พ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นมองด้วยความอิจฉาและกล่าวว่า “เขาเป็นแฟนคุณเหรอคะ? ดีจังที่แฟนของคุณมาเข้าเรียนกับลูกและคุณ ถ้าคุณแต่งงานแล้วมีลูก เขาก็อาจจะเป็นพ่อที่ดีนะ ผู้ชายสมัยนี้ไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่ ดูสิว่าในนี้มีเด็กกี่คนกันที่พาแม่มาด้วย”ลูก... หลิง อี้หรานอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อย เมื่อการสนทนากับผู้ปกครองสิ้นสุดลง เธอก้มศีรษะลงและมองไปที่ท้องแบนของเธอ ตลอดเวลาที่เธอกินยาเพื่อปรับสภาพร่างกายของเธอ แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่าแต่มันก็ยังคงเป็นแสงแห่งความหวัง อย่างน้อยเมื่อเป็นเรื่องของเด็ก เธอก็จะไม่สิ้นหวังเหมือนเมื่อก่อนทันใดนั้นก็มีเสียงกระซิบข้างหูเธอ “ผมจะเป็นพ่อที่ดีเมื่อพี่ให้กำเนิดลูกของเรา”หลิง อี้หรานรู้สึกตกใจ เธอหันศีรษะและเห็นว่าร่างกายส่วนบนของอี้ จิ่นหลีเขยิบเข้ามาใกล้เธอในบางจุด ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้แก้มของเธอ เมื่อเธอหันศีรษะไป ริมฝีปากของเขาก็สัมผัสเข้ากับแก้มของเธอพอดี ทำให้แก้มของเธอร้อนผ่าวขึ้น“ผมสัญญาว่าผมจะปกป้องพี่และลูกของเรา” เขาจะไม่ยอมให้ลูกต้องเดินตามรอยเท้าของเขา เขาจะให้ความรักในฐานะพ่อแก่ลูกอย่างดี และเขายังเชื่อว่าเธอจะมอบความรักใ
“ได้สิ” อี้ จิ่นหลีกล่าว ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาในการพาเด็กอีกคนหนึ่งไปดูภาพยนตร์ในรอบปฐมทัศน์ “พี่แน่ใจไหมว่าเขาจะเข้าใจหนัง?”หลิง อี้หรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าสิ่งที่น่าดึงดูดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คือมันเหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แม้ว่าอาหยันน้อยจะอายุน้อยกว่าเล็กน้อยและไม่ค่อยรู้เรื่องเสียงหรือภาษามากนักแต่การดูภาพยนตร์... มักเป็นประสบการณ์ใหม่เสมอ นอกจากนี้ เธอยังจะสามารถกระซิบคำใบ้หรือพูดภาษามือเพื่อแสดงสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอได้หลิง อี้หรานพบว่ามันสนุกมากขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้! เธอตั้งตารอที่จะได้เห็นหยันน้อยดูภาพยนตร์เรื่องนี้ดังนั้นหลิง อี้หรานจึงพูดภาษามือและถามเด็กน้อยว่าเคยดูหนังมาก่อนบ้างไหมเด็กน้อยส่ายหัวตอบและบอกว่าเขาไม่ได้ดูอะไรเลย“ทำไมเราทั้งคู่ไม่ไปดูหนังกันล่ะ?” หลิง อี้หรานถามขณะที่เธอใช้ภาษามือเพื่อสื่อสาร เธอกลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะไม่เข้าใจเด็กน้อยพยักหน้า ใบหน้าของเขาเปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้นแม้ว่าเด็กน้อยจะรู้จักภาพยนตร์ว่ามันคืออะไร แต่ใบหน้าของเขาก็อดคาดหวังไม่ได้เมื่อเธอจ้องมองไปที่ใบหน้าที่ตื่นเต้นของหยันน้อย หลิง อี้หรานก็อดท
นอกจากนี้นายน้อยอี้ยังอยู่กับผู้หญิงอีกเหรอ?!ด้วยสถานการณ์แบบนี้ทำให้เกิดการนินทาเกิดขึ้น หลิง อี้หรานมองเห็นสายตาที่ดูสงสัยที่จับจ้องมาที่เธอและอาหยันน้อย ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความคิดของคนเหล่านั้น“เอ่อ... ดูเหมือนว่าจะมีคนเข้าใจผิด” หลิง อี้หรานกระซิบกับอี้ จิ่นหลีอี้ จิ่นหลียิ้ม “เข้าใจผิดเหรอ? เข้าใจผิดอะไร?” เสียงของเขาฟังดูขี้เล่นเล็กน้อยเอ่อ... เขามองไม่เห็นสายตาที่คนเหล่านั้นจ้องมองพวกเขาเหรอ? หลิง อี้หรานกระพริบตาและจ้องไปที่อี้ จิ่นหลี ดวงตาสดใสและขี้เล่นของเขาชัดเจนในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขา... ดูไร้เดียงสาหลิง อี้หรานทำได้เพียงกัดฟัน เธอหน้าแดงเล็กน้อยและกล่าวว่า “พวกเขาคิดว่าอาหยันน้อยเป็นลูกของเรา!”“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาคิดไป” อี้ จิ่นหลีกล่าวเบา ๆฮะ? หลิง อี้หรานตกตะลึง ปล่อยให้พวกเขาคิดไปอย่างนั้นเหรอ? นี่มัน... เหมาะสมเหรอ? “แต่...”“ไม่มีแต่” เขากล่าว “เราจะมีลูกกันในไม่ช้าก็เร็ว จะแตกต่างอะไรถ้าพวกเขาคิดว่าเรามีลูกก่อนกำหนดสักสองสามปีหรืออีกสองสามปีให้หลัง?”“...” เธอไม่มีอะไรจะกล่าวเพื่อหักล้างคำพูดของเขา“เอาล่ะ ไปที่นั่นกัน” อี้ จิ่นหลีกล่าวก
ผู้อำนวยการเซียวยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวว่า “ไม่มีปัญหาครับ ไม่มีปัญหาอะไรเลย ผมคิดว่าจิ้งชานก็คงจะมีความสุขที่มีแฟนคลับแบบนี้เหมือนกัน”หลังจากแลกเปลี่ยนบทสนทนาเสร็จ ผู้กำกับก็จากไปหลิง อี้หรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าอี้ จิ่นหลีจะช่วยให้เธอได้พบกับเกา จิ้งชาน และ… เอ่อ แฟนเกิร์ล“มีอะไรหรือเปล่า?” เขามองไปที่ท่าทางที่ว่างเปล่าบนใบหน้าของเธอ “พี่ดีใจที่ได้ยินว่าพี่จะได้ถ่ายรูปกับเกา จิ้งชานและขอลายเซ็นของเขาหรือเปล่า?”“ฉันมีความสุข เอ่อ แต่ไม่ใช่ความสุขแบบนั้น... แค่...” เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง สิ่งที่ทำให้เธอพอใจมากที่สุดคือไม่ใช่การได้ใกล้ชิดเกา จิ้งชานและถ่ายรูปกับเขา หรือการได้รับลายเซ็นของเขา แต่การกระทำของอี้ จิ่นหลีที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นที่รักเธอไม่ได้เป็นคนพิเศษหรือบุคคลสำคัญอะไรเลย แม้แต่ความโชคร้ายยังสาปให้คนที่เธอรักเกลียดชังเธอ“เอาล่ะ ไม่ว่ามันจะเป็นความสุขแบบไหน ตราบใดที่มันเป็นความต้องการของพี่ ผมก็จะช่วยให้พี่ได้สิ่งที่ต้องการ” อี้ จิ่นหลีกระซิบในขณะที่เขาลดตัวเล็กน้อยเพื่อมองเธอในระดับสายตาเดียวกัน “คนที่พี่รักที่สุดต้องเป็นผมเท่านั้น เข
หลิง อี้หรานโล่งใจเมื่อเห็นแบบนี้ เธอกังวลว่าอาหยันน้อยจะยังเด็กเกินไปที่จะดูหนังและคงจะเบื่อ เธอยังคิดในใจว่าถ้าหยันน้อยไม่เข้าใจหนังเรื่องนี้จริง ๆ และไม่อยากอยู่ที่นี่ เธอจะพาเขาออกจากหอประชุมตอนนี้มันเป็นตอนจบที่มีความสุขสำหรับทุกคน!ในที่สุด หลิง อี้หรานก็สามารถโฟกัสไปที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เธอยอมรับว่าหนังเรื่องนี้ดีจริง ๆ นักแสดงเหมาะสมกับบทบาทในภาพยนตร์มากและเทคนิคพิเศษก็ทำขึ้นได้อย่างสวยงาม โครงเรื่องเรียบง่าย แต่กลับไม่รู้สึกเบื่อเลยเกา จิ้งชานไม่ได้เล่นบทแนวเดิม ๆ อีกต่อไปแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนที่ยากและเป็นความท้าทายสำหรับทักษะการแสดงของเขาหลิง อี้หรานมองดูและคิดว่าเกา จิ้งชานทำได้ดีในภาพยนตร์เรื่องนี้หลังจากดูตอนสำคัญทางอารมณ์แล้ว หลิง อี้หรานถึงกับหลั่งน้ำตาแม้แต่เธอก็ยังแปลกใจเมื่อน้ำตาไหล เธอไม่ใช่คนขี้แยมากนัก ในอดีตตอนที่เหลียนอีร้องไห้ระหว่างชมภาพยนตร์ เธอไม่แม้แต่จะน้ำตาไหลแม้ว่าเธอจะสะเทือนใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ร้องไห้มากนักตอนนี้เธอกำลังร้องไห้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วมได้ดี และส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอด
ถ้าเขาทำได้ เขาหวังว่าเธอจะไม่มีวันเศร้าหรือร้องไห้ไปตลอดชีวิต!อี้ จิ่นหลีจูบน้ำตาบนใบหน้าของหลิง อี้หรานทีละเล็กทีละน้อย ขณะที่เธอตัวแข็งทื่อและไม่กล้าขยับ เธอรู้สึกได้เพียงความร้อนที่เขาจูบเธอในตอนท้ายของหนังเรื่องนี้ หลิง อี้หรานรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เธอดูหนัง 80% และอีก 20% ที่เหลือเธอสนใจแต่จูบของเขา เธอไม่มีกระจิตกระใจจะดูในส่วนนั้นเธอจำฉากนั้นได้จากตอนจบดูเหมือนว่าโจว หยันจะต้องการจะรู้เรื่องให้มากขึ้นหลังจากที่ภาพยนตร์จบลง ราวกับว่าเขาต้องการที่จะเอาชนะคนเลวต่อไปหลิง อี้หรานจับหัวเด็กน้อยและคิดว่าเธอตัดสินใจถูกแล้วที่จะพาเขามาดูภาพยนตร์ในรอบฉายรอบปฐมทัศน์ในวันนี้“หนูอยากพบนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้กับน้าไหม? เขาเป็นตัวละครหลักที่เอาชนะคนเลวได้” หลิง อี้หรานกล่าวขณะที่เธอทำภาษามือเพื่ออธิบายให้เด็กน้อยฟัง“แน่นอน” โจว หยันกล่าวอย่างชัดเจนในครั้งนี้หลิง อี้หรานโล่งใจอีกครั้ง หยันน้อยจะพูดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต บางทีอาจไม่นานนักที่เขาจะสื่อสารได้เหมือนเด็กทั่วไปหลิง อี้หรานจึงพาหยันน้อยและตามอี้ จิ่นหลีไป เจ้าหน้าที่นำพวกเขาไปยังห้องรับรองของนักแสดงพวกเขาเรียก
ผู้หญิงสวยทั้งหลายในวงการบันเทิงไม่เคยถูกเมิน!แม้แต่ผู้หญิงบางคนที่คิดว่าตัวเองดูดีก็พยายามอย่างหนักที่จะโพสท่าเพื่อที่พวกเขาอาจจะได้รับความสนใจจากอี้ จิ่นหลีแต่อี้ จิ่นหลีไม่แม้แต่จะละสายตาจากหลิง อี้หรานเลยจากนั้นเกา จิ้งชานก็ถ่ายรูปกับอาหยันน้อยอีกสองสามภาพหลังจากนั้นไม่นาน อาหยันน้อยก็พูดกับหลิง อี้หรานว่า “ฉี่... ฉี่...”หลิง อี้หรานเข้าใจว่าเด็กน้อยต้องการไปห้องน้ำ แต่ที่นี้ไม่มีห้องน้ำแยก ห้องน้ำจะอยู่ที่ส่วนท้ายของทางเดินในแต่ละชั้นหลิง อี้หรานต้องการไปกับหยันน้อยด้วยตัวเอง แต่อี้ จิ่นหลีกล่าวว่า “พี่ไม่สามารถเข้าไปในห้องน้ำได้ ให้พนักงานที่นี่ไปกับอาหยันน้อยเถอะ”อี้ จิ่นหลีกล่าวและสั่งให้พนักงานชายที่อยู่ใกล้เคียงพาอาหยันน้อยไปที่ห้องน้ำหลิง อี้หรานบอกสิ่งนี้แก่เด็กน้อยด้วยภาษามือขณะพูดคุยกับเขาในเวลาเดียวกัน เธอขอให้อาหยันน้อยทำตามที่พนักงานบอกเด็กน้อยพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาจะเชื่อฟังที่พนักงานบอกหลายคนสังเกตเห็นลักษณะแปลก ๆ ของอาหยันน้อยเพราะทั้งสองคนทำท่าทางบางอย่าง บางคนยังเห็นประสาทหูเทียมที่หูของหยันน้อยอีกด้วยโจว เชียนหยุนได้ตกแต่งประสาทหูเทียมของเด
หลิง อี้หรานนึกถึงข่าวและคดีลักพาตัวเด็กที่เธอเคยเห็นในอดีต ทันใดนั้นสมองของเธอก็สับสนมากขึ้นถ้าอาหยันน้อยถูกลักพาตัวไปจริง ๆ เธอจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง!แต่ยิ่งเธอวิตกกังวลมากเท่าไร จิตใจของเธอก็ยิ่งว่างเปล่ามากขึ้นเท่านั้น เธอต้องการตามหาอาหยันน้อยให้เจอโดยเร็วที่สุด แต่เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะเริ่มต้นจากตรงไหนทันใดนั้นก็มีคนคว้าแขนของเธอเอาไว้ เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหูของเธอ “ใจเย็น ๆ”คำง่าย ๆ สองสามคำที่ทำให้หลิง อี้หรานรู้สึกหมดหนทาง“ฉันใจเย็นอะไรได้? อาหยันน้อยหายไปแล้ว!” เธอสำลักเสียงของตัวเอง ดวงตาของเธอก็เปียกโปนไปด้วยน้ำตา “มันเป็นความผิดของฉัน ฉันควรจะไปห้องน้ำกับอาหยันน้อยด้วยตัวเอง ถ้าฉันไปกับเขา เขาคงไม่หายตัวไป”“มันเป็นความผิดของผมเองที่ขอให้พนักงานไปกับเขา แต่พี่มั่นใจได้ว่าเราจะหาเขาเจอ ผมจะสั่งปิดหอประชุมทันทีและค้นหาเขา” อี้ จิ่นหลีกล่าว“แต่... ถ้าคนที่ลักพาตัวหยันน้อยพาเขาออกไปนอกหอประชุแล้วล่ะ?” หลิง อี้หรานนึกถึงความเป็นไปได้“ถ้าอย่างนั้นผมจะปิดเมือง ผมจะปิดเมืองภายในสิบนาที เขาไม่สามารถไปที่ทางออกทางหลวงได้ภายในสิบนาทีถ้าปิดเมืองแล้ว แม้แต่คนลักพาตัวก
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค