เย่ เหวินหมิงมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้หญิงเป็นอย่างมาก!โจว เชียนหยุนคิดถึงช่วงเวลาที่เธอต้องการจิบน้ำแร่ที่เย่ เหวินหมิงดื่ม หรือพูดง่าย ๆ นั่นคือการจูบทางอ้อมเมื่อเธอคิดเกี่ยวกับมันในตอนนี้ เธอกลับพบว่าเธอเป็นคนที่ไร้เดียงสามากในตอนนั้นเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ “เย่ เหวินหมิง ฉันคิดว่าคุณกับฉันรู้ดีว่าคุณไม่มีสิทธิ์มารั้งฉันไว้ที่นี่ ตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้ว”“อิสระ?” เขาหัวเราะ “แล้วเธอคิดว่าฉันต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ในการริบรอนอิสระจากเธอ?”ฟังดูเหมือนเป็นการคุกคาม!หัวใจของเธอตกลงมาที่พื้น เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะบอกเธอว่าเขาสามารถควบคุมเสรีภาพของเธอได้อย่างเต็มที่และยังสามารถหาเหตุผลอื่นที่จะส่งเธอเข้าคุกอีกครั้งได้ถ้าเขาต้องการ!เมื่อนึกถึงเวลาที่เธอต้องอยู่ในคุก ร่างกายของโจว เชียนหยุนก็อดสั่นไหวไม่ได้ ใบหน้าของเธอซีดลงขณะที่ริมฝีปากแดงของเธอก็ถูกเม้มเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา มือบนเข่าของเธอกำแน่นราวกับว่าเธอกำลังระงับความกลัวในใจของเธอท่าทางของเธอทำให้เขาขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็วางขวดน้ำในมือลงแล้วเดินไปหาเธอ “เป็นอะไรไป?”ทันทีที่มือของเขาสัมผัสเธอ เธอก็กรีดร้องว่า “อย่ามาแตะต้องฉั
‘เขาปกป้องคง จื่ออินมาก เขาคิดเกี่ยวกับลูกเพราะเห็นแก่คง จื่ออิน แต่...’ “คุณบอกว่าฉันเป็นหนี้ชีวิตคุณกับคง จื่ออินใช่ไหม” เธอถามทันทีเย่ เหวินหมิงจ้องมองไปที่โจว เชียนหยุน เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ท่าทางสงบนิ่งของเธอในตอนนี้กลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจโจว เชียนหยุนยืนขึ้นและเดินไปที่บาร์ที่อยู่ใกล้เคียง เธอหยิบขวดไวน์และแก้วเปล่าออกมาก่อนจะรินเครื่องดื่มให้ตัวเองเธอต้องการดื่มเพื่อให้ตัวเองมีความกล้าหาญมากขึ้นไวน์แดงไหลเข้าปากของเธอด้วยความรู้สึกหวานและขมขื่น... ‘รสชาติดีจัง’‘ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าไวน์จะมีรสชาติดีขนาดนี้?’หลังจากดื่มไวน์หนึ่งแก้ว โจว เชียนหยุนก็กระแทกแก้วของเธอเข้ากับขอบบาร์ แก้วแตกออกเป็นครึ่งหนึ่ง เธอถือแก้วที่แตกไว้ในมือและขอบแก้วก็เต็มไปด้วยเศษแก้วที่แหลมคม“โจว เชียนหยุน เธอบ้าไปแล้วเหรอ?” เย่ เหวินหมิงตื่นตระหนก“เย่ เหวินหมิง บอกฉันมาว่าฉันจะชดใช้ชีวิตของฉันให้คุณได้อย่างไร?” โจว เชียนหยุนถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ขณะที่เธอดูไม่สนใจความโกรธของเขาในตอนนี้ความไม่สบายใจของเขาเริ่มมีมากขึ้น “เธอกำลังจะทำอะไร?” น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียดที
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่าว่าเธอมีความมุ่งมั่นมากกว่าที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้เธอสามารถทำร้ายตัวเองได้ และเมื่อเขาเห็นเลือดไหลออกจากร่างกายของเธอ เขากลับรู้สึกถึงความเยือกเย็น เส้นประสาททุกเส้นในร่างกายของเขารู้สึกเสียวซ่าน‘ราวกับว่าเธอผลักแก้วที่แตกเข้ามาในร่างกายของฉัน!’‘มันเจ็บมาก!’ความเจ็บปวดและความโกรธของเขาทำให้ โจว เชียนหยุนหัวเราะ แต่เมื่อเธอหัวเราะ เลือดในท้องของเธอก็ไหลออกมาเร็วขึ้น!“อย่าหัวเราะ!” เขาตื่นตระหนกเพราะกลัวว่าเธอจะมีเลือดออกมากเกินไปเธอหัวเราะราวกับว่าเธอกำลังเยาะเย้ยความตื่นตระหนกของเขาในตอนนี้“แล้วอย่างนี้ ฉันชดใช้หนี้ชีวิตให้คุณได้หรือเปล่า?” โจว เชียนหยุนถามด้วยความยากลำบาก เธอสัมผัสได้ถึงเลือดที่ไหลออกมา แต่เธอรู้ว่าเธอจะไม่ตายง่าย ๆเธอได้รับบาดเจ็บมากพอแล้วในคุก เธอต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บมากเกินไปจนทำให้ผันตัวเธอไปเป็นหมอรักษาตัวเอง ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าอาการบาดเจ็บนี้จะไม่ฆ่าเธอเธอทำแบบนี้เพียงเพื่อให้เย่ เหวินหมิงเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของเธอ“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฉันต้องมีลูก หรือคุณจะให้หมอผ่าเอามดลูกของฉันออกก็ได้ แน่นอนว่ามันอาจเ
‘แค่เพราะเธอถูกคุมขังเพียงสามปีครึ่งเท่านั้น มันเป็นที่โทษเบาเกินไปด้วยซ้ำ! เบาเกินไป!’‘แต่ทำไมฉันถึงหยุดเธอตอนที่ฉันเห็นเธอทำร้ายตัวเอง? ทำไมฉันถึงโทรเรียกรถพยาบาล?’‘ฉันควรจะหันหลังให้กับเธอ ฉันรู้สึกเหมือนว่าเธอต่างหากที่เป็นคนกำลังแก้แค้นฉัน!’โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นในพื้นที่อันเงียบสงบเย่ เหวินหมิงมองดูหมายเลขผู้โทรเข้าและเห็นว่าเป็นคง จื่ออิน“เหวินหมิง” เมื่อเขาตอบ เสียงที่นุ่มนวลของคง จื่ออินก็ดังมาจากปลายอีกด้าน“มีอะไรหรือเปล่า?” เย่ เหวินหมิงถาม แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความอ่อนล้า“เป็นอะไรไป? เหนื่อยเหรอ?” คง จื่ออินถามขึ้นอย่างรวดเร็วโดยตระหนักถึงความแตกต่างในน้ำเสียงของเขา“ผมไม่เป็นอะไร ผมแค่ยุ่งอยู่กับเรื่องเล็กน้อย” เขาตอบ ‘ใช่ โจว เชียนหยุนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับฉัน’“ถ้าอย่างนั้น… ฉันจะไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณจะกลับมาเมื่อไร ถ้าคุณยังจำเป็นต้องอยู่ในเมืองเฉินต่ออีก ฉันก็จะไปหาคุณ” คง จื่ออินพูดเมื่อรู้เธอว่าเขาพักอยู่ในเมืองเฉินและทุกครั้งที่เธอโทรมา เขาจะพูดกับเธอเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่ามีบางอย่าง
“ผู้ชายคนนี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของแกจริง ๆ แกได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว! เกิดอะไรขึ้น? ลูกแทงตัวเองอย่างที่เขาพูดจริง ๆ เหรอ?” คุณนายโจวพูดออกมาอย่างขมขื่น“ค่ะแม่ ฉันทำเอง” โจว เชียนหยุนยอมรับมัน“แกทำแบบนี้…”“เขาต้องการให้ฉันมีลูก มันตลกสิ้นดีที่เขาทำอย่างนั้นกับฉันในตอนนั้นและตอนนี้เขากลับมาแก้แค้นด้วยการขอให้ฉันมีลูกให้เขา” โจว เชียนหยุนพูดอย่างขมขื่น“เป็นไปได้ไหมว่าเขายังมีความรู้สึกต่อลูก? เพราะเธอทั้งคู่…”“แม่!” โจว เชียนหยุนขัดจังหวะจินตนาการที่เพ้อฝันของแม่เธอ “เขาต้องการให้ฉันมีลูกเพราะคง จื่ออินไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เขาแค่ใช้ฉันเป็นเครื่องมือ ถ้าเขารู้สึกอะไรกับฉัน เขาคงไม่จับฉันเข้าคุกหรอก”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความโศกเศร้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคุณนายโจว “พวกเราน่ะสมควรแล้ว มันเป็นเพราะว่าลูกต้องรับผลจากการกระทำผิดของพ่อลูกไง! เย่ เหวินหมิงทำกับลูกแบบนี้ได้ยังไง ลูกยัง...”“แม่คะ หยุดเถอะ” โจว เชียนหยุนหยุดแม่ของเธอจากการเพ้อฝัน ทุกสิ่งในอดีตเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับเธอ ฝันร้ายที่เธอพยายามจะลืมเลือน “ถ้าแม่อยู่ที่โรงพยาบาล แล้วอาหยันน้อยล่ะ? แม่เอาเข
สามวันต่อมาหลิง อี้หรานได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานกฎหมายโดยบอกว่าเธอผ่านการสัมภาษณ์แล้ว และทนายกู้เลือกเธอให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยทนายความแม้ว่าจะเป็นเพียงตำแหน่งผู้ช่วยทนายความ แต่ก็หมายความว่าเธอได้กลับมาอยู่ในโลกของกฎหมายแล้ว!หลิง อี้หรานโทรหาชิน เหลียนอีเพื่อบอกข่าวดีของเธอและชิน เหลียนอีก็มีความสุขอย่างจริงใจต่อเพื่อนสนิทของเธอ“เยี่ยมมาก! ตั้งใจทำงานล่ะ! ไว้เธอได้เป็นทนายความแล้ว อย่าลืมมาเลี้ยงข้าวฉันด้วยนะ!” ชิน เหลียนอีพูดหลิง อี้หรานอดหัวเราะไม่ได้ “ไม่จำเป็นต้องรอฉันเป็นทนายความหรอก ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอในตอนที่ฉันได้รับเงินเดือนก้อนแรกเลย”“ตกลง! ฉันจะรอเธอเลี้ยงข้าวนะ” ชิน เหลียนอีพูด“แน่นอน” หลิง อี้หรานตอบ ราวกับว่าความโศกเศร้าของเธอได้หายไปหลายวันแล้ว‘ชีวิตต้องดำเนินต่อไป’ เธอคิดและเธอก็สามารถเอาชนะมันได้ทีละเล็กทีละน้อย‘ฉันจะปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่ออี้ จิ่นหลีไป และคิดเสียว่ามันเป็นความฝันที่ไร้สาระ!’เมื่อเธอวางสาย หลิง อี้หรานก็มองไปที่โทรศัพท์ของเธอและเปิดรายชื่อผู้ติดต่อของเธอ ซึ่งมีหมายเลขโทรศัพท์สองหมายเลขชื่อว่า ‘จิน’เบอร์หนึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์เคร
“คุณไม่ใช่...” เธอพยายามปฏิเสธอย่างมีสติ แต่บางประโยคกลับติดอยู่ในลำคอของเธอดวงตาสีดำนิลของเขาจับจ้องมาที่เธอ ดวงตาคู่นั้นกำลังแสดงความเยาะเย้ยตนเองและดูโศกเศร้าชิน เหลียนอีรู้สึกแน่นในอก ดวงตาของเขาทำให้เธอหายใจไม่ออก ราวกับว่าเธอติดหนี้อะไรบางอย่างกับเขาจากนั้นบรรยากาศในรถก็มีแต่ความเงียบสงบปกคลุม“อะไร ทำไมคุณไม่พูดต่อล่ะ?” เสียงของเขาดังขึ้น“ฉัน... ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นแหละ” เธอพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด‘ไม่เอาน่า ทำไมฉันถึงรู้สึกผิดล่ะ?’ เธอคิดกับตัวเอง พวกเขาควรจะรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่รักกันจริง ๆ เสียหน่อย!‘แค่บางคำพูดของเขา... อาจจะทำให้ฉันเข้าใจผิด ฉันคงจะเข้าใจผิดว่า... เขาอาจจะชอบฉันจริง ๆ และบางทีเขาอาจจะชอบฉันมาจนถึงตอนนี้’‘มันจะเป็นไปได้ยังไง?’‘ผู้หญิงแบบไหนที่ผู้ชายอย่างเขาไม่เคยเจอ? เขาจะชอบฉันจริง ๆ เหรอ? หรือว่าการกระทำและคำพูดของเขาเป็นการแสดงเพื่อให้ฉันตกหลุมรักเขาจริง ๆ ?’‘ถ้าฉันตกหลุมรักเขา เขาอาจจะเขี่ยฉันทิ้งเหมือนตอนที่ฉันจากไปโดยไม่บอกลาเขาในตอนนั้น!’“วันนี้อยากกินอะไร?” เขาถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง“แค่หาร้านที่อยู่ใกล้ ๆ ห้างสรรพสินค้า หลังจาก
“เป็นคนนอก เป็น... อดีตเพื่อนค่ะ แต่เราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว” หลิง อี้หรานพูดพร้อมกับรอยยิ้มเหยเกทนายกู้พูดอย่างครุ่นคิด “คุณจะต้องขอบคุณเพื่อนของคุณนะ ถ้าไม่มีเขาคนนั้น คุณจะไม่สามารถกลับมาทำงานเป็นทนายความได้เหมือนในตอนนี้”หลิง อี้หรานโล่งใจเมื่อเธอออกมาจากสำนักงานทนายกู้ ตามจริงแล้ว เธอกังวลว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอจะยืนกรานค้นหาว่าใครคือคนที่ช่วยเธอพลิกคดีได้หลิง อี้หรานกลับมาที่โต๊ะทำงาน เธอเริ่มชินกับงานที่ทำอยู่เธอเคยทำงานเป็นผู้ช่วยมาครึ่งปีเมื่อตอนที่เธอเข้ามาทำงานในวงการกฎหมายนี้เป็นครั้งแรกดังนั้น เธอจึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับงานได้อย่างรวดเร็วเมื่อกลับมาทำงานอีกครั้ง อาจจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ยากอะไรกวาน ลี่หลี่เดินเตร่ไปที่โต๊ะเพื่อทักทายและพูดกวนเกี่ยวกับอี้ จิ่นหลี ซึ่งหลิง อี้หรานไม่ได้สนใจนักในตอนท้ายของวัน หลิง อี้หรานกำลังจะออกไป แต่กวาน ลี่หลี่กับรั้งเธอไว้ “นี่ หลิง อี้หรานเพิ่งเข้ามาร่วมงานกับเราเป็นวันนี้วันแรก เราควรจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเราหรือเปล่า?”ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นทันที “ใช่แล้ว เย้! มายินดีต้อนรับเพื่อน
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค