ณ ห้องทำงาน ภาพถ่ายที่กู้ ลี่เฉินกอดหลิง อี้หรานไว้ในอ้อมแขนปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ดวงตาเฉียบคมของอี้ จิ่นหลีจับจ้องภาพถ่ายด้วยท่าทีนิ่งเฉยเขาไม่ได้ถามเธอว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องในวันนั้น ทำไมกู้ ลี่เฉินถึงกอดและร้องไห้ต่อหน้าเธอ?บางทีเขาอาจจะกลัวว่าคำตอบที่เขาไม่ได้อยากได้ยินอี้ จิ่นหลียิ้มเยาะตัวเอง เมื่อไหร่กันที่เขาขี้ขลาดเช่นนี้?เช่นเดียวกับวันนี้ เมื่อเขาก้าวเข้าไปในร้านเสื้อผ้าและเห็นกู้ ลี่เฉินกอดอี้หรานอยู่ ร่างกายของเขาก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เขาไม่อยากให้กู้ ลี่เฉินจำอี้หรานได้เขารู้จักกู้ ลี่เฉินมานานและรู้เขาเป็นคนดื้อรั้นขนาดไหน เมื่อไหร่ก็ตามที่กู้ ลี่เฉินพูดถึงผู้หญิงที่เขาตามหา เขาจะยืนกรานถึงผู้หญิงคนนั้นจนน่ารำคาญ!เขารู้สึกกลัวเพราะเขาห่วงใย“จิน ในอนาคต ถ้าลูกยิ่งห่วงใยใครสักคนมากเท่าไหร่ ลูกก็จะยิ่งขี้ขลาดมากขึ้นเท่านั้น” เสียงของพ่อดังก้องอยู่ในหูของเขา“ขี้ขลาด?” ในตอนนั้นเขาไม่เคยเข้าใจคำพูดของพ่อ“ใช่ ลูกจะขี้ขลาดและกลัวการสูญเสีย นั่นเรียกว่าจุดอ่อน” พ่อพูดพลางกับเอามือใหญ่ลูบหัวของเขา “แต่ชีวิตกลับค่อนข้างน่าเบื่อ ถ้า
“เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจ ถ้าเธออยากโลดแล่นบนสื่อข่าวนัก ก็เปิดเผยเรื่องของเธอซะ” อี้ จิ่นหลีสั่งอย่างเย็นชา“ครับ” เกา ฉงหมิงตอบเขารู้สึกได้ว่านายน้อยอี้รู้สึกโกรธมากในครั้งนี้!หลิง ลั่วอินโชคร้ายที่มีปัญหากับนายน้อยอี้ตอนที่เธอเลิกกับนายน้อยกู้ไปแล้ว ไม่มีใครในเมืองเฉินปกป้องเธอได้อีกต่อไป!เกา ฉงหมิงสามารถคาดการณ์ชะตากรรมของหลิง ลั่วอินได้ว่ามันจะน่าสังเวชขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง กู้ ลี่เฉินที่อยู่ในห้องสตูดิโอกำลังยืนมองภาพวาดของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อุ้มเด็กชาย ลงจากเนินเขาเขาจะทาสีบนภาพวาดนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกปีแล้วปีเล่า นี่คือสิ่งที่เขาจำได้...ทุกปีเขาจะวาดภาพภาพเดียวกันขึ้นมาอีก ทักษะการวาดภาพของเขาก็พัฒนาขึ้นทุกปีเช่นกัน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในภาพวาดดูเหมือนกับคนที่เขาจำได้มากขึ้นเรื่อย ๆครั้งหนึ่งแม่ของเขาเคยถามเขาว่าทำไมเขาถึงวาดภาพเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพวาดเพียงภาพเดียวไม่พอหรือ?ไม่ มันไม่พอ! ถ้าเขาไม่วาดภาพ เขาอาจจะจำเธอได้น้อยลงเรื่อย ๆ เขากลัวว่าความทรงจำของเขาจะค่อย ๆ เลือนลาง และเมื่อถึงเวลานั้น เขาจะหาเธอไม่พบ!เป็นหลิง อี้หรานใช่ไหม? ต้องเป็นเธอ!ตอนที่เขาเห็
“เจอกันที่โรงแรม…” หลิง ลั่วอินรู้สึกผสมปนเปกันหลังจากคุยโทรศัพท์เธออยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีแล้ว เธอไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าการนัดเจอกันที่โรงแรมหมายความว่าอย่างไรแต่มันเป็นทางออกเดียวสำหรับเธอในตอนนี้ในฐานะแฟนเก่าของกู้ ลี่เฉิน หลายคนคงสนใจในรูปร่างของเธอและผู้กำกับคนนี้ยังเป็นผู้กำกับชื่อดังอีกด้วยแม้ว่าตอนนี้เธอจะถูกขึ้นบัญชีดำในวงการบันเทิงไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีโอกาสลุกขึ้นได้อีกถ้าผู้กำกับที่โทรหาเธอก่อนหน้านี้ให้เธอแสดงเป็นตัวประกอบหรือทำงานเบื้องหลัง เธอก็จะทำ เธอแค่ต้องรอเรื่องระหว่างเธอและกู้ ลี่เฉินเงียบลง จากนั้นเธอก็จะมีโอกาสได้กลับมาวงการบันเทิงอีกครั้งแม้ว่าผู้กำกับจะอายุมากกว่า 40 ปีและแต่งงานแล้ว แต่เธอก็ยังสามารถแบล็กเมล์เขาได้ถ้าเขาล่วงละเมิดทางเพศเธอในภายหลังตราบใดที่เธอแอบถ่ายวิดีโอที่พวกเขากำลังทำกิจกรรมร่วมกัน เธอก็ไม่ต้องกลัวว่าผู้กำกับจะข่มขู่อะไรเธอเธอมีวิธีบังคับเขาให้ทำให้เธอกลายเป็นดาราหรือกระทั่งเอาเงินมาปรนเปรอเธอ! เธอจะปล่อยให้คนที่เยาะเย้ยและเหยียบย่ำเธอในทุกวันนี้ต้องกลับมาประจบเธอเธอต้องปีนกลับคืนสู่จุดสูงสุ
“หยุดนะ หยุด!” หลิง ลั่วอินพยายามปิดใบหน้าและร่างกายของเธอ เธอเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้เธอพยายามหยิบกระเป๋าที่วางไว้บนเก้าอี้ข้างตัวเธอ แต่กระเป๋านั้นกลับหล่นลงกระแทกกับพื้นและกล้องที่อยู่ข้างในก็กระเด็นออกมาภรรยาของผู้กำกับถอนหายใจ “ตลกดีนะ ฉันไม่ใช่คนเดียวที่อยากบันทึกเรื่องนี้ไว้สินะ”ผู้กำกับจะรู้ว่าหลิง ลั่วอินต้องการจะทำอะไร เขาไม่สนใจสภาพที่ยุ่งเหยิงของเขาในตอนนี้ เขายกมือขึ้นและตบหน้าหลิง ลั่วอิน “นังบ้านี่ กล้าดียังไงคิดจะมาต่อต้านฉัน เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?”หลิง ลั่วอินผู้น่าสงสาร เธอถูกตบและถูกทุบตีอย่างไร้ความปราณี เธออ้อนวอนขอความเมตตา แต่มันกลับเปล่าประโยชน์ พร้อมกับกล้องที่ยังคงถ่ายสภาพที่น่าสังเวชของเธอต่อไปวันรุ่งขึ้น วิดีโอเหล่านั้นถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต แม้ว่าฉากที่ไม่น่าดูบางฉากจะถูกเบลอภาพไว้ แต่ผู้คนต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?“ไร้ยางอายสิ้นดี!”“หลิง ลั่วอินวางแผนที่จะบันทึกวิดีโอแบบนั้นเพื่อข่มขู่คนอื่น นั่นเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณแม้ว่าเธอจะขายตัวเองก็เถอะ!”“เธอเป็นเหมือนระบบขนส่งสาธารณะ ใครจะขี่เธอก็ได้ โชคดีที่เจ้าชายเขี่ยเธอทิ้ง การปล่อย
ถ้าวันหนึ่งจินหายไป...หลิง อี้หรานหัวเราะออกมา เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? จินไม่ใช่กู้ ลี่เฉินและเธอไม่ใช่หลิง ลั่วอิน‘อี้หราน เธอเห็นข่าวเกี่ยวกับหลิง ลั่วอินหรือยัง?’ ชิน เหลียนอีส่งข้อความมาหาเธอ‘เห็นแล้ว’ หลิง อี้หรานตอบ‘นี่เป็นเวรกรรมใช่ไหม? หล่อนคิดว่าหล่อนฉลาด แต่การวางแผนแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร? สุดท้ายหล่อนก็ถูกแบล็คเมลเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?’ ชิน เหลียนอีกล่าวชื่อเสียงของหลิง ลั่วอินถูกทำลายจนป่นปี้ ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากจะเข้าใกล้หลิง ลั่วอิน‘ยังไงก็ตาม ฉันได้ยินมาว่ากู้ ลี่เฉินเคยเตือนหลิง ลั่วอินแล้ว เธอรู้ไหมว่าเขาสั่งให้หล่อนและครอบครัวย้ายออกจากเมืองเฉิน?’ ชิน เหลียนอีบอกเรื่องซุบซิบที่เธอได้ยินแน่นอนว่าเธอได้ยินข่าวซุบซิบนี้จากไป๋ ทิงซินมีเพียงคนในวงการบันเทิงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ชิน เหลียนอีรู้สึกชื่นชมไป๋ ทิงซินมากที่เขารู้เรื่องซุบซิบเป็นอย่างดี ส่วนไป๋ ทิงซินเพียงกลอกตาให้กับคำเชยชมของเธอ หลิง อี้หรานตกตะลึง เธอไม่คิดว่ากู้ ลี่เฉินจะพูดแบบนั้น บางที… เหตุผลหนึ่งที่พ่อของเธอต้องการขายบ้านหลังเก่าของครอบครัวหลิงก็เพราะเหตุนี้แต่ไม่ว่าพวกเขาจะออกจ
ชิน เหลียนอีขมวดคิ้วขณะที่เธอฟัง สิ่งที่เธอไม่เคยนึกถึงตอนนี้กลายเป็นเรื่องน่าสงสัยหลังจากฟังการวิเคราะห์ของไป๋ ทิงซิน“ภรรยาของผู้กำกับเป็นคนฉลาด จะมีประโยชน์อะไรกับการทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทั้งที่มันไม่มีประโยชน์ต่อตัวเอง” ไป๋ ทิงซินกล่าวอย่างใจเย็นชิน เหลียนอีไม่ใช่คนโง่ เมื่อเขาพูดเช่นนี้ เธอก็เข้าใจในทันที “มีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องของหลิง ลั่วอินใช่ไหม?”‘คู่แข่งของหลิง ลั่วอินในวงการบันเทิงเหรอ? กู้ ลี่เฉินหรือ…’ ใบหน้าของอี้ จิ่นหลีพลันแวบเข้ามาในความคิดของชิน เหลียนอี“ทำนองนั้นแหละ” ไป๋ ทิงซินพูดอย่างไม่ใส่ใจ“คุณคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?” ชิน เหลียนอีถาม ดูเหมือนว่าเธอยินดีที่จะนั่งฟังการวิเคราะห์ของเขา“ถ้าให้ผมเดานะ ต้องเป็นอี้ จิ่นหลี” ไป๋ ทิงซินกล่าว“ทำไม?”“เพราะมีน้อยคนที่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้ ภรรยาของผู้กำกับคงไม่สามารถปฎิเสธคนคนนี้ได้และหลิง ลั่วอินเป็นอดีตแฟนสาวของกู้ ลี่เฉิน ยิ่งลั่วอินทำให้ตัวเองดูโง่เขลาเท่าไหร่ ชื่อเสียงของกู้ ลี่เฉินก็จะยิ่งมัวหมองลง แล้วในเมืองเฉินมีกี่คนที่กล้าล้ำเส้นกู้ ลี่เฉิน?”ชิน เหลียนอีเงียบ สิ่งที่ไป๋ ทิงซินพูด ทำ
เมื่อมีคนตามล่าเหยื่อตัวเดียวกับเขา เขาจะทำลายมันทิ้งให้สิ้น“แล้วจะสบายใจได้ยังไง?” ชิน เหลียนอีกลอกตา “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าความสัมพันธ์ของอี้หรานและอี้ จิ่นหลีพังลงหรือถ้าเธอทำให้อี้ จิ่นหลีรำคาญ คุณคิดว่าอี้ จิ่นหลีจะทำอะไรกับอี้หราน?”สุดท้ายแล้ว ยังไงก็ต้องมีวันที่ฝนพรำอยู่ดีไป๋ ทิงซินหัวเราะและงอข้อนิ้วของเขาขึ้นมาดีดหน้าผากของชิน เหลียนอี “คุณคิดน้อยเกินไปหรือเปล่า? ผมเกรงว่าคนอยู่ต่ำกว่าจะเป็นอี้ จิ่นหลี”ชิน เหลียนอีตกตะลึงและอ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ ‘ไม่มีทาง! คำว่า ‘ต่ำกว่า’ ไม่สามารถใช้กับอี้ จิ่นหลีได้’“คุณล้อเล่นเหรอ?” ชิน เหลียนอีพึมพำ“ผมดูเหมือนล้อเล่นอยู่เหรอ?” ไป๋ ทิงซินถาม “ผมเกรงว่าคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ในความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นเพื่อนของคุณ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเลย”ในความสัมพันธ์ คนที่รักมากกว่ามักจะเป็นคนที่ถูกครอบงำเสมอ ระหว่างอี้ จิ่นหลีกับหลิง อี้หราน เขาสามารถเห็นได้ชัดว่าอี้ จิ่นหลีเป็นคนที่รู้สึกรักมากกว่าเช่นเดียวกับเขาและเธอ... ไป๋ ทิงซินจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา เธอคิดว่าเขากำลังแก้แค้นเธอผ่านความสัมพันธ์นี้ แต่มีเพียงเขาเท
ตอนนี้มันดูเหมือนห้องที่เธออยู่มาก่อน ก่อนที่เธอจะเข้าคุกสิ่งของที่เป็นของแม่... เธอเคยเก็บมันไว้ในกล่องใต้เตียงของเธอหลิง อี้หรานไปที่ข้างเตียงและพยายามเอากล่องออกจากใต้เตียง“เดี๋ยวผมฉันทำให้” อี้ จิ่นหลีหมอบลงและช่วยหลิง อี้หรานเอากล่องออกจากใต้เตียงทำให้เสื้อผ้าของเขาเปื้อนฝุ่นจำนวนมาก “ฉันขอโทษ” เธอกล่าว เธอรู้ว่าเขาเป็นคนรักความสะอาด เมื่อตอนที่เขาอยู่ในบ้านเช่ากับเธอ เขาแทบจะไม่เคยปล่อยให้ตัวเองต้องโดนฝุ่นเลย“ขอโทษอะไร? มันเป็นหน้าที่ของผู้ชายที่จะช่วยผู้หญิงของเขาไม่ใช่เหรอ” อี้ จิ่นหลีถาม‘ผู้หญิงของเขา’ คำพูดเหล่านั้นทำให้หน้าของหลิง อี้หรานเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที จากนั้นความสนใจของเธอก็ตกลงไปอยู่ที่กล่องที่อยู่ตรงหน้าเธอในนั้นมีเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เธอทิ้งไว้ ภาพวาดที่แม่ของเธอวาดกับเธอและของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่เธอซื้อให้ตัวเอง ของเหล่านี้ทั้งหมดถูกบรรจุลงในกล่องในตอนที่เธออายุมากขึ้นน่าเสียดายที่เธอยังเด็กเกินไปในตอนที่แม่ของเธอเสียชีวิต ความทรงจำของเธอก็เลือนลางจางหายไป เมื่อเธอโตขึ้น สิ่งของของแม่ก็เหลือไม่มากแล้วหลิง อี้หรานเปิดกล่องและมองดูสิ่งที่คุ้