เธอรีบอาบน้ำแล้วไปโรงพยาบาลสิ่งที่เธอไม่รู้คือเมื่อปลายเท้าของเธอก้าวออกจากคฤหาสน์อี้ มีใครบางคนคอยรายงานการเคลื่อนไหวของเธอให้กับอี้ จิ่นหลี“นายน้อยอี้ คุณหลิงออกจากบ้านแล้วครับ” เกา ฉงหมิงในห้องทำงานของท่านประธานพูดขึ้นอี้ จิ่นหลีหลุบตาลง ขนตาสีดำยาวของเขาสั่นเล็กน้อย “อืม ฉันเข้าใจแล้ว”หลังจากนั้นความเงียบสงบก็ปกคลุมภายในห้องร่างกายของเกา ฉงหมิงสั่นเทา นายน้อยอี้เงียบมากจนเขาพบว่ามัน… น่ากลัวหลิง อี้หรานมาถึงโรงพยาบาล หยิบบัตรคิว แล้วเข้าพบกับหมอเหลิ่งเธอเป็นแพทย์หญิงอายุ 40 ปี และค่อนข้างอวบ ดวงตาที่ยิ้มแย้มของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นมิตรและเชื่อใจบางทีคนที่หน้าตาแบบนี้น่าจะเหมาะกับการจิตแพทย์ที่สุดหลิง อี้หรานนั่งลงและบอกเธอเกี่ยวกับอาการของเธอ รวมถึงความฝันของเธอที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่อเร็วๆ นี้โดยเฉพาะ... หลังจากที่ได้พบกับกู้ ลี่เฉินที่งานจัดแสดง เธอก็เริ่มฝันถึงเหตุการณ์เหล่านี้อีกครั้ง“เป็นไปได้สูงที่จะเป็นโรคความจำเสื่อม ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด มันคงเกิดขึ้นเพราะมีคนอื่นบอกคุณในสิ่งเดียวกันที่คุณเผลอลืมไป ถ้าคุณคิดไปเองในตอนกลางคืน มันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นซ้ำซ
‘เมื่อไหร่อี้หรานจะออกมา?’‘เธอเคยสัญญากับฉันแล้วว่าจะไม่ทรยศฉัน แต่ทำไมเธอยังมาหาจิตแพทย์อีก?’‘เธอยังอยากจะรื้อฟื้นความทรงจำเก่า ๆ ของเธอกับกู้ ลี่เฉินอยู่อีกเหรอ?’อี้ จิ่นหลีเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ และในที่สุดร่างบางในชุดสีขาวก็ปรากฎขึ้น‘นั่นคืออี้หราน!’แม้ว่าเธอจะถูกห้อมล้อมไปด้วยฝูงชน แต่เขาก็จำเธอได้ในทันทีจากนั้นเขาเห็นเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและกำลังจะโทรออกครู่ต่อมา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขามองลงมาที่หมายเลขจากปลายสาย ‘พี่สาว’แม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียกเธอแบบนั้นอีกต่อไป แต่เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนชื่อในโทรศัพท์ของเขาความทรงจำผุดขึ้นมาในหัวของเขา ผู้หญิงคนนี้เคยพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “คุณจะเป็นน้องชายของฉันได้ไหม?”เธอยังพูดอีกว่า “จากนี้ไป นายเป็นคนสำคัญสำหรับฉัน และฉันสำคัญกับนาย”‘พี่สาว... พี่สาว...’ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้เขาหลงรักเธอขณะที่โทรศัพท์ยังคงดังอยู่ อี้ จิ่นหลีกดปุ่มตอบรับและฟังเสียงของเธอ “จิน ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”เขามองดูร่างบางที่ยังอยู่ข้างหน้าโรงพยาบาลจากระยะไกลและตอบว่า “ตอนนี้ฉันอยู่ที่ทำงานแล้ว”“เดี๋ยวฉันไปหานะ ยังไม่ถึงเวลากินข้า
เมื่อหลิง อี้หรานผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธาน เธอก็เห็นร่างสูงที่ยืนมองออกไปด้านนอกหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งเป็นวิวที่มองเห็นเส้นขอบฟ้าของเมืองเฉินหลิง อี้หรานพบว่าภาพตรงหน้าเธอเหมือนกับภาพถ่ายบนโปสเตอร์ เพียงแค่เขายืนอยู่ที่นั่นก็ราวกับเมืองเฉินทั้งเมืองอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าเขากำลังปกครองเมืองเฉินอยู่เขาดูแตกต่างจากชายผู้โดดเดี่ยวและเปราะบางที่เธอเคยเห็นในช่วงเช้าสร่าง“จิน” เธอเรียกเขาเสียงดังเขาหันศีรษะกลับมามองเธอ รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา “มาถึงแล้วสินะ”“อืม ฉันเอาอาหารกลางวันมาให้คุณ ดูสิว่าคุณชอบไหม” ขณะที่เธอพูด เธอเดินไปที่โต๊ะกาแฟที่คุ้นเคยและวางกล่องอาหารกลางวันและผลไม้ในมือลงเขาเดินเข้ามา เปิดฝากล่องข้าว แล้วนั่งลงบนโซฟาหลิง อี้หรานรู้สึกราวกับว่าเธอได้ย้อนกลับไปในวันที่เธอรับประทานอาหารกลางวันกับเขาในที่ทำงานของเขา“ชอบไหม?” เธอถามอย่างมีความหวัง โดยไม่รู้ว่าอาหารกลางวันที่เธอเลือกนั้นเหมาะกับรสนิยมของเขาหรือไม่“ก็ดี” เขาตอบ“ดีแล้วที่ชอบ” เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก“แล้ววันนี้เธอไม่ปวดหัวแล้วเหรอ? ทำไ
ข้อนิ้วของเธอบิดเล็กน้อยซึ่งเขารู้ว่ามาจากตอนที่กระดูกนิ้วของเธอถูกทุบในคุกการปอกผลไม้อาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอในอดีต แต่กลับกลายเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับเธอในตอนนี้ตอนนี้เธอกำลังปอกแอปเปิ้ลให้เขาด้วยความยากลำบาก‘เพราะฉะนั้นเธอต้องมีฉันอยู่ในใจ เธอเคยพูดมาก่อนว่าฉันเป็นคนเดียวที่เธอรัก!’อี้ จิ่นหลีบอกตัวเองอยู่เสมอในขณะที่ดวงตาสดใสของเขาจ้องมองดูการเคลื่อนไหวของมือเธอ ราวกับว่ากำลังบอกตัวเองว่าเธอห่วงใยเขามากแค่ไหนในที่สุดเธอก็ปอกแอปเปิลในมือเสร็จแล้ว หลิง อี้หรานถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอยื่นแอปเปิ้ลให้อี้ จิ่นหลีแล้วพูดว่า “เสร็จแล้ว ของคุณ”เขาหยิบแอปเปิ้ลแล้วกัด เนื้อหวานของแอปเปิ้ลอยู่ในปากของเขา“หวานไหม?” เธอถาม“หวาน” เขาตอบ“ฉันก็จะกินเหมือนกัน” เธอหยิบแอปเปิ้ลอีกลูกขึ้นมาโดยตั้งใจจะปอกมันแต่เขากลับเหยียดแขนยาวออกและรวบรวมเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา “ทำไมต้องปอกอีกลูกด้วย?”“เอ๊ะ?” เธออึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอมองดูเขาแทะแอปเปิลอีกซีกหนึ่ง ก่อนจะป้อนแอปเปิ้ลให้เธอด้วยปากของเขาแล้วจูบเธอเนื้อของแอปเปิลถูกส่งเข้าไปในปากของเธอ ความหวานของผลไม้และรสจูบทำให้เอรู้สึกเคล
“ใช่ เค้กก็พอแล้ว คุณยายเพิ่งจากไปเพียงแค่ 49 วัน ฉันยังไม่อยากจัดงานฉลองใหญ่ ฉันแค่อยากกินเค้กกับคุณ เหลียนอี แล้วก็พักผ่อน” หลิง อี้หรานพูดนี่เป็นวันเกิดปีแรกของเธอหลังจากที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันแต่คุณยายก็เพิ่งจากไปและเธอยังคงอยู่ในช่วงไว้อาลัยอยู่เธอไม่ต้องการงานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่อึกทึก เธอเพียงต้องการฉลองวันเกิดอย่างเงียบ ๆ กับเขาและเพื่อน ๆ ของเธอ“ได้ ฉันจะเตรียมเค้กวันเกิดให้เธอ” เขาตอบ“ขอบใจนะ” เธอยิ้มและมองดูเวลา ใกล้ถึงเวลาที่เขาต้องทำงานตอนบ่ายต่อแล้ว “งั้นฉันจะไปก่อนนะ คุณจะได้ทำงานต่อ”เธอหยิบกระเป๋าของเธอขึ้นและลุกขึ้นยืนขณะที่เธอพูดแต่ก่อนที่เธอจะก้าวออกไป แขนแกร่งคู่หนึ่งกลับโอบกอดเธอจากด้านหลังและเธอก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนของเขาในทันทีใบหน้าของเขาซบอยู่กับลำคอหงส์ เขาสูดกลิ่นหอมของเธอ “อย่า… พรุ่งนี้อย่าไปโรงพยาบาลเลยนะ ฉันจะพาเธอไปที่โรงพยาบาลอื่นและพาหมออีกคนมาตรวจอาการปวดหัวของเธอให้ ตกลงไหม?”เสียงแหบซ่านของเขาเอื้อนเอ่ยออกมาเบา ๆ ขณะที่แขนของเขากอดรัดเธอแน่นหลิง อี้หรานตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะตอบว่า “รอก่อนนะ... จนกว่าฉันจะกลับมาจากโรงพยาบาล
เมื่อไม่กี่วันก่อน อาหยันน้อยเห็นของขวัญวันเกิดที่เธอเตรียมไว้ให้อี้หรานและถามด้วยความอยากรู้ ดังนั้นเธอจึงบอกลูกชายของเธอว่าวันที่ 22 ของเดือนนี้เป็นวันเกิดของน้าอี้หราน เมื่อถึงเวลาเธอก็จะให้ของขวัญเป็นการเซอร์ไพรส์เธอไม่ได้คาดคิดว่าลูกชายของเธอจะเก็บเอาวันเกิดของอี้หรานมาใส่ใจแต่เมื่อลองคิดดู อี้หรานก็ใจดีกับอาหยันน้อย แล้วอาหยันน้อยจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร?เด็กเป็นดั่งผ้าขาวเรียบและตรงไปตรงมา พวกเขาจะเข้าใกล้ใครก็ตามที่ใจดีกับพวกเขา“ผมอยากเลือกของขวัญให้น้าเอง” เด็กน้อยพูดออกมาอย่างจริงจังโจว เชียนหยุนรู้สึกลังเลเมื่อได้ยินเรื่องนี้‘อี้หรานให้ความช่วยเหลืออาหยันน้อยเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากอี้หราน อาหยันน้อยคงจะไม่ได้รับเครื่องช่วยฟังที่ดีแบบนี้ คงเป็นเรื่องปกติที่เขาอยากจะเลือกของขวัญให้กับอี้หราน’‘แต่ห้างสรรพสินค้าเป็นที่แออัดและเราต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการเลือกของขวัญ’‘ยิ่งอยู่ข้างนอกนาน ก็ยิ่งเสี่ยง!’‘และ... เย่ เหวินหมิงอาจจะยังอยู่ในเมืองเฉิน’‘ถ้าเราเจอเข้ากับเย่ เหวินหมิง...’ ร่างกายของโจว เชียนหยุนสั่นเทาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้แม้จะผ่านไปหลาย
มันคือ... เย่ เหวินหมิง!เขาสวมสูทและเนคไท ผมของเขาถูกหวีอย่างประณีตอย่างที่เธอจำได้ ใบหน้าเย็นชาและหล่อเหลา แม้แต่ใบหน้าด้านข้างของเขาก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความเจ็บปวดเวลาไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรเขาเลย แม้ว่าจะผ่านไปหลายปี แต่เขาก็ยังดูดีเหมือนเดิมแต่จิตใจของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลและเธอไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเย่ เหวินหมิงหันศีรษะไปทางเธอ ราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของเธอโจว เชียนหยุนรีบอุ้มลูกชายของเธอขึ้นมาทันทีและวิ่งไปที่ทางออกไปอีกทางหนึ่ง“เฮ้ คุณผู้หญิง เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ช่วยฝ่ายขายตะโกนใส่โจว เชียนหยุน เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเธอเย่ เหวินหมิงที่ยืนอยู่บนบันไดเลื่อน ไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไร นอกจากร่างที่วิ่งหนีไปข้ามสายตาของเขาไปแต่เพียงครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาก็ซีดลง จากนั้นเมื่อผู้ติดตามเห็นประธานเย่ที่เป็นที่รู้จักในเรื่องท่าทางที่สงบและนิ่งเงียบรีบวิ่งลงบันไดเลื่อนและไปยังทางออกทางออกอย่างรวดเร็วบอดี้การ์ดของเย่ เหวินหมิงสองคนรีบวิ่งตามเขาออกไปตามโดยธรรมชาติสำหรับคนที่ยังอยู่บนบันไดเลื่อน พวกเขามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเย่ เ
…“แม่?” หยันน้อยไม่ได้เรียกหาโจว เชียนหยุนจนกระทั่งพวกเขาขึ้นแท็กซี่แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ แม่ของเขาถึงรีบอุ้มเขาขึ้นมาเมื่อเขากำลังเลือกของขวัญวันเกิดให้น้า แต่เขาก็ยังเป็นเด็กที่เชื่อฟังอยู่เสมอและรู้ว่าต้องมีเหตุผลอะไรที่แม่ต้องทำอย่างนั้น เขาจึงเงียบไปตลอดทาง“แม่… เห็นคนที่แม่ไม่อยากเจอตอนนี้ แม่… เลยอุ้มลูกแล้วรีบวิ่งหนีมา ไว้คราวหน้าแม่จะพาลูกไปซื้อของขวัญให้น้าอี้หรานใหม่ ดีไหม?” โจว เชียนหยุนพูดเด็กน้อยพยักหน้าและถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน “คนที่แม่ไม่อยากเห็น เขาคนไม่ดีหรือเปล่า?”น้ำตาของโจว เชียนหยุนเอ่อล้นเล็กน้อย ตอนที่อาหยันน้อยยังเป็นเด็ก เขาเคยถามเธอว่าพ่อของเขาอยู่ที่ไหนทุกครั้งที่เขาถาม เธอจะบอกว่าพ่อของเขาอยู่บนสวรรค์เธอได้แต่สงสัยว่าเมื่อไรอาหยันน้อยจะเข้าใจความหมายของการอยู่บนสวรรค์เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถบอกเขาได้ว่าพ่อของเขาอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่สิบเมตรและเธอไม่สามารถบอกเขาได้ว่าเขาเคยพบพ่อของเขามาก่อน การมีชีวิตของเขาไม่เคยเป็นที่ต้องการของผู้ชายคนนั้นผู้ชายคนนั้นไม่เคยแม้แต่คิดจะมีลูก“แม่ฮะ ร้องไห้ทำไม?” มือเล็ก ๆ ของเขาลูบไล้แก้