หลิง อี้หรานพยักหน้าและเงียบไป เธอคิดว่าเบื้องหลังของผู้หญิงที่มีลูกเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย เธอไม่เคยคิดว่าเรื่องราวจะซับซ้อนขนาดนี้ผู้หญิงที่ถูกพ่อของลูกโยนเข้าคุก มีสักกี่คนที่สามารถอดทนต่อเหตุการณ์แบบนั้นได้?ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับโจว เชียนหยุนเลยที่จะเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ได้และเลี้ยงดูอาหยันน้อยในขณะเดียวกัน“เกิดอะไรขึ้น? พี่รู้สึกเสียใจกับโจว เชียนหยุนเหรอ?” อี้ จิ่นหลีถาม“ใช่ พี่โจวลำบากมามาก” หลิง อี้หรานพึมพำอี้ จิ่นหลีจ้องมองไปที่ท่าทางที่เป็นกังวลของหลิง อี้หราน เธอกำลังกังวลเกี่ยวกับโจว เชียนหยุนใช่ไหม?เธอเคยกังวลเกี่ยวกับคุณยายและชิน เหลียนอี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะมีคนต้องกังวลมากขึ้น ความรู้สึกบูดเบี้ยวได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของอี้ จิ่นหลีอีกครั้งเขารู้ว่าความกังวลของเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรักที่โรแมนติก แต่อี้ จิ่นหลีก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาเขาคงใส่ใจความรู้สึกของเธอมากเกินไปและไม่อยากให้เธอเล่าแชร์ความรู้สึกให้ใคร อี้ จิ่นหลีปรารถนาให้เธอรู้สึกกับตัวเขามากขึ้นเรื่อย ๆ“พี่จะเสียใจแทนผมบ้างไหม?” อี้ จิ่นหลีถามออกไปหลิง อี้หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ทำไ
“เรียกชื่อผมสิ อี้หราน เรียกชื่อผม...” อี้ จิ่นหลีกล่าว น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อยของเขาฟังดูเย้ายวน“จิน...” เธอเอ่ยเรียกชื่อเขา นาทีต่อมาริมฝีปากของอี้ จิ่นหลีก็กดทับริมฝีปากของเธออย่างแรง เขาละเมียดละไมบรรจงพลันจูบเธอด้วยความรู้สึกชวนหลงใหลเสียงที่กระซิบชื่อของเขาเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลก เขาอยากจะได้ยินเสียงนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา...ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงภาษีของตระกูลหวังก็ถูกทุกสำนักข่าวรายงานเป็นวงกว้าง หากพวกเขาเคยพยายามปกปิดมันมาก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถปกปิดมันได้อีกต่อไปในขณะเดียวกัน สำนักงานภาษีได้รวบรวมหลักฐานการหลีกเลี่ยงจ่ายภาษีของตระกูลหวัง และขณะนี้พวกเขากำลังดำเนินการฟ้องร้องต่อตระกูลหวังเพิ่มเติมส่งผลให้ตระกูลหวังต้องเสียภาษีและค่าปรับ แม้แต่งบกระแสเงินสดของพวกเขาก็ถูกจำกัด และไม่มีธนาคารไหนยินดีที่จะให้พวกเขากู้ยืมเงินตระกูลหวังที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าอาณาจักรร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ ตอนนี้กำลังสั่นคลอนจากการปรับโครงสร้างทรัพย์สินและการถูกยึดบางกิจการเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน ทำให้ผู้คนจำนวนมากมึนงง และบางคนสงส
หวัง อวี่เฉียนรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าเมื่อเธอตระหนักได้ว่าเธอทำตัวเหมือนตัวตลกในคืนนั้น เธอคิดว่าเธอกำลังล้อเลียนหลิง อี้หราน แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่เธอทำคือแค่เล่นสนุกและทุกคนต่างมองว่าเธอเป็นตัวตลก!...หลิง ลั่วอินถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปในคฤหาสน์ส่วนตัวของกู้ ลี่เฉิน ขณะที่คนรับใช้กล่าวกับเธอว่า “ได้โปรดกลับไปเถอะครับคุณหลิง คุณกู้บอกฉันว่าเขาไม่ต้องการพบใคร”“คุณช่วยบอกเขาได้ไหมว่าฉันมาหา” หลิง ลั่วอินถามอย่างเร่งรีบ เธอไม่ได้เจอลี่เฉินมาตั้งแต่งานเลี้ยงในตอนนั้น นอกจากนี้ เขายังปฏิเสธเธอทุกครั้งที่เธอพยายามจะติดต่อเขาตอนนี้เธออยู่หน้าบ้านของเขาแล้ว แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เข้า“คุณกู้บอกว่าจะเขาไม่ต้องการพบ ‘ใคร’ ผมคิดว่า ‘ใคร’ นั่นรวมถึงคุณด้วย คุณหลิง หรือคุณควรจะโทรหาคุณกู้เพื่อสอบถามว่าเขาต้องการพบคุณไหม ถ้าเขาอยากพบคุณ ผมจะยอมให้คุณเข้ามาครับ” คนรับใช้กล่าวอย่างเคารพ นัยน์ตาของเขาซ่อนความดูถูกเหยียดหยามเอาไว้ข้างในหลิง ลั่วอินเป็นหนึ่งในผู้หญิงจำนวนมากที่เขาเคยเห็นในชีวิตของเขา ไม่มีแฟนสาวคนไหนของเจ้าชายแห่งวงการบันเทิงไม่กระตือรือร้นที่จะได้หัวใจของเขา ใครกันที่จะสามารถครอ
...หลิง อี้หรานได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหวังจากข่าว แม้ว่าข่าวอื้อฉาวการหลีกเลี่ยงภาษีของพวกเขาจะเคยถูกรายงานอย่างลับ ๆ ในข่าวมาก่อน แต่ด้วยความสามารถของตระกูลหวัง ไม่น่าเป็นไปได้ที่ทั้งองค์กรจะไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับได้เพียงเพราะเรื่องนี้เว้นแต่อี้ จิ่นหลีจะเป็นหนึ่งในส่วนเกี่ยวข้องนั้น ตระกูลหวังมีสายสัมพันธ์อยู่มาก พวกเขาสามารถขอความช่วยเหลือจากใครหลายคนได้เสมอและจะไม่ถูกทำลายทิ้งเมื่อเธอถามอี้ จิ่นหลีเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ตอบเพียงว่า “หวัง อวี่เฉียนกลั่นแกล้งพี่ก่อน พวกเขาสมควรได้รับมัน”“แต่นั่นเป็นปัญหาของเธอ มันไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลของเธอ...”“ธุรกิจตระกูลของเธอเต็มไปด้วยปัญหา ผมแค่เปิดเผยมันเท่านั้น อีกอย่างธุรกิจก็คือธุรกิจ คนในโลกธุรกิจไม่ใช่คนโง่ หลายคนกำลังรอให้ตระกูลหวังพังทลายลงและไปยึดส่วนแบ่งทางการตลาดของร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ ของพวกเขา” อี้ จิ่นหลีกล่าวเมื่อหลิง อี้หรานได้ยิน เธอจึงเข้าใจได้แน่นอนว่าเธอสามารถเข้าใจบางสิ่งที่อี้ จิ่นหลีทำกับตระกูลหวังได้ ไม่ใช่เพียงเพราะหวัง อวี่เฉียนกลั่นแกล้งเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนธุรกิจอื่น ๆ ในเมืองเฉินด้ว
“ไม่เป็นไร... มันมากเกินไป” เธอเป็นแค่พนักงานส่งอาหาร ถ้านายน้อยอี้แห่งเมืองเฉินช่วยหาคนมาแทนเธอ ผู้คนก็คงจะหัวเราะเยาะถ้าพวกเขาได้ยินเรื่องนี้เธอทำได้เพียงตำหนิความน่าดึงดูดของเขาที่เขาเข้ามายุ่งจนเธอถูกจับได้ในที่สุด หลิง อี้หรานก็เข้าใจได้ว่าความงามนั้นทำให้เป็นที่ดึงดูดผู้คน“อี้หราน! อี้หราน?!” เสียงของโจว เชียนหยุนดังขึ้นในหูของหลิง อี้หราน ทันใดนั้นเธอก็หลุดออกจากภวังค์ของเธอ “อ๊ะ มีอะไรเหรอคะพี่โจว?”"ฉันควรจะเป็นคนถามเธอมากกว่าว่าเป็นอะไร วันนี้เธอดูเหม่อ ๆ นะ มีอะไรหรือเปล่า?” โจว เชียนหยุนถาม“อ๊ะ ไม่มีค่ะ” หลิง อี้หรานกล่าวขึ้นพร้อมกับใบหน้าแดงอีกครั้ง“ยังไงก็เถอะ ขาของคุณนายโจวเป็นยังไงบ้างคะ?” หลิง อี้หรานถามเมื่อวานนี้คุณนายโจวล้มและขาหัก ดังนั้นโจว เชียนหยุนจึงประกาศปิดร้านแต่เนิ่น ๆ และรีบพาคุณ นายโจวไปโรงพยาบาล“ไม่ร้ายแรงอะไรหรอก หมอบอกว่าเธอจะต้องผ่าตัดเล็กน้อยในวันพรุ่งนี้” โจว เชียนหยุนตอบ“พรุ่งนี้เหรอคะ? แล้วพรุ่งนี้หยันน้อยไม่ไปเรียนเหรอ?” หลิง อี้หรานถาม เด็กน้อยที่มีประสาทหูเทียมจำเป็นต้องเข้าชั้นเรียนเพื่อเรียนรู้วิธีปรับตัวให้เข้ากับประสาทหูเที
“หืม มีอะไร พี่ไม่อยากดูรอบปฐมทัศน์เหรอ?” อี้ จิ่นหลีถาม“ไม่ ไม่ใช่” เธอส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ปัญหาคือรอบปฐมทัศน์ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเข้าร่วมได้และมีเพียงคนมีชื่อเสียงเท่านั้นดังนั้น...หลิง อี้หรานอดจินตนาการไม่ได้ในขณะที่วันนี้เธอกลับมีภารกิจที่ต้องทำ“ฉันต้องพาอาหยันน้อยไปเรียนน่ะ ฉันคงไปไม่ได้” หลิง อี้หรานกล่าวดวงตาของอี้ จิ่นหลีจ้องไปที่เด็กน้อยข้าง ๆ หลิง อี้หราน“ทำไมพี่ต้องไปส่งเขาเข้าเรียนด้วย?” เขาถาม ในน้ำเสียงของเขาแอบซ่อนไปด้วยความหึงหวง“แม่ของพี่โจวได้รับบาดเจ็บที่ขาและกำลังเข้ารับการผ่าตัดในช่วงบ่ายนี้ พี่โจวต้องไปโรงพยาบาลกับแม่ของเธอ ฉันจึงอาสาไปส่งหยันน้อยที่ชั้นเรียนในวันนี้”“…” อี้ จิ่นหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ ดูเหมือนว่าเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างหลิง อี้หรานจะไม่คุ้นเคยกับการจ้องมองของอี้ จิ่นหลี ดังนั้นเขาจึงเอนตัวเข้าไปใกล้หลิง อี้หรานและจับมือของหลิง อี้หรานเอาไว้อย่างประหม่าหลิง อี้หรานสังเกตเห็นท่าทางของเด็กน้อยโดยธรรมชาติ เธอก้มลงเพื่อให้เขารู้สึกมั่นใจว่า “อย่ากลัวเลย อาหยันน้อย อาคนนี้เป็นเพื่อนของน้าเอง และเขาก็ชอบหนูด้
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย หนังรอบปฐมทัศน์จะฉายตอนห้าโมงเย็น เรายังไปดูรอบปฐมทัศน์ได้หลังจากที่เขาเลิกเรียนแล้ว”“โอ๊ะ ได้ใช่ไหม?” หลิง อี้หรานดูประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดว่าจะได้ไปดูหนังในรอบปฐมทัศน์“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” เขาอดหัวเราะไม่ได้และกล่าวว่า “ถ้าเกิดไม่ทัน ผมจัดรอบปฐมทัศน์ให้พี่อีกก็ได้ถ้าพี่ต้องการ”หลิง อี้หรานตกตะลึง การจัดรอบปฐมทัศน์อีกครั้งสำหรับเธอคนเดียวมัน... มากเกินไป มาลองคิดดู ถ้าเป็นอี้ จิ่นหลีก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการให้อี้ จิ่นหลีฝ่าความยุ่งเหยิงทั้งหมดเพื่อจัดรอบปฐมทัศน์อีกครั้งเพื่อเธอ แต่เธอก็รู้สึกเอ่อล้นที่หัวใจเพียงเพราะคำพูดของเขานี่คือความหวานที่คุณจะรู้สึกได้เมื่อคุณได้รับความรักอย่างท่วมท้นเมื่อรถมาถึงที่หมาย หลิง อี้หรานก็จูงมือหยันน้อยลงจากรถ อี้ จิ่นหลีติดตามหลิง อี้หรานไป พวกเขากำลังพาหยันน้อยไปที่ห้องเรียนของเขาเด็กจำนวนมากที่นี่ถูกปลูกถ่ายประสาทหูเทียม และพ่อแม่ของพวกเขาก็พาพวกเขามาเข้าเรียนทีนี่อี้ จิ่นหลีคิดว่าพวกเขาแค่ต้องการทิ้งเด็กไว้ในห้องเรียนและพาพวกเขามาส่งให้ครู แต่หลิง อี้หรานนั่งลงข้าง ๆ หยันน้อย“ชั้น
พ่อแม่ของเด็กเหล่านั้นมองด้วยความอิจฉาและกล่าวว่า “เขาเป็นแฟนคุณเหรอคะ? ดีจังที่แฟนของคุณมาเข้าเรียนกับลูกและคุณ ถ้าคุณแต่งงานแล้วมีลูก เขาก็อาจจะเป็นพ่อที่ดีนะ ผู้ชายสมัยนี้ไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่ ดูสิว่าในนี้มีเด็กกี่คนกันที่พาแม่มาด้วย”ลูก... หลิง อี้หรานอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อย เมื่อการสนทนากับผู้ปกครองสิ้นสุดลง เธอก้มศีรษะลงและมองไปที่ท้องแบนของเธอ ตลอดเวลาที่เธอกินยาเพื่อปรับสภาพร่างกายของเธอ แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่าแต่มันก็ยังคงเป็นแสงแห่งความหวัง อย่างน้อยเมื่อเป็นเรื่องของเด็ก เธอก็จะไม่สิ้นหวังเหมือนเมื่อก่อนทันใดนั้นก็มีเสียงกระซิบข้างหูเธอ “ผมจะเป็นพ่อที่ดีเมื่อพี่ให้กำเนิดลูกของเรา”หลิง อี้หรานรู้สึกตกใจ เธอหันศีรษะและเห็นว่าร่างกายส่วนบนของอี้ จิ่นหลีเขยิบเข้ามาใกล้เธอในบางจุด ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้แก้มของเธอ เมื่อเธอหันศีรษะไป ริมฝีปากของเขาก็สัมผัสเข้ากับแก้มของเธอพอดี ทำให้แก้มของเธอร้อนผ่าวขึ้น“ผมสัญญาว่าผมจะปกป้องพี่และลูกของเรา” เขาจะไม่ยอมให้ลูกต้องเดินตามรอยเท้าของเขา เขาจะให้ความรักในฐานะพ่อแก่ลูกอย่างดี และเขายังเชื่อว่าเธอจะมอบความรักใ
หลิงอี้หรานลุกขึ้นและกอดชินเหลียนอีเบา ๆ “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียใจ”“เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ฉันก็แค่อยากให้เธอโอเคแล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องในอดีต ยังไงซะ เธอก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ?” ชินเหลียนอีพูดพร้อมสูดจมูกและฝืนยิ้มให้หลิงอี้หรานแต่หลิงอี้หรานรู้สึกแสบจมูกเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเพื่อนรัก เหลียนอีนั้นยังเจ็บช้ำจากอาการอกหัก แต่ว่าเลือกทึ่จะกลบฝังความเจ็บปวด และเผชิญหน้ากับคนอื่นด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะไม่เป็นอะไร เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก เธอสิเป็นคนที่ต้องไม่เป็นอะไร รีบ ๆ หายดีไว ๆ เธอต้องมาเล่นกับลูก ๆ ของฉันตอนที่พวกเขาเกิดมาแล้ว” หลิงอี้หรานบอก“พวกเราทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร” ชินเหลียนอีกอดเพื่อนรักเธอแน่นและก็พูดกับตัวเองอีกครั้ง “ฉันจะลืมไป๋ถิงซิน ฉันทำได้แน่ ๆ ฉันก็แค่ต้องมองว่า ความสัมพันธ์ของฉันและไป๋ถิงซินก็เป็นความทรงจำเรื่องหนึ่ง จากนี้ไปมันจะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น”อาการเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ก็ใกล้วันตรุษจีนเข้ามาทุกที หลิงอี้หรานเอามือลูบท้อง เธอไม่เห็นจินมาหลายวันแล้ว ทุกวันนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่เหลียนอีพูด ‘เดินไปข้างหน้า’ เธอถามตัวเองว่า เธอรัก
”นายน้อยอี้แค่ต้องการปกป้องคุณให้ดีขึ้นแค่นั้นครับคุณผู้หญิง” เกาฉงหมิงบอก “เขาจะปกป้องฉัน หรือว่าคอยจับตาดูฉันกันแน่?” อี้หรานถาม เกาฉงหมิงเงียบไปทันที เพราะอย่างไรนายน้อยอี้ก็สั่งไม่ให้บอกอี้หรานเรื่องเลขาหวังเพื่อไม่ให้เธอต้องเป็นกังวลโดยเฉพาะตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว หลิงอี้หรานเองก็ไม่ได้คาดคั้นเธอแค่ก้มหน้ามองหน้าท้องที่พองนูน เมื่อมาถึงโรงพยาบาลหลิงอี้หรานก็เจอชินเหลียนอี เธอดูท่าทางสดใสตอนนี้เธอดูแลตัวเองได้แล้ว เมื่อออกจากโรงพยาบาลและได้พักผ่อนสักหน่อย เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ชินเหลียนอี้ทักหลิงอี้หราน “อี้หราน เธอมาแล้ว มาสิมา มานั่งเร็ว เธอเป็นคนท้องแล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงต้องระวัง” หลังจากที่อี้หรานนั่ง เธอก็ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? หมอบอกไหมว่า เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”“หมอบอกว่า ฉันออกได้อาทิตย์หน้าน่ะ” ชินเหลียนอี้ยิ้มกริ่มพร้อมเอามือลูบหัวที่โล้นเลี่ยน หลังจากที่เธอผ่าตัดสมองผมของเธอก็โดนโกนออกจนเกลี้ยงและเธอก็อาจจะต้องใส่วิกไปสักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล “เมื่อวานพี่โจวมาหาฉันแล้วบอกว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันว่าเธอเหมือนรอดตายหวุดหวิดเลยห
อี้จิ่นหลีเกือบจะวิ่งออกจากห้องตรวจของหมอด้วยอาการตื่นตระหนก เขาสั่งหวงเซียนบอดี้การ์ดของหลิงอี้หรานแล้วหมอคนใหม่ให้กลับมาที่ห้องตรวจ หมอที่เคยตรวจหลิงอี้หรานนั้นโดนคนของกู้ลี่เฉินทำให้สลบ“นายน้อยอี้ คุณเป็นอะไรไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม เพราะว่าตอนนี้นายน้อยอี้ดูหน้าซีดมาก“ฉันไม่เป็นอะไร” อี้จิ่นหลีหายใจอย่างยากลำบาก เขาไม่คาดคิดว่า ตัวเองจะยังหวาดกลัวอยู่ เขานั้นกลัวว่า เธอจะตอบว่าเสียใจ แม้เธอจะยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการหย่า เขาก็กลัวว่าสักวันเธอจะคิดขึ้นมา เขานั้นกลัวว่า เธออาจจะรักเขาไม่มากพอ.. เขากลัวหลายอย่างมาก“นายเจอเลขาหวังหรือยัง?” อี้จิ่นหลียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากและถามเกาฉงหมิง“ยังครับ” เกาฉงหมิงตอบ ตั้งแต่งานศพของนายท่านอี้ เลขาหวังที่เคยทำงานให้นายท่านอี้ก็หายตัวไป แม้ว่าพวกเขาจะสั่งคนเพิ่มไปตามหาเลขาหวังก็ยังหาไม่เจอ“ตามหาต่อไป ตราบใดที่เขายังไม่ออกจากเมืองเฉินไป ถึงต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องหาเขาให้ได้” อี้จิ่นหลีสั่ง สีหน้าเขามืดครึ้ม เลขาหวังนั้นเป็นคนเก็บความลับของปู่ ปู่ของเขาน่าจะทำมากกว่าแค่ส่งอีเมลข้อมูลความจริงไปหากู้ลี่เฉิน มันจะต้องมีอย่างอื่นอีก ไม่อย่า
ขณะที่พูดเขาก็เดินมาหาหลิงอี้หรานและจ้องเธอ “เธอเคยบอกว่าเธอจะไม่ทิ้งฉันตราบใดที่ฉันไม่ทิ้งเธอใช่ไหม? ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ทิ้งฉันไปตราบที่เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?” หลิงอี้หรานอึ้งไป สิ่งที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ยังดังกังวาลในหูเธอ มือของเธอจับหน้าท้องซึ่งตอนนี้ใหญ่เท่าอายุครรภ์พร้อมคลอด เธอสูดหายใจลึกก่อนบอกว่า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้น” จากนั้นเธอก็หันไปมองกู้ลี่เฉินและพูดว่า “กู้ลี่เฉิน คุณก็ได้ยินเขาแล้ว ฉัน… จะไม่ทิ้งจินไป” เมื่อเธอพูดคำว่า ‘จิน’ ออกมา ดวงตาของอี้จิ่นหลีก็เป็นประกายขณะที่เขายืนอยู่ข้างเธอ ความตื่นเต้นยินดีฉายผ่านใบหน้าเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ‘เธอเรียกฉันว่าจินอีกครั้งแล้ว นี่หมายความว่าเธอยอมอภัยให้แล้วลืมเรื่องในอดีตใช่ไหม?’สีหน้ากู้ลี่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สีกแปลกใจมากนัก บางทีเขาก็อาจจะคาดคำตอบนี้ไว้แล้ว เขาแค่อยากรู้ว่า เธอจะยังอยู่กับอี้จิ่นหลีไหมหลังจากที่ได้รู้ความจริง “โอเค เข้าใจแล้ว ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กู้ลี่เฉินพูดก่อนที่จะออกจากห้องตรวจของหมอไปพร้อมคนของเขา อี้จิ่นหลียังสั่งให้คนอื่นออกไปจากห้อง จู่ ๆ ก็เหลือ
”จิ่นหลีขังคุณไว้เหรอ?” กู้ลี่เฉินถาม หลิงอี้หรานอึ้งไป ‘ขังฉันเหรอ? เขาเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน?’เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของเธอ กู้ลี่เฉินก็บอกว่า “จำนวนของยามในคฤหาสน์อี้ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นมาสามเท่า และผมก็ได้ยินว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็เปลี่ยนเป็นตัวที่ดีขึ้น อีกอย่างผมไปหาคุณสองครั้งแล้ว แต่ว่าอี้จิ่นหลีก็หยุดผมไว้ทั้งสองครั้ง ผมเจอคุณไม่ได้เลย พอผมโทรเข้ามือถือของคุณ สัญญาณก็โดนตัดไปอัตโนมัติ” หลิงอี้หรานตกใจเมื่อเธอได้ยินเช่นนี้ กลายเป็นที่เธอรู้สึกว่าจำนวนของบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดไปเอง แสดงว่าจินส่งคนมากขึ้นให้มาคอยตามเธอ มีครั้งหนึ่งที่เธออยากไปเดินแถวบ้านแต่ว่าย่านนั้นก็มีการจัดการเก็บกวาดจนหมด และเธอก็มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งคอยห้อมล้อม ตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่ออกไปเดินเตร่อีกเลย เธอเดินอยู่แต่ในคฤหาสน์เท่านั้น แต่ก็ดูเหมือนมีกล้องวงจรปิดในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย 'นีจินกลัว… ว่าฉันจะหนีเหรอ? เขาเลยขังฉันไว้ด้วยวิธีนี้’ หลิงอี้หรานครุ่นคิดขณะที่กู้ลี่เฉินพูดอย่างวิตก “ระหว่างคุณกับเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเขา…” เขานั้นกลัวว่าหลังจากที่อี้หรานรู้ความจริง ความสัมพันธ์ร
”แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลห่าว ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณก็ยังได้สิ่งที่พ่อแม่ของคุณจะให้อยู่ดี”“ได้มาไม่เท่าไหร่แล้วจะมีประโยชน์อะไร?” ห่าวอี้เหมิงแค่นเสียง “ถ้าพี่สาวฉันยังมีชีวิตอยู่แล้วฉันเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลห่าว พ่อแม่ของคุณคงไม่ให้ค่าฉันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกให้คุณระวังตอนที่คบกับฉัน” เซียวจื่อฉีหน้าแดงก่ำทันที เขารู้ว่าห่าวอี้เหมิงพูดถูก พ่อแม่ของเขาเลือกเธอเพราะว่าเธอจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลห่าว “แต่หลิงอี้หรานบริสุทธิ์ ทำไมคุณถึงทำกับเธอแบบนั้นตอนที่อยู่ในคุก ทั้ง ๆ ที่คุณก็ป้ายความผิดให้เธอแล้ว?” เซียวจื่อฉีถาม เซียวจื่อฉีตัวสั่นเมื่อคิดถึงว่า ห่าวอี้เหมิงทำกับอี้หรานอย่างไรในตอนนั้น แล้วที่แท้ตัวเธอเองกลับเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งแสดงใส่เขามากแค่ไหนนะ?“เธอเป็นแฟนคุณ มีเพียงแต่ต้องกำจัดหล่อนเท่านั้นฉันถึงจะมีโอกาสได้เป็นแฟนคุณ” ห่าวอี้เหมิงยิ้มเย้ย “ ฉันก็แค่อยากเห็นว่า หลิงอี้หรานสำคัญกับคุณมากแค่ไหน แต่… ฮ่าฮ่า… กลายเป็นว่าเธอไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ห่าวอี้เหมิงก็บอกอีกว่า “เซียวจื่อฉี คุณเขี่ยหลิง
แต่ด้านนอกช่วงนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เครือข่ายของตระกูลห่าวล้มและไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้ ดังนั้นธนาคารจึงยื่นเรื่องให้ห้ามมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูลห่าว ขณะเดียวกัน ข่าวก็แพร่ไปว่า ตำรวจได้ไปจับกุมห่าวอี้เหมิงในงานแฟนมีตติ้ง แม้ว่าห่าวอี้เหมิงจะออกจากวงการบันเทิงมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่นจำนวนมาก เธอนั้นแต่งตัวเพื่อไปงานแฟนมีตติ้งโดยใส่สร้อยคอมูลค่า 300 ล้านบาท เธอถึงขั้นเชิญนักข่าวมาร่วมงาน เจตนาของห่าวอี้เหมิงที่จัดงานแฟนมีตติ้งก็คือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ตระกูลห่าวไม่ได้เจอปัญหาทางด้านการเงิน และเพื่อให้ชื่อของเธอติดกระแสในโลกออนไลน์ แต่ตำรวจกลับโผล่มาในงานแฟนมีตติ้งของเธอเธอนั้นโดนใส่กุญแจมือต่อหน้าแฟนคลับกลุ่มใหญ่โดยตำรวจที่บอกว่า มาจับเธอในข้อหาต้องสงสัยการฆาตกรรม บรรดาแฟนต่างก็ตกตะลึง ‘ฆาตกรรมเหรอ? ฆาตกรรมอะไรกัน? เทพธิดาห่าวของเราเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเหรอ?’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่มีโอกาสที่จะปกปิดข่าวไว้ได้ แม้ห่าวอี้เหมิงและตระกูลห่าวจะอยากทำแค่ไหนก็ตาม เพราะอย่างไรก็มีแฟน ๆ อยู่มากเกินไป จากนั้นเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นหัวข้
เขานั้นจะทำทุกอย่างให้เธอยอมอภัยทุกอย่างยกเว้นไปจากเขา เขาไม่สนใจว่าเธอต้องการจะไปจากคฤหาสน์อี้ หรือไปจากเขา แต่ว่าเขายังอยากจะกักขังเธอไว้ในคฤหาสน์อี้ มันเหมือนกับเขาเชื่อว่า เธอจะไม่มีทางทิ้งไปแบบนั้นแน่ เมื่อพูดจบแล้วจิ่นหลีก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ไม่นานพยาบาลก็เข้ามาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่คอยดูแลอี้หรานตอนกลางคืนตลอดหลายวันมานี่ “คุณผู้หญิงอี้คะ คุณผู้ชายอี้บอกว่าให้คุณพักผ่อน เขาจะไม่เข้ามาในห้องอีกแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอะไรแล้วค่ะ” พยาบาลผู้ดูแลบอกหลิงอี้หรานเงียบ เธอนอนลงและหลับตาช้า ๆ แต่มือของเธอยังคงลูบท้องอยู่ เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ลง เธอต้องทำใจให้สงบเพื่อเด็ก ๆ ‘ฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถลืมความเจ็บปวดและการที่เขามองดูอยู่ข้าง ๆ เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ได้? ใช่ไหม?’จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่เขามักบอกเธอเสมอว่า หากเขารู้จักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทรมานแบบนี้น ตอนนั้นเธอเพียงคิดว่า เขาหมายถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทรมานอยู่ในคุก แต่มันมีความหมายอื่นที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากว่าเขารู้จักและตกหลุมรักเธอเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉย ๆ เขาจะต้อ
เมื่อหมอและพยาบาลออกไป หลิงอี้หรานก็มองอี้จิ่นหลีที่ยังคงยืนอยู่ในห้อง เขายืนไม่ไกลจากเตียงนักและเหมือนห้อมล้อมไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวัง อี้หรานเม้มปากและบอกว่า “พอลูกคลอดแล้ว ฉันอยากจะย้ายออกจากบ้านตระกูลอี้”อี้จิ่นหลีเงยหน้ามองเธอทันทีด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “เธออยากจะ… ออกจากคฤหาสน์อี้เหรอ?”เธอตอบ “ใช่ เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าจะมองหน้าคุณยังไง บางทีการย้ายออกจากคฤหาสน์อี้อาจจะดีกับเราทั้งคู่”เธออาจจะหาข้อแก้ตัวมาช่วยแก้ตัวให้การกระทำของเขาได้ อย่างเช่น เธออาจจะบอกว่าเพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้จักเธอและเธอก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา แล้วเขาจะมาเห็นอกเห็นใจคนที่ไม่มีความสำคัญอะไรได้อยางไร ในเมื่อเขานั้นมักจะไร้ความรู้สึกอยู่เสมอ? มันก็จะอธิบายได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ทำเพียงแค่ดูแต่ไม่เข้ามามีส่วนร่วมอะไร เธออาจจะหาข้ออ้างได้มากกว่าหนึ่งข้อเพื่อที่จะใช้เกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อมั่นในความยุติธรรม นั่นเลยเป็นสาเหตุที่เธอเลือกเป็นทนายซึ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่คนที่เธอรักที่สุดกลับไม่แยแสและปล่อยให้เธอต้องติดคุกโดยไร้ค