‘แค่เพราะเธอถูกคุมขังเพียงสามปีครึ่งเท่านั้น มันเป็นที่โทษเบาเกินไปด้วยซ้ำ! เบาเกินไป!’‘แต่ทำไมฉันถึงหยุดเธอตอนที่ฉันเห็นเธอทำร้ายตัวเอง? ทำไมฉันถึงโทรเรียกรถพยาบาล?’‘ฉันควรจะหันหลังให้กับเธอ ฉันรู้สึกเหมือนว่าเธอต่างหากที่เป็นคนกำลังแก้แค้นฉัน!’โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นในพื้นที่อันเงียบสงบเย่ เหวินหมิงมองดูหมายเลขผู้โทรเข้าและเห็นว่าเป็นคง จื่ออิน“เหวินหมิง” เมื่อเขาตอบ เสียงที่นุ่มนวลของคง จื่ออินก็ดังมาจากปลายอีกด้าน“มีอะไรหรือเปล่า?” เย่ เหวินหมิงถาม แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความอ่อนล้า“เป็นอะไรไป? เหนื่อยเหรอ?” คง จื่ออินถามขึ้นอย่างรวดเร็วโดยตระหนักถึงความแตกต่างในน้ำเสียงของเขา“ผมไม่เป็นอะไร ผมแค่ยุ่งอยู่กับเรื่องเล็กน้อย” เขาตอบ ‘ใช่ โจว เชียนหยุนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับฉัน’“ถ้าอย่างนั้น… ฉันจะไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณจะกลับมาเมื่อไร ถ้าคุณยังจำเป็นต้องอยู่ในเมืองเฉินต่ออีก ฉันก็จะไปหาคุณ” คง จื่ออินพูดเมื่อรู้เธอว่าเขาพักอยู่ในเมืองเฉินและทุกครั้งที่เธอโทรมา เขาจะพูดกับเธอเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่ามีบางอย่าง
“ผู้ชายคนนี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของแกจริง ๆ แกได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว! เกิดอะไรขึ้น? ลูกแทงตัวเองอย่างที่เขาพูดจริง ๆ เหรอ?” คุณนายโจวพูดออกมาอย่างขมขื่น“ค่ะแม่ ฉันทำเอง” โจว เชียนหยุนยอมรับมัน“แกทำแบบนี้…”“เขาต้องการให้ฉันมีลูก มันตลกสิ้นดีที่เขาทำอย่างนั้นกับฉันในตอนนั้นและตอนนี้เขากลับมาแก้แค้นด้วยการขอให้ฉันมีลูกให้เขา” โจว เชียนหยุนพูดอย่างขมขื่น“เป็นไปได้ไหมว่าเขายังมีความรู้สึกต่อลูก? เพราะเธอทั้งคู่…”“แม่!” โจว เชียนหยุนขัดจังหวะจินตนาการที่เพ้อฝันของแม่เธอ “เขาต้องการให้ฉันมีลูกเพราะคง จื่ออินไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เขาแค่ใช้ฉันเป็นเครื่องมือ ถ้าเขารู้สึกอะไรกับฉัน เขาคงไม่จับฉันเข้าคุกหรอก”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความโศกเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคุณนายโจว “พวกเราน่ะสมควรแล้ว มันเป็นเพราะว่าลูกต้องรับผลจากการกระทำผิดของพ่อลูกไง! เย่ เหวินหมิงทำกับลูกแบบนี้ได้ยังไง ลูกยัง...”“แม่คะ หยุดเถอะ” โจว เชียนหยุนหยุดแม่ของเธอจากการเพ้อฝัน ทุกสิ่งในอดีตเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับเธอ ฝันร้ายที่เธอพยายามจะลืมเลือน “ถ้าแม่อยู่ที่โรงพยาบาล แล้วอาหยันน้อยล่ะ? แม่เอาเข
สามวันต่อมาหลิง อี้หรานได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานกฎหมายโดยบอกว่าเธอผ่านการสัมภาษณ์แล้ว และทนายกู้เลือกเธอให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยทนายความแม้ว่าจะเป็นเพียงตำแหน่งผู้ช่วยทนายความ แต่ก็หมายความว่าเธอได้กลับมาอยู่ในโลกของกฎหมายแล้ว!หลิง อี้หรานโทรหาชิน เหลียนอีเพื่อบอกข่าวดีของเธอและชิน เหลียนอีก็มีความสุขอย่างจริงใจต่อเพื่อนสนิทของเธอ“เยี่ยมมาก! ตั้งใจทำงานล่ะ! ไว้เธอได้เป็นทนายความแล้ว อย่าลืมมาเลี้ยงข้าวฉันด้วยนะ!” ชิน เหลียนอีพูดหลิง อี้หรานอดหัวเราะไม่ได้ “ไม่จำเป็นต้องรอฉันเป็นทนายความหรอก ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอในตอนที่ฉันได้รับเงินเดือนก้อนแรกเลย”“ตกลง! ฉันจะรอเธอเลี้ยงข้าวนะ” ชิน เหลียนอีพูด“แน่นอน” หลิง อี้หรานตอบ ราวกับว่าความโศกเศร้าของเธอได้หายไปหลายวันแล้ว‘ชีวิตต้องดำเนินต่อไป’ เธอคิดและเธอก็สามารถเอาชนะมันได้ทีละเล็กทีละน้อย‘ฉันจะปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่ออี้ จิ่นหลีไป และคิดเสียว่ามันเป็นความฝันที่ไร้สาระ!’เมื่อเธอวางสาย หลิง อี้หรานก็มองไปที่โทรศัพท์ของเธอและเปิดรายชื่อผู้ติดต่อของเธอ ซึ่งมีหมายเลขโทรศัพท์สองหมายเลขชื่อว่า ‘จิน’เบอร์หนึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์เคร
“คุณไม่ใช่...” เธอพยายามปฏิเสธอย่างมีสติ แต่บางประโยคกลับติดอยู่ในลำคอของเธอดวงตาสีดำนิลของเขาจับจ้องมาที่เธอ ดวงตาคู่นั้นกำลังแสดงความเยาะเย้ยตนเองและดูโศกเศร้าชิน เหลียนอีรู้สึกแน่นในอก ดวงตาของเขาทำให้เธอหายใจไม่ออก ราวกับว่าเธอติดหนี้อะไรบางอย่างกับเขาจากนั้นบรรยากาศในรถก็มีแต่ความเงียบสงบปกคลุม“อะไร ทำไมคุณไม่พูดต่อล่ะ?” เสียงของเขาดังขึ้น“ฉัน... ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นแหละ” เธอพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด‘ไม่เอาน่า ทำไมฉันถึงรู้สึกผิดล่ะ?’ เธอคิดกับตัวเอง พวกเขาควรจะรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่รักกันจริง ๆ เสียหน่อย!‘แค่บางคำพูดของเขา... อาจจะทำให้ฉันเข้าใจผิด ฉันคงจะเข้าใจผิดว่า... เขาอาจจะชอบฉันจริง ๆ และบางทีเขาอาจจะชอบฉันมาจนถึงตอนนี้’‘มันจะเป็นไปได้ยังไง?’‘ผู้หญิงแบบไหนที่ผู้ชายอย่างเขาไม่เคยเจอ? เขาจะชอบฉันจริง ๆ เหรอ? หรือว่าการกระทำและคำพูดของเขาเป็นการแสดงเพื่อให้ฉันตกหลุมรักเขาจริง ๆ ?’‘ถ้าฉันตกหลุมรักเขา เขาอาจจะเขี่ยฉันทิ้งเหมือนตอนที่ฉันจากไปโดยไม่บอกลาเขาในตอนนั้น!’“วันนี้อยากกินอะไร?” เขาถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง“แค่หาร้านที่อยู่ใกล้ ๆ ห้างสรรพสินค้า หลังจาก
“เป็นคนนอก เป็น... อดีตเพื่อนค่ะ แต่เราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว” หลิง อี้หรานพูดพร้อมกับรอยยิ้มเหยเกทนายกู้พูดอย่างครุ่นคิด “คุณจะต้องขอบคุณเพื่อนของคุณนะ ถ้าไม่มีเขาคนนั้น คุณจะไม่สามารถกลับมาทำงานเป็นทนายความได้เหมือนในตอนนี้”หลิง อี้หรานโล่งใจเมื่อเธอออกมาจากสำนักงานทนายกู้ ตามจริงแล้ว เธอกังวลว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอจะยืนกรานค้นหาว่าใครคือคนที่ช่วยเธอพลิกคดีได้หลิง อี้หรานกลับมาที่โต๊ะทำงาน เธอเริ่มชินกับงานที่ทำอยู่เธอเคยทำงานเป็นผู้ช่วยมาครึ่งปีเมื่อตอนที่เธอเข้ามาทำงานในวงการกฎหมายนี้เป็นครั้งแรกดังนั้น เธอจึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับงานได้อย่างรวดเร็วเมื่อกลับมาทำงานอีกครั้ง อาจจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ยากอะไรกวาน ลี่หลี่เดินเตร่ไปที่โต๊ะเพื่อทักทายและพูดกวนเกี่ยวกับอี้ จิ่นหลี ซึ่งหลิง อี้หรานไม่ได้สนใจนักในตอนท้ายของวัน หลิง อี้หรานกำลังจะออกไป แต่กวาน ลี่หลี่กับรั้งเธอไว้ “นี่ หลิง อี้หรานเพิ่งเข้ามาร่วมงานกับเราเป็นวันนี้วันแรก เราควรจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเราหรือเปล่า?”ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นทันที “ใช่แล้ว เย้! มายินดีต้อนรับเพื่อน
“ฟังทางนี้ ฟัง นี่คือเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเรา อี้หราน!” เพื่อนร่วมงานบางคนยกแก้วขึ้นและดิ่มอวยพรแน่นอนว่า หลิง อี้หรานเป็นตัวละครหลัก ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นจุดสนใจของผู้เข้าร่วมงานหลิง อี้หรานไม่ใช่คนดื่มเก่งนัก หลังจากดื่มไปไม่กี่ครั้ง เธอก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงปฏิเสธการชนแก้วจากเพื่อนร่วมงานซ้ำแล้วซ้ำเล่าและขอตัวไปเข้าห้องน้ำในห้องน้ำ หลิง อี้หรานเอนกายลงพิงกับอ่างล้างหน้าและเริ่มล้างหน้าของเธอที่ตอนนี้มีออกร้อนเพราะแอลกอฮอล์ เธอจึงพยายามใช้น้ำดับความร้อนบนหน้าจากนั้นเธอก็จ้องมองตัวเองในกระจกด้วยดวงตารูปอัลมอนด์ ผมบนหน้าผากและแก้มของเธอมีน้ำหยด แก้ม จมูกที่ได้รูปและริมฝีปากบางของเธอออกเป็นสีดอกแดงกุหลาบมากกว่าปกติขณะที่ดวงตาของเธอกะพริบเบา ๆ ขนตาของเธอก็จะขยับเหมือนพัดเล็กน้อยในอดีต เธอเคยรู้สึกว่าขนตาของเธอค่อนข้างยาวและสวย บางครั้งเมื่อเธอแต่งหน้าบางเบา เธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาสคาร่าด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่ได้พบกับอี้ จิ่นหลี เธอก็ตระหนักได้ว่าใคร ๆ ก็สามารถมีขนตางอนสวยได้ แม้แต่ผู้ชายอย่างเขาก็ยังมีขนตาที่สวย‘ขนตาของจินสวยมากและดวงตาที่สดใสของเข
เมื่อเห็นเขากำลังจะเหลือบมองมาทางเธอ หลิง อี้หรานก็พยายามหลีกเลี่ยงเขาเธอหลบไปข้างหนึ่ง แต่บังเอิญไปชนชายอื่นแทน“ขอโทษค่ะ!” เธอรีบไปขอโทษออกไป“เธอตาบอดหรือไงยัยบ้า? กล้าดียังไงมาชนฉัน? รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” คนที่หลิง อี้หรานเดินชนพูดต่อว่าเธอด้วยน้ำเสียงมึนเมา“ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ทั้งหมดที่เธอทำได้ตอนนี้คือการพูดขอโทษในขณะเดียวกัน เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาทางเธอ มันคงเป็น... สายตาของเขา‘เขาคงมองดูความยุ่งเหยิงของฉันอยู่ตอนนี้’ความรู้สึกขมขื่นแผ่ซ่านทั่วหัวใจของเธอราวกับว่าศักดิ์ศรีและความภูมิใจในตัวเองของเธอกำลังเข้ามาขวางทาง แม้ว่าพวกเขาจะเลิกกันและเขาจะได้เห็นเธออยู่ในสภาพที่น่าอับอายแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน... แต่เธอก็ยังคงไม่ต้องการให้เขาเห็นความน่าอับอายของเธอเธอรู้สึกเวียนหัวเธออยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ผู้ชายที่เธอชนกลับไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ “ถ้าเธออยากจะขอโทษจริง ๆ งั้นก็มาลองดื่มกับฉันไหม? ฉันรับรองได้เลยว่าเธอคงไม่เคยลิ้มลองไวน์ชั้นดีแบบนี้มาก่อน!” เขาพูดขณะที่พยายามโอบตัวหลิง อี้หรานเอาไว้หลิง อี้หรานหลบไปด้าน
แต่เมื่อเธอขยับร่างกาย เธอก็รู้สึกถึงอาการปวดที่เอวด้านซ้าย ทำให้เธอขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด“เจ็บไหม?” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นในหูของเธออีกครั้ง จากนั้นมือสวยก็สัมผัสเข้าที่เอวของเธอร่างกายของหลิง อี้หรานแข็งทื่อในทันที เธอรู้สึกราวกับว่าเลือดในร่างกายของเธอพุ่งไปที่จุดนั้นใบหน้าของเขาเข้าใกล้เธอมากขึ้น ใกล้จนเธอเห็นขนตายาวสีดำของเขา‘แน่นอนว่า... ขนตาเหล่านั้นสวยมาก!’ดูเหมือนว่าขนตาพวกนั้นจะโดนใจของผู้คนทุกครั้งที่พวกมันสั่นเบา ๆหัวใจของเธออาจจะเคยหยุดนิ่งเพราะขนตาพวกนั้นมาก่อน และตอนนี้หัวใจของเธอก็หยุดนิ่งอีกครั้ง“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ” หลิง อี้หรานตั้งสติและสงบลง “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ คุณอี้ ฉัน... ฉันไม่เป็นไร”เธอยกมือขึ้นเพื่อดึงมือใหญ่ที่เอวของเธอออกทีละน้อย จากนั้น… เธอก็ลุกขึ้นและเดินโซซัดโซเซไปทางห้องส่วนตัวมือของอี้ จิ่นหลียังคงอยู่ในอากาศในตำแหน่งเดียวกับที่หลิง อี้หรานดึงมันออกไป ราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งลงชั่วขณะมือของเขายังคงกักเก็บความอบอุ่นจากร่างกายของเธอเอาไว้ทันทีที่เขาเห็นเธอ เขาแทบอยากจะเดินเข้าไปหาเธอตอนที่เขาเห็นว่าเธอถูกผู้ชายเ