแล้วนะ”
“มีนาเห็นค่ะ แต่เท้าอีกข้างของคุณดลน่าจะทำงานหนักเกินไป เดี๋ยวเย็นคุณดลต้องแช่เท้าในน้ำอุ่นแล้วตอนนอนก็ต้องยกขาสูงนะคะ”
“หมอสั่งมาเหรอมีนา”
“เปล่าค่ะ แต่มีนาเคยเห็นแม่ทำ วันไหนที่เดินเยอะๆ แม่ก็จะทำแบบนี้ บางครั้งก่อนนอนก็ให้มีนานวดให้”
“แล้วมีนาจะนวดให้ฉันไหมล่ะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวคืนนี้มีนาจะนวดให้”
“ถ้านวดดีฉันมีรางวัลให้นะสนใจไหม”
“มีนาไม่ได้นวดเพราะอยากได้รางวัล มีนาก็แค่เห็นใจที่คุณดลทำงานหนักทั้งที่ยังเดินไม่คล่องเลย”
“เรื่องรางวัลถือว่าฉันติดมีนาไว้ก่อนนะ ถ้ามีนาอยากได้อะไรก็มาขอทีหลังได้ตกลงไหมล่ะ”
พอถึงบ่ายสองโมงครึ่งสมพงษ์ก็มารับทั้งสองคนกลับบ้าน ที่เข้าให้มาเวลานี้เพราะหลังบ่ายสามโมงที่หน้าโรงเรียนรถจะติดมาก
กลับมาถึงบ้านนฤดลก็นั่งทำงานต่อส่วนมีนาไปช่วยงานที่บ้านหลังใหญ่เพราะงานทำความสะอาดที่บ้านหลังเล็กมีคนมาทำให้แล้ว พอถึงเวลาอาหารเย็นมีนาก็เดินไปตามนฤดลให้มาทานอาหารกับครอบครัว
หลังทานอาหารเขาก็นั่งคุยกับครอบครัวก่อนจะกลับมาที่บ้านหลักเล็กและนั่งดูทีวีระหว่างที่มีนาเดินไปยืมกะละมังสำหรับแช่เท้าที่บ้านใหญ่
“อ้าว คุณดลทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะคะ”
“รอมีนามาช่วยเปลี่ยนให้ วันนี้เหนื่อยมากแทบไม่มีแรงทำอะไรเลย มีนาช่วยแกะกระดุมแล้วก็ปลดไทให้ด้วยนะ”
“ให้ช่วยถอดกางเกงด้วยไหมล่ะคะ”
“ได้สิ”
“คุณดล มีนาประชดค่ะ” หญิงสาวปลดเนกไทให้เขาจากนั้นก็เริ่มแกะกระดุมทีละเม็ด มือเล็กสั่นนั่นก็ยิ่งทำให้ใช้เวลามามากขึ้นกว่าจะแกะครบทุกเม็ดหญิงสาวก็แทบจะลืมหายใจ
“ขอบใจจะ”
“ไปอาบน้ำได้แล้วนะคะ”
“ยังไม่อยากไปอาบเลย มีนามานั่งตรงนี้หน่อยสิ”
มีนานั่งลงข้างๆ เขามันยังไม่ใกล้พอนฤดลจึงใช้แขนแกร่งรั้งเอวคอดให้ขยับมาแนบชิดก่อนจะพิงศีรษะลงบนไหล่
“ขออยู่แบบนี้อีกแป๊บนะมีนา วันนี้ฉันเหนื่อยมาก”
เพราะน้ำเสียงที่ฟังแล้วเหมือนคนหมดแรงมีนาจึงนั่งนิ่งให้เขาพิงอยู่แบบนั้น จนเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที
“คุณดล มีนาเมื่อย เดี๋ยวคุณดลไปอาบน้ำนะคะจะได้มาแช่เท้าต่อ”
“ไม่อยากแช่แล้ว อยากนอนมากกว่า”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวมีนานวดให้ทั้งตัวเลยนะคะ”
หลังอาบน้ำเสร็จนฤดลก็ขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงรอคนที่บอกว่าจะมานวดให้ ระหว่างรอก็นั่งอ่านข่าวธุรกิจเพื่อฆ่าเวลา พอได้ยินเสียงเคาะประตูก็ยิ้มออก
“ฉันนึกว่าเธอจะไม่มาแล้วนะมีนา”
“ขอโทษค่ะ มีนาคุยกับเพื่อเพลินไปหน่อยค่ะ”
“ยังไม่ง่วงใช่ไหม”
“ยังค่ะ”
มีนาเริ่มนวดเบาๆ ไปบนขาข้างที่ไม่ได้ได้รับบาดเจ็บ ไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นถึงต้นขา ทำวนไปวนมาก่อนจะย้ายมาอีกข้างแต่ครั้งนี้เธอนวดแค่ขาเพราะไม่กล้านวดบริเวณหน้าแข้งและข้อเท้าเนื่องจากกลัวว่าตนเองจะทำให้เขาหายช้า
นฤดลมองคนที่นวดให้เขาอย่างตั้งใจสายตาเขาจับจ้องไปตามเรือนร่างและก็เพิ่งสังเกตว่าเธอไม่ได้สวมกางเกงวอร์มขายาวเหมือนตอนที่อยู่โรงพยาบาล นฤดลร้อนวูบวาบเมื่อเห็นขาเรียวยาว ชายหนุ่มรีบหันไปมองทางอื่น เขามองไปยังมือเล็กที่นวดอยู่บนต้นขายิ่งเธอนวดสูงขึ้นขาทั้งสองข้างก็เริ่มกางออกทีละนิด มีนาเข้าใจว่าเขาอยากให้นวดที่ต้นขาด้านใน เธอจึงขยับมือเล็กสูงขึ้นและสอดเข้าทางด้านในเพราะความไม่ระวังเท่าที่ควรหลังมือของเธอจึงไปโดนแก่นกายชายของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“ขอโทษค่ะ มีนาไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวรีบดึงมือออก
“นวดต่อสิมีนา”
มีนานวดไปหน้าแดงไปและเธอก็รู้สึกว่าตอนนี้ความเป็นชายของเขามันกำลังขยายใหญ่และตั้งขึ้นมาจนเห็นได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวปล่อยมือที่นวดและมองหน้าเขาอย่างต้องการคำตอบ
“ขอโทษนะมีนา ฉันห้ามตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่ฉันนอนโรงพยาบาลฉันก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ มันคงน่าสมเพชมากใช่ไหม เธอรีบกลับไปที่ห้องเธอไม่ต้องนวดแล้ว”
“แต่...”
“หรือเธออาจจะช่วยฉัน ได้ไหม มีนาช่วยฉันได้ไหม” น้ำเสียงนั้นฟังดูเหมือนเขากำลังทรมาน ใบหน้าชายหนุ่มแดงก่ำเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก
“ให้มีนาช่วยยังไง”
นฤดลรีบดึงกางเกงของตนออกแล้วความเป็นชายก็ผงาดง้ำอวดสายตา มีนาต้องรีบหันหน้าไปทางอื่น ใจเธอเต้นแรงเพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นของจริง ขนาดของมันพอกับของฝรั่งที่เธอเห็นในคลิป ซึ่งเธอเข้าใจมาตลอดว่าขนาดของคนไทยจะน้อยกว่านั้นมาก
“ช่วยทำให้มันสงบทีนะมีนา ถ้าเป็นแบบนี้ฉันทรมาน”
นฤดลเธอมือมาจับมือของมีนาไว้ จากนั้นนำมือของหญิงสาวไปจับรอบลำกายแกร่ง สองมือประคองให้หญิงสาวขยับขึ้นลงเป็นจังหวะช้าๆ
“แบบนี้ใช่ไหมคะ” มีนามองหน้าเขาสลับกับมือของตนเอง
“อ่าห์..แบบนั้นมีนา ดีมาก มือนุ่มที่สุด”
นฤดลหลับตาพริ้มจินตนาการไปไกลว่าตนเองกำลังร่วมรักอยู่กับหญิงสาว
“มีนาเร็วอีกนิด จะแตกแล้วมีนา แบบนั้น อื้มม...อ้าส์....”
ชายหนุ่มเกร็งสะโพกขึ้นสูงก่อนจะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเปื้อนไปทั่วทั้งสองมือของมีนาอย่างสุขสม
เมื่อช่วยจนนฤดลได้ปลดปล่อยออกมาแล้วมีนาก็รีบลงจากเตียงของเขาและกลับมายังห้องของตนเอง หลังจากล้างมือที่เลอะไปด้วยคราบสีขาวขุ่นแล้วหญิงสาวก็ล้มตัวลงนอน แต่ใช่ว่าข่มตาหลับลงได้ เพราะภาพความใหญ่โตและใบหน้าของเขายามสุขสมยังคงติดอยู่ในความทรงจำ มีนาเข้าใจดีว่าเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ต้องปลดปล่อยและเขาก็นอนโรงพยาบาลมานานถึงสองเดือนพอถูกมือเธอกระตุ้นมันก็เลยตื่นตัว แต่สำหรับร่างกายของเธอตอนนี้ไม่ได้มีใครกระตุ้นเลยแต่กลับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะเป็นไข้ กว่าหญิงสาวจะข่มตาลงได้เกือบตีสี่ เช้านี้เธอจึงมีสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด “มีนา เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ ทำไม่เช้านี้ดูเหมือนยังง่วงอยู่” ดลฤดีถามหญิงสาวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว “ค่ะ เมื่อคืนมีนาฝันร้าย” มีนาตอบพลางหันไปมองต้นเหตุที่นั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ “วันนี้ดลไม่ต้องออกไปไหน มีนาจะแอบนอนกลางวันก็ได้นะ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ฤดี วันนี้มีนาว่าจะขออนุญาตกลับไปหาแม่สักหน่อย” “ดลมีอะไรจะต้องใช้งานหรือเปล่า” “ไม่มีครับ” “ขอบคุณค่ะคุณดล มีนาจะรับไป
มีนาทานอาหารเย็นกับมารดาที่ร้าน ก่อนจะเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านของนฤดล พอมาถึงเขาก็อาบน้ำและเข้าห้องนอนไปแล้ว หญิงสาวรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพื่อจะคุยกับเขาเรื่องไปเที่ยวกับเพื่อน แต่พอเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็พบว่าชายหนุ่มปิดไฟนอนแล้วเธอกลับมาที่ห้องของตนเองก่อนจะล้มตัวลงนอน ความง่วงที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อคืนบวกกับเสียงฝนที่กำลังตกทางด้านนอกทำให้มีนาหลับลงไปได้อย่างง่ายดายมีนานอนหลับไปไม่นานก็รู้สึกเหมือนมีคนเข้ามากอด หญิงสาวสะลึมสะลือแต่ยังไม่ลืมตาเพราะคิดว่าตนเองกลับมานอนที่บ้าน ซึ่งปกติแล้วถ้าฝนตกแบบนี้มารดามักจะเข้ามานอนด้วยอยู่เป็นประจำเนื่องจากเธอกลัวเสียงฟ้าร้อง“ขอบคุณนะคะแม่ ที่เข้ามานอนด้วย ถึงมีนาโตแล้วแต่มีนาก็ไม่ค่อยชอบเสียงฟ้าร้อง” หญิงสาวพูดเหมือนคนละเมอแต่พอนอนไปสักพักก็รู้สึกว่าคนที่มานอนข้างๆ กำลังลูบไล้ฝ่ามือไปตามลำตัวของตนซึ่งผิดไปจากมารดาที่จะเข้ามาแค่นอนกอดเพียงอย่างเดียวเท่านั้นมีนารีบลุกขึ้นเปิดไฟที่หัวเตียงแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้คนที่นอนกอดเธออยู่ไม่ใช่มารดาอย่างที่คิด“พี่ดล”“พี่เอง ขอโทษทีทำให้มีนาตกใจตื่น”“พี่เข้ามาได้ยังไง แล้วเข้ามา
เช้าวันใหม่นฤดลตื่นนอนก่อนมีนา เขาขโมยหอมแก้มเธออีกหลายครั้งก่อนจะกลับมาที่ห้องของตน จากนั้นก็อาบน้ำแล้วไปนั่งรอหญิงสาวที่ห้องรับแขกเพื่อจะไปทานอาหารเช้าที่บ้านหลังใหญ่พร้อมกัน “มีนา ไม่ต้องรับไปหรอกวันนี้วันเสาร์นะ ที่บ้านกินข้าวแปดโมงครึ่ง” เขารีบบอกเมื่อเห็นว่ามีนากำลังรีบร้อนเอาอุปกรณ์ทำแผลมาวาง “เหรอคะ ” มีนาเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ถึงอาทิตย์เธอเลยไม่รู้ว่าเวลาอาหารเลื่อนออกไปอีกหนึ่งชั่วโมง “แต่ก็ดีเหมือนนะที่ไม่ต้องรีบเพราะพี่รู้สึกว่าแผลมันจะมีเลือดซึมออกมาด้วย” “ไหนคะ ขอมีนาดูหน่อย” หญิงสาวรีบเข้ามาปลดกระดุมเสื้อเขาออกแต่พอมองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นว่าจะมีเลือดซึมอย่างที่เขาบอก พอเงยหน้ามองก็เห็นเขายิ้มเจ้าเล่ห์ “มีนาตัวหอมจัง” เขาอาศัยจังหวะที่เธอเผลอหอมไปที่แก้มเนียนใสอย่างรวดเร็ว “พี่ดล” หญิงสาวทำเสียงดุนั่นยิ่งทำให้เขากระชับอ้อมแขนรัดเธอไว้แน่นขึ้น “มีนาชอบดุพี่จัง ดูสิพี่กลัวไปหมดแล้วนะต้องกอดปลอบพี่เลย” “อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น” “แล้วถ้าไม่มีคนเห็นทำได้ไหม ทำเหมือนเม
วันนี้หมอนัดตรวจอาการของนฤดล ชายหนุ่มให้มีนารออยู่ที่บ้านส่วนเขามาพบหมอกับมารดาเพราะคุณดวงกมลอยากจะคุณปรึกษาหมอเรื่องการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าของตนเองด้วย “ตอนนี้กระดูกข้อเท้าของคุณดลหายดีแล้วนะ” คุณหมอให้ชายหนุ่มดูภาพเอกซเรย์จากหน้าจอเปรียบเทียบจากวันแรกจนถึงการเอกซเรย์ครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่นาทีก่อน “แบบนี้ก็ถอดที่พยุงข้อเท้าออกได้แล้วใช่ไหมคะหมอ” “ถอดได้แล้วครับ แต่เวลาเดินก็ยังต้องระวังอยู่ อย่าทิ้งน้ำหนักลงเท้าข้างซ้าย อย่าวิ่งหรือทำอะไรที่เกิดแรงกระแทกมาก ถ้ารู้สึกเจ็บหรือข้อเท้าบวมก็ต้องรีบกลับมาหาหมอ” “ครับ” “ส่วนแผลก็ไม่มีอะไรน่าห่วงครับ” “ถ้าอยากจะตกแต่งแผลให้เรียบเนียนขึ้นก็สามารถทำได้ครับ” “ว่าไงล่ะลูก” “ไม่ดีกว่าครับ มันอยู่ข้างในเสื้อไม่มีใครเห็น อีกอย่างถ้าต้องตกแต่งแผลอีก ผมไม่อยากต้องเสียเวลาทำงานครับแม่” “แม่ตามใจดลจ้ะ” หลังจากตรวจอาหารของนฤดลเสร็จแล้ว คุณหมอก็ตรวจมารดาของชายหนุ่มต่อจากนั้นก็กำหนดวันที่จะเข้าผ้าตัดข้อเข่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า “ดลหาย
รถตู้สองคันแล่นออกจากกรุงเทพในเวลาสิบโมงเช้า เพื่อมุ่งหน้าไปสู่หัวหิน มีนานั่งรถมาคันเดียวกับเพื่อนสนิท ซึ่งมีทั้งพลอย แก้วและไผ่ ใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมง รถของพวกเธอก็มาถึงที่พักเพราะไว้เติมน้ำมันและทานอาหารกลางวันที่ชะอำ บ้านพักพวกเธอจองไว้มีทั้งหมดสามหลัง เป็นพูลวิลล่าแฝดที่ตรงกลางมีสระน้ำสำหรับจัดปาร์ตี้ในคืนสุดท้าย ส่วนอีกหลังแยกออกไปแต่ก็ไม่ห่างกันมาก มีนาและเพื่อนสนิทเลือกพักที่บ้านหลังเดี่ยวเพราะอยากนอนคุยกันมากกว่าดื่ม ส่วนไผ่ก็แยกไปนอนพักรวมกับผู้ชาย “เย็นนี้เราจะไปเดินตลาดโต้รุ่ง ถ้าใครจะไปก็มารอที่หน้าที่หน้าบ้านพักได้เลย” รสิตาที่รับหน้าที่แม่งานบอกกับเพื่อนๆ ก่อนที่ทุกคนจะแยกกันเอากระเป๋าไปเก็บ บ้านหลังที่มีนาพักมีด้วยกันสองห้องนอนสองห้องน้ำและหนึ่งห้องรับแขก มีนากับเพื่อสนิทอีกสองคนเลือกนอนห้องเดียวกัน “อัปเดตหน่อยสิ ปิดเทอมไปทำอะไรกันมาบ้าง” แก้วพูดพลางหยิบชุดออกมาแขวน “ไม่ได้ไปไหนเลย ช่วยแม่อบขนมทั้งวัน” พลอยพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่บอกว่าเซ็งสุดขีด “เราก็เหมือนกับพลอยนั่นแหละ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย แ
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่มีนาจะสนุกกับเพื่อนๆ สองวันที่ผ่านมานับว่าเป็นช่วงที่สนุกสนานมาก ทั้งเที่ยวสวนน้ำ ทั้งไปไหว้พระ ตกเย็นก็พากันมาเล่นน้ำทะเลหลังจากที่ส่งภาพถ่ายตัวเองสวมชุดว่ายน้ำไปให้นฤดลดูเมื่อวานแล้วเธอก็ยังไม่ได้ติดต่อเขาอีกเลย เวลาอยู่กับเพื่อนๆ มีนาไม่อยากให้ใครรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังคบกับใครบางคนอยู่ เพราะเธอยังไม่แน่ใจความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอว่าเป็นเพราะเขารักหรือเพราะความใกล้ชิด“มีนาไม่ดื่มหน่อยเหรอ”“ไม่ล่ะ เมื่อคืนดื่มไปเยอะแล้วคืนขอบาย”“คืนนี้เราจะนอนที่นี่เลยนะขี้เกียจเดินกลับ ไหนๆ ก็ปาร์ตี้ชุดนอนแล้วก็นอนมันที่นี่เลย” พลอยรีบบอกเพราะเธอเห็นแล้วว่าที่ห้องรับแขกมีเพื่อนเอาที่นอนมาปูรอไว้แล้ว“จะได้นอนหรือเปล่ายังไม่รู้ดูสิ พวกนั้นขนเครื่องดื่มมาซะขนาดนั้นสงสัยว่าคงจะสนุกกันถึงเช้า แล้วแก้วล่ะนอนที่นี่ไหม”“ก็คงงั้น คืนนี้จะสนุกให้เต็มที่ไปเลย มีนาจะกลับไปนอนคนเดียวไม่กลัวเหรอ”“มีอะไรต้องน่ากลัวกันล่ะ เดี๋ยวเราขอไปเอาโทรศัพท์ที่ห้องก่อนนะ” เพราะอยากไปเอาโทรศัพท์มาเก็บภาพบรรยากาศที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานไว้ดูหญิงสาวจึงเดินกลับมาที่บ้านพักคนเดียว แต่ไหนๆ ก็
เมื่อเห็นว่ามีนาไม่ปฏิเสธนฤดลก็อุ้มเธอเข้าไปในบ้านพักของตนเอง วางลงบนเตียงกว้างแล้วก้มลงแนบชิดอีกครั้ง เขาสอดฝ่ามือร้อนเข้าใต้ชุดนอนสัมผัสกับอกอวบอิ่มอย่างแผ่วเบาก่อนจะเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ“อ๊ะ!”เสียงหวานครางออกมาอย่างรัญจวน ยามเมื่อนฤดลลากริมฝีปากร้อนไปลงยังลำคอระหงพร้อมทั้งขบเม้มเบาๆ ก่อนที่เรียวขาสวยจะถูกชายหนุ่มดันด้วยเข่าให้แยกออกจากกันเธอรู้สึกถึงความสากแข็งของกางเกงยีนที่กำลังสัมผัสไปยังขาอ่อนและเสียดสีกับจุดอ่อนไหวมันกระตุ้นให้ร่างกายของเธอร้อนรุ่มจนเริ่มแสดงความเร่าร้อนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มีนาโอบกอดเขาไว้แน่นสองร่างบดเบียดเข้าหาส่งให้ความต้องการจากส่วนลึกลุกเป็นไฟ“พี่ดล”...มีนาเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบาขณะที่เธอเองเป็นฝ่ายขยับสะโพกเข้าหาเพื่อให้ให้จุดอ่อนไหวกลางกายของตนเองได้สัมผัสแนบชิดเขามากขึ้น นฤดลครางในลำคออย่างพอใจที่ที่เห็นมีนาเปลี่ยนจากสาวหวานเป็นเร่าร้อนและเซ็กซี่อย่างที่ไม่เคยเห็นมันก็ทำให้เขารู้สึกพอใจและหลงใหลเธอมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว“มีนา”เสียงแหบพร่าของนฤดลบอกได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้อารมณ์ของนั้นกำลังเตลิดไปไกลแค่ไหน ตาคมมองเรือนร่างขาวผ
ไม่รู้ว่านฤดลไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เขามอบความสุขให้กับมีนาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีเหนื่อย หญิงสาวจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองไปถึงสวรรค์กี่ครั้ง เธอจำได้แค่เพียงว่าครั้งสุดท้ายเธอแทบจะหลับคาอกเขาในอ่างน้ำ มีนาหลับไปหลายชั่วโมงก่อนจะตกใจตื่นอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองจะนอนอยู่ที่นี่กับนฤดลถึงเช้าไม่ได้ “จะไปไหนครับ ยังไม่เช้าเลย” ชายหนุ่มถามพลางกระชับร่างบอบบางให้เข้าใกล้ร่างเปลือยเปล่าของตนเองยิ่งขึ้น “ถ้ามีนาไม่กลับ เพื่อนต้องสงสัยแน่ว่ามีนาหายไปไหน” “มีนาก็บอกไปสิครับมาอยู่กับแฟน เอ๊ะ ไม่ใช่สิตอนนี้เราเป็นมากว่าแฟนแล้ว” “ถ้าเพื่อนรู้มีนาก็กลัวว่าแม่จะรู้ค่ะ เพราะตอนไปเรียนเพื่อนๆ ชอบไปกินข้าวที่ร้าน มีนากลัวแม่ดุ” “ไม่เห็นต้องกลัวเลย เดี๋ยวพี่ไปคุยกับแม่เองนะครับ” “อย่านะคะ พี่ดลรอมีนาได้ไหม อีกสองปีมีนาก็เรียนจบแล้ว” “ให้พี่รอถึงสองปีมันทรมานนะครับ พี่อยากอยู่กับมีนาแบบนี้ตลอด” “มีนาก็อยากอยู่กับพี่ แต่มีนาก็ต้องเรียนให้จบ” “ถ้ากลับไปกรุงเทพแล้วเราจะมีโอกาสแบบนี้ไหมครับ
“ไม่ค่ะ ยังไงพิมพ์ก็ไม่หย่า”“แต่ผมไม่อยากยื้ออีกต่อไปแล้วนะ คุณไม่มีความสุข ผมก็ไม่มีความสุข”“คุณจะรีบหย่าแล้วไปหาเด็กนั่นเหรอคะ เราคุยกันแล้วนี่ดลว่าเราจะแต่งงานกันสองปี ถึงตอนนั้นคุณค่อยมาคุยเรื่องหย่าดีกว่าไหมคะ”“ถ้าคุณไม่ยอมหย่าผมจะฟ้องหย่า”“คิดดีแล้วเหรอคะดล คุณจะเอาความสุขส่วนตัวมาแลกกับชื่อเสียงของครอบครัวเหรอคะ”“คุณคงคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแต่บางครั้งไพ่มันก็เปลี่ยนได้นะพิมพ์”“หมายความว่ายังไงคะ”“ผมมีหลักฐานที่จะฟ้องหย่าคุณได้ ถ้าคุณไม่ยอมจบแบบเงียบๆ”“ถ้าคุณคิดว่ามันคุ้มกับชื่อเสียงก็เอาสิคะ ถ้าคุณฟ้องหย่าพิมพ์ก็จะบอกเรื่องของคุณให้ทุกคนรู้ พิมพ์คงได้รับความเห็นใจมากๆ ใครจะคิดล่ะคะว่าคุณนฤดลที่แสนจะเพอร์เฟกต์จะมีอีหนูซ่อนไว้”“เรื่องแบบนี้ผู้ชายก็มีกันทั้งนั้น แต่ถ้าคนอื่นรู้ว่าคุณก็หนีสามีไปแต่งงานละ มันจะน่าสนใจกว่าไหม”“ดลหมายถึงอะไร” พิมพ์ปภัสเริ่มร้อนตัว“เรื่องที่คุณพาผู้ชายเข้ามาที่บ้าน ผมไม่ว่าอะไรเลยเพราะมันเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ที่คุณควงกันไปเที่ยวต่างประเทศแล้วไปแต่งงานที่นู่น คุณคิดเหรอว่ามันเป็นความลับ”“ดลพูดเรื่องอะไรคะ” พิมพ์ปภัสคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจ
ดลฤดีกลับมาถึงเมืองไทยก็รีบเข้าไปคุยเรื่องสำคัญกับมารดาทันทีโดยที่ยังไม่ทันจะเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บ“เรื่องด่วนอะไรกันหรือว่ามีนาเป็นอะไร” คุณดวงกมลถามลูกสาวขณะที่ถูกเร่งให้เดินเข้ามาในห้องทำงานของบิดาซึ่งตอนนี้เจ้าของห้องนั้นไปรดน้ำกล้วยไม้อยู่ที่เรือนเพาะชำ“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมีนาค่ะ มีนาสบายดีทุกอย่างไม่มีปัญหา”“แล้วมันเรื่องด่วนอะไรกันล่ะ”“แม่นั่งก่อนนะคะ”พอให้มารดานั่งและหายาดมมาไว้ใกล้ตัวแล้วก็รีบเล่าเรื่องที่ตัวเองไปเจอมา ทั้งเรื่องที่โรงแรมและเรื่องที่ร้านอาหารในเวกัส“ตาฝาดไปหรือเปล่าลูก เมื่อวานแม่ยังคุยกับน้องอยู่เลย น้องบอกว่าออกมาทานข้าวกับเมียเขา”“แต่ฤดีมีรูปนะคะ นี่ค่ะ” เธอส่งทั้งรูปทั้งคลิปให้มารดาดูซึ่งทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ก็ชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พิมพ์ปภัส“แม่ไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยัยไง ตอนแต่งงานก็เห็นว่ารักกันดี นี่ลูกชายแม่กำลังโดนหลอกใช่ไหม” หญิงสูงวัยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า“ฤดีว่าแม่ลองเรียกน้องเข้ามาที่บ้านดีไหม”“แม่ไม่อยากเห็นน้องต้องเสียใจอีกเลย เวรกรรมอะไรกันนะถึงได้มาเจอเรื่องแบบนี้”“แม่ไม่อยากให้น้องรู
มีนาเดินทางมาถึงอเมริกาได้หลายวันแล้ว หญิงสาวเข้าพักที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนสอนภาษา ส่วนดลฤดีนั้นพักที่โรงแรมใกล้ๆ เพราะอยากให้มีนาลองใช้ชีวิตคนเดียวระหว่างนี้เธอกับสามีก็ไปดูงานที่โรงเรียนซึ่งใช้เป็นต้นแบบในการจัดการเรียนการสอน ก่อนที่จะพากันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ“พี่วัฒน์คะ”“ครับ”“ฤดีว่าเห็นคนรู้จักนะคะ แต่พี่อย่าเพิ่งหันไปนะคะ นั่งนิ่งๆ ก่อนเดี๋ยวเขาจะรู้ตัวค่ะ”“ให้พี่นั่งนิ่งแล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนรู้จักของเราไหม” ธนวัฒน์ถามภรรยาอย่างไม่เข้าใจ เพราะถ้าเขาไม่หันไปดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนที่ตนเองรู้จักไหม“เชื่อฤดีนะคะ นั่งอยู่แบบนี้ก่อน” ดลฤดีบอกสามีจากนั้นเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นเหมือนกำลังถ่ายรูปของธนวัฒน์ แต่ทว่าเธอกำลังซูมกล้องไปไกลกว่านั้นหญิงสาวนึกขอบคุณโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่สามารถซูมได้มากจนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่เธอเห็นนั้นใช่คนที่เธอรู้จักไหมดลฤดีกดถ่ายรูป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายวิดีโอจนกระทั่งเธอคนนั้นเดินหายเข้าไปในลิฟต์“พี่วัฒน์ดูนี่นะคะ” เธอส่งโทรศัพท์ให้สามีดูภาพที่ตนเองถ่ายไว้“นี่มันน้องพิมพ์นี่ครับ ผมไม่รู้เลยว่าเธอมาเที่ยว
นฤดลแอบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอยากคุยกับเธอแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เขาคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมานานเกินครึ่งปีนั้นจะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อมีนาลดน้อยลงแต่มันกลับตรงกันข้ามเพราะเขายังรักและคิดถึงเธออาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อลองเปรียบเทียบกับครั้งที่ตัวเองตามหาพิมพ์ปภัสไม่เจอมันต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งๆ ที่ตนเองแต่งงานไปแล้วและควรมีความสุขกับคนรักที่รอคอย แต่ในทุกๆ วันในใจของเขายังคงนึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองมีความสุขกับมีนาอยู่ตลอด“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนมีนารอก่อนนะ”“ค่ะพี่ฤดี” มีนานั่งรอดลฤดีที่ห้องรับแขกขณะที่คนอื่นก็ต่างก็กลับห้องของตัวเองไปกันหมดแล้ว“มีนาสบายดีไหม” ในที่สุดเขาก็เปิดปากถาม“ค่ะ คุณดลล่ะคะ”“พี่สบายดี” เขายังแทนตัวเองเหมือนเดิมขณะที่อีกคนนั้นเปลี่ยนสรรพนามไป“แม่บอกว่าปิดเทอมใหญ่มีนาจะไปเรียนภาษาเหรอ” เขาพยายามจะชวนเธอคุย อย่างน้อยตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านของตนเองมันไม่ได้น่าเกลียดอะไรถ้าจะพูดคุยกันบ้าง“ค่ะ”“มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้นะ”“ขอบคุณค่ะ”“มีนายังโกรธพี่อยู่เหรอ”“เปล่าค่ะ”“แต่เหมือนมีนาไม่อยากคุยกับพี่เลยนะ” เพราะการถามคำตอบคำแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของหญิงสาวท
ทางด้านมีนาที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 3 หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจใครอื่น แม้จะมีคนเข้ามาจีบแต่มีนาก็ปิดตายหัวใจ เธอทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนักและวางแผนเอาไว้แล้วว่าถ้าเรียนจบจะเข้าไปช่วยคุณดลฤดีทำงานที่โรงเรียน ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนที่นฤดลบริหาร แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานในเมื่ออีกคนแต่งงานไปแล้วเรื่องราวของเธอกับเขาก็จบลงไปด้วย ไม่มีการติดต่อไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ทางไลน์หรือทางข้อความ เขาและเธอทำเหมือนอยู่กันคนละโลก แม้จะเจอกันก็แค่ทักทายตามมารยาทเท่านั้นใช่ว่ามีนาจะไม่เสียใจที่ถูกเขาหลอก แต่ชีวิตของเธอจะต้องก้าวไปข้างหน้าต่อ ถ้ามัวแต่ยึดติดกับเรื่องราวที่ผิดหวังในอดีตเธอก็คงหาความสุขให้กับตนเองไม่ได้ แม้จะรักเขามากแค่ไหน แต่ถ้ามันเจ็บเธอก็ต้องยอมตัดใจ หญิงสาวคิดได้แล้วว่าการอยู่โดยไม่มีคนรักมันไม่ได้เลวร้ายเลยสักนิดมีนายังคงไปมาหาสู่ที่บ้านหลังนั้นอยู่ตลอด เพราะเธอรักและเคารพทุกคนที่นั่น อีกอย่างตอนนี้นฤดลก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกกับภรรยาแล้ว เธอจึงไม่มีโอกาสได้เจอเขาบ่อยนัก“เรื่องฝึกงานมีนาตัดสินใจหรือยังว่าจะฝึกที่ไหน อาจารย์ว่ายังไงบ้าง” ดลฤดีถามขณ
งานแต่งงานของนฤดลถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่มาร่วมงานต่างพากันชื่นชมเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่าเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก “ดลคะ ยิ้มหน่อยสิคะ แขกมากันเยอะแล้วนะ” พิมพ์ปภัสบอกเจ้าบ่าวที่เอาแต่ทำหน้านิ่ง “ผมจะยิ้มก็ต่อเมื่อผมอยากยิ้ม คุณอย่ามาบังคับผม แค่เรื่องแต่งงานมันก็มากเกินไปแล้ว” “แต่วันนี้วันแต่งงานของเรานะคะ” “ผมว่ามันเป็นงานของคุณคนเดียวต่างหากล่ะ” นฤดลพูดพลางทำหน้าเบื่อโลกยิ่งกว่าเดิม “ดลคะ เราแต่งงานกันแล้วนะ พิมพ์ว่าดลเลิกคิดที่จะกลับไปหาเด็กมีนานั่นได้แล้ว” “ผมไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้น ผมก็แค่เบื่อที่จะต้องปั้นหน้าว่ามีความสุข” ที่เขาทำหน้าเบื่อก็เพราะไม่คิดว่างานแต่งของตนจะจัดใหญ่แบบนี้ “อดทนอีกนิดสิคะ เดี๋ยวก็ถึงเวลาเข้าหอแล้ว พิมพ์รับรองว่าดลจะมีความสุขและลืมผู้หญิงทุกคนอย่างแน่นอน” พิมพ์ปภัสกล่าวอย่างมั่นใจ เธอจะต้องทำให้นฤดลลืมผู้หญิงที่ชื่อมีนาให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะถึงกำหนดที่เขากับเธอตกลงกันไว้ “ผมบอกเหรอครับว่าจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ” “ดลค่ะ คุณเป็นผู้ชายนะ จะอดทนได้แค่ไหนกั
ความรู้สึกหวงแหนและหลงใหลผสมปนเปกันไปหมด นฤดลมองหน้าอกอวบอิ่มและกลีบกุหลาบสีสวยสลับกันไปมาพลางกลืนน้ำลายลงคอ มีนาเห็นสายตาของเขาแล้วก็รู้สึกร้อนไปทั้งร่างกาย ตาคู่สวยสำรวจไปตามแผงอกและกล้ามท้องก่อนจะมองต่ำลงไปยังสัดส่วนความเป็นชายที่แข็งตระหง่าน สัดส่วนที่มอบความสุขให้เธอมาหลายครั้ง ตอนนี้ร่างกายหญิงสาวกำลังต้องการให้เขามาเติมเต็มอย่างห้ามไม่อยู่นฤดลก้มลงไปจูบกับเธออีกครั้ง จูบครั้งนี้ของเขามันอ่อนหวานและเรียกร้องจนมีนารู้สึกว่าเขากลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง หญิงสาวตอบกลับไปอย่างเร่าร้อนสร้างความพอใจจนเขาครางต่ำอยู่ในลำคอ“มีนา อย่าลืมพี่นะ อย่าลืมว่าเรามีความสุขมากแค่ไหน”เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากร้อนต่ำลงไปเรื่อยๆ จนมาถึงความอวบอิ่มตรงหน้าสองมือกอบกุมเคล้นคลึง ก่อนจะส่งลิ้นไปสัมผัสปทุมถันที่แข็งเป็นไตชูชัน มีนาผวาร่างแอ่นโค้งเข้าหาปากร้อนให้เขาได้ดูดกินอย่างไม่มีหวงห้ามนฤดลขบเม้มดูดกลืนความอวบอิ่มตรงหน้าสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่ปรานี ข้างหนึ่งตวัดลิ้นรัวเร็ว อีกข้างก็ใช้ปลายนิ้วปลุกเร้าไปบนเม็ดทับทิมสีสวยอย่างไม่มีพักชายหนุ่มใช้เขาดันเรียว
มีนาเปิดประตูห้องเขาไปเธอหวังว่าจะเห็นเขารออยู่ แต่ทั้งห้องก็ว่างเปล่า หญิงสาวเข้าไปในห้องนอนเก็บของใช้เคยลืมทิ้งไว้ลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่าคงไม่มาที่นี่อีกแล้วและไม่อยากเจอกับนฤดลอีกต่อไป พอตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรของตนเองทิ้งไว้ที่นี่แล้วเธอก็เปิดประตูห้องเพื่อจะกลับ แต่เปิดประตูออกก็เจอกับนฤดลที่เพิ่งมาถึง “มีนา จะไปไหน” “ก็กลับสิคะ พี่ดลนัดแล้วไม่ตรงเวลาเอง” “เดี๋ยวสิ เราต้องคุยกันนะมีนา” “มีอะไรต้องคุยล่ะคะ พี่กำลังจะแต่งงานก็ไม่ควรติดต่อกับมีนาอีก” “รอพี่ได้ไหมมีนา พี่ของเวลาเคลียร์ตัวเองก่อน” “มันไม่มีอะไรต้องเคลียร์แล้วค่ะ ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วพี่กำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้น ส่วนมีนาก็แค่นางบำเรอของพี่ ตอนนี้ตัวจริงของพี่กลับมาแล้ว พี่ก็ควรปล่อยให้มีนาออกไปจากชีวิตพี่”“แต่พี่รักมีนานะครับ” นฤดลเดินมาขวางแล้วกอดเธอไว้แน่น“คำว่ารักใครก็พูดได้ค่ะ มีนาดูที่การกระทำ ปล่อยมีนาไปเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดกับเขาทั้งน้ำตาขณะที่เขาก็กอดเธอแรงมากขึ้น“สัญญาได้ไหมว่าจะรอพี่”“เพื่ออะไรล่ะคะ จะให้มีนารอคนที
เปิดเทอมมาสองสัปดาห์แล้วมีนายังไม่มีโอกาสเข้าไปที่บ้านของนฤดลเลยสักครั้งเพราะเธอทั้งเรียนและทำกิจกรรมรับน้องเนื่องจากรุ่นพี่ปีสี่นั้นออกไปฝึกสอนนอกมหาวิทยาลัยกันหมด แต่เธอยังโทรหาเขาทุกวันคุยกับเขาก่อนนอนทุกคืนอย่างเคย “แม่คะ บ่ายนี้มีนาขอไปบ้านคุณท่านได้ไหมคะแม่” “ได้จ้ะ แล้วจะไปค้างที่นั่นไหม” “คงไม่ค่ะแม่ ตอนนี้คุณท่านน่าจะหายดีแล้ว” “ถ้าไม่ค้างก็อย่ากลับดึกมากนะ แม่เป็นห่วง” “ค่ะแม่” หญิงสาวรีบล้างจานที่ยังเหลืออยู่ไม่กี่ใบจนเสร็จจากนั้นก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะนั่งแท็กซี่เพื่อตรงไปยังบ้านของคนรัก ซึ่งเธอรู้ดีว่าบ่ายวันเสาร์แบบนี้เขาไม่ออกไปไหน มีนาเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจเพราะปกติแล้ววันเสาร์แบบนี้สมาชิกในบ้านจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่วันนี้ที่บ้านดูเงียบมาก ก่อนจะมาที่นี่เธอไม่ได้ถามนฤดลว่าเขาอยู่บ้านหรือเปล่าเพราะอยากทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอแปลกใจเสียเองเพราะมาแล้วไม่เจอใคร “สวัสดีค่ะป้าแข พี่ชบา” หญิงสาวเดินเข้ามาถึงในครัวแล้วกล่าวทักทายทั้งสองคนพร้อมท