“คุณไม่ใช่...” เธอพยายามปฏิเสธอย่างมีสติ แต่บางประโยคกลับติดอยู่ในลำคอของเธอดวงตาสีดำนิลของเขาจับจ้องมาที่เธอ ดวงตาคู่นั้นกำลังแสดงความเยาะเย้ยตนเองและดูโศกเศร้าชิน เหลียนอีรู้สึกแน่นในอก ดวงตาของเขาทำให้เธอหายใจไม่ออก ราวกับว่าเธอติดหนี้อะไรบางอย่างกับเขาจากนั้นบรรยากาศในรถก็มีแต่ความเงียบสงบปกคลุม“อะไร ทำไมคุณไม่พูดต่อล่ะ?” เสียงของเขาดังขึ้น“ฉัน... ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นแหละ” เธอพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด‘ไม่เอาน่า ทำไมฉันถึงรู้สึกผิดล่ะ?’ เธอคิดกับตัวเอง พวกเขาควรจะรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่รักกันจริง ๆ เสียหน่อย!‘แค่บางคำพูดของเขา... อาจจะทำให้ฉันเข้าใจผิด ฉันคงจะเข้าใจผิดว่า... เขาอาจจะชอบฉันจริง ๆ และบางทีเขาอาจจะชอบฉันมาจนถึงตอนนี้’‘มันจะเป็นไปได้ยังไง?’‘ผู้หญิงแบบไหนที่ผู้ชายอย่างเขาไม่เคยเจอ? เขาจะชอบฉันจริง ๆ เหรอ? หรือว่าการกระทำและคำพูดของเขาเป็นการแสดงเพื่อให้ฉันตกหลุมรักเขาจริง ๆ ?’‘ถ้าฉันตกหลุมรักเขา เขาอาจจะเขี่ยฉันทิ้งเหมือนตอนที่ฉันจากไปโดยไม่บอกลาเขาในตอนนั้น!’“วันนี้อยากกินอะไร?” เขาถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง“แค่หาร้านที่อยู่ใกล้ ๆ ห้างสรรพสินค้า หลังจาก
“เป็นคนนอก เป็น... อดีตเพื่อนค่ะ แต่เราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว” หลิง อี้หรานพูดพร้อมกับรอยยิ้มเหยเกทนายกู้พูดอย่างครุ่นคิด “คุณจะต้องขอบคุณเพื่อนของคุณนะ ถ้าไม่มีเขาคนนั้น คุณจะไม่สามารถกลับมาทำงานเป็นทนายความได้เหมือนในตอนนี้”หลิง อี้หรานโล่งใจเมื่อเธอออกมาจากสำนักงานทนายกู้ ตามจริงแล้ว เธอกังวลว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอจะยืนกรานค้นหาว่าใครคือคนที่ช่วยเธอพลิกคดีได้หลิง อี้หรานกลับมาที่โต๊ะทำงาน เธอเริ่มชินกับงานที่ทำอยู่เธอเคยทำงานเป็นผู้ช่วยมาครึ่งปีเมื่อตอนที่เธอเข้ามาทำงานในวงการกฎหมายนี้เป็นครั้งแรกดังนั้น เธอจึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับงานได้อย่างรวดเร็วเมื่อกลับมาทำงานอีกครั้ง อาจจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ยากอะไรกวาน ลี่หลี่เดินเตร่ไปที่โต๊ะเพื่อทักทายและพูดกวนเกี่ยวกับอี้ จิ่นหลี ซึ่งหลิง อี้หรานไม่ได้สนใจนักในตอนท้ายของวัน หลิง อี้หรานกำลังจะออกไป แต่กวาน ลี่หลี่กับรั้งเธอไว้ “นี่ หลิง อี้หรานเพิ่งเข้ามาร่วมงานกับเราเป็นวันนี้วันแรก เราควรจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเราหรือเปล่า?”ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นทันที “ใช่แล้ว เย้! มายินดีต้อนรับเพื่อน
“ฟังทางนี้ ฟัง นี่คือเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเรา อี้หราน!” เพื่อนร่วมงานบางคนยกแก้วขึ้นและดิ่มอวยพรแน่นอนว่า หลิง อี้หรานเป็นตัวละครหลัก ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นจุดสนใจของผู้เข้าร่วมงานหลิง อี้หรานไม่ใช่คนดื่มเก่งนัก หลังจากดื่มไปไม่กี่ครั้ง เธอก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงปฏิเสธการชนแก้วจากเพื่อนร่วมงานซ้ำแล้วซ้ำเล่าและขอตัวไปเข้าห้องน้ำในห้องน้ำ หลิง อี้หรานเอนกายลงพิงกับอ่างล้างหน้าและเริ่มล้างหน้าของเธอที่ตอนนี้มีออกร้อนเพราะแอลกอฮอล์ เธอจึงพยายามใช้น้ำดับความร้อนบนหน้าจากนั้นเธอก็จ้องมองตัวเองในกระจกด้วยดวงตารูปอัลมอนด์ ผมบนหน้าผากและแก้มของเธอมีน้ำหยด แก้ม จมูกที่ได้รูปและริมฝีปากบางของเธอออกเป็นสีดอกแดงกุหลาบมากกว่าปกติขณะที่ดวงตาของเธอกะพริบเบา ๆ ขนตาของเธอก็จะขยับเหมือนพัดเล็กน้อยในอดีต เธอเคยรู้สึกว่าขนตาของเธอค่อนข้างยาวและสวย บางครั้งเมื่อเธอแต่งหน้าบางเบา เธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาสคาร่าด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่ได้พบกับอี้ จิ่นหลี เธอก็ตระหนักได้ว่าใคร ๆ ก็สามารถมีขนตางอนสวยได้ แม้แต่ผู้ชายอย่างเขาก็ยังมีขนตาที่สวย‘ขนตาของจินสวยมากและดวงตาที่สดใสของเข
เมื่อเห็นเขากำลังจะเหลือบมองมาทางเธอ หลิง อี้หรานก็พยายามหลีกเลี่ยงเขาเธอหลบไปข้างหนึ่ง แต่บังเอิญไปชนชายอื่นแทน“ขอโทษค่ะ!” เธอรีบไปขอโทษออกไป“เธอตาบอดหรือไงยัยบ้า? กล้าดียังไงมาชนฉัน? รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” คนที่หลิง อี้หรานเดินชนพูดต่อว่าเธอด้วยน้ำเสียงมึนเมา“ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ทั้งหมดที่เธอทำได้ตอนนี้คือการพูดขอโทษในขณะเดียวกัน เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาทางเธอ มันคงเป็น... สายตาของเขา‘เขาคงมองดูความยุ่งเหยิงของฉันอยู่ตอนนี้’ความรู้สึกขมขื่นแผ่ซ่านทั่วหัวใจของเธอราวกับว่าศักดิ์ศรีและความภูมิใจในตัวเองของเธอกำลังเข้ามาขวางทาง แม้ว่าพวกเขาจะเลิกกันและเขาจะได้เห็นเธออยู่ในสภาพที่น่าอับอายแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน... แต่เธอก็ยังคงไม่ต้องการให้เขาเห็นความน่าอับอายของเธอเธอรู้สึกเวียนหัวเธออยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ผู้ชายที่เธอชนกลับไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ “ถ้าเธออยากจะขอโทษจริง ๆ งั้นก็มาลองดื่มกับฉันไหม? ฉันรับรองได้เลยว่าเธอคงไม่เคยลิ้มลองไวน์ชั้นดีแบบนี้มาก่อน!” เขาพูดขณะที่พยายามโอบตัวหลิง อี้หรานเอาไว้หลิง อี้หรานหลบไปด้าน
แต่เมื่อเธอขยับร่างกาย เธอก็รู้สึกถึงอาการปวดที่เอวด้านซ้าย ทำให้เธอขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด“เจ็บไหม?” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นในหูของเธออีกครั้ง จากนั้นมือสวยก็สัมผัสเข้าที่เอวของเธอร่างกายของหลิง อี้หรานแข็งทื่อในทันที เธอรู้สึกราวกับว่าเลือดในร่างกายของเธอพุ่งไปที่จุดนั้นใบหน้าของเขาเข้าใกล้เธอมากขึ้น ใกล้จนเธอเห็นขนตายาวสีดำของเขา‘แน่นอนว่า... ขนตาเหล่านั้นสวยมาก!’ดูเหมือนว่าขนตาพวกนั้นจะโดนใจของผู้คนทุกครั้งที่พวกมันสั่นเบา ๆหัวใจของเธออาจจะเคยหยุดนิ่งเพราะขนตาพวกนั้นมาก่อน และตอนนี้หัวใจของเธอก็หยุดนิ่งอีกครั้ง“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ” หลิง อี้หรานตั้งสติและสงบลง “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ คุณอี้ ฉัน... ฉันไม่เป็นไร”เธอยกมือขึ้นเพื่อดึงมือใหญ่ที่เอวของเธอออกทีละน้อย จากนั้น… เธอก็ลุกขึ้นและเดินโซซัดโซเซไปทางห้องส่วนตัวมือของอี้ จิ่นหลียังคงอยู่ในอากาศในตำแหน่งเดียวกับที่หลิง อี้หรานดึงมันออกไป ราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งลงชั่วขณะมือของเขายังคงกักเก็บความอบอุ่นจากร่างกายของเธอเอาไว้ทันทีที่เขาเห็นเธอ เขาแทบอยากจะเดินเข้าไปหาเธอตอนที่เขาเห็นว่าเธอถูกผู้ชายเ
ราวกับว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น“ครับ” เกา ฉงหมิงตอบในเวลาเดียวกัน หลายคนต่างคาดเดาในใจว่า ‘ผู้หญิงคนนั้นคือใครกันแน่?’‘นายน้อยอี้ถึงกับสั่งคนให้ทำร้ายขาของนายน้อยของเฟิง ไหล กรุ๊ปให้เป็นอัมพาตเพื่อผู้หญิงคนนั้น! นั่นเป็นเหมือนกับการประกาศสงครามกับเฟิง ไหล กรุ๊ป!’‘เฟิง ไหล กรุ๊ป เป็นแค่ธุรกิจตระกูลระดับชนชั้นสองในเมืองเฉิน แต่... มันคุ้มพอแล้วเหรอที่จะยืนหยัดเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว?’…ในทางกลับกัน หลิง อี้หรานเดินโซซัดโซเซกลับเข้าไปในห้องงานเลี้ยงส่วนตัว แสงสีในตอนนี้เริ่มทำให้เธอรู้สึกว่าแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์เร็วขึ้น ทำให้เธอรู้สึกเวียนหัวมากขึ้น“อี้หราน เป็นอะไรไป? เธอดูเหมือนไม่ค่อยสบายเลย” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูด“ไม่... ไม่มีอะไร” หลิง อี้หรานฝืนยิ้ม“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งานเลี้ยงต้อนรับในวันนี้ใกล้จะจบลงแล้ว ไปกันเถอะ รีบไปจ่ายบิลแล้วออกไปกัน เราควรปล่อยให้อี้หรานได้กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ได้แล้ว” กวาน ลี่หลี่พูด จากนั้นเธอก็เรียกหาบริกรเพื่อเรียกเก็บเงินบิลของพวกเขามีมูลค่ารวมถึง 73,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีราคามากกว่าที่หลิง อี้หรานคาดเดาไว้เล็กน้อยเดิมทีหลิง
กวาน ลี่หลี่ยิ้มอย่างผู้ชนะ ขณะที่หลิง อี้หรานถูกเพื่อนร่วมงานเยาะเย้ย ซึ่งในตอนแรกพวกเขาต่างให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดีที่บริษัทนี่คือสิ่งที่เธอต้องการเห็น ยิ่งหลิง อี้หรานต้องอับอายมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งพอใจมากเท่านั้น!ถ้าไม่ใช่เพราะหลิง อี้หราน เธอจะถูกไล่ออกจากบริษัทเดิมและต้องดิ้นรนหางานใหม่ได้อย่างไร?เพื่อนร่วมงานชายเริ่มทนไม่ไหวแล้วพูดว่า “พวกเธอทุกคนเป็นอะไรไป? หลิง อี้หรานไม่เคยบอกว่าเธอจะจ่ายค่าอาหารสักหน่อย ทุกคนก็กินกันไปหมดแล้ว เรามาแชร์ค่าอาหารกันเถอะ”คนอื่นต่างรู้สึกอายเมื่อเขาพูดออกมาอย่างนั้น ท้ายที่สุดมันเป็นความจริงที่หลิง อี้หรานไม่เคยพูดว่าจะจ่ายค่าอาหารให้ นอกจากนี้ ทุกคนในห้องต่างก็ทำงานในบริษัทเดียวกัน จึงไม่มีใครกล้าพูดว่าจะไม่จ่ายเพื่อนร่วมงานชายคำนวณว่าทุกคนต้องจ่ายเท่าไรและถามบริกรสำหรับบิล แต่ได้รับแจ้งว่า “มีคนจ่ายค่าอาหารให้ไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องจ่ายอีก”“อะไรนะ?” ทุกคนในห้องส่วนตัวต่างตกตะลึง‘มีคนจ่ายเงินค่าอาหารแล้ว? นั่นมันมากกว่า 70,000 ดอลลาร์เชียวนะ!’“มันอาจจะเป็นเรื่องผิดพลาดหรือเปล่า? ที่นี่ยังไม่มีใครจ่ายนะคะ” กวาน ลี่หลี่
‘เขาคือใคร? ใครเป็นคนพูด?’ มันเป็นประโยคที่โรแมนติกแต่ฟังดูเศร้าจนเธออยากจะร้องไห้“ฉันจะปกป้องเธอตลอดไป ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอได้รับความอยุติธรรมแม้แต่น้อยและจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายธออีก”‘นั่นคือ... เสียงของจิน... ครั้งหนึ่งจินเคยพูดกับฉันแบบนี้’หลิง อี้หรานเอนตัวอยู่บนพื้นและพบว่าสิ่งที่เธอได้ยินคือคำพูดที่อี้ จิ่นหลีเคยพูดกับเธอ‘อย่าคิดเกี่ยวกับมัน อย่าคิดถึงคำพูดพวกนี้อีกเลย…’ เธอพยายามบอกตัวเองในใจแต่... ดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงฝีเท้าก็ดังชัดเจน‘เสียงฝีเท้าพวกนี้เป็นของใคร?’รองเท้าหนังสีดำคู่หนึ่งดึงดูดสายตาเธอเธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย‘หน้าของจิน... เหมือนกับที่ฉันเห็นใน Drunken Days’‘เป็นเพราะว่าฉันเมาเหรอ? ฉันจึงได้ยินเสียงและเห็นภาพหลอนเหล่านี้ด้วย’หลิง อี้หรานพยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ดวงตาของเธอดูเศร้าและปากของเธอกำลังส่งยิ้มพร้อมกับพูดว่า “อย่า… มาให้ฉันเห็นหน้าอีก”เธอรู้สึกมากขึ้นเมื่อเห็นการปรากฏตัวของเขา เขาทำให้จิตใจที่สงบของเธอผันผวนอีกครั้งอี้ จิ่นหลีจ้องมองคนข้างหน้า‘เธอเมาเหรอ?’ ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธ