เมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเซียว จื่อฉี กำลังจะเหยียบคันเร่งออกไป แต่จู่ ๆ ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ "รูปร่างของเขา... " รูปร่างของชายที่ถูกเรียกว่าคนสำคัญที่สุดในเมืองเฉินปรากฏขึ้นในความคิดของเขารูปร่างของชายคนนี้ดูเหมือนอี้ จิ่นหลีมาก!อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นไปไม่ได้เลยอี้ จิ่นหลี จะมายืนอยู่ข้างหลิง อี้หราน ได้อย่างไร? ตลกสิ้นดี!รถที่อยู่ข้างหลังเซียว จื่อฉี บีบแตรใส่เขา เซียว จื่อฉี จึงเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะนี้ ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลิง อี้หราน มองขึ้นมาในทิศทางที่เซียว จื่อฉี อยู่เมื่อชายคนนั้นหันศีรษะและมองมา เซียว จื่อฉี รู้สึกตกใจมาก “อี้… อี้ จิ่นหลี?!”นั่นคือ อี้ จิ่นหลี จริง ๆ หรือ? แม้ว่าชุดและทรงผมของอีกฝ่ายในตอนนี้จะดูแตกต่างจากทัศนคติของเขาที่มีต่อ อี้ จิ่นหลี แต่ใบหน้านั้นก็ดูเหมือนเขาจริง ๆ!ร่างของเซียว จื่อฉี แข็งทื่อขณะที่เขาขับรถ เขารู้สึกว่าทุกอย่างกลายเป็นเรื่องที่เกินคาดหมายในขณะเดียวกันที่สี่แยกหลิง อี้หรานกำลังขยี้ตา ในที่สุด ดูเหมือนว่าจะไม่มีเม็ดทรายอยู่ในดวงตาของเธออีกแล้ว ดูเหมือนว่าการเป่าของจินจะได้ผลดีทีเดียวเธอมองไปที่คนข้
หลิง อี้หราน ขมวดคิ้ว “เซียว จื่อฉี กำลังถามถึง... จิน หรือเปล่า?” “คุณเซียว ทำไมคุณถึงอยากรู้เรื่องชาวบ้าน ดิฉันต้องรายงานคุณว่าฉันอยู่กับน้องชายด้วยเหรอ?"น้องชาย เธอมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?" เซียว จื่อฉี ถาม เขารู้แค่ว่าเธอมีน้องสาว“ฉันรับเขามาในฐานะน้องชายของฉัน ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้เหรอไง?” เธอถามเซียว จื่อฉี จ้องไปที่หลิง อี้หราน ราวกับว่าเขาต้องการตรวจสอบว่าเธอโกหกหรือไม่จากการแสดงออกของเธอในขณะนี้ พี่ซูซึ่งกำลังกวาดพื้นอีกฟากหนึ่งของถนนเห็นความวุ่นวายและวิ่งข้ามมา “คุณเซียวโปรดใจเย็น ๆ อย่าใช้ความรุนแรงเลยค่ะ”พี่ซูจำได้ว่า เซียว จื่อฉี เป็นคนที่มาพร้อมกับห่าว อี้เหมิง ตอนที่เธอขอโทษที่ศูนย์บริการสุขาภิบาล ตามคำบอกเล่าของคนงานที่นั่น เซียว จื่อฉี เป็นอดีตแฟนของอี้หราน"คุณเซียว ถ้าคุณไม่ปล่อยมือฉัน คุณไม่กลัวว่าจะมีคนมาถ่ายรูปคุณเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณจะต้องอธิบายตัวเองให้คุณห่าวฟังนะคะ" หลิง อี้หราน กล่าวสีหน้าของเซียว จื่อฉี เปลี่ยนไป ในที่สุดเขาก็ปล่อยมือเธอและจากไปพี่ซูมองไปที่หลิง อี้หราน อย่างเป็นห่วงและพูดว่า "ทำไมคน ๆ นั้นถึงมาหาเธอ?"“ใครจะไปรู้ว่าเข
"ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ฉันไม่ต้องการให้ใครมาเป็นศัตรูกับเพื่อนร่วมงานของฉันแบบนี้ หลิง อี้หรานเคยต้องรับโทษจำคุกก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรมองเธอด้วยสายตาที่แตกต่างและไม่ให้โอกาสเธอในการดำรงชีวิตอยู่ และเนื่องจากเธอรู้สึกว่าไม่สามารถทำงานกับหลิง อี้หราน ได้ ฉันคิดว่าเธอควรลาออกจากงานตอนนี้"เธอ... เธอเป็นที่สมาชิกที่ถูกแต่งตั้งขึ้นจากบุคลากรทั้งหมด! เธอถูกไล่ออกอย่างนั้นเหรอ? ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรก็ตามนี่คือความจริง!“เชี่ยนเชี่ยน พูดอะไรบ้างสิ” เสียงข้าง ๆ เธอกระตุ้นฟาง เชี่ยนเชี่ยน มองไปรอบ ๆ เมื่อเธอเห็น หลิง อี้หราน เธอก็รู้สึกขุ่นเคือง เธอก้าวไปข้างหน้าและพูดกับหลิง อี้หราน ว่า "เป็นเธอ มันเป็นความผิดของเธอทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอฉันคงไม่ถูกผู้อำนวยการไล่ออก! เธอควรจะเป็นคนที่ต้องถูกไล่ออก"ทุกคนตกตะลึง คนที่ถูกไล่ออกคือ... ฟาง เชี่ยนเชี่ยน?!“เชี่ยนเชี่ยน เธอล้อเล่นหรือเปล่า?”“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”ฟาง เชี่ยนเชี่ยน จ้องมองไปที่หลิง อี้หราน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแค้น เธอยื่นมือออกไปและต้องการจะตบหลิง อี้หราน หลบได้ แต่ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ดูเหมือน
แม้ว่าหลิง อี้หรานจะบอกว่าเขาเป็น "น้องชาย" ของเธอ ในตอนเช้า เขาก็รู้สึกว่าต้องดูด้วยตัวเองก่อนจึงจะสบายใจได้รถมาถึงประตูชุมชนหมู่บ้านของชาวนา เซียว จื่อฉี ลงจากรถเข้าไปในชุมชนและค้นหาแต่ละหลัง หลังจากใช้ความพยายาม ในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่หน้าประตูแคบ ๆนี่คือบ้านเช่าของชาวนาทั่วไปหลิง อี้หรานอาศัยอยู่ที่นี่เหรอ?เซียว จื่อฉี กำลังจะเคาะประตูแต่ดันได้ยินเสียงฝีเท้าเขาซ่อนตัวอยู่ในเงามืดไปอีกด้านหนึ่งอย่างไม่ให้รู้ตัวและมองไปในทิศทางที่เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาปรากฎว่ามีรูปร่างสูงเดินเข้ามาหาเขาเมื่อร่างสูงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ดวงตาของเซียว จื่อฉี เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ การคาดเดาที่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในที่สุดก็กลายเป็นความเป็นไปได้นั่นคือ...อี้ จิ่นหลี!อี้ จิ่นหลี จริง ๆ !ไม่มีทางเป็นเพียงความคล้ายคลึง เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะมีลักษณะคล้ายกันขนาดนี้ในตอนนี้เสื้อผ้าของอี้ จิ่นหลี ยังคงเหมือนกับชุดที่เขาเห็นเมื่อวาน “ทำไม... ทำไมอี้ จิ่นหลี ถึงมาอยู่ที่นี่?!”เซียว จื่อฉี รู้สึกถึงความหนาวเย็นขึ้นจากฝ่าเท้าและร่างกายของเขาก็เย็นลงและเย็นลงในที่สุด อี้ จิ่นหลี ก็ยืนอยู่หน้
ในขณะเดียวกัน ทัศนคติของอี้ จิ่นหลี ที่มีต่อหลิง อี้หราน… เซียว จื่อฉี รู้สึกว่ามันสามารถอธิบายได้ว่า "อ่อนโยน"นายน้อยอี้ไม่เคยอ่อนโยนต่อผู้หญิง แม้แต่ห่าว เหมยยวี่ ก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นทันใดนั้น เรื่องของการที่โฆษณาถูกถอนออกก็แล่นเข้าไปในใจของเซียว จื่อฉี ก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดมาตลอดว่าเป็นเพราะหลิง อี้หราน พวกเขาคิดว่า อี้ จิ่นหลี เกลียดตระกูลเซียว เพราะเธอและไม่ชอบที่จะเห็นตระกูลเซียวทำตัวมีชื่อเสียงเช่นนั้นแต่เมื่อคิดถึงมัน มันเป็นเพราะ หลิง อี้หรานจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ความจูงใจเบื้องหลังการกระทำนี้ค่อนข้างแตกต่างไปจากที่เขาคิดในตอนแรกอย่างมากเซียว จื่อฉีรู้สึกว่าในใจของวุ่นวายอย่างมากในห้องเช่า หลิง อี้หราน กำลังทานอาหารกับอี้ จิ่นหลี หลิง อี้หราน ยังเล่าให้ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ประชุม "ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ผู้อำนวยการฟาง ไล่ ฟาง เชี่ยนเชี่ยน ออก จริง ๆ ฉันคิดว่าฉันจะเป็นคนที่ถูกไล่ออก"“ไม่ดีเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ถามหลิง อี้หราน พูดด้วยความลังเล "แน่นอน ฉันโอเคตั้งแต่ยังไม่ถูกไล่ออก แต่ฉันไม่รู้ว่า ฟาง เชี่ยนเชี่ยน จะแก้แค้นฉันหรือเปล่า" ฟาง เชี่ยนเ
แต่ในตอนนี้ เมื่อเขามองไปที่แฟนสาวของเขาที่สวมชุดที่งดงามเช่นนี้ สิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจของเขาคือฉากจากเมื่อคืนและใบหน้าของอี้ จิ่นหลี และหลิง อี้หรานแม้ในขณะนี้เขารู้สึกว่าทุกสิ่งที่เขาเห็นเมื่อคืนมันเหมือนดั่งความฝัน"เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับหลิง อี้หราน และ อี้ จิ่นหลี?!"เมื่อมองไปที่คู่หมั้นของเธอที่ดูเหม่อลอย ห่าว อี้เหมิง ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ "คุณเป็นอะไรไป? คุณใจลอยไปมากในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะหมั้นกับฉัน ก็แค่พูดมัน"เซียว จื่อฉี ถอนหายใจและยิ้มอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า "ไม่อย่างแน่นอน ทำไมผมถึงไม่อยากหมั้นกับคุณ คุณก็รู้ว่าหัวใจของผมมีไว้สำหรับคุณเท่านั้น""สำหรับฉันเท่านั้น?"ห่าว อี้เหมิง เลิกคิ้ว “คุณไม่มีความรู้สึกต่อหลิง อี้หราน อีกต่อไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?”การแสดงออกของเซียว จื่อฉี เปลี่ยนไปเล็กน้อยและเขาพูดอย่างไม่สบายใจ "ทำไมคุณถึงพูดถึงเธออีก? ผมเลิกกับเธอมาสามปีแล้ว ผมจะยังมีความรู้สึกกับเธอได้อย่างไร?"“ดีถ้าอย่างนั้นทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงอยากช่วยเธอหางานล่ะ?” เธอถาม“ผมแค่สงสารเธอน่ะ” เซียว จื่อฉี ตอบ"มีอะไรให้สงสารเธออย่างนั้นเหรอ?
เกา ฉงหมิง กล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ "คุณจะรู้เมื่อคุณพบนายน้อยอี้"เซียว จื่อฉี รู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆรถหยุดอยู่ที่ประตู อี้ เรสซิเดนซ์ เซียว จื่อฉี เดินตามเกา ฉงหมิง เข้าไปในด้านในและเห็นอี้ จิ่นหลี นั่งอยู่บนโซฟาเล่นกับการ์ดเชิญในมือของเขาเมื่อเซียว จื่อฉี เข้ามาใกล้ เขาก็เห็นว่าคำเชิญนั้นเป็นงานเลี้ยงหมั้นที่เขาและห่าว อี้เหมิง เชิญ อี้ จิ่นหลี ไป"เราพบกันอีกครั้ง" อี้ จิ่นหลี พูดอย่างแผ่วเบาเซียว จื่อฉี ตะลึง ในขณะนี้ อี้ จิ่นหลี สวมชุดสูทสีเทา - น้ำเงินที่สง่างาม ผมหน้าม้าของเขาถูกหวีไปด้านหลังเผยให้เห็นหน้าผากที่เรียบเนียนของเขา ถัดจากจมูกที่ตรงและสูงของเขาคือดวงตาที่มีเสน่อฃห์สวยงามของเขาซึ่งกระพริบอย่างเชื่องช้าและริมฝีปากบางเซ็กซี่ของเขาดูเหมือนจะยกขึ้นเล็กน้อยด้วยเสน่ห์ที่ไม่อาจพรรณนาได้เลยไม่แปลกใจเลยที่เขาดึงดูดความสนใจจากผู้หญิงจำนวนมาก ในแวดวงชั้นสูงหญิงสาวหลายคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดึงดูดความสนใจของอี้ จิ่นหลี ไม่เพียงเพราะภูมิหลังของเขา แต่ยังเกิดจากรูปลักษณ์ของเขาด้วยอย่างไรก็ตาม... เมื่อสายตาอันทรงเสน่ห์ของเขามองไปที่เซียว จื่อฉี เซียว จื่อฉี ก็รู้สึกว
ความเย็นชาในดวงตาที่ทรงเสน่ห์ของเขาทำให้เซียว จื่อฉี รู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่างกายของเขา“ตอนที่คุณไม่ควรถามอะไร อย่าถาม ทำไมคุณเซี่ยวถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้?” เกา ฉงหมิง กล่าวจากข้าง ๆ เขาใบหน้าของเซียว จื่อฉี ซีดลงและเขาก็รู้สึกอายอี้ จิ่นหลี เอนกายพิงพนักโซฟาและหยิบโทรศัพท์มือถือราคาถูกออกมา มีเพียงหมายเลขเดียวในรายชื่อผู้ติดต่อเขากดหมายเลขนั้น หลังจากนั้นไม่นานเสียงผู้หญิงที่อ่อนโยนก็ดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์“พี่สาว พี่อยากกินอะไรเป็นอาหารเย็น? ผมจะเอากลับไปให้" เขาพูดเบา ๆ ความเย็นชาในดวงตาของเขาถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยนในตอนกลางคืน หลิง อี้หราน กำลังเช็ดกรอบรูปที่ใส่รูปถ่ายแม่ของเธอด้วยทิชชู่เปียก เธอไปซื้อโต๊ะเล็ก ๆ เพียงเพื่อนำรูปนี้ไปวางในห้องเช่าเล็ก ๆ ของเธอ กรอบรูปถูกวางไว้บนโต๊ะและเธอจะทำความสะอาดทุก ๆ สองสามวันทรัพย์สินทั้งหมดของแม่ของเธอถูกทิ้งไว้กับครอบครัวหลิง ภาพถ่ายนี้เป็นเพียงสิ่งของชิ้นเดียวที่เธอทิ้งไว้เพื่อระลึกถึงแม่ของเธอขณะที่เธอเช็ดกรอบรูปอี้ จิ่นหลี ก็นั่งลงด้านหนึ่งและมองไปที่เธออย่างเงียบ ๆ“โอ้ ใช่แล้ว จิน ใกล้จะปีใหม่แล้วนะ นายมี...
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค