ริมฝีปากบางของเขาประกบกันเป็นเส้นตรงและจ้องมองดูเธออย่างเงียบ ๆ“จิน ฉัน... ไม่อยากคิดถึงคุณอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปฉันจะไม่คิดถึงคุณอีก…” เธอยังคงพึมพำ ราวกับว่าเธอกำลังพูดคำที่ฝังอยู่ในใจของเธอผ่านสภาพที่เมามาย“กลายเป็นว่า… มันง่ายมากสำหรับคุณที่จะเลิกรักใครสักคน”“บอกมา ว่าใครกัน… เอ่อ… ที่เป็นคนทรยศอีกคน?”“ฉันควรจะขอบคุณ… สำหรับเรื่องในวันนี้ ขอบคุณที่ช่วยเหลือฉัน… และจ่ายค่าอาหารให้ฉัน… แต่… ฉัน… ฉันไม่มีอะไรจะตอบแทนคุณ…”"ไม่สิ ฉัน... ฉันจะตอบแทนคุณ... และนั่นคือ... เพื่อการเอาตัวรอด ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ใช่... ไม่ใช่คนที่คอยกวนใจคนอื่น..."เธอพูดพล่ามโดยไม่รู้ว่าทุกคำพูดของเธอนั้นมันทิ่มแทงหัวใจของเขาเขารู้สึกไม่สบายใจและแน่นในอก‘เราเลิกกันแล้ว และฉันก็จะไม่รักเธออีกต่อไป แต่ทำไม... เธอยังควบคุมอารมณ์ทั้งหมดของฉันได้อีก?’คำพูดและรอยยิ้มโง่เขลาของเธอยังคงทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด“พอได้แล้ว หยุด!” ริมฝีปากบางของเขาโพล่งออกมาด้วยความยากลำบาก“จิน ให้… ให้ฉันพูดให้จบ ครั้ง… สุดท้าย…” เธอพึมพำ เขย่งปลายเท้ายกตัวขึ้นมา จากนั้นริมฝีปากของเธอก็กดลงบนริมฝีปากบางของเขา จูบเขาอย่างอ่
แต่ก่อนที่เธอจะไปถึงอี้ จิ่นหลี เธอกลับถูกเกา ฉงหมิงหยุดไว้“หลีกไป!” ชิน เหลียนอีต้องการเดินผ่านเกา ฉงหมิงไปหาหลิง อี้หราน แต่เกา ฉงหมิงจะปล่อยให้เธอได้อย่างไร?ชิน เหลียนอีไม่สามารถเข้าไปใกล้อี้ จิ่นหลีได้ หลังจากพยายามมาเป็นเวลานาน เธอจึงหันไปพูดกับไป๋ ทิงซินที่กำลังลงจากรถว่า “มานี่ ช่วยฉันหน่อย!”ไป๋ ทิงซินก้าวไปข้างหน้า จ้องมองอี้ จิ่นหลีและพูดว่า “นายน้อยอี้ แฟนของผมมาพาหลิง อี้หรานกลับบ้าน โปรดขอให้ลูกน้องของคุณปล่อยเธอไปหาเพื่อนด้วยเถอะนะครับ"อี้ จิ่นหลีเม้มริมฝีปากบางของเขาและไม่พูดอะไร ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างบางในอ้อมแขนของเขา“อี้ จิ่นหลี คุณจะกอดหลิง อี้หรานไว้ทำไม? อย่าลืมสิว่าคุณต่างหากที่เป็นคนอยากจะเลิกกับอี้หราน! ไอ้บ้าเอ๊ย คุณเลิกกับเธอแล้ว แล้วทำไมถึงยังมาจับเธอไว้อยู่อีกล่ะ?” ชิน เหลียนอีพูดสาป!เมื่อเธอเห็นอี้ จิ่นหลี เธอก็นึกย้อนไปถึงตอนที่หลิง อี้หรานหงอยอยู่คนเดียวที่ป้ายรถเมล์“ใช่สิ คนรวยอย่างคุณจะออกเดทและเลิกกับใครได้ทุกเมื่อทุกเวลาที่คุณต้องการ แต่คนจนอย่างเราต้องมาทนรับกรรมอย่างนั้นเหรอ?”“คุณปฏิบัติต่อความรักเหมือนกับการเล่นเกม คุณเคย
ใบหน้าของไป๋ ทิงซินซีดในขณะที่เขารีบพุ่งไปข้างหน้าชิน เหลียนอี และพูดว่า “นายน้อยอี้ เหลียนอีทำแบบนี้เพราะเพื่อนของเธอ ถ้ามันทำให้คุณไม่พอใจ ผมจะรับผิดชอบแทนเธอเองครับ”“ไป๋ ทิงซิน ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือของคุณ ฉันจะรับผลที่ตามมาเอง!” ชิน เหลียนอีพูด“คุณจะทำอะไรได้?! คุณคิดว่าคุณจะรับมือไหวหรือไง?” ไป๋ ทิงซินพูดอย่างโกรธเคือง“ฉันจะปล่อยให้เขาทุบตีฉันให้ตายไปเลย! ฉันเตรียมใจไว้แล้ว!”“ชิน เหลียนอี นี่คุณกวนประสาทผมอยู่หรือเปล่า?”ไป๋ ทิงซินพบว่าปกติแล้วเขาจะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี แต่มันกลับพังทะลายอย่างง่ายดายเมื่อเขาอยู่กับชิน เหลียนอีอี้ จิ่นหลีจ้องมองชิน เหลียนอีด้วยสายตาเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆหลิง อี้หรานที่เมามากจนเผลอหลับไป สะลึมสะลือและเอาศีรษะถูกับไหล่ของชิน เหลียนอีไปมา เธอพูดพึมพำว่า “เหลียนอี... ไม่ต้องกลัว... ฉันจะปกป้องเธอเอง..."น้ำตาของชิน เหลียนอีเอ่อล้นออกมากะทันหัน ‘อี้หรานยังต้องการปกป้องฉันแม้แต่ตอนที่เธอเมางั้นเหรอ?’อี้ จิ่นหลีจ้องมองหลิง อี้หรานที่เมาไม่รู้ตัว ก่อนจะหันหลังกลับและจากไปโดยไม่พูดอะไรเกา ฉงหมิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบ
“ฉันถูกใส่ร้ายว่าขโมยเงินในชั้นเรียนและทุกคนก็คิดว่าฉันเป็นขโมย ขนาดครูยังบอกให้อยากให้ฉันยอมรับ พ่อแม่ของฉันถึงกับบอกว่าพวกเขาเต็มใจที่จะจ่ายเงินคืน แต่ฉันไม่ได้ขโมยเงิน!”ชิน เหลียนอีสูดลมหายใจเข้าก่อนจะกลั่นน้ำตาเอาไว้ “ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจถึงความไร้อำนาจนั่นหรือเปล่า มันเหมือนกับโลกทั้งโลกหันหลังให้กับคุณและคุณได้กลายเป็นคนไร้หนทางและโดดเดี่ยว ไม่ว่าฉันจะพยายามอธิบายและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองมากแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ แต่ในตอนนั้น… อี้หรานกลับเชื่อในตัวฉันและช่วยฉันตามหาว่าใครเป็นขโมยเงินไป”ชิน เหลียนอีหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ฉันเลยยกให้อี้หรานเป็นเพื่อนสนิทของฉันตลอดไป!”ไป๋ ทิงซินเม้มริมฝีปากบางของเขา ‘แค่... เรื่องเล็ก ๆ ก็ทำให้เหลียนอียอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อหลิง อี้หรานแล้วเหรอ?’ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอเมื่อตอนที่เขายังเป็นลูกนอกสมรม เขาเองก็ต้องเผชิญหน้ากับการกระทำทุจริตมากมายตั้งแต่เขายังเด็กแม้ว่าเขาจะถูกใส่ร้ายและถูกเข้าใจผิดหลายครั้ง เขาก็อดทนจนผ่านมาได้ เขาคิดว่าแทนที่จะคอยแก้ต่างให้ตัวเอง มันคงจะดีกว่าถ้ารักษาความแข็งแกร่งไว้และโจมตีด้วยหมั
เขาจับมือเธอด้วยท่าทีสงบนิ่งและอ่อนโยนก่อนจะพูดว่า “ใช่ ผมจะเป็น ผมจะเป็นมือขวาของคุณ แม้ว่าคนที่คุณกำลังต่อสู้ด้วยจะเป็นอี้ จิ่นหลีก็ตาม”ตราบใดที่นั่นเป็นความปรารถนาของเธอ เขาก็สามารถสร้างศัตรูกับใครก็ได้เพื่อเธอ นั่นก็เพราะว่า... เขารักเธอมากใช่ เขารักเธอแต่เขากลับไม่เคยบอกเธอเกี่ยวกับความรักอันแสนลึกซึ้งนี้อย่างจริง ๆ จัง ๆเขาโกรธเธอ เกลียดเธอและไม่พอใจเธอ แต่ความรู้สึกเหล่านี้กลับไม่มั่นคงเท่าความรักของเขาที่มีต่อเธอในช่วงสามปีที่พวกเขาต้องอยู่ห่างไกลกัน เขาเคยคิดว่าเขาเกลียดเธอ แต่ท้ายที่สุด เขาก็พบว่าเขายังรักเธอ เขาคิดถึงเธอทุกวันและความรักนี้ก็ค่อย ๆ ก่อตัวมากขึ้นเรื่อย ๆโดยที่เขาไม่รู้ตัว“เหลียนอี ผมจะเป็นมือขวาของคุณ” เขาพูดทันใดนั้น หัวใจของชิน เหลียนอีก็เต้นแรงขึ้น!สายตาและน้ำเสียงของเขาเป็นเหมือนตาข่ายที่โอบกอดและจับเธอไว้แน่น...หลิง อี้หรานตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้นด้วยนาฬิกาปลุก เธอยังคงเวียนหัวอยู่เล็กน้อยและพบว่ามีข้อความข้างเตียงจากชิน เหลียนอีแปะไว้อยู่ บอกให้เธอรู้ว่าเป็นเหลียนอีเป็นคนที่มาส่งเธอที่บ้านเมื่อคืนนี้นอกจากกระดาษโน้ตแล้วยังมีเสื้อผ้าช
‘ทุกวันนี้ มีซินเดอเรลล่าจำนวนมากที่ปฏิเสธเงินจากเจ้าชายผู้มีอำนาจและชอบที่จะใช้ชีวิตอย่างน่าสงสารในขณะที่ออกเดตกับเจ้าชายเหล่านั้น’เพื่อนร่วมงานหญิงคิดแบบนี้กับหลิง อี้หราน ก่อนหน้านี้หลายคนมารวมตัวกันและพูดคุยเกี่ยวกับคนที่จ่ายค่าอาหารให้เมื่อคืนนี้“ไม่ใช่” หลิง อี้หรานปฏิเสธ ‘เขาเคยเป็นแฟนของเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป’“เอ๊ะ? ไม่ใช่เหรอ?” เพื่อนร่วมงานหญิงดูประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าหลิง อี้หรานจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “แต่กวาน ลี่หลี่บอกว่า...”“แล้วแฟนฉันต้องเป็นใครก็ตามที่เธอพูดถึงเหรอ?” หลิง อี้หรานถามผู้หญิงอีกคนตกตะลึงและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อหลิง อี้หรานเดินออกมาจากตู้กับข้าวพร้อมแก้วน้ำในมือ เธอกลับมานั่งที่ของเธอและเริ่มงานที่ทำอยู่การออกเดตเป็นเรื่องในอดีต ในตอนนี้สิ่งที่เธออยากทำมากที่สุดคือการทำงานหนักและประสบความสำเร็จ... เพื่อจะเป็นทนายความอีกครั้ง!ด้วยวิธีนี้เธอเท่านั้นที่จะคู่ควรกับคนที่รักเธอ!…ชิน เหลียนอีรู้สึกฟุ้งซ่านในขณะที่นั่งทำงาน ใบหน้าของไป๋ ทิงซินคอยปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอพร้อมกับคำพูดของเขา‘เขาพูดว่า... ผมจะเป็นมือขวาของคุณ แม้ว่าคนที่คุณกำลั
บริษัทของเธอสามารถรับโครงการที่ดินที่อยู่อาศัยได้ไม่กี่แห่งและออกแบบบ้านพักอาศัยได้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น“เหลียนอี อย่าฟุ้งซ่าน คนที่เธอกำลังพบในวันนี้คือผู้บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้น” ผู้บริหารชี้แจงเธอ“เข้าใจแล้วค่ะ” ชิน เหลียนอีตอบรับหลังจากดึงสติของตัวเองกลับมาเมื่อกลุ่มคนเดินเข้าไปในห้องโถง ชิน เหลียนอีก็หยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคย ห่าว อี้เหมิง!ลูกสาวคนที่สองของครอบครัวห่าว ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ทำให้อี้หรานต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากในคุก ชิน เหลียนอีเกลียดเธอเข้าไส้!แต่ห่าว อี้เหมิงมาจากครอบครัวที่มีอิทธิพล แม้ว่าเธอจะถูกขึ้นแบล็คลิสต์ในวงการบันเทิง แต่เธอก็สามารถกลับมาหาตระกูลห่าว และเข้ารับตำแหน่งสำคัญในห่าว กรุ๊ปได้เสมอห่าว อี้เหมิงดูสง่างามในชุดสูทระดับไฮเอนด์พร้อมกับทรงผมหยักศกยาวตกลงมาบนไหล่ของเธอ วันนี้เธอแต่งหน้าอย่างประณีตฝูงชนต่างมารวมตัวกันรอบ ๆ ห่าว อี้เหมิง และพูดคุยกับเธอผู้บริหารที่ยืนอยู่ข้างชิน เหลียนอียิ้มกว้างและเดินเข้าไปทักทายห่าว อี้เหมิงอย่างอบอุ่นในตอนนั้นเองที่ชิน เหลียนอีพบว่าห่าว อี้เหมิงเข้าร่วมการประมูลในนามของบ
“คุณกำลังพยายามจะเถียงกับผมอยู่หรือเปล่า? แล้วถ้าเราไล่คุณออกจากที่นี่ล่ะ? คุณคิดว่าคุณเป็นใคร?” มีใครบางคนพูดแทนห่าว อี้เหมิง“คุณอยากให้ฉันออกไปเหรอ? กฎหมายข้อไหนบอกว่าฉันไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ล่ะ? ฉันต้องทำตามที่คุณบอกหรือเปล่า? ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ ฉันสามารถฟ้องคุณได้ถ้าคุณทำแบบนี้!” ชิน เหลียนอีพูดอย่างหัวร้อน“จะฟ้องผมเหรอ? ก็ฟ้องมาเลยสิ!” หลังจากพูดเสร็จ ชายคนนั้นก็สั่งลูกน้องสองคนของเขาที่อยู่ข้าง ๆ เขา “พาเธอออกไปจากที่นี่ ก่อนที่คุณห่าวจะไม่พอใจ!”ชายร่างกำยำสองคนเดินเข้ามาคว้าแขนของชิน เหลียนอีเอาไว้คนละข้าง และพยายามลากเธอออกไปผู้บริการถงและเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนไม่กล้าพูดแทนชิน เหลียนอีห่าว อี้เหมิงยิ้มมุมปากและมองไปที่ชิน เหลียนอีอย่างเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องออกไปจากที่นี่ หลิง อี้หรานอาจมีคนคอยปกป้อง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีคนที่คอยปกป้อง จากนี้ไป ฉันจะทำให้เธอถูกไล่ออกไปทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้าเธอ”ชิน เหลียนอีหน้าแดงด้วยความโกรธเธอไม่มีทางต่อสู้ในที่แห่งนี้ ยิ่งเธอดิ้นรน เธอก็ยิ่งอับอายมากขึ้นเท่านั้น‘ทำไม... คนถึงยังชอบห่าว
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค