“ใช่ เค้กก็พอแล้ว คุณยายเพิ่งจากไปเพียงแค่ 49 วัน ฉันยังไม่อยากจัดงานฉลองใหญ่ ฉันแค่อยากกินเค้กกับคุณ เหลียนอี แล้วก็พักผ่อน” หลิง อี้หรานพูดนี่เป็นวันเกิดปีแรกของเธอหลังจากที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันแต่คุณยายก็เพิ่งจากไปและเธอยังคงอยู่ในช่วงไว้อาลัยอยู่เธอไม่ต้องการงานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่อึกทึก เธอเพียงต้องการฉลองวันเกิดอย่างเงียบ ๆ กับเขาและเพื่อน ๆ ของเธอ“ได้ ฉันจะเตรียมเค้กวันเกิดให้เธอ” เขาตอบ“ขอบใจนะ” เธอยิ้มและมองดูเวลา ใกล้ถึงเวลาที่เขาต้องทำงานตอนบ่ายต่อแล้ว “งั้นฉันจะไปก่อนนะ คุณจะได้ทำงานต่อ”เธอหยิบกระเป๋าของเธอขึ้นและลุกขึ้นยืนขณะที่เธอพูดแต่ก่อนที่เธอจะก้าวออกไป แขนแกร่งคู่หนึ่งกลับโอบกอดเธอจากด้านหลังและเธอก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนของเขาในทันทีใบหน้าของเขาซบอยู่กับลำคอหงส์ เขาสูดกลิ่นหอมของเธอ “อย่า… พรุ่งนี้อย่าไปโรงพยาบาลเลยนะ ฉันจะพาเธอไปที่โรงพยาบาลอื่นและพาหมออีกคนมาตรวจอาการปวดหัวของเธอให้ ตกลงไหม?”เสียงแหบซ่านของเขาเอื้อนเอ่ยออกมาเบา ๆ ขณะที่แขนของเขากอดรัดเธอแน่นหลิง อี้หรานตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะตอบว่า “รอก่อนนะ... จนกว่าฉันจะกลับมาจากโรงพยาบาล
เมื่อไม่กี่วันก่อน อาหยันน้อยเห็นของขวัญวันเกิดที่เธอเตรียมไว้ให้อี้หรานและถามด้วยความอยากรู้ ดังนั้นเธอจึงบอกลูกชายของเธอว่าวันที่ 22 ของเดือนนี้เป็นวันเกิดของน้าอี้หราน เมื่อถึงเวลาเธอก็จะให้ของขวัญเป็นการเซอร์ไพรส์เธอไม่ได้คาดคิดว่าลูกชายของเธอจะเก็บเอาวันเกิดของอี้หรานมาใส่ใจแต่เมื่อลองคิดดู อี้หรานก็ใจดีกับอาหยันน้อย แล้วอาหยันน้อยจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร?เด็กเป็นดั่งผ้าขาวเรียบและตรงไปตรงมา พวกเขาจะเข้าใกล้ใครก็ตามที่ใจดีกับพวกเขา“ผมอยากเลือกของขวัญให้น้าเอง” เด็กน้อยพูดออกมาอย่างจริงจังโจว เชียนหยุนรู้สึกลังเลเมื่อได้ยินเรื่องนี้‘อี้หรานให้ความช่วยเหลืออาหยันน้อยเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากอี้หราน อาหยันน้อยคงจะไม่ได้รับเครื่องช่วยฟังที่ดีแบบนี้ คงเป็นเรื่องปกติที่เขาอยากจะเลือกของขวัญให้กับอี้หราน’‘แต่ห้างสรรพสินค้าเป็นที่แออัดและเราต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการเลือกของขวัญ’‘ยิ่งอยู่ข้างนอกนาน ก็ยิ่งเสี่ยง!’‘และ... เย่ เหวินหมิงอาจจะยังอยู่ในเมืองเฉิน’‘ถ้าเราเจอเข้ากับเย่ เหวินหมิง...’ ร่างกายของโจว เชียนหยุนสั่นเทาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้แม้จะผ่านไปหลาย
มันคือ... เย่ เหวินหมิง!เขาสวมสูทและเนคไท ผมของเขาถูกหวีอย่างประณีตอย่างที่เธอจำได้ ใบหน้าเย็นชาและหล่อเหลา แม้แต่ใบหน้าด้านข้างของเขาก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความเจ็บปวดเวลาไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรเขาเลย แม้ว่าจะผ่านไปหลายปี แต่เขาก็ยังดูดีเหมือนเดิมแต่จิตใจของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลและเธอไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเย่ เหวินหมิงหันศีรษะไปทางเธอ ราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของเธอโจว เชียนหยุนรีบอุ้มลูกชายของเธอขึ้นมาทันทีและวิ่งไปที่ทางออกไปอีกทางหนึ่ง“เฮ้ คุณผู้หญิง เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ช่วยฝ่ายขายตะโกนใส่โจว เชียนหยุน เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเธอเย่ เหวินหมิงที่ยืนอยู่บนบันไดเลื่อน ไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไร นอกจากร่างที่วิ่งหนีไปข้ามสายตาของเขาไปแต่เพียงครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาก็ซีดลง จากนั้นเมื่อผู้ติดตามเห็นประธานเย่ที่เป็นที่รู้จักในเรื่องท่าทางที่สงบและนิ่งเงียบรีบวิ่งลงบันไดเลื่อนและไปยังทางออกทางออกอย่างรวดเร็วบอดี้การ์ดของเย่ เหวินหมิงสองคนรีบวิ่งตามเขาออกไปตามโดยธรรมชาติสำหรับคนที่ยังอยู่บนบันไดเลื่อน พวกเขามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเย่ เ
…“แม่?” หยันน้อยไม่ได้เรียกหาโจว เชียนหยุนจนกระทั่งพวกเขาขึ้นแท็กซี่แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ แม่ของเขาถึงรีบอุ้มเขาขึ้นมาเมื่อเขากำลังเลือกของขวัญวันเกิดให้น้า แต่เขาก็ยังเป็นเด็กที่เชื่อฟังอยู่เสมอและรู้ว่าต้องมีเหตุผลอะไรที่แม่ต้องทำอย่างนั้น เขาจึงเงียบไปตลอดทาง“แม่… เห็นคนที่แม่ไม่อยากเจอตอนนี้ แม่… เลยอุ้มลูกแล้วรีบวิ่งหนีมา ไว้คราวหน้าแม่จะพาลูกไปซื้อของขวัญให้น้าอี้หรานใหม่ ดีไหม?” โจว เชียนหยุนพูดเด็กน้อยพยักหน้าและถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “คนที่แม่ไม่อยากเห็น เขาคนไม่ดีหรือเปล่า?”น้ำตาของโจว เชียนหยุนเอ่อล้นเล็กน้อย ตอนที่อาหยันน้อยยังเป็นเด็ก เขาเคยถามเธอว่าพ่อของเขาอยู่ที่ไหนทุกครั้งที่เขาถาม เธอจะบอกว่าพ่อของเขาอยู่บนสวรรค์เธอได้แต่สงสัยว่าเมื่อไรอาหยันน้อยจะเข้าใจความหมายของการอยู่บนสวรรค์เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถบอกเขาได้ว่าพ่อของเขาอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่สิบเมตรและเธอไม่สามารถบอกเขาได้ว่าเขาเคยพบพ่อของเขามาก่อน การมีชีวิตของเขาไม่เคยเป็นที่ต้องการของผู้ชายคนนั้นผู้ชายคนนั้นไม่เคยแม้แต่คิดจะมีลูก“แม่ฮะ ร้องไห้ทำไม?” มือเล็ก ๆ ของเขาลูบไล้แก้
หลิง อี้หรานยืนอยู่หน้าทางเข้าโรงพยาบาล เธอยังคงลังเลและไม่แน่ใจว่าเธอคิดถูกหรือไม่‘ฉันจะไปค้นหาความจริงจริง ๆ เหรอ? ถ้ามันเป็นความทรงจำที่หายไป ฉันจะสามารถรื้อฟื้นมันได้เหรอ? จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันจำได้ ฉันจะเข้าไปพัวพันกับกู้ ลี่เฉินหรือจะทำให้จินรู้สึกเปราะบางมากขึ้นหรือเปล่า?’‘ฉันควรรื้อฟื้นความทรงจำหรือฉันควรจะฝังมันไว้ตลอดไป? ฉันควรทำราวกับว่าฉันรู้ทุกอย่างและรักษาอาการปวดหัวด้วยวิธีอื่นหรือไม่?’‘หรือตราบเท่าที่ฉันสามารถรักษาระยะห่างจากกู้ ลี่เฉินไว้ได้ในอนาคตและไม่ปล่อยให้เขากระตุ้นความจำของฉัน อาการปวดหัวของฉันก็จะหยุดลงใช่ไหม?’“คุณหลิง!” ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงก็ดังขึ้นที่หูของหลิง อี้หรานก่อนที่เธอจะรู้ตัว เธอก็พบว่าตัวเองอยู่หน้าห้องทำงานของหมอเหลิ่งเสียแล้ว และคนที่โทรหาเธอก็คือพยาบาลที่อยู่กับหมอเหลิ่งเมื่อวานนี้“คุณหลิง มีบางอย่างเกิดขึ้นกับหมอเหลิ่งเมื่อเช้านี้และเธอขอลาพักสักระยะ ฉันต้องขอโทษที่ทำให้คุณเสียเวลามาที่นี่โดยเปล่าประโยชน์ หมอเหลิ่งลาฉุกเฉินและกะทันหันมาก เราจึงไม่มีเวลาติดต่อคุณ” พยาบาลพูดขอโทษหลิง อี้หรานรู้สึกโล่งใจขึ้น‘วันนี้หมอเหลิ่งไ
ความเงียบของเธอทำให้ กู้ ลี่เฉินคาดเดาต่อไป “คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า? มันเกี่ยวอะไรกับผมหรือเปล่า?”หลิง อี้หรานกัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อย “คุณกู้ คุณมีจินตนาการที่เหนือล้ำมาก ฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อสะกดจิต แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่คุณพูดถึง มันเป็นการรักษาอาการอื่น ๆ ของฉัน อย่างที่คุณรู้ ฉันติดคุกมาสามปี นั่นทำให้ฉันมีโรควิตกกังวลหรืออะไรบางอย่าง”ดวงตาฟีนิกซ์ของเขาจับจ้องมาที่เธอราวกับกำลังแยกแยะความจริงออกจากความเท็จในคำพูดของเธอ “อย่างนั้นเหรอ? ความวิตกกังวล? คุณมีความวิตกกังวลด้วยเหรอ?”เธอสบตาเขา “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มีความวิตกกังวล?”ทันใดนั้นเขาก็ขยับเข้ามาใกล้เธอ ใบหน้าที่สง่างามและหล่อเหลาของเขาขยับเข้ามาใกล้ดวงตาของเธอ “คุณรู้รึเปล่าว่าตอนที่คุณจับมือผมที่งานในวันนั้น คุณพูดแบบเดียวกับเด็กหญิงที่ช่วยผมไว้”“ฉันบอกคุณแล้ว มันเป็นเรื่องไร้สาระ” เธอพูดออกมาด้วยท่าทีนิ่งเฉย“เรื่องไร้สาระงั้นเหรอ?” เขาเยาะเย้ย “คุณจับมือผมและบอกว่าคุณจะไม่ปล่อย คุณจะพาผมขึ้นไปและต้องการให้ผมจับมือของคุณให้แน่น! พาผมขึ้นไปเหรอ? จะพาผมไปไหนล่ะ?”คำถามของเขาพุ่งเข้าใส่เธอราวกับค้อนยักษ์ต
หลิง อี้หรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ หยุดดิ้นรนและสงบลง “น้องลี่ฟางที่ช่วยคุณไว้ไม่ใช่เหรอ? คุณกู้ คุณตามหาเธอเจอด้วยตัวคุณเอง ฉันคิดว่าตอนนี้คุณไม่น่าจะต้องมาตั้งคำถามที่น่าขบขันแบบนี้กับฉันหรอกใช่ไหมคะ?”คำพูดของเธอเหมือนกับสายน้ำเย็นที่ไหลลงมาจากบนเขาและทำให้เขาหน้าซีดในทันที“กู้ ลี่เฉิน คุณไม่คิดเหรอว่าการคาดเดาของคุณมันเป็นอะไรที่ไร้สาระ? คุณคิดว่าน้องลี่ฟางจะรู้สึกยังไงถ้าเธออยู่ที่นี่และได้ยินสิ่งที่คุณเพิ่งถามฉัน?” เธอถามดวงตาที่แดงก่ำของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เธอและแน่นอนว่าเบาะแสทั้งหมดในการสืบสวนของเขาชี้ตรงไปที่หวา ลี่ฟางเบาะแสเหล่านั้นกำลังบอกเขาว่าหวา ลี่ฟางเป็นคนที่เขาตามหามาโดยตลอด‘แต่ทำไมฉันถึงคิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าฉันคือเด็กคนนั้นล่ะ? เป็นเพราะหน้าตาของเธอหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะแววตาที่เธอแสดงออกมา?’‘ภาพลักษณ์ของเธอยังคงไว้ซึ่งความเย่อหยิ่งแม้ว่าเธอจะถูกเหยียบย่ำและความโหยหาและการไล่ตามสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรม... มันคล้ายกันมาก!’“คุณ… ไม่ใช่เธอจริง ๆ เหรอ?” เขาสบถคำง่าย ๆ เหล่านี้ออกจากปากด้วยความยากลำบาก“ฉันไม่ใช่” เธอตอบเขาหัวเราะเยาะตัวเอง “ใช่ คุ
“กลับมาแล้วเหรอ? นัดหมอเป็นยังไงบ้าง?” อี้ จิ่นหลีถาม“ก็ไม่เป็นอะไร” หลิง อี้หรานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อาการปวดหัวน่ะ ถ้าฉันปวดหัวอีก ทำไมคุณไม่พาฉันไปหาหมอคนอื่นล่ะ?”ดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ได้สิ”“อ้อ ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณสนใจทำเค้ก อะไรดลใจให้คุณอยากเรียนทำเค้กล่ะ? คุณเรียนมานานแค่ไหนแล้ว?” หลิง อี้หรานถามขณะที่เธอมองลงไปที่เค้กที่อี้ จิ่นหลีเพิ่งตกแต่งถือว่าเขาตกแต่งได้ดี อย่างน้อยสำหรับคนธรรมดาอย่างเธอ เค้กก้อนนี้มันดูเหมือนกับเค้กในร้านขายเค้ก“คุณอี้เป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็ว เพียงหนึ่งบทเรียน เขาก็เข้าใจมันได้หมดแล้วครับ” เชฟสอนทำขนมที่อยู่ใกล้เคียงพูดยกย่องอี้ จิ่นหลี“วันนี้พอแค่นี้ก่อน ออกไปได้แล้ว” อี้ จิ่นหลีพูดกับเชฟสอนทำขนมเขาพยักหน้าและเดินออกจากครัวไปเหลือเพียงหลิง อี้หรานกับอี้ จิ่นหลีในห้องครัวที่กว้างขวาง“แล้วเธอล่ะ? วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างนอกจากไปพบหมอแล้ว?” เขาถามอย่างใจเย็นเขารู้ทุกอย่าง เขารู้ว่าวันนี้เธอไปโรงพยาบาลอะไรและเขาก็รู้ว่าเธอพบกู้ ลี่เฉินที่นั่นแต่เขาก็อยากได้ยินมันจากปากของเธอมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีหรือความม