‘เขาคงมาที่นี่เพื่อตามหาฉัน ฉันใช้เวลาอยู่บนเนินเขานานพอสมควร เขาคงกังวลมาก’หลิง อี้หรานอยากจะวิ่งไปหาอี้ จิ่นหลี แต่กู้ ลี่เฉินยังคงแบกเธอเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงพูดกับเขาทันทีว่า “ปล่อย… ปล่อยฉันลงก่อน”“จะไปหาอี้ จินหลี่ใช่ไหม?” เสียงเย็นชาของกู้ ลี่เฉินดังขึ้น“ใช่” เธอให้คำตอบที่ชัดเจน“หลิง อี้หราน พอผมปล่อยคุณลง จากนี้ไปผมจะไม่แยแสกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณอีก คุณจะเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับผมและคุณต้องหยุดเรียกชื่อ ‘เฉินเฉิน’ สักที คุณจะเรียกชื่อนั้นไม่ได้อีก”สิ่งที่กู้ ลี่เฉินพูดเป็นการเตือนเธอ แต่มันกลับเหมือนการพูดบอกลาจู่ ๆ หลิง อี้หรานก็พบว่าจมูกของเธอแสบเล็กน้อย เธออยากจะร้องไห้ออกมา ราวกับว่ามีบางอย่างกดทับที่หัวใจของเธอ ‘เพราะว่า... ฉันโกหกเขาเหรอ? เราเคยเป็นเพื่อนที่ครั้งหนึ่งเคยผ่านเรื่องหนักหนามาด้วยกัน แต่สุดท้ายกลายเป็นคนแปลกหน้ากันอย่างนั้นเหรอ?’“เข้าใจแล้วค่ะ คุณกู้” หลิง อี้หรานพึมพำเสียงพูดของพวกเขาแผ่วเบามากจนมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้ยินซึ่งกันและกันจากนั้น กู้ ลี่เฉินก็คุกเข่าลงเพื่อปล่อยให้หลิง อี้หรานลงมา เกา ฉงหมิงที่ยืนอยู่ข้างอี้ จิ่นหลีแอบปร
‘โชคดีที่ไม่ใช่เธอ... ไม่ใช่เธอ...’กู้ ลี่เฉินเม้มริมฝีปากบางของเขาแน่น หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง ‘จากนี้ไปฉันจะลบผู้หญิงคนนี้ออกจากใจ! จะไม่ให้เหลือร่องรอยอะไรไว้อีกเลย!’หลิง อี้หรานเดินไปหาอี้ จิ่นหลี แล้วพบว่าเขาเงียบผิดปกติ ดวงตาสีพีชที่สวยงามของเขากลับดูมืดมนราวกับทะเลลึก มันทำให้บรรยากาศดูอ้างว้าง‘เขา... โกรธเหรอ? เป็นเพราะเขาเห็นฉันอยู่กับกู้ ลี่เฉินใช่ไหม? หรือเป็นเพราะฉันใช้เวลาอยู่บนเนินเขามากเกินไปและทำให้เขากังวล?’แต่มีคนจำนวนมากอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถอธิบายอะไรได้ในตอนนี้ เธอจะอธิบายให้เขาฟังเมื่ออยู่กันตามลำพังเท่านั้น“ฉันขอโทษที่ฉันทำให้คุณเป็นห่วง! ฉันจะโทรหาคุณ แต่... ฉันทำโทรศัพท์พังโดยไม่ได้ตั้งใจและติดต่อหาคุณไม่ได้” เธอพูดไม่ใช่แค่โทรศัพท์ของเธอเท่านั้นที่พัง แต่โทรศัพท์ของกู้ ลี่เฉินก็พังด้วย หน้าจอโทรศัพท์ของเขาแตกเมื่อเขาพยายามช่วยชีวิตเธอทั้งคู่ไม่สามารถโทรออกได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้“อย่างนั้นเหรอ?” เขาก้มศีรษะลง ยกมือขึ้นและปัดปอยผมที่พันกันบริเวณแก้มของเธอให้ไปทัดหลังใบหูของเธอเบา ๆ “ค่ำแล้ว กลับกันเถ
“ขอโทษ?” เขาหัวเราะเยอะด้วยความโกรธ สิ่งที่เธอทำกับเขานั้นมากเกินกว่าที่ทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงเธอรู้หรือไม่ว่าเขาตื่นตระหนกแค่ไหนหลังจากที่กู้ ลี่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเขาพร้อมกับเธอบนหลังของเขา? เขาแทบจะทรงตัวยื่นต่อไปไม่ไหวเธอรู้หรือไม่ว่าเขารู้สึกอย่างไรเมื่อเธอกระซิบกับกู้ ลี่เฉิน?ตอนที่กู้ ลี่เฉินวางเธอลง เธอขอบคุณกู้ ลี่เฉินและยิ้มให้เขา ทำให้สิ่งที่พ่อเคยพูดกับเขาดังก้องอยู่ในหัวของเขา “จิน ถ้าวันหนึ่งความสุขและความทุกข์ของลูกอยู่ในกำมือของคนอื่น ชีวิตลูกจะลำบาก… มาก…”‘ลำบาก?’‘มันเป็นความรู้สึกที่ยากมาก’ เขาไม่รู้สึกอะไรนอกจากความขมขื่นในปากของเขา ‘ฉันอยากจะกักขังเธอไว้ที่ไหนสักแห่ง ที่ที่ฉันสามารถไปหาเธอได้และไม่เห็นใครนอกจากฉัน’‘ฉันอยากให้เธอยิ้มให้ฉันแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ให้ชายอื่น!’‘มันเป็นความอิจฉา!’ เขาอิจฉากู้ ลี่เฉินตอนที่เขาเห็นเธอและกู้ ลี่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเขาแบบนั้น เขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันและมีพื้นที่เป็นของพวกเขาเอง‘ไม่มีใครเข้าไปแทรกพวกเขาได้!’‘และ... ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น!’…อีกด้านหนึ่ง กู้ ลี่เฉินกำลังเดินลงเขา เมื่อเขาเ
“ลี่ฟาง คุณไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น คุณช่วยชีวิตของผมเอาไว้” กู้ ลี่เฉินบอกหวา ลี่ฟาง‘ฮะ?’หวา ลี่ฟางจ้องไปที่เขาอย่างว่างเปล่า สงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดถึงเรื่องนี้“ดังนั้น ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ คุณอยากมีชีวิตที่หรูหรา โดดเด่นต่อหน้าคนอื่นและคุณยังบอกว่าคุณต้องการเข้าสู่แวดวงนักแสดงและเป็นคนดัง ผมจะทำให้คุณ!”ดวงตาของหวา ลี่ฟางเป็นประกายในทันทีและท่าทางของเธอก็ดูตื่นเต้นเมื่อกู้ ลี่เฉินเห็นท่าทางของคนที่อยู่ข้างหน้าเขา เขารู้สึกผิดหวังอย่างกะทันหันที่อย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้‘นี่คือผู้หญิงที่ฉันคิดถึงมาตลอดชีวิตจริง ๆ เหรอ?’“ลี่เฉิน คุณดีกับฉันมาก!” ใบหน้าของหวา ลี่ฟางเปลี่ยนเป็นสีแดงมากขึ้น… เพราะเธอตื่นเต้นเมื่อเธอจินตนาการถึงอนาคตของเธอทีละเล็กทีละน้อย เธอจะเข้าร่วมแวดวงสังคมชั้นสูง! เธอจะทำให้ให้คนที่ดูถูกเธอ ต้องคุกเข่าลงแนบเท้าของเธอ!แต่ประโยคต่อไปของกู้ ลี่เฉินได้ทำลายความคิดเพ้อฝันของเธอทั้งหมด ใบหน้าของเธอเปลี่ยนจากสีแดงเป็นซีดเผือกเขาพูดว่า... “ตามนั้น คุณเป็นเพียงผู้ช่วยชีวิตของผม จะไม่เป็นอย่างอื่นอีก!”หวา ลี่ฟางรู้สึกถึงความเยือก
ถ้าก่อนหน้านี้เขาดูเย็นชา ตอนนี้ดวงตาของเขากลับดูสดใสและน่ารัก แม้แต่การเลียรอยช้ำของเขาก็ยังดูเย้ายวน“แล้วตอนนี้ยังเจ็บอยู่ไหม?” เขาถามเสียงต่ำ การเคลื่อนไหวของเขาดูเย้ายวนและอ่อนโยน“มัน... ไม่เจ็บมากขนาดนั้นแล้ว” หลิง อี้หรานเริ่มพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย‘ฉันจะรู้สึกเจ็บปวดได้ยังไง? ดูเหมือนว่าเขามักจะดูออกว่าฉันรู้สึกยังไง!’เขาบรรจงจูบไปทั่วรอยแดงบนข้อมือของเธอ เธอพยายามดึงมือของเธอออกอย่างเขินอาย เพราะในรถยังมีคนอื่นอีกแต่เขาจับมือเธอแน่นอย่างดื้อดึงและไม่ยอมให้เธอเอามือออก“อย่าขยับ!” เขาพูด“แต่ว่า...” เธอดูเขินอาย“อย่าขยับ อยู่แบบนี้ต่ออีกนิด ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป” เขาก็อ้อนวอนเธอ ขณะที่มือที่กุมข้อมือของเธอก็สั่นเล็กน้อยหลิง อี้หรานตกตะลึง รู้สึกราวกับว่าเขาแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อยตั้งแต่พบเธอบนเนินเขาแต่ที่นี่มีคนอื่นอยู่และมีบางสิ่งที่เธอไม่สามารถถามเขาได้โดยตรงคนขับรถและเกา ฉงหมิงที่นั่งอยู่ด้านหน้าตกตะลึงกับสิ่งที่อี้ จิ่นหลีเพิ่งพูด‘นั่นคือ... นายน้อยอี้จริงเหรอ? ชายผู้สูงส่งคนนั้นเคยวิงวอนขอร้องผู้หญิงด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร
คำถามมากมายออกมาจากปากของเขาด้วยความกระหายที่เขาไม่เคยมีมาก่อน!หลิง อี้หรานจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่อี้ จิ่นหลีคร่อมอยู่บนตัวเธอ ราวกับว่าเขาพยายามเก็บกดมาตลอดการเดินทางและตอนนี้มันได้ระเบิดออกมา“จิน ปล่อยฉันก่อน ฉันอธิบายได้” หลิง อี้หรานพูดแทนที่จะปล่อยมือเธอ เขากลับก้มศีรษะลงและจูบใบหน้าของเธอ “ได้สิ อธิบายมา ฉันจะฟัง”เขาไม่อยากปล่อยเธอไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าอุณหภูมิร่างกายของเธอสูงขึ้นและความคิดของเธอก็ได้รับผลกระทบจากการจูบของเขา“ฉัน... ฉันแค่ไปทำความเคารพที่หลุมศพของคุณยายในวันนี้ พอฉันเดินลงจากเขา ฉันก็เดินไปที่เนินเขาลูกใกล้ ๆ ที่ฉันเคยไปเล่นที่นั่นตอนเด็ก ๆ แค่ไปดูเฉย ๆ ฉันไม่คิดว่าฉันจะเจอกู้ ลี่เฉินที่นั่น” หลิง อี้หรานพยายามเล่าเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดแต่เธอได้ปกปิดความจริงที่ว่าเธอได้ฟื้นความทรงจำของเธอแล้ว‘ในเมื่อฉันต้องการเก็บมันไว้เป็นความลับ ฉันจะฝังมันไว้ในก้นบึ้งของหัวใจตลอดไป!’“เธอบอกว่าเธอตกจากหน้าผาเหรอ?” ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเบิกกว้างทันที“ใช่ โชคดี… ที่กู้ ลี่เฉินอยู่
“แต่ฉันเจ็บ” เขาพูดเธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจทันที เธอแสบจมูกและน้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นมีใครบางคนในโลกนี้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดเพราะอาการบาดเจ็บของเธอเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดของเธอการตกหลุมรักเขาอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เธอเคยมีมากเขาพันผ้าเช็ดตัวไว้รอบตัวเธอ อุ้มเธอขึ้นจากอ่างอาบน้ำและช่วยเธอเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้า จากนั้นเขาก็พาเธอออกจากห้องน้ำและรักษารอยฟกช้ำของเธอ“ถ้าเจ็บก็ร้องออกมาได้เลยนะ” เขาพูด“อื้ม” เธอตอบเขาบรรจงทายาบนรอยฟกช้ำของเธออย่างอ่อนโยน ราวกับว่าเขากำลังจัดการกับสมบัติที่ล้ำค่า สมบัติที่มีความสำคัญมากกว่าชีวิตของเขาเองเมื่อเขารักษารอยฟกช้ำรอบข้อมือของเธอเสร็จแล้ว เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอและจ้องมองไปที่รอยฟกช้ำที่ยังไม่จางลงที่ข้อมือของเธอแทน“บอกฉันที กู้ ลี่เฉินพูดอะไรตอนที่เขาวางเธอลงและจับมือเธอ” น้ำเสียงกระซิบออกมาจากปากของเขาและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาค่อย ๆ มองเข้าไปในดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอหลิง อี้หรานตัวแข็งทื่อ รู้สึกราวกับว่าดวงตาของเขากำลังพยายามมองผ่านเข้ามาในจิตใจของเธอ‘จินรู้สึกเปราะบางกับความสัมพันธ์นี้มาโดยตลอด แม้ว่าฉันจะอธิบายให้เขาฟังแล้วก็ตาม แต
หลิง อี้หรานเหนื่อยมากหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน หลังจากทานอาหารเสร็จ เธอก็ผล็อยหลับไปอี้ จิ่นหลีที่นั่งอยู่บนขอบเตียง จ้องมองใบหน้าที่หลับใหลของเธออย่างเศร้าสร้อยเธอนอนนิ่งราวกับว่าเธอจะไม่ไปไหนและทำได้เพียงอยู่ในสายตาของเขาเท่านั้นเธออยู่ตรงหน้าเขาแท้ ๆ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่าเขาไม่สามารถจับต้องเธอได้?‘วันนี้เธอบอกว่าเธอจะไม่เสียใจ แต่ทำไม... ฉันถึงคิดว่าเธอเสียใจล่ะ? ฉันไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ !’ฉากที่กู้ ลี่เฉินแบกเธอไว้บนหลังของเขาเป็นเหมือนฉากในภาพยนตร์ที่กรอย้อนหลัง เล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของเขาเขาไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน! ราวกับว่าสิ่งที่เขากลัวจะกลายเป็นจริง!“กู้ ลี่เฉินไม่มีความหมายอะไรกับเธอจริง ๆ เหรอ?” เขาพึมพำขณะใช้เรียวนิ้วยาวสัมผัสที่ริมฝีปากแดงที่ปิดสนิทของเธอเบา ๆเธอที่กำลังหลับอยู่ไม่อาจให้คำตอบแก่เขาได้“จิน ต่อให้ลูกตกหลุมรักใครสักคนในอนาคต พ่อไม่อยากให้ลูกรักใครมากเกินไปหรือเอาชีวิตไปฝากไว้ในมือของเขา”“จิน รู้ไหมว่าความขี้ขลาดคืออะไร? มันคือตอนที่ลูกเกลียดใครสักคน แต่กลับไม่สามารถทำร้ายเขาได้”“จิน อย่าเรียนรู้จากพ่อ อย่าเป็น
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค