ชิน เหลียนอีอยากจะให้อาหยันเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ แต่เธอรู้สึกอายเพราะเด็กน้อยมักจะเรียกอี้หรานว่า ‘น้า’อาหยันน้อยมองดูชิน เหลียนอีกับแม่ของเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ถึงเขาจะยังเป็นเด็ก แต่เขาก็เข้าใจได้ว่าน้าผู้หญิงและหน้าผู้ชายแปลกหน้าสองคนนี้เป็นคนหาโรงเรียนอนุบาลให้เขา“ขอบคุณฮะ น้าชิน” เสียงของเด็กน้อยดังขึ้น คำพูดของเขาชัดถ้อยชัดคำจนชิน เหลียนอีแทบไม่เชื่อว่าเขาเป็นเด็กพิการทางการได้ยิน ถ้าไม่ใช่เพราะเครื่องช่วยฟังที่เขาใส่อยู่ที่หู“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรเลย!” ชิน เหลียนอีพูดด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะชี้ไปที่แก้มของเธอและทำแก้มป่องเพื่อรอคอยจุ๊บใบหน้าที่งดงามของเด็กน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย แต่อาหยันน้อยกลับไม่ได้ปฏิเสธผู้หญิงที่อัธยาศัยดีตรงหน้า เขาเอาแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอของชิน เหลียนอีและจุ๊บบนแก้มของเธอเบา ๆชิน เหลียนอีรู้สึกดีใจที่ได้รับจุมพิตอันอ่อนโยนของเทพบุตรตัวน้อย เธออดไม่ได้ที่จะอุ้มเขาขึ้นมาและจุ๊บบนใบหน้าของเขาอีกหลายครั้งใบหน้าอ่อนโยนของอาหยันน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีไป๋ ทิงซินมองว่าแฟนสาวของเขากำลังทำตัวเหมือนผู้หญิงประหลาด ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบร
โชคดีที่ชิน เหลียนอีเปลี่ยนหัวข้อในไม่ช้าและไม่ได้พูดถึงกู้ ลี่เฉินต่อหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ไป๋ ทิงซินก็ขับรถไปส่งหลิง อี้หรานที่บ้านเช่าก่อนจะไปส่งโจว เชียนหยุนกับอาหยันน้อยที่บ้านเมื่อเด็กน้อยลงจากรถ ชิน เหลียนอีก็จุ๊บเขาอีกครั้งก่อนจะโบกมือลา เธอยังบอกอีกด้วยว่าเธอจะมอบของขวัญให้เด็กน้อยทันทีที่เขาเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลอย่างเป็นทางการไป๋ ทิงซินมองดูชิน เหลียนอีที่โบกมือลาเด็กน้อยอย่างไม่พอใจ ขณะเหยียบคันเร่งและขับรถออกไป“นี่ ฉันยังพูดไม่จบเลยนะคะ” ชิน เหลียนอีบ่น“ไม่ยักจะรู้ว่าคุณชอบเด็กด้วย” ไป๋ ทิงซินพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เขาถึงกับนับว่าเธอจุ๊บเด็กคนนั้นไปถึงเจ็ดหรือแปดครั้งในวันนี้ เธอไม่เคยแม้แต่จะจูบเขาหลายครั้งในหนึ่งวันมาก่อน“ฉันแค่เอ็นดูเขา!”ไป๋ ทิงซินอยากจะกลอกตามองบนกับคำตอบของเธอ“คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดในใจในตอนที่จ้องมองเขาบ้างเหรอ? เขาน่าสงสารจะตาย” ชิน เหลียนอียักคิ้ว “ฉันได้ยินจากอี้หรานว่าเขาเกิดในคุก แล้วก็หูหนวกตั้งแต่เกิด โจว เชียนหยุนถึงต้องดูแลเขาให้ดี”ชิน เหลียนอีอดไม่ได้ที่จะชื่นชมโจว เชียนหยุนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ถ้าเธอต้องเผชิญหน้าแ
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มีอะไรหรือเปล่า? คุณกลัวว่าผมจะเชื่อคนอื่นมากกว่าคุณเหมือนเย่ เหวินหมิงเหรอ?”“ฉันจะไม่ยกโทษให้ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ฉันจะลืมคุณและไปรักผู้ชายคนอื่นแทน…”เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและเชยคางของเธอขึ้นก่อนที่เธอจะพูดจบ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้และประกบริมฝีปากบางแนบชิดเข้าหากันเพื่อสั่งให้เธอหยุดพูดจูบที่แสนเอาแต่ใจนี้แสดงให้เห็นถึงความครอบงำอย่างสมบูรณ์แบบชิน เหลียนอีดิ้นรนเล็กน้อยในตอนแรก แต่สักพักเธอก็ค่อย ๆ คล้อยตาม มือทั้งสองของเธอโอบรอบคอของไป๋ ทิงซินเธอหายใจหอบขณะผละออกมาจากเขา แก้มใสเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตดูเย้ายวนมากกว่าปกติ“คุณห้ามลืมผมและรักผู้ชายคนอื่น” น้ำเสียงแหบแห้งดังชัดถ้อยชัดคำ ‘เธอรู้ไหมว่าตอนนี้เธอดูเย้ายวนและน่าหลงใหลมากแค่ไหน?’“ทำไมฉันจะลืมคุณและรักผู้ชายคนอื่นไม่ได้?” เธอถามอย่างดื้อรั้นเขาโน้มตัวลงประกบริมฝีปากของเธออีกครั้ง‘อืม การถูกเขาจูบทำให้ฉันรู้สึกดีเสมอสินะ’ ชิน เหลียนอีคิดในใจขณะตอบรับจูบของเขาเธอไม่รู้ว่าเขาจูบเธอกี่ครั้งจนกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอกำลังออกร้อน"ตอนนี้คุณยังจะลืมผมแ
แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ควรจะเป็นและเธอไม่มีทางหนีรอดไปได้“นี่… คืออะไร?” คุณนายโจวถามเพราะเธอสามารถเดาได้ว่ามันคืออะไรโจว เชียนหยุนยิ้มเหยเก “เย่ เหวินหมิงจะต่อสู้เพื่อสิทธิ์เลี้ยงดูของอาหยันน้อย”“ลูกต้องไปคุยกับอี้หรานนะ เธอบอกว่าเธอจะช่วยลูกไม่ใช่เหรอ?” คุณนายโจวโพล่งขึ้นโจว เชียนหยุนพยักหน้าและมองดูหมายศาลในมือของเธอแม้ว่าอี้หรานยินดีที่จะช่วยเธอดำเนินคดี แต่เธอก็รู้ดีว่าประวัติการต้องโทษและสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันของเธอนั้นไม่ง่ายเลยที่เธอจะชนะคดีทว่า เธอไม่ต้องการบอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอ เกรงว่าแม่ที่แก่ชราจะกังวลมากขึ้นไปอีก“ไม่ต้องห่วงนะแม่ ฉันจะคุยกับอี้หรานเอง แม่ก็เข้านอนได้แล้ว ไม่ต้องกังวลมากนักหรอก” โจว เชียนหยุนพูด แสร้งทำเป็นไม่กังวลอะไรแต่ว่าคุณนายโจวยังคงรู้สึกกังวล “แต่ถ้ามันไม่ได้ผล เราขอร้องเย่ เหวินหมิงก็ได้นี่ ถ้าเขาอยากจะมีลูกจริง ๆ เขาสามารถหาผู้หญิงคนอื่นมาคลอดลูกให้เขาได้ เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่ออาหยันกับเราด้วยซ้ำ!”“ไม่มีประโยชน์อะไร” โจว เชียนหยุนส่ายหัว เธอไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนแม่ของเธอ เธอรู้ว่าเย่ เหวินหมิงโหดร้ายแค่ไหน ดังนั้นเธอคง
‘ทำไมเขาถึงตามสืบเรื่องราวของโจว เชียนหยุนในคุก ทั้งที่ผ่านมาหลายปีแล้ว? เป็นไปได้ไหมว่าเหวินหมิงจะมีความรู้สึกอะไรให้กับโจว เชียนหยุนอีกครั้งหลังจากตามหาเธอจนเจอ?’ขณะที่คง จื่ออินกำลังคาดเดาเรื่องราวต่าง ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักออก เย่ เหวินหมิงเดินเข้ามาและเห็นเอกสารอยู่ในมือของจื่ออิน ดวงตาของเขาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย“คุณมาทำอะไรที่นี่?” เย่ เหวินหมิงถามคง จื่ออินลังเลก่อนจะตอบว่า “ฉัน... ฉันอบขนมมาให้คุณค่ะ เหวินหมิง ทำไมคุณถึงตามสืบเรื่องของโจว เชียนหยุนอีกล่ะคะ?”เย่ เหวินหมิงก้าวไปข้างหน้าและหยิบเอกสารจากมือของคง จื่ออิน “เพราะเราต้องการต่อสู้เพื่อสิทธิ์เลี้ยงดูในตัวเด็ก เราควรตรวจสอบเรื่องราวของเธอในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อที่เราจะได้ได้เปรียบในการต่อสู้คดีความ”‘จริงเหรอ?’ แต่ว่าคง จื่ออินกลับไม่รู้สึกสบายใจนัก “เหวินหมิง ฉันกลัวจังเลยค่ะ ฉันกลัวว่าคุณยังมีความรู้สึกดี ๆ กับโจว เชียนหยุนอยู่”“คุณกำลังพูดอะไร? ผมไม่สามารถรู้สึกอะไรกับเธอได้อีกหรอกนะ” เย่ เหวินหมิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาหันกลับมาที่โต๊ะทำงาน ขณะที่คง จื่ออินเอื้อมแขนไปกอดเขาจากทางด้านหลัง “ฉันขอโทษท
โจว เชียนหยุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่เธอช่วยไว้คือคนที่เธอตกหลุมรักและเป็นคนเดียวกับคนที่ส่งเธอเข้าคุก‘ฉันจะไม่ปล่อยให้เย่ เหวินหมิงและโจว เชียนหยุนรู้เรื่องนี้เด็ดขาด!’‘ฉันจะต้องได้เป็นนายหญิงของตระกูลเย่!’...หลังจากที่หลิง อี้หรานได้รับเอกสารจากทนายกู้ เธอจึงรู้ว่าเธอจะต้องไปส่งเอกสารที่กู้กรุ๊ปเธอรู้สึกตกใจอย่างมากทนายกู้ถามขึ้น “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? พวกเขาต้องการเอกสารโดยด่วน ถ้าใช้บริการขนส่งด่วนมันจะมีแต่เสียเวลาโดยใช้เหตุ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องการให้คุณไปทำธุระนี้แทน”“ไม่ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร” หลิง อี้หรานตอบหากเธอพยายามหลีกเลี่ยงกู้ ลี่เฉิน เธอคงจะไม่สามารถทำงานในบริษัทใหญ่ ๆ ในเมืองเฉินได้เพราะบริษัทส่วนใหญ่ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการทางกฎหมายของกู้กรุ๊ปไม่มากก็น้อยข้อพิพาททางกฎหมายมากมายในหมู่คนดังล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของกู้กรุ๊ปทั้งนั้นหลิง อี้หรานมาถึงสำนักงานของกู้กรุ๊ปพร้อมเอกสารในมือ และอธิบายจุดประสงค์ของเธอกับพนักงานต้อนรับ“ได้ค่ะ ขอเวลาสักครู่” พนักงานต้อนรับพูดก่อนกดสายภายในเพื่อการยืนยันหลิง อี้หรานที่กำลังอยู่หน้าล้อบบี้เห็นประตูอัตโนมัติข
เธอควบคุมเรื่องที่กู้ ลี่เฉินจะไปไหนมาไหนในกู้กรุ๊ปไม่ได้อยู่แล้วดังนั้นเมื่อเห็นกู้ ลี่เฉินเดินตามหลิง อี้หรานเข้ามายังแผนกกฎหมายของบริษัท จึงทำให้คนทั้งแผนกถึงกับตื่นตระหนก หัวหน้าแผนกนำทั้งคู่ไปที่ห้องประชุมอย่างนอบน้อม เขารับเอาเอกสารจากหลิง อี้หรานแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ “ขอบคุณครับ คราวหลังคุณโทรมาก็ได้ เดี๋ยวผมส่งคนไปรับเอกสารให้เอง”ผู้หญิงคนนี้เดินมาที่นี่พร้อมกับเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง เห็นได้ชัดว่าเธอคงเป็นคนมีความสำคัญบางอย่างต่อเขาแม้แต่หัวหน้าแผนกเองยังแอบคาดเดาไปว่าเธออาจเป็นคนเดียวกับคนที่ชายหนุ่มเคยให้สัมภาษณ์ว่ากำลังมีใจให้อยู่ในตอนที่บทสัมภาษณ์ถูกปล่อยออกมา คนทั้งบริษัทถึงกับอึ้ง คนมากมายต่างอยากรู้ว่าใครคือคนที่คว้าหัวใจของเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงไปได้ แม้กู้ ลี่เฉินจะเปลี่ยนคู่ควงอยู่บ่อย ๆ แต่เขาไม่เคยใช้คำว่า ‘รัก’ กับใครมาก่อนจนกลายเป็นหัวข้อในวงซุบซิบว่าคนที่ถูกขนานนามว่าเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง กลับไม่เคยตกหลุมรักใครเลยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะให้สัมภาษณ์แบบนั้น“เชิญตรวจสอบได้เลยค่ะว่าใช่เอกสารที่คุณต้องการหรือเปล่า” หลิง อี้หรานกล่าวหัว
หัวใจของหญิงสาวแทบเต้นผิดจังหวะ ดวงตาของเขาราวกับสามารถมองทะลุผ่านร่างเธอไปได้“กู้ ลี่เฉิน” อี้หรานสูดลมหายใจลึก เรียกชื่อเต็มของชายหนุ่มแทนที่จะเรียกว่า ‘คุณกู้’ เหมือนอย่างเคย “ใช่ ฉันไม่อยากให้คุณมาชอบฉัน ฉันแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุข ไม่ต้องมาเล่นเกมอะไรอีก”ลี่เฉินตอบเสียงจริงจัง “ผมไม่เคยมองว่ามันเป็นแค่เกม ถ้าคุณคิดว่าผมยังไม่จริงจัง งั้นบอกมาสิว่าผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมเชื่อ”หญิงสาวกัดริมฝีปากเบาๆ “ฉันเหนื่อยค่ะ ฉันไม่มีแรงจะไปรักใครได้อีกแล้ว”“งั้นผมจะรักคุณเอง คุณค่อยรักผมในวันที่คุณพร้อมก็ได้ ขอแค่ช่วยเลิกปฏิเสธผมสักที” เขาพูดเธอมองเขาอย่างสับสน “ทำไมต้องเป็นฉัน? ฉันไม่ได้มาจากตระกูลที่เพียบพร้อม แถมยังเคยติดคุกมาสามปี แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่คุณตามหาด้วย”ปลายเสียงของอี้หรานแผ่วลงที่ประโยคสุดท้ายอย่างรู้สึกผิด“ใช่ ทำไมต้องเป็นคุณด้วย?” กู้ ลี่เฉินพึมพำพลางเกลี่ยแก้มใสด้วยปลายนิ้วหญิงสาวตระหนักได้ว่าต้องเบือนหน้าหนี แต่กลับถูกสะกดไว้ด้วยแววตาของชายหนุ่ม ดวงตาสีนิลคมกริบคู่นั้นสะท้อนเงาของเธอและความปรารถนาอันลึกล้ำที่ยากจะเสื่อมคลาย“อย่างที่คุณว่า คุณไม่ได้มาจากครอบ