‘โจว เชียนหยุนอยู่ที่ไหนในค่ำคืนนี้?’ผู้หญิงคนนั้นเป็นเหมือนฝันร้ายที่ติดอยู่ในหัวใจของเขามายาวนานเขาเป็นผู้ชนะแท้ ๆ แต่ทำไมเขาถึงไม่มีความสุขเอาเสียเลย? ทุกครั้งที่เขานึกถึงผู้หญิงคนนั้น เขากลับรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้าย‘ถ้าฉันหาเธอเจอ ความรู้สึกนี้อาจจะหายไป’‘ฉันจะตามหาเธอให้เจอ เธอจะได้ไม่มีพื้นที่ในหัวใจของฉันอีก!’…ในวันรุ่งขึ้น คนขับรถประจำตระกูลอี้ได้ขับรถพาหลิง อี้หรานไปที่นอกเมืองหลิง อี้หรานในชุดสีดำเดินเข้าไปในบ้านของครอบครัวลู่วันนี้เป็นวันครบรอบ 49 วันหลังจากที่คุณยายจากไป ครอบครัวลู่วางแผนที่จะจัดงานใหญ่โต พวกเขาอันเชิญนักบวชลัทธิเต๋าให้มาสวดมนต์ รวมถึงเชิญญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมากมายให้มาเข้าร่วมงานเมื่อหลิง อี้หรานมาถึงบ้านของครอบครัวลู่ เธอก็เห็นแขกรับเชิญเต็มบ้านแล้วหลิง อี้หรานมองดูภาพขาวดำของคุณยายขณะจุดธูป ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาคุณยายคือคนที่เคยปกป้องเธอมากที่สุดตอนที่เธออายุสามถึงเก้าขวบ คุณยายเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ของเธอ คอยปกป้องเธอจากความยากลำบากทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูเธอให้ดีคุณยายเคยพูดไว้ว่า “อี้หรานเป็นเด็กที่มุ่ง
หลิง อี้หรานรู้สึกสั่นสะท้าน สายตาของเขา... เฉยเมยและดูห่างเหินราวกับว่าเขากำลังมองคนแปลกหน้าเธอรู้สึกว่าเธอกำลังสูญเสียบางอย่าง ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนเธอไม่ทันตั้งตัว‘ทำไมฉันถึงรู้สึกสูญเสีย? เป็นเพราะคนคนนี้ที่เคยอยู่ในช่วงที่ยากลำบากกับฉันตอนเด็ก ๆ แล้วทำกับฉันราวกับเป็นคนแปลกหน้าหรือเปล่า?’‘แต่... ฉันก็เป็นคนเลือกแบบนี้เองไม่ใช่เหรอ?’‘แม้ว่าฉันจะเป็นคนช่วยชีวิตของกู้ ลี่เฉินเอาไว้... แต่ฉันก็เลือกแล้ว ฉันตัดสินใจเลือกจินแล้ว!’‘ฉันไม่อยากทำให้จินเสียใจ ฉันไม่ต้องการให้คนที่รักฉันดูเปราะบางและไม่มั่นใจในความรักของฉัน ดังนั้น ไม่ว่าความทรงจำของฉันจะสูญหายไปหรือไม่ก็ตาม ฉันก็จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก!’‘ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้แหละ ดีแล้ว’หลิง อี้หรานยิ้มเหยเกและก้มศีรษะลงหวา ลี่ฟางที่ยืนอยู่ข้างกู้ ลี่เฉินมองดูหลิง อี้หรานด้วยความเกลียดชัง จากนั้นเธอจึงมองไปที่กู้ ลี่เฉินด้วยสายตาที่เป็นกังวล เธอกลัวว่ากู้ ลี่เฉินจะมีท่าทีแตกต่างออกไปหลังจากที่เห็นหลิง อี้หรานถ้ากู้ ลี่เฉินแตะต้องตัวหลิง อี้หรานในงานนี้เหมือนกับที่เขาทำในงานจัดแสดงสินค้าครั้งที่แล้ว เธอคงจะอับอาย
หลิง อี้หรานหัวเราะคิกคักทันที “น้องสาว เธอช่วยกู้ ลี่เฉินไว้จริง ๆ น่ะเหรอ?”หวา ลี่ฟางจ้องมองเธอ “ไม่อย่างนั้นลี่เฉินจะดีกับฉันมากเหรอถ้าฉันไม่ได้ช่วยเขาตอนเด็ก?”“แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะชอบไปเล่นที่เนินเขาหนิ ใช่ไหม? ฉันต่างหากที่ชอบไปเล่นที่นั่น” หลิง อี้หรานตอกกลับใบหน้าของหวา ลี่ฟางซีดเผือด “อะไรนะ... เธอหมายความว่ายังไง? แล้วมันเกี่ยวข้องกับการที่ฉันชอบไปที่นั่นหรือไม่ชอบไปยังไง? ยังไงซะ ฉันก็เป็นคนช่วยลี่เฉินอยู่ดี”“แน่ใจเหรอ?” หลิง อี้หรานมองดูดวงตาเจ้าเล่ห์ของเธอและมั่นใจว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอรู้สึกผิด ลี่ฟางจึงหลบสายตาของเธอเช่นนั้นน้องลี่ฟางต้องไม่ใช่คนที่ช่วยชีวิตกู้ ลี่เฉินอย่างแน่นอน“อี้หราน พอได้หรือยัง?” หวา ลี่ฟางพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง เธอรู้สึกอับอาย ดังนั้นเธอจงใจใช้ความโกรธปกปิดความรู้สกึผิดของเธอ “มันไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอไม่ควรที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างฉันกับลี่เฉิน สนใจแต่เรื่องของเธอเองก็พอ!”จากนั้นหวา ลี่ฟางจึงรีบเดินจากไปหลิง อี้หรานหลุบตาลงและมองไปที่มือของเธอ ‘แล้วถ้าในความฝันทั้งหมดคือฉันที่เป็นช่วยชีวิตกู้ ลี่เฉิน...’‘สองมือนี้ที่จับมือขอ
หลิง อี้หรานซื้อของมาเคารพคุณยายและเธอไม่ต้องการทำแบบนี้กับครอบครัวลู่ เธอต้องการอยู่กับคุณยายของเธอเพียงสองคนขณะที่รถมาถึงเชิงเขา แทนที่จะให้คนขับพาเธอไป แต่หลิง อี้หรานกลับพูดว่า “เดี๋ยวฉันขึ้นไปเองค่ะ ฉันอยากอยู่กับคุณยายตามลำพังสักพัก รอฉันที่นี่นะคะ”คนขับแสดงท่าทีอึดอัดใจ “แต่คุณอี้บอกว่า...”“ฉันจะคุยกับจินเอง เขาจะไม่โทษคุณและที่นี่คือที่ฝังศพของคนในหมู่บ้าน ยิ่งเป็นเวลากลางวันด้วย มันคงไม่มีอะไรอันตรายหรอกค่ะ” หลิง อี้หรานบอกเธอพูดขึ้นขณะเดินแบกทุกอย่างที่เธอซื้อมาขึ้นไปหาร่างไร้วิญญาณของคุณยายคนขับรถไม่กล้าโต้เถียงกับเธอ เขาทำได้เพียงยืนรอเงียบ ๆ ที่เชิงเขาเท่านั้นเมื่อหลิง อี้หรานเดินเข้ามาใกล้หลุมฝังศพของคุณยาย โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากอี้ จิ่นหลี“ฉันประชุมเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้” อี้ จิ่นหลีพูด“ไม่ต้องรีบนะ ฉันยังไว้อาลัยคุณยายไม่เสร็จ” หลิง อี้หรานพูด“ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่?” เขาถาม“ฉันมาหาคุณยายที่หลุมศพ ที่บ้านของครอบครับลู่มีคนอยู่เยอะจนเสียงดังมาก แต่ที่นี่เงียบสงบและฉันสามารถใช้เวลาอยู่กับคุณยายตามลำพังได้ ถ้าคุณมาถึง
“เตรียมรถให้ฉันที” อี้ จิ่นหลีพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ครับ!” เกา ฉงหมิงตอบกลับ เขาเหลือบมองสีหน้าของเจ้านายและรู้สึกราวกับว่ามีข้อต้องห้ามบางอย่างอยู่ในนั้นและเมื่อไหร่ที่เมื่อข้อต้องห้ามนั้นถูกทำลาย บางทีทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป!อาจจะเป็นเพราะหลิง อี้หรานเกา ฉงหมิงคิดกับตัวเองว่านายน้อยอี้ห่วงใยหลิง อี้หรานมากกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ บางทีอาจจะเกินจินตนาการของนายน้อยอี้เองด้วยซ้ำแต่เกา ฉงหมิงก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมนายน้อยอี้ถึงกังวลเกี่ยวกับกู้ ลี่เฉินเป็นอย่างมาก‘เหมือนเขากลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างหลิง อี้หรานกับกู้ ลี่เฉิน’‘นายน้อยอี้กลัวอะไรกันแน่?’จากนั้น เกา ฉงหมิงก็หัวเราะเยาะตัวเอง ‘นายน้อยอี้กลัวอะไรที่ไหนล่ะ? ฉันอาจจะคิดมากเกินไป!’...หลิง อี้หรานนั่งอยู่บนเนินเล็ก ๆ หน้าหลุมศพของคุณยาย เธอกำลังเล่าเรื่องราวในชีวิตของเธอในตอนนี้ให้คุณยายฟัง รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเธอกับอี้ จิ่นหลีในอนาคตบนเนินเขานี้มีคนไม่มานัก ไม่เหมือนกับที่บ้านของครอบครัวลู่ เพราะวันนี้ไม่ใช่วันแห่งการกวาดสุสานหรือเหมายัน ดังนั้นจึงไม่มีคนอื่นที่มาเยี่ยมหลุมศพ เธอจึงสามารถบอกทุกอ
ในความฝัน เด็กชายก้าวพลาดและลื่นล้มไปที่ขอบหน้าผา เด็กหญิงตัวเล็กพยายามจะดึงเด็กชายขึ้นมาตามสัญชาตญาณและทั้งคู่ก็ไถลลื่นลงไปด้วยกันแต่เด็กหญิงกลับจับมือเด็กชายเอาไว้และไม่ยอมปล่อยมือ จากนั้นเธอก็ดึงเด็กชายขึ้นมากับเธอหลิง อี้หรานเดินไปที่ขอบหน้าผาและมองลงไปอย่างระวังหน้าผานี้ค่อนข้างชัน แม้แต่ผู้ใหญ่ยังคิดว่ามันค่อนข้างอันตราย ถ้าคุณบังเอิญตกลงไป กระดูกของคุณอาจจะหักเป็นสองสามชิ้นได้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิง อี้หรานก็ถอยกลับไปอีกสองสามก้าว เพื่อหนีจากขอบหน้าผากู้ ลี่เฉินไม่ได้เข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนอื่น เขาจำเธอได้ แต่เธอกลับจำเขาไม่ได้แต่เมื่อเธอเริ่มจำเขาได้ เขากลับเข้าใจผิดว่าเป็นคนอื่นแทนมันจะเป็นความลับ ความลับที่ฝังอยู่ในใจเธอตลอดไปทันใดนั้นเสียงเท้าเหยียบกิ่งไม้บนพื้นก็ดังขึ้น หลิง อี้หรานหันศีรษะของเธอกลับมอง เธอประหลาดใจเมื่อเธอเห็นกู้ ลี่เฉินที่นี่เขาสวมสูทสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวชุดเดียวกันกับที่เธอเห็นก่อนหน้า แต่สิ่งเดียวที่แตกต่างจากตอนแรกที่เธอเห็นคือเขาถือถังหูลู่อยู่ในมือแต่ถังหูลู่ยังคงห่อด้วยพลาสติก เขายังไม่ได้แกะมันออกมาใบหน้าที่ไม่แยแสของเขาเปลี่
แม้ว่าจะไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ก็ยังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา เขามักจะนึกถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกกู้ ลี่เฉินจ้องมองลงไปอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนเขากำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง แต่ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวหลิง อี้หรานรู้สึกรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อมองดูกู้ ลี่เฉินที่นี่คือที่ที่พวกเขาผ่านประสบการณ์ชีวิตและความตายมาด้วยกัน ร่างเล็กทั้งสองเป็นเหมือนสหายที่สนิทกันแต่ตอนนี้กลับมีช่องว่างระหว่างพวกเขา“คุณรู้ไหมว่าการคิดถึงใครสักคนมันเป็นยังไง?” เสียงเย็นชาของกู้ ลี่เฉินดังขึ้นในป่าที่เงียบสงบและเคว้งคว้างหลิง อี้หรานตกตะลึงเล็กน้อยแต่กู้ ลี่เฉินกลับไม่ได้รับคำตอบจากเธอ เขาพูดกับตัวเองว่า “เมื่อคุณคิดถึงใครสักคน คุณจดจำเขาคนนั้นไว้ในใจเสมอ และคุณจะนึกถึงเขาตลอดเวลา”รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา เขายิ้มบาง ๆ ให้เธอ แต่รอยยิ้มนั้นดูเหมือนฝันไปมันเหมือนกับเกล็ดหิมะ ตราบใดที่ตะวันฉายแสง เกล็ดหิมะนั้นก็จะดับลงในทันใด...“ผมคิดถึงใครบางคนตั้งแต่อายุ 11 ขวบ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมกลับหาเธอไม่เจอ คุณเคยรู้สึกสิ้นหวังแบบนั้นไหม? ใน
และตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเธอไม่ใช่เด็กหญิงคนนั้นแต่... เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจ อาจเป็นเพราะเขาคือเพื่อนคนแรกที่เธอเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันเมื่อตอนเป็นเด็กแม้ว่าเธอจะอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มาหลายปีก็ตาม แต่เธอกลับรู้สึกเหินห่างกับเด็ก ๆ ในเมืองนี้แต่ในความฝัน เธอกลับไม่ได้รู้สึกว่าเด็กหญิงคนนั้นดูเหินห่างกับเด็กชายเลยสักนิด“แน่นอน ฉันจะไม่มาที่นี่อีก” หลิง อี้หรานพูดขณะที่เธอก้าวถอยหลัง แต่เธอกลับเหยียบกิ่งไม้ และเสียหลักล้มลง“อ๊ะ!” หลิง อี้หรานอุทาน ร่างของเธอไถลลงมาจากขอบหน้าผา‘ฉันตกลงมา!’เธอใช้มือพยายามคว้าอะไรบางอย่างโดยสัญชาตญาณ! ‘อะไรก็ได้!’หมับ!วินาทีถัดมา มือหนึ่งจับมือของเธอเอาไว้ ร่างของเธออยู่ใกล้กับหน้าผามาก ถ้าเขาจับเธอไม่ทัน เธอก็อาจจะตกลงไปกู้ ลี่เฉินกำลังเอนตัวลงมาจากบนขอบหน้าผา ขณะที่มือข้างหนึ่งกำข้อมือของเธอเอาไว้แน่น “ส่ง... มืออีกข้างหนึ่งมา ผมจะได้ดึงคุณขึ้น!”ใบหน้าของเขาซีดเผือกและดวงตาก็เบิกกว้างดวงตารูปอัลมอนด์ของหลิง อี้หรานสบกับดวงตาฟีนิกซ์ของกู้ ลี่เฉิน จากนั้นพวกเขาก็ระลึกได้ว่าครั้งนี้พวกเขาสลับตำแหน่งกัน‘ฉันคือคนที่ล้มลง
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค