ถ้าก่อนหน้านี้เขาดูเย็นชา ตอนนี้ดวงตาของเขากลับดูสดใสและน่ารัก แม้แต่การเลียรอยช้ำของเขาก็ยังดูเย้ายวน“แล้วตอนนี้ยังเจ็บอยู่ไหม?” เขาถามเสียงต่ำ การเคลื่อนไหวของเขาดูเย้ายวนและอ่อนโยน“มัน... ไม่เจ็บมากขนาดนั้นแล้ว” หลิง อี้หรานเริ่มพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย‘ฉันจะรู้สึกเจ็บปวดได้ยังไง? ดูเหมือนว่าเขามักจะดูออกว่าฉันรู้สึกยังไง!’เขาบรรจงจูบไปทั่วรอยแดงบนข้อมือของเธอ เธอพยายามดึงมือของเธอออกอย่างเขินอาย เพราะในรถยังมีคนอื่นอีกแต่เขาจับมือเธอแน่นอย่างดื้อดึงและไม่ยอมให้เธอเอามือออก“อย่าขยับ!” เขาพูด“แต่ว่า...” เธอดูเขินอาย“อย่าขยับ อยู่แบบนี้ต่ออีกนิด ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป” เขาก็อ้อนวอนเธอ ขณะที่มือที่กุมข้อมือของเธอก็สั่นเล็กน้อยหลิง อี้หรานตกตะลึง รู้สึกราวกับว่าเขาแตกต่างไปจากปกติเล็กน้อยตั้งแต่พบเธอบนเนินเขาแต่ที่นี่มีคนอื่นอยู่และมีบางสิ่งที่เธอไม่สามารถถามเขาได้โดยตรงคนขับรถและเกา ฉงหมิงที่นั่งอยู่ด้านหน้าตกตะลึงกับสิ่งที่อี้ จิ่นหลีเพิ่งพูด‘นั่นคือ... นายน้อยอี้จริงเหรอ? ชายผู้สูงส่งคนนั้นเคยวิงวอนขอร้องผู้หญิงด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร
คำถามมากมายออกมาจากปากของเขาด้วยความกระหายที่เขาไม่เคยมีมาก่อน!หลิง อี้หรานจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่อี้ จิ่นหลีคร่อมอยู่บนตัวเธอ ราวกับว่าเขาพยายามเก็บกดมาตลอดการเดินทางและตอนนี้มันได้ระเบิดออกมา“จิน ปล่อยฉันก่อน ฉันอธิบายได้” หลิง อี้หรานพูดแทนที่จะปล่อยมือเธอ เขากลับก้มศีรษะลงและจูบใบหน้าของเธอ “ได้สิ อธิบายมา ฉันจะฟัง”เขาไม่อยากปล่อยเธอไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าอุณหภูมิร่างกายของเธอสูงขึ้นและความคิดของเธอก็ได้รับผลกระทบจากการจูบของเขา“ฉัน... ฉันแค่ไปทำความเคารพที่หลุมศพของคุณยายในวันนี้ พอฉันเดินลงจากเขา ฉันก็เดินไปที่เนินเขาลูกใกล้ ๆ ที่ฉันเคยไปเล่นที่นั่นตอนเด็ก ๆ แค่ไปดูเฉย ๆ ฉันไม่คิดว่าฉันจะเจอกู้ ลี่เฉินที่นั่น” หลิง อี้หรานพยายามเล่าเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดแต่เธอได้ปกปิดความจริงที่ว่าเธอได้ฟื้นความทรงจำของเธอแล้ว‘ในเมื่อฉันต้องการเก็บมันไว้เป็นความลับ ฉันจะฝังมันไว้ในก้นบึ้งของหัวใจตลอดไป!’“เธอบอกว่าเธอตกจากหน้าผาเหรอ?” ดวงตาของอี้ จิ่นหลีเบิกกว้างทันที“ใช่ โชคดี… ที่กู้ ลี่เฉินอยู่
“แต่ฉันเจ็บ” เขาพูดเธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจทันที เธอแสบจมูกและน้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นมีใครบางคนในโลกนี้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดเพราะอาการบาดเจ็บของเธอเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดของเธอการตกหลุมรักเขาอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เธอเคยมีมากเขาพันผ้าเช็ดตัวไว้รอบตัวเธอ อุ้มเธอขึ้นจากอ่างอาบน้ำและช่วยเธอเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้า จากนั้นเขาก็พาเธอออกจากห้องน้ำและรักษารอยฟกช้ำของเธอ“ถ้าเจ็บก็ร้องออกมาได้เลยนะ” เขาพูด“อื้ม” เธอตอบเขาบรรจงทายาบนรอยฟกช้ำของเธออย่างอ่อนโยน ราวกับว่าเขากำลังจัดการกับสมบัติที่ล้ำค่า สมบัติที่มีความสำคัญมากกว่าชีวิตของเขาเองเมื่อเขารักษารอยฟกช้ำรอบข้อมือของเธอเสร็จแล้ว เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอและจ้องมองไปที่รอยฟกช้ำที่ยังไม่จางลงที่ข้อมือของเธอแทน“บอกฉันที กู้ ลี่เฉินพูดอะไรตอนที่เขาวางเธอลงและจับมือเธอ” น้ำเสียงกระซิบออกมาจากปากของเขาและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาค่อย ๆ มองเข้าไปในดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอหลิง อี้หรานตัวแข็งทื่อ รู้สึกราวกับว่าดวงตาของเขากำลังพยายามมองผ่านเข้ามาในจิตใจของเธอ‘จินรู้สึกเปราะบางกับความสัมพันธ์นี้มาโดยตลอด แม้ว่าฉันจะอธิบายให้เขาฟังแล้วก็ตาม แต
หลิง อี้หรานเหนื่อยมากหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน หลังจากทานอาหารเสร็จ เธอก็ผล็อยหลับไปอี้ จิ่นหลีที่นั่งอยู่บนขอบเตียง จ้องมองใบหน้าที่หลับใหลของเธออย่างเศร้าสร้อยเธอนอนนิ่งราวกับว่าเธอจะไม่ไปไหนและทำได้เพียงอยู่ในสายตาของเขาเท่านั้นเธออยู่ตรงหน้าเขาแท้ ๆ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่าเขาไม่สามารถจับต้องเธอได้?‘วันนี้เธอบอกว่าเธอจะไม่เสียใจ แต่ทำไม... ฉันถึงคิดว่าเธอเสียใจล่ะ? ฉันไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ !’ฉากที่กู้ ลี่เฉินแบกเธอไว้บนหลังของเขาเป็นเหมือนฉากในภาพยนตร์ที่กรอย้อนหลัง เล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของเขาเขาไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน! ราวกับว่าสิ่งที่เขากลัวจะกลายเป็นจริง!“กู้ ลี่เฉินไม่มีความหมายอะไรกับเธอจริง ๆ เหรอ?” เขาพึมพำขณะใช้เรียวนิ้วยาวสัมผัสที่ริมฝีปากแดงที่ปิดสนิทของเธอเบา ๆเธอที่กำลังหลับอยู่ไม่อาจให้คำตอบแก่เขาได้“จิน ต่อให้ลูกตกหลุมรักใครสักคนในอนาคต พ่อไม่อยากให้ลูกรักใครมากเกินไปหรือเอาชีวิตไปฝากไว้ในมือของเขา”“จิน รู้ไหมว่าความขี้ขลาดคืออะไร? มันคือตอนที่ลูกเกลียดใครสักคน แต่กลับไม่สามารถทำร้ายเขาได้”“จิน อย่าเรียนรู้จากพ่อ อย่าเป็น
ตอนนี้เธอยังคงไว้ทุกข์ให้กับคุณยายและเพิ่งเลย 49 วันที่คุณยายจากไป ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการแต่งกายด้วยสีสันสดใสเธอทารองพื้นเล็กน้อยและแต่งหน้าแบบบางเบาเนื่องจากนิ้วมือของเธอไม่คล่องแคล่วนัก เธอจึงพยายามทำอย่างประณีตบรรจง เธอมองดูที่นิ้วของเธอและยิ้มเล็กน้อย นิ้วของเธอไม่สามารถฟื้นตัวได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้นิ้วของเธอก็ดีขึ้นมาก‘ตอนนี้ฉันได้ปล่อยกู้ ลี่เฉินไปแล้ว จากนี้ไปฉันจะจับมือจินเท่านั้น!’หลิง อี้หรานยืนขึ้นและกำลังจะออกจากห้อง แต่เธอกลับสังเกตเห็นประตูที่เชื่อมระหว่างห้องนอนทั้งสองเปิดออกทางหางตา‘จินไม่ค่อยได้กลับไปที่ห้องนอนของเขา เขามักจะมานอนด้วยกันที่ห้องของฉัน’หลิง อี้หรานก้าวไปข้างหน้าโดยตั้งใจจะปิดประตู แต่เมื่อเธอเดินไปถึงประตู เธอกลับก้าวเข้าไปในห้องนอนของเขา“จิน?” เธอร้องเรียก แต่กลับไม่มีใครอยู่ในห้อง‘เขาไม่อยู่ในห้อง เขากำลังทำเค้กอยู่ในห้องครัวที่ชั้นล่างหรือเปล่า?’เธอจำได้ว่าเขาบอกว่าเขาจะใช้เวลาทั้งวันกับเธอที่บ้านหลิง อี้หรานกำลังจะหันหลังกลับไป แต่เธอกลับเหลือบเห็นอัลบั้มรูปในตู้ใกล้ ๆอัลบั้มภาพถูกเปิดทิ้งไว้ ในนี้มีรูปถ่ายของอี้ จิ่นหล
‘ไม่... มันไม่เคยว่างเปล่าแบบนี้ หน้าสุดท้ายจะต้องมีรูปของฉันอยู่’มันคือรูปถ่ายของเธอในชุดดอกไม้ที่เขาเคยคิดว่าดูดีและขอรูปนั้นมาจากเธอรูปภาพนั้นถูกเก็บไว้ในอัลบั้มรูปของเขา มันทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจจากนั้นเธอก็พบสร้อยข้อมือเงินเส้นเล็กที่อยู่ตรงสันอัลบั้มภาพเธอจดจ่ออยู่กับอัลบั้มรูปจนลืมสร้อยข้อมือ‘สร้อยข้อมือนี้…’ หลิง อี้หรานรู้สึกอึดอัดขึ้นในหัวใจของเธอ ‘ฉันจำได้ว่านี่เป็นสร้อยข้อมือที่กู้ ลี่เฉินพกติดตัวไปทุกที่ ทำไมมันถึงมาอยู่กับจิน?’‘ไม่ สร้อยข้อมือนี้... ไม่ใช่ของกู้ ลี่เฉิน!’หลิง อี้หรานหยิบสร้อยข้อมือเงินขนาดเล็กขึ้นมา สร้อยข้อมือเงินเส้นนี้มีรูปแบบและขนาดเดียวกันกับอันนั้น แต่มันดูคล้ำมากกว่าสร้อยข้อมือเส้นนั้นมาก พื้นผิวดูดำกว่าเล็กน้อย ไม่เหมือนกับสร้อยข้อมือนั้น สร้อยข้อมือที่กู้ ลี่เฉินพกติดตัวไปกับเขาและมักใช้นิ้วถูไปมา ดังนั้นมันจึงสว่างมากกว่า‘งั้นสร้อยข้อมือนี้...’ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงกล่องเครื่องประดับที่คุณยายทิ้งไว้ให้‘ฉันไม่เห็นสร้อยข้อมือเส้นเล็ก ๆ ที่อยู่คู่กับสร้อยข้อมือเส้นนั้นเลย แล้วถ้า... นี่คือสร้อยข้อมือล่ะ?’‘ทำไม... มันถึงอยู่ในห้
การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของหมอเหลิ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและสิ่งที่ลำบากที่สุดคือคุณหลิงได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น‘ฉันเกรงว่านายน้อยอี้จะไม่ปล่อยฉันไปง่าย ๆ หลังจากนี้!’ เกา ฉงหมิงตัวสั่นคลอนกับความคิดของตัวเอง จากนั้นก็เหลือบมองกลับไปที่จิตแพทย์ที่ยืนเงียบ ‘จู่ ๆ หมอเหลิ่งก็สร้างความปั่นป่วนในคฤหาสน์อี้ เป็นเพราะเธอกังวลอย่างนั้นเหรอ? กังวลจนมาพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้สะกดจิตหลิง อี้หราน เพราะกลัวว่าจะตกงาน?’‘มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ? ฉันแค่จัดให้เธอไปต่างประเทศเพื่อประชุมและพักผ่อนเท่านั้น’ดวงตาของเกา ฉงหมิงเปลี่ยนไปขณะที่เขาครุ่นคิด เมื่อเขาได้อยู่ใกล้อี้ จิ่นหลี เขาก็ได้เห็นหลายอย่างมากจนเป็นเรื่องปกติที่จะเข้าใจสิ่งหนึ่ง ต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน‘บางทีฉันอาจจะต้องทำการสืบค้นให้มากกว่านี้’อีกด้านหนึ่ง อี้ จิ่นหลีพูดกับหลิง อี้หรานด้วยรอยยิ้มว่า “มาเถอะ ไปกินข้าวเช้ากันก่อน”“จิน นี่มันเรื่องอะไรกัน?” แทนที่เธอจะเออออตามเขาไปที่ห้องอาหาร เธอกลับยืนอยู่ที่เดิม“เหมือนกับที่เธอเห็นนั้นแหละ หมอที่เธอเคยเจอ มาที่นี่และสร้างความปั่นป่วน” เขายิ้มและตอบเธอคร่าว
“ใช่” คำตอบของเขาทำให้เธอรู้สึกสับสนอีกครั้ง!“ทำไมคุณถึงทำอย่างนั้น?”“ทำไม?” ทันใดนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นและจับเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง “แล้วเธอล่ะ? ทำไมเธอถึงไปหาหมอเพื่อสะกดจิต? เธอต้องการรื้อฟื้นความทรงจำของเธอกับกู้ ลี่เฉินใช่ไหม? เธอติดอยู่กับความทรงจำนั้นใช่ไหม? เธอใช้เวลาร่วมกันเพียงวันเดียวเมื่อตอนยังเด็กและตอนนี้เธอก็มีฉันอยู่เคียงข้างแล้วไง”น้ำเสียงของเขานิ่งเรียบ ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องธรรมดาแต่มันกลับฟังดูน่ากลัวสำหรับเธอ‘เขารู้ด้วยซ้ำว่า... กู้ ลี่เฉินกับฉันใช้เวลาร่วมกันแค่วันเดียว! ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ทุกอย่างและฉันเป็นคนเดียวที่ไม่รู้!’เขารู้สึกว่าร่างกายของเธอแข็งทื่อ เขาจึงกอดเธอแน่นขึ้นในอ้อมแขนของเขา ริมฝีปากของเขาแนบชิดกับใบหูของเธอในขณะที่เขายังคงกระซิบต่อไปว่า “อย่าตามหาความทรงจำนั้นอีกเลย แค่มีฉันอยู่ข้าง ๆ มันยังไม่พออีกเหรอ?”‘ไม่ ฉันไม่ได้ต้องการรื้อฟื้นความทรงจำนั้น ฉันตัดสินใจที่จะฝังมันทั้งหมดและเก็บมันไว้เป็นความลับของฉัน’ “กู้ ลี่เฉินกับฉัน…”แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เขากลับพูดขัดจังหวะเธอก่อน“พอแล้ว หยุด! ฉันไม่อยากได้ยินสิ่งที่เกิดข