“ใครจะไปรู้ล่ะ? นั่นอาจจะเป็นรักแท้ก็ได้ ดูแฟนเก่าของนายน้อยกู้แต่ละคนสิว่าสวยขนาดไหน แต่นายน้อยกู้กลับเต็มใจให้ผู้หญิงอย่างหวา ลี่ฟางอยู่เคียงข้าง นอกจากนี้ เขายังไม่เคยปฏิเสธข่าวลือบนอินเทอร์เน็ตและชี้แจงความสัมพันธ์ของพวกเขาเลยว่าไม่ใช่คู่รักกัน ถ้านี่ไม่ใช่รักแท้ แล้วจะอะไรล่ะ?” กวาน ลี่หลี่พูดขึ้นผู้คนต่างคิดว่าคำพูดของเธอมีเหตุมีผลหลังจากได้ยินเช่นนั้น ทันใดนั้นพวกเขาก็มองไปที่หลิง อี้หรานด้วยความเห็นอกเห็นใจมากกว่าที่จะอิจฉากวาน ลี่หลี่วิเคราะห์และพูดต่อว่า “หวา ลี่ฟางเริ่มถ่ายทำละครโทรทัศน์แล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับบทบาทดี ๆ นะ ฉันได้ยินมาว่านายน้อยกู้ถึงขนาดมาดูเธอถ่ายทำด้วยตัวเอง! ส่วนอี้หราน... เธอเป็นเพียงผู้ช่วยทนายความเท่านั้น นายน้อยกู้คงจะเปิดบริษัทให้หลิง อี้หรานไปแล้วถ้าเขาชอบจริง ๆ...”กวาน ลี่หลี่มองดูหลิง อี้หรายด้วยสายตารู้สึกผิด ราวกับเธอบังเอิญพูดไม่คิด “อี้หราน ฉันขอโทษนะ ฉัน... ฉันแค่คาดเดาเท่านั้นเอง บางที... นายน้อยกู้อาจจะเปิดบริษัทกฎหมายให้เธอเร็ว ๆ นี้ก็ได้”เธอกำลังบอกเป็นนัยว่ากู้ ลี่เฉินไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลิง อี้หรานมากเท่าไหร่แน่นอนว่าเพื่
“ลี่หลี่ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เธอเองก็เคยบอกไม่ใช่เหรอว่าเธอกับอี้หรานเคยร่วมงานกันมาก่อน และเธอสองคนเข้ากันได้ดี เธอทำแบบนี้ลับหลังอี้หรานได้ยังไง?”“ก็นะ บางคนก็ชอบแสร้งทำดีต่อหน้าเรา แต่ลับหลังเรากลับทำอีกแบบ!”เพื่อนร่วมงานยังคงพูดต่อไป กวาน ลี่หลี่เพียงแค่ขุดหลุมฝังตัวเองเท่านั้น! จากตอนแรกที่หลิง อี้หรานจะถูกไล่ออกจากบริษัท กลับจะเป็นเธอแทนที่จะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป!เหตุการณ์ของกวาน ลี่หลี่กลายเรื่องตลกที่ได้รับความนิยมมากมายบนอินเทอร์เน็ต กวาน ลี่หลี่จึงลางานและกลับบ้านไป ขณะที่หลิง อี้หรานยังคงทำงานของเธอต่อการพิจารณาคดีของอาหลีจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน แม้ว่าซูซีจะปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเธอเป็นผู้กระทำความผิด แต่ตำรวจก็ได้สอบสวนคดีนี้อีกครั้งและพบว่าหลักฐานทุกอย่างชัดเจนขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน‘ทิศทางเดียวกัน…’ ดวงตาของหลิง อี้หรานจ้องมองมือขวาของเธอซึ่งกำลังสัมผัสแป้นพิมพ์นี่คือมือข้างที่ตบอี้ จิ่นหลีเมื่อคืนนี้ มันเป็นมือข้างเดียวกันกับที่เขาจับอย่างระมัดระวังขณะถามเธอว่า “เจ็บไหม?”แต่ว่าอาการปวดท้องของเขาดูเหมือนจะเจ็บมากกว่ามือของเธอ‘ฉันสงสัยว่าเขารู้สึกด
ขณะที่บรรยากาศในห้องโถงไว้ทุกข์เงียบสงัด โทรศัพท์ของอี้ จิ่นหลีก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาก่อนจะตอบว่า “โอเค เข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”เขาเก็บโทรศัพท์ก่อนจะมองไปที่แผ่นจารึกอีกครั้ง “ถึงผมจะเป็นลูกชายของพ่อและเคยให้ผู้หญิงอยู่เหนือการควบคุมชีวิตของตัวเองก็ตาม ถึงผมจะรู้สึกสูญเสียที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งผมไป แต่ผมจะไม่มีวันจบลงแบบพ่อ ไม่มีวัน!”ด้วยเหตุนี้ อี้ จิ่นหลีจึงเดินออกไปจากห้องโถงเกา ฉงหมิงที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกรู้สึกดีใจทันทีที่เห็นอี้ จิ่นหลีออกมา“นายน้อยอี้!”“ไปเตรียมรถ ฉันจะไปหาปู่ที่โรงพยาบาล” อี้ จิ่นหลีสั่ง“ครับ” เกา ฉงหมิงตอบ ครู่ต่อมา รถยนต์ซีดานคันสีดำก็ค่อย ๆ ขับออกมาจากคฤหาสน์อี้และมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลณ ตึกผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ชายชราผู้อ่อนแอคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงข
“แล้วยังไง? ผมอยากคบกับใครมันก็เรื่องของผมไม่ใช่หรือไง?” เขาถาม“แค่ก… แค่ก…” นายท่านอี้ดูไม่พอใจกับคำตอบของเขา เขาขยับร่างกายเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงไอ เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะถามว่า “แกอยากเดินตามรอยพ่อของแกขนาดนั้นเลยหรือไง?”“แล้วจะทำไม? ปู่คิดว่าหลิง อี้หรานจะฆ่าผมหรือไง?” อี้ จิ่นหลีถามกลับนายท่านอี้เงียบ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “เด็กคนนั้นจากตระกูลกู้ก็ตกหลุมรักยัยผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน เขาไม่รู้หรือไงว่าหลิง อี้หรานคือคนที่เขาตามหา แกคิดว่าแกจะยังมีโอกาสอยู่ไหมถ้าเขารู้ความจริง เขาเป็นเหตุผลที่ทำให้แกตัดสินใจเลิกกับเธอไม่ใช่เหรอ? แกกลัวว่าหลิง อี้หรานจะทรยศแกเพราะเขาไม่ใช่หรือไง?”อี้ จิ่นหลีจ้องมองนายท่านอี้อย่างเหลือด คนที่รู้จักเขาดีที่สุดในโลกนี้ก็คือชายชราที่อยู่ตรงหน้าเขา!“ผมก็แค่ต้องป้องกันไม่ให้เธอทรยศผม แค่นั้นเอง” อี้ จิ่นหลีพูด“ใจของคนเรานั้นยากแท้หยั่งถึง แกคิดว่าแกสามารถควบคุมไม่ให้คนหักหลังแกได้หรือไง?” นายท่านอี้ถามขึ้นอี้ จิ่นหลีเม้มปากและไม่พูดอะไรนายท่านอี้ยังคงพูดต่ออย่างจริงจังว่า “ผู้หญิงคนนั้นจะทำลายแก! ตอนนี้ฉันทำได้แต่รอคอยวันตายเท่
ชิน เหลียนอีอยากจะให้อาหยันเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ แต่เธอรู้สึกอายเพราะเด็กน้อยมักจะเรียกอี้หรานว่า ‘น้า’อาหยันน้อยมองดูชิน เหลียนอีกับแม่ของเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ถึงเขาจะยังเป็นเด็ก แต่เขาก็เข้าใจได้ว่าน้าผู้หญิงและหน้าผู้ชายแปลกหน้าสองคนนี้เป็นคนหาโรงเรียนอนุบาลให้เขา“ขอบคุณฮะ น้าชิน” เสียงของเด็กน้อยดังขึ้น คำพูดของเขาชัดถ้อยชัดคำจนชิน เหลียนอีแทบไม่เชื่อว่าเขาเป็นเด็กพิการทางการได้ยิน ถ้าไม่ใช่เพราะเครื่องช่วยฟังที่เขาใส่อยู่ที่หู“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรเลย!” ชิน เหลียนอีพูดด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะชี้ไปที่แก้มของเธอและทำแก้มป่องเพื่อรอคอยจุ๊บใบหน้าที่งดงามของเด็กน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย แต่อาหยันน้อยกลับไม่ได้ปฏิเสธผู้หญิงที่อัธยาศัยดีตรงหน้า เขาเอาแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอของชิน เหลียนอีและจุ๊บบนแก้มของเธอเบา ๆชิน เหลียนอีรู้สึกดีใจที่ได้รับจุมพิตอันอ่อนโยนของเทพบุตรตัวน้อย เธออดไม่ได้ที่จะอุ้มเขาขึ้นมาและจุ๊บบนใบหน้าของเขาอีกหลายครั้งใบหน้าอ่อนโยนของอาหยันน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีไป๋ ทิงซินมองว่าแฟนสาวของเขากำลังทำตัวเหมือนผู้หญิงประหลาด ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบร
โชคดีที่ชิน เหลียนอีเปลี่ยนหัวข้อในไม่ช้าและไม่ได้พูดถึงกู้ ลี่เฉินต่อหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ไป๋ ทิงซินก็ขับรถไปส่งหลิง อี้หรานที่บ้านเช่าก่อนจะไปส่งโจว เชียนหยุนกับอาหยันน้อยที่บ้านเมื่อเด็กน้อยลงจากรถ ชิน เหลียนอีก็จุ๊บเขาอีกครั้งก่อนจะโบกมือลา เธอยังบอกอีกด้วยว่าเธอจะมอบของขวัญให้เด็กน้อยทันทีที่เขาเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลอย่างเป็นทางการไป๋ ทิงซินมองดูชิน เหลียนอีที่โบกมือลาเด็กน้อยอย่างไม่พอใจ ขณะเหยียบคันเร่งและขับรถออกไป“นี่ ฉันยังพูดไม่จบเลยนะคะ” ชิน เหลียนอีบ่น“ไม่ยักจะรู้ว่าคุณชอบเด็กด้วย” ไป๋ ทิงซินพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เขาถึงกับนับว่าเธอจุ๊บเด็กคนนั้นไปถึงเจ็ดหรือแปดครั้งในวันนี้ เธอไม่เคยแม้แต่จะจูบเขาหลายครั้งในหนึ่งวันมาก่อน“ฉันแค่เอ็นดูเขา!”ไป๋ ทิงซินอยากจะกลอกตามองบนกับคำตอบของเธอ“คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดในใจในตอนที่จ้องมองเขาบ้างเหรอ? เขาน่าสงสารจะตาย” ชิน เหลียนอียักคิ้ว “ฉันได้ยินจากอี้หรานว่าเขาเกิดในคุก แล้วก็หูหนวกตั้งแต่เกิด โจว เชียนหยุนถึงต้องดูแลเขาให้ดี”ชิน เหลียนอีอดไม่ได้ที่จะชื่นชมโจว เชียนหยุนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ถ้าเธอต้องเผชิญหน้าแ
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มีอะไรหรือเปล่า? คุณกลัวว่าผมจะเชื่อคนอื่นมากกว่าคุณเหมือนเย่ เหวินหมิงเหรอ?”“ฉันจะไม่ยกโทษให้ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ฉันจะลืมคุณและไปรักผู้ชายคนอื่นแทน…”เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและเชยคางของเธอขึ้นก่อนที่เธอจะพูดจบ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้และประกบริมฝีปากบางแนบชิดเข้าหากันเพื่อสั่งให้เธอหยุดพูดจูบที่แสนเอาแต่ใจนี้แสดงให้เห็นถึงความครอบงำอย่างสมบูรณ์แบบชิน เหลียนอีดิ้นรนเล็กน้อยในตอนแรก แต่สักพักเธอก็ค่อย ๆ คล้อยตาม มือทั้งสองของเธอโอบรอบคอของไป๋ ทิงซินเธอหายใจหอบขณะผละออกมาจากเขา แก้มใสเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตดูเย้ายวนมากกว่าปกติ“คุณห้ามลืมผมและรักผู้ชายคนอื่น” น้ำเสียงแหบแห้งดังชัดถ้อยชัดคำ ‘เธอรู้ไหมว่าตอนนี้เธอดูเย้ายวนและน่าหลงใหลมากแค่ไหน?’“ทำไมฉันจะลืมคุณและรักผู้ชายคนอื่นไม่ได้?” เธอถามอย่างดื้อรั้นเขาโน้มตัวลงประกบริมฝีปากของเธออีกครั้ง‘อืม การถูกเขาจูบทำให้ฉันรู้สึกดีเสมอสินะ’ ชิน เหลียนอีคิดในใจขณะตอบรับจูบของเขาเธอไม่รู้ว่าเขาจูบเธอกี่ครั้งจนกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอกำลังออกร้อน"ตอนนี้คุณยังจะลืมผมแ
แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ควรจะเป็นและเธอไม่มีทางหนีรอดไปได้“นี่… คืออะไร?” คุณนายโจวถามเพราะเธอสามารถเดาได้ว่ามันคืออะไรโจว เชียนหยุนยิ้มเหยเก “เย่ เหวินหมิงจะต่อสู้เพื่อสิทธิ์เลี้ยงดูของอาหยันน้อย”“ลูกต้องไปคุยกับอี้หรานนะ เธอบอกว่าเธอจะช่วยลูกไม่ใช่เหรอ?” คุณนายโจวโพล่งขึ้นโจว เชียนหยุนพยักหน้าและมองดูหมายศาลในมือของเธอแม้ว่าอี้หรานยินดีที่จะช่วยเธอดำเนินคดี แต่เธอก็รู้ดีว่าประวัติการต้องโทษและสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันของเธอนั้นไม่ง่ายเลยที่เธอจะชนะคดีทว่า เธอไม่ต้องการบอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอ เกรงว่าแม่ที่แก่ชราจะกังวลมากขึ้นไปอีก“ไม่ต้องห่วงนะแม่ ฉันจะคุยกับอี้หรานเอง แม่ก็เข้านอนได้แล้ว ไม่ต้องกังวลมากนักหรอก” โจว เชียนหยุนพูด แสร้งทำเป็นไม่กังวลอะไรแต่ว่าคุณนายโจวยังคงรู้สึกกังวล “แต่ถ้ามันไม่ได้ผล เราขอร้องเย่ เหวินหมิงก็ได้นี่ ถ้าเขาอยากจะมีลูกจริง ๆ เขาสามารถหาผู้หญิงคนอื่นมาคลอดลูกให้เขาได้ เขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่ออาหยันกับเราด้วยซ้ำ!”“ไม่มีประโยชน์อะไร” โจว เชียนหยุนส่ายหัว เธอไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนแม่ของเธอ เธอรู้ว่าเย่ เหวินหมิงโหดร้ายแค่ไหน ดังนั้นเธอคง