“ลี่หลี่ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เธอเองก็เคยบอกไม่ใช่เหรอว่าเธอกับอี้หรานเคยร่วมงานกันมาก่อน และเธอสองคนเข้ากันได้ดี เธอทำแบบนี้ลับหลังอี้หรานได้ยังไง?”“ก็นะ บางคนก็ชอบแสร้งทำดีต่อหน้าเรา แต่ลับหลังเรากลับทำอีกแบบ!”เพื่อนร่วมงานยังคงพูดต่อไป กวาน ลี่หลี่เพียงแค่ขุดหลุมฝังตัวเองเท่านั้น! จากตอนแรกที่หลิง อี้หรานจะถูกไล่ออกจากบริษัท กลับจะเป็นเธอแทนที่จะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป!เหตุการณ์ของกวาน ลี่หลี่กลายเรื่องตลกที่ได้รับความนิยมมากมายบนอินเทอร์เน็ต กวาน ลี่หลี่จึงลางานและกลับบ้านไป ขณะที่หลิง อี้หรานยังคงทำงานของเธอต่อการพิจารณาคดีของอาหลีจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน แม้ว่าซูซีจะปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเธอเป็นผู้กระทำความผิด แต่ตำรวจก็ได้สอบสวนคดีนี้อีกครั้งและพบว่าหลักฐานทุกอย่างชัดเจนขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน‘ทิศทางเดียวกัน…’ ดวงตาของหลิง อี้หรานจ้องมองมือขวาของเธอซึ่งกำลังสัมผัสแป้นพิมพ์นี่คือมือข้างที่ตบอี้ จิ่นหลีเมื่อคืนนี้ มันเป็นมือข้างเดียวกันกับที่เขาจับอย่างระมัดระวังขณะถามเธอว่า “เจ็บไหม?”แต่ว่าอาการปวดท้องของเขาดูเหมือนจะเจ็บมากกว่ามือของเธอ‘ฉันสงสัยว่าเขารู้สึกด
ขณะที่บรรยากาศในห้องโถงไว้ทุกข์เงียบสงัด โทรศัพท์ของอี้ จิ่นหลีก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาก่อนจะตอบว่า “โอเค เข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”เขาเก็บโทรศัพท์ก่อนจะมองไปที่แผ่นจารึกอีกครั้ง “ถึงผมจะเป็นลูกชายของพ่อและเคยให้ผู้หญิงอยู่เหนือการควบคุมชีวิตของตัวเองก็ตาม ถึงผมจะรู้สึกสูญเสียที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งผมไป แต่ผมจะไม่มีวันจบลงแบบพ่อ ไม่มีวัน!”ด้วยเหตุนี้ อี้ จิ่นหลีจึงเดินออกไปจากห้องโถงเกา ฉงหมิงที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกรู้สึกดีใจทันทีที่เห็นอี้ จิ่นหลีออกมา“นายน้อยอี้!”“ไปเตรียมรถ ฉันจะไปหาปู่ที่โรงพยาบาล” อี้ จิ่นหลีสั่ง“ครับ” เกา ฉงหมิงตอบ ครู่ต่อมา รถยนต์ซีดานคันสีดำก็ค่อย ๆ ขับออกมาจากคฤหาสน์อี้และมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลณ ตึกผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ชายชราผู้อ่อนแอคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงข
“แล้วยังไง? ผมอยากคบกับใครมันก็เรื่องของผมไม่ใช่หรือไง?” เขาถาม“แค่ก… แค่ก…” นายท่านอี้ดูไม่พอใจกับคำตอบของเขา เขาขยับร่างกายเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงไอ เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะถามว่า “แกอยากเดินตามรอยพ่อของแกขนาดนั้นเลยหรือไง?”“แล้วจะทำไม? ปู่คิดว่าหลิง อี้หรานจะฆ่าผมหรือไง?” อี้ จิ่นหลีถามกลับนายท่านอี้เงียบ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “เด็กคนนั้นจากตระกูลกู้ก็ตกหลุมรักยัยผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน เขาไม่รู้หรือไงว่าหลิง อี้หรานคือคนที่เขาตามหา แกคิดว่าแกจะยังมีโอกาสอยู่ไหมถ้าเขารู้ความจริง เขาเป็นเหตุผลที่ทำให้แกตัดสินใจเลิกกับเธอไม่ใช่เหรอ? แกกลัวว่าหลิง อี้หรานจะทรยศแกเพราะเขาไม่ใช่หรือไง?”อี้ จิ่นหลีจ้องมองนายท่านอี้อย่างเหลือด คนที่รู้จักเขาดีที่สุดในโลกนี้ก็คือชายชราที่อยู่ตรงหน้าเขา!“ผมก็แค่ต้องป้องกันไม่ให้เธอทรยศผม แค่นั้นเอง” อี้ จิ่นหลีพูด“ใจของคนเรานั้นยากแท้หยั่งถึง แกคิดว่าแกสามารถควบคุมไม่ให้คนหักหลังแกได้หรือไง?” นายท่านอี้ถามขึ้นอี้ จิ่นหลีเม้มปากและไม่พูดอะไรนายท่านอี้ยังคงพูดต่ออย่างจริงจังว่า “ผู้หญิงคนนั้นจะทำลายแก! ตอนนี้ฉันทำได้แต่รอคอยวันตายเท่
ชิน เหลียนอีอยากจะให้อาหยันเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ แต่เธอรู้สึกอายเพราะเด็กน้อยมักจะเรียกอี้หรานว่า ‘น้า’อาหยันน้อยมองดูชิน เหลียนอีกับแม่ของเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ถึงเขาจะยังเป็นเด็ก แต่เขาก็เข้าใจได้ว่าน้าผู้หญิงและหน้าผู้ชายแปลกหน้าสองคนนี้เป็นคนหาโรงเรียนอนุบาลให้เขา“ขอบคุณฮะ น้าชิน” เสียงของเด็กน้อยดังขึ้น คำพูดของเขาชัดถ้อยชัดคำจนชิน เหลียนอีแทบไม่เชื่อว่าเขาเป็นเด็กพิการทางการได้ยิน ถ้าไม่ใช่เพราะเครื่องช่วยฟังที่เขาใส่อยู่ที่หู“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรเลย!” ชิน เหลียนอีพูดด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะชี้ไปที่แก้มของเธอและทำแก้มป่องเพื่อรอคอยจุ๊บใบหน้าที่งดงามของเด็กน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย แต่อาหยันน้อยกลับไม่ได้ปฏิเสธผู้หญิงที่อัธยาศัยดีตรงหน้า เขาเอาแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอของชิน เหลียนอีและจุ๊บบนแก้มของเธอเบา ๆชิน เหลียนอีรู้สึกดีใจที่ได้รับจุมพิตอันอ่อนโยนของเทพบุตรตัวน้อย เธออดไม่ได้ที่จะอุ้มเขาขึ้นมาและจุ๊บบนใบหน้าของเขาอีกหลายครั้งใบหน้าอ่อนโยนของอาหยันน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีไป๋ ทิงซินมองว่าแฟนสาวของเขากำลังทำตัวเหมือนผู้หญิงประหลาด ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบร
โชคดีที่ชิน เหลียนอีเปลี่ยนหัวข้อในไม่ช้าและไม่ได้พูดถึงกู้ ลี่เฉินต่อหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ไป๋ ทิงซินก็ขับรถไปส่งหลิง อี้หรานที่บ้านเช่าก่อนจะไปส่งโจว เชียนหยุนกับอาหยันน้อยที่บ้านเมื่อเด็กน้อยลงจากรถ ชิน เหลียนอีก็จุ๊บเขาอีกครั้งก่อนจะโบกมือลา เธอยังบอกอีกด้วยว่าเธอจะมอบของขวัญให้เด็กน้อยทันทีที่เขาเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลอย่างเป็นทางการไป๋ ทิงซินมองดูชิน เหลียนอีที่โบกมือลาเด็กน้อยอย่างไม่พอใจ ขณะเหยียบคันเร่งและขับรถออกไป“นี่ ฉันยังพูดไม่จบเลยนะคะ” ชิน เหลียนอีบ่น“ไม่ยักจะรู้ว่าคุณชอบเด็กด้วย” ไป๋ ทิงซินพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เขาถึงกับนับว่าเธอจุ๊บเด็กคนนั้นไปถึงเจ็ดหรือแปดครั้งในวันนี้ เธอไม่เคยแม้แต่จะจูบเขาหลายครั้งในหนึ่งวันมาก่อน“ฉันแค่เอ็นดูเขา!”ไป๋ ทิงซินอยากจะกลอกตามองบนกับคำตอบของเธอ“คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดในใจในตอนที่จ้องมองเขาบ้างเหรอ? เขาน่าสงสารจะตาย” ชิน เหลียนอียักคิ้ว “ฉันได้ยินจากอี้หรานว่าเขาเกิดในคุก แล้วก็หูหนวกตั้งแต่เกิด โจว เชียนหยุนถึงต้องดูแลเขาให้ดี”ชิน เหลียนอีอดไม่ได้ที่จะชื่นชมโจว เชียนหยุนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ถ้าเธอต้องเผชิญหน้าแ
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มีอะไรหรือเปล่า? คุณกลัวว่าผมจะเชื่อคนอื่นมากกว่าคุณเหมือนเย่ เหวินหมิงเหรอ?”“ฉันจะไม่ยกโทษให้ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ฉันจะลืมคุณและไปรักผู้ชายคนอื่นแทน…”เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและเชยคางของเธอขึ้นก่อนที่เธอจะพูดจบ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้และประกบริมฝีปากบางแนบชิดเข้าหากันเพื่อสั่งให้เธอหยุดพูดจูบที่แสนเอาแต่ใจนี้แสดงให้เห็นถึงความครอบงำอย่างสมบูรณ์แบบชิน เหลียนอีดิ้นรนเล็กน้อยในตอนแรก แต่สักพักเธอก็ค่อย ๆ คล้อยตาม มือทั้งสองของเธอโอบรอบคอของไป๋ ทิงซินเธอหายใจหอบขณะผละออกมาจากเขา แก้มใสเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตดูเย้ายวนมากกว่าปกติ“คุณห้ามลืมผมและรักผู้ชายคนอื่น” น้ำเสียงแหบแห้งดังชัดถ้อยชัดคำ ‘เธอรู้ไหมว่าตอนนี้เธอดูเย้ายวนและน่าหลงใหลมากแค่ไหน?’“ทำไมฉันจะลืมคุณและรักผู้ชายคนอื่นไม่ได้?” เธอถามอย่างดื้อรั้นเขาโน้มตัวลงประกบริมฝีปากของเธออีกครั้ง‘อืม การถูกเขาจูบทำให้ฉันรู้สึกดีเสมอสินะ’ ชิน เหลียนอีคิดในใจขณะตอบรับจูบของเขาเธอไม่รู้ว่าเขาจูบเธอกี่ครั้งจนกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอกำลังออกร้อน"ตอนนี้คุณยังจะลืมผมแ
แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ควรจะเป็นและเธอไม่มีทางหนีรอดไปได้“นี่… คืออะไร?” คุณนายโจวถามเพราะเธอสามารถเดาได้ว่ามันคืออะไรโจว เชียนหยุนยิ้มเหยเก “เย่ เหวินหมิงจะต่อสู้เพื่อสิทธิ์เลี้ยงดูของอาหยันน้อย”“ลูกต้องไปคุยกับอี้หรานนะ เธอบอกว่าเธอจะช่วยลูกไม่ใช่เหรอ?” คุณนายโจวโพล่งขึ้นโจว เชียนหยุนพยักหน้าและมองดูหมายศาลในมือของเธอแม้ว่าอี้หรานยินดีที่จะช่วยเธอดำเนินคดี แต่เธอก็รู้ดีว่าประวัติการต้องโทษและสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันของเธอนั้นไม่ง่ายเลยที่เธอจะชนะคดีทว่า เธอไม่ต้องการบอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอ เกรงว่าแม่ที่แก่ชราจะกังวลมากขึ้นไปอีก“ไม่ต้องห่วงนะแม่ ฉันจะคุยกับอี้หรานเอง แม่ก็เข้านอนได้แล้ว ไม่ต้องกังวลมากนักหรอก” โจว เชียนหยุนพูด แสร้งทำเป็นไม่กังวลอะไรแต่ว่าคุณนายโจวยังคงรู้สึกกังวล “แต่ถ้ามันไม่ได้ผล เราขอร้องเย่ เหวินหมิงก็ได้นี่ ถ้าเขาอยากจะมีลูกจริง ๆ เขาสามารถหาผู้หญิงคนอื่นมาคลอดลูกให้เขาได้ เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่ออาหยันกับเราด้วยซ้ำ!”“ไม่มีประโยชน์อะไร” โจว เชียนหยุนส่ายหัว เธอไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนแม่ของเธอ เธอรู้ว่าเย่ เหวินหมิงโหดร้ายแค่ไหน ดังนั้นเธอคง
‘ทำไมเขาถึงตามสืบเรื่องราวของโจว เชียนหยุนในคุก ทั้งที่ผ่านมาหลายปีแล้ว? เป็นไปได้ไหมว่าเหวินหมิงจะมีความรู้สึกอะไรให้กับโจว เชียนหยุนอีกครั้งหลังจากตามหาเธอจนเจอ?’ขณะที่คง จื่ออินกำลังคาดเดาเรื่องราวต่าง ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักออก เย่ เหวินหมิงเดินเข้ามาและเห็นเอกสารอยู่ในมือของจื่ออิน ดวงตาของเขาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย“คุณมาทำอะไรที่นี่?” เย่ เหวินหมิงถามคง จื่ออินลังเลก่อนจะตอบว่า “ฉัน... ฉันอบขนมมาให้คุณค่ะ เหวินหมิง ทำไมคุณถึงตามสืบเรื่องของโจว เชียนหยุนอีกล่ะคะ?”เย่ เหวินหมิงก้าวไปข้างหน้าและหยิบเอกสารจากมือของคง จื่ออิน “เพราะเราต้องการต่อสู้เพื่อสิทธิ์เลี้ยงดูในตัวเด็ก เราควรตรวจสอบเรื่องราวของเธอในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อที่เราจะได้ได้เปรียบในการต่อสู้คดีความ”‘จริงเหรอ?’ แต่ว่าคง จื่ออินกลับไม่รู้สึกสบายใจนัก “เหวินหมิง ฉันกลัวจังเลยค่ะ ฉันกลัวว่าคุณยังมีความรู้สึกดี ๆ กับโจว เชียนหยุนอยู่”“คุณกำลังพูดอะไร? ผมไม่สามารถรู้สึกอะไรกับเธอได้อีกหรอกนะ” เย่ เหวินหมิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาหันกลับมาที่โต๊ะทำงาน ขณะที่คง จื่ออินเอื้อมแขนไปกอดเขาจากทางด้านหลัง “ฉันขอโทษท
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค